ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 894 – บุคคลลึกลับ
“ชูเฟิง รีบถอยกันเถอะ!”
ซวน เสี่ยวจาว และคนอื่นๆ กังวลอย่างมากเมื่อเห็นว่า นิรันดร์ที่ 6 บ้าคลั่ง พวกเขาจึงรีบกระตุ้นให้ ชูเฟิง ถอย
เพราะตอนนี้ นิรันดร์ที่ 6 ได้กินยาต้องห้าม และความแข็งแกร่งของก็เพิ่มขึ้นหลายเท่า ไม่ต้องพูดถึงว่า ฉิวซุ่ย ฟู่หยานจะรับมือเขาได้ แม้แต่ต่อให้ร่วมมือกับ ราชันย์อัคคีและราชันย์วารี ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะเขาได้
อย่างไรก็ตาม ชูเฟิง ในตอนนี้ไม่ได้พูดใดๆ เขาหันหัวไปรอบๆ และหยุดมองไปที่ ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน
นางในตอนนั้นผิวซีดเผือด ชุดกระโปรงขาวของนามชโลมไปด้วยเลือด ที่ไหลออกมาตามบาดแผล ในตอนนั้นชูเฟิงยังคงเงียบ พร้อมกับค่อยๆหลับตาลง
ชูเฟิง คิดที่จะใช้ทักษะต้องห้ามชั้นพสุธา เพื่อฆ่า นิรันดร์ที่ 6 ล้างแค้นให้ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน
* ปับบบ * แต่ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ก็รีบมาคว้าข้อมือของ ชูเฟิง เอาไว้ จากนั้น ชูเฟิงก็ลืมตาขึ้นมา เห็นว่านางกำลังส่ายหน้า เพราะนางอาจรู้ว่าชูเฟิงคิดจะทำอะไร และนางก็ไม่อยากให้เขาไปเสี่ยง
ภายในใจของ ชูเฟิง เริ่มเกิดการลังเล เมื่อมองเห็นสายตาที่อ้อนวอนของนาง แน่นอนว่านิรันดร์ที่ 6 ร้ายกาจเกินไป ชูเฟิงเองก็ไม่แน่ใจว่า วิชา สะบั้นนภา จะจัดการเขาได้สำเร็จหรือเปล่า หากมันล้มเหลว พวกเขาจะต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย “รีบปล่อยนายน้อยข้าซะ ไม่งั้นข้าจะให้พวกเจ้าทั้งหมดได้ตายอย่างอนาถ!!!”
นิรันดร์ที่ 6 ตกใจเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าชูเฟิงยังไม่ยอมปล่อยมู่หรง ซุน “ด้วยพลังอย่างเจ้านะหรอ จะฆ่าพวกเราทั้งหมด?!”
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นก็มีเสียงที่มีอายุดังเข้ามาพร้อมกับปรากฏร่างของชายชรา ต่อหน้าของ ชูเฟิง และคนอื่นๆ
เขาเป็นชายแก่ สูงเกือบสองเมตร ตามตัวมีแต่กลิ่นกินชา ออร่าของเขาไม่อาจที่จะสัมผัสได้ แต่หากไม่ใช่การปรากฏตัวของเขา เขาก็ดูราวกับชาวบ้านธรรมดาๆ
อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นเขายืนอยู่บนอากาศ รอบๆตัวเขาก็มีกลิ่นอายที่แปลกประหลาดแผ่ออกมา ลักษณะของเขาน่ากลัวอย่างมาก จมูกของเขาโค้งเป็นสัน ดวงตาเป็นสีเขียวเข้มราวกับปีศาจดึกดำบรรพ์ ถ้าเขาเด็กเห็นเขาก็คงต้องร้องไห้ หากเป็นผู้ใหญ่คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะหวาดกลัว “อาจารย์!!!”
แต่เมื่อ โยว ตงหาน เห็นชายชราคนนั้น เขาก็ดีใจอย่างมาก พร้อมกับรีบเข้าไปทำความเคารพ “คารวะ ท่านผู้คุมกฏ!!!”
ไม่เพียงแต่ โยว่ ตงหาน ทุกๆคนในพรรคมารทลายราตรีก็รีบไปคารวะเช่นกัน ใบหน้าพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความปติขณะที่คุกเข่า
ชูเฟิงได้สติกลับมาทันทีหลังจากที่เห็นปฏิกิริยาของทุกๆคน นี้ชัดเจนแล้วว่า คนคนนั้นคือ อาจารย์ของ โยว่ ตงหาน หนึ่งในสี่ปราการ แห่งพรรคมารทลายราตรี โยว่ หมิงเติง “คารวะ ท่านผู้คุมกฏ!!”
ชูเฟิงก็ไม่ลังเลหลังจากที่รู้ เขาคุกเข่าพร้อมกุมมือ ทักทายอาวุโสที่ยืนอยู่ด้านหน้า
4 ปราการนับไปบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในพรรคมารทลายราตรี ความแข็งแกร่งของเขาไม่ใช่อะไรที่ นิรันดร์ที่ 6 จะมาต่อกรได้ แม้เขาจะกินยาต้องห้ามไปมากมาย แต่มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี “โยว่ หมิงเติง ?!!”
ตามที่คาดหลังจากเห็นใบหน้าคนคนนั้น นิรันดร์ที่ 6 และ สองผู้พิทักษ์จากตระกูลวิหคศักดิ์สิทธิ์ ก็พลันหน้าถอดสี เพราะ โยว่ หมิงเติง ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะตอแยได้ “พวกเจ้าทำได้ไม่เลวหนิ แม้ข้าจะมาช้า ทุกคนลุกขึ้นเถอะ”
โยว่ หมิงเติง หันไปรอบๆพร้อมกับรอยยิ้ม แต่ยังไงก็ตามเขาไม่ได้มอง ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน หรือ ชูเฟิง ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจ
ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ชูเฟิงไม่ได้ใส่ใจ เขา, โยว่ ตงหาน และคนอื่นๆก็ค่อยๆลุกขึ้น
* พรึบบบ * ในตอนนั้น สองผู้พิทักษ์จากตระกูลวิหคศักดิ์สิทธิ์ พุ่งออกไปกลายเป็นเส้นแสง พวกเขาต้องการที่จะหลบหนี “จะไปไหน!!!”
โยว่ หมิงเติง ไม่ได้หันหัวไปรอบๆตามทิศทางที่พวกเขาหลบหนีแต่อย่างใด เขาเพียงรวบรวมสมาธิ พร้อมกับสร้างรูปแบบอำนาจสีทองผนึกสองผู้พิทักษ์เอาไว้
ด้วยอำนาจพลังวิญญาณของเขา ไม่ว่าสองผู้พิทักษ์จะโจมตียังไงไม่ก็ไม่แตกสักที จนในที่สุดพวกเขาก็ค่อยๆถูกดันเข้ามา ตรงหน้าของ โยว่ หมิงเติง
* ปึ้งง * ในเวลาเดียวกันก็มีอีกหนึ่งรูปแบบอำนาจสีทอง เข้าไปหุ้มร่างของนิรันดร์ที่ 6 ที่คิดจะหลบหนี จากนั้นมันก็ค่อยๆลอยเข้ามาหา โยว่ หมิงเติง
ใบหน้าของ นิรันดร์ที่ 6 และคนอื่นๆ ดูสิ้นหวัง พวกเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะหลบหนี พวกเขาเหมือนเต่าที่ติดอยุ่ในกระดอง ขณะที่ใบหน้าของคนในพรรคมารทลายราตรีดูพอใจอย่างมาก
จู่ๆ โยว่ ตงหาน ก็ถามขึ้นว่า”
ท่านอาจารย์ ข้าควรทำยังไงต่อ ?!””พาพวกมันกลับไป เราจะใช้ประโยชน์จากมัน”
ขณะที่ โยว่ หมิงเติง พูด เขาก็สร้างรูปแบบอำนาจสีทอง ปิดผนึก มู่หรง ซุน ที่กองอยู่ด้านหน้าของ ชูเฟิง
ไม่มีใครคัดค้าน หรือไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขา เพราะเลี่ยงความจริงที่ว่า เขาคือบุคคลที่แกร่งที่สุดในที่นี้ไปไม่ได้ ดังนั้นการตัดสินใจของเขาถือว่าเป็นที่สุด
ซึ่งการฆ่า มู่หรง ซุน และคนอื่นๆ มันย่อมดีสำหรับพวกเขามากกว่า เพราะนั้นจะเป็นการตัดกำลังของหมู่เกาะประหาร
หากมองอีกมุม การปล่อยให้พวกเขามีชีวิตก็ใช้ว่าจะไร้ประโยชน์ซะทีเดียว โดยเฉพาะการจับกุม มุ่หรง ซุน ที่เป็นจะขึ้นเป็นผู้นำของหมู่เกาะประหารในอนาคต ดังนั้นหมู่เกาะประหารคงไม่ต้องการให้เขาตาย “ข้าเกรงว่าวันนี้ พวกเจ้าจะพาเขาไปไม่ได้!!!”
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นมีลมพัดผ่านออกมาบนท้องฟา เวลาเดียวกันก็มีร่างคนสองคนปรากฏขึ้นมา ยืนอยู่เหนือรูปแบบอำนาจฯที่ใช้ผนึกมู่หรง ซุน
สีหน้าของทุกคนในขณะนั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก พวกเขารีบเหวี่ยงสายตาไปมอง และพบว่าคนพวกนั้นเป็นแค่ชายหนุ่ม ดูจากลักษณะรูปร่างเขามีอายุเพียง 20 ต้นๆ แต่พลังวิญญาณกับอยู่ในอาณาจักร ราชันย์แห่งสงคราม
1 คนอยู่ในระดับ 1 ราชันย์แห่งสงคราม อีกคนอยู่ในระดับ 2 ราชันย์แห่งสงคราม
พวกเขาไม่เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งที่ทรงพลัง เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ยังดูพิเศษอีกด้วย บนหัวของเขามียันต์ติดอยู่ และคอของพวกเขายังเต็มไปด้วยลูกประคำ พวกเขาดูเหมือนกับ นักพรตนอกรีต เพราะเนื่องจากผมสีดำยาวของพวกเขา พวกเขาจึงไม่ใช่ หลวงจีนแน่ๆ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกใจคืออร่าที่ลึกลับ และที่สำคัญพวกเขายังเป็นแค่ คนหนุ่ม แม้แต่ ชูเฟิง, ฉิวซุ่ย ฟู่หยาน และคนอื่นๆยังไม่อาจจะเทียบพวกเขาได้ ด้วยสัญชาตญาณมันบอกว่าให้พวกเขาหลีกให้ห่างจากคนเหล่านั้น
ในตอนนั้น มีเพียง โยว่ หมิงเติง ที่ยังคงไม่เคลื่อนไหว เขายืนห่างออกไปในขณะที่สีหน้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง หรือเข้าไปโจมตีแต่อย่างใด นำซ้ำเขายังกล่าวถามอย่างใจเย็นว่า”
พวกเจ้าไม่ใช่คนของหมู่เกาะประหาร ทำไมถึงได้ยื่นมือเข้ามายุ่งในความขัดแย้งระหว่างเรา””ท่านไม่ต้องสนว่าพวกเราเป็นใคร และที่สำคัญเราก็ไม่ได้อยากจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องความขัดแย้ง พวกเราเพียงต้องการครอบครองทีนี่””ท่านสามารถเลือกที่จะไปตอนนี้ ดีกว่าจะต้องทิ้งชีวิตไว้”
ชายระดับ 2 ราชันย์แห่งสงครามพูดออกมาโดยไม่สนใจ น้ำเสียงของเขาไม่มีแม้แต่ความเคารพยำเกรง นำซ้ำเขายังทำตัวสโยอย่างเห็นได้ชัด ราวกับว่าไม่เห็น โยว่ หมิงเติงอยู่ในสายตา
ReaDMGA ////////////////////////////////////////
A : เอาแล้วไง ตัวปัญหาโผล่มาแหละ!!!
C : แค่ระดับ 1-2 เป็นตัวปัญหางั้นหรอ?!!!
B : ถ้านั้นเป็นระดับพลังวิญญาณจริงๆของพวกมันอ่ะนะ!!!
A : ดูจากท่าทาง โยว่ หมิงเติง จะไม่ค่อยชอบหน้า ชูเฟิง กับ ฉิวซุ่ย สักเท่าไหร่
B : อ่อเรื่องนั้น เป็นเพราะชูเฟิง เป็นคนที่จะมาสั่นคลอนตำแหน่งประมุข มันก็เลยมีอคติ ส่วนฉิวซุ่ย ก็เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ของวิหารเพลิงผลาญสวรรค์ที่เคยเป็นอริ จะไม่ชอบก็ย่อมไม่แปลก
C : มีเหตุผล มีเหตุผล!!!