ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 1129 – ไป๋ รู่วเฉิน มาเยือน
1129. ไป๋ รู่วเฉิน มาเยือน “ศิษย์น้องชูเฟิง เจ้าอาจจะไม่ไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในอดีตที่ผ่านมาเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติสามัญที่ทุกคนต่างรับรู้เพราะว่า ความเเข็งเเกร่งของ หุบเขาไม้ครามทั้ง 3 สาขาย่อย โดยมีดังนี้ หุบเขาไม้ครามตะวันออก หุบเขาไม้ครามตะวันตก หุบเขาไม้ครามตอนเหนือ ความเเข็งเเกร่งของพวกเขาเเน่นอนว่าพวกเขาได้กลายเป็น 1 ใน 10 พรรคย่อย ที่เเข็งเเกร่งมากที่สุดของหุบเขาไม้ครามเเห่งนี้” “พวกเขามักจะดูหมิ่นเเละกลั่นเเกล้งคนจากหุบเขาไม้ครามตอนใต้ของเราตลอดเวลา มันจะเริ่มก็ต่อเมื่อคนจากหุบเขาไม้ครามตอนใต้ของเรานั้นได้เป็นส่วนหนึ่งของหุบเขาไม้คราม ถึงเเม้ว่ามันจะไม่ถึงกับอยู่ไม่ได้ในสถานที่เเห่งนี้เเต่หุบเขาไม้ครามตอนใต้ของเรานั้น ถ้าเทียบกับคืนวันแห่งความสุขที่ได้รับนั้นมันช่างน้อยนิดจริงๆ” “ใช่เเล้ว! หุบเขาไม้ครามสาขาย่อยของทั้ง 3 นั้น มีคุณสมบัติ ทั้งความมั่งคั่ง อำนาจ เเละความเเข็งเเกร่ง ถ้าเทียบกับพวกเราเเล้ว พวกเราด้อยกว่ามาก พวกเราเหล่าศิษย์ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้นั้นต้องถูกกลั่นเเกล้งตลอดเวลา เเละไม่มีวันอยู่อย่างเป็นสุขอย่างเเน่นอน” “อย่างไรก็ตาม กองทัพสวรรค์ก็จัดเป็น 1 ใน 10 พรรคที่เเข็งเเกร่งที่สุดในหุบเขาไม้ครามเเห่งนี้ เพราะเป็น 1 ใน 10 พรรคที่เเข็งเเกร่งที่สุดเเละยังเป็นถึง พรรคลำดับ ที่ 10 ดังนั้น ถึงเเม้จะเป็นลำดับที่ 10 เเต่เเน่นอนว่าพวกเขาล้วนเเข็งเเกร่งทั้งสิ้น ถ้าพวกเรามี หลง เฉินยี่ ที่เป็นผู้นำพรรคเเละเป็นผู้ที่คอยปกป้องให้ละก็พวกเราก็น่าจะปลอดภัยขึ้นอีกหน่อย” “ดังนั้นเราจึงคาดคิดว่าตราบใดที่พวกเราเข้าร่วมกองทัพสวรรค์คนจาก หุบเขาไม้ครามทั้ง 3 สาขา นั้น จะไม่กล้ากลั่นเเกล้งเรา”
หวาง เว่ย เเละคนอื่นๆกล่าวในเวลาเดียวกัน “เฮ้อ~~~สำหรับข้าที่ใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อเข้าร่วมกับหุบเขาไม้ครามตอนใต้ ข้าคิดว่าข้าคิดผิดเสียเเล้ว ข้านั้นเลือกที่จะขุดหลุมฝังตัวเองเสียจริง”
หลังจากที่ได้ยิน หวาง เว่ย เเละคนอื่นๆบรรยาย ชูเฟิงทำได้เพียงถอนหายใจออกมายาวๆ
ทำไมเขาถึงเลือกที่จะเข้าร่วมหุบเขาไม้ครามตอนใต้นะหรอ? ก็เพราะว่าเขาต้องการที่จะใช้สิทธิ์พิเศษนี้เพื่อเข้าหุบเขาไม้ครามสาขาหลักก็เท่านั้น
หลังจากที่ฟังมานั้นเขาก็ฉุดคิดได้ว่า เหล่าศิษย์จากหุบเขาไม้ครามตอนใต้นั้น เป็นบุคคลผู้หนึ่งที่ได้รับการถูกกลั่นแกล้งมากที่สุดในหุบเขาไม้คราม นั่นเพราะว่า พวกเขาโดน อีก 3 สาขาย่อยของหุบเขาไม้คราม กดหัว รุมรังเเกคนของหุบเขาไม้ครามตอนใต้
ถ้าศิษย์จากหุบเขาไม้ครามตอนใต้ ไม่ได้เป็นพันธมิตรกับ นิกายสวรรค์ละก็ พวกเขาไม่อยากจะนึกภาพเลยว่าหลังจากพวกเขาเข้ามาถึงหุบเขาไม้ครามเเล้ว จะเป็นยังไง พวกเขาก็เหมือนจะไม่ได้รับสิทธิ์ใดๆแม้กระทั้งการปฏิบัติต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะพวกเขาเป็นศิษย์ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้ ทำได้เเค่เพียงถูกกดขี่ เเละโดนดูถูกเหยียดหยามเพียงเท่านั้น เพราะว่า พวกเขาเป็นศิษย์จากหุบเขาไม้ครามตอนใต้
เเต่สิ่งที่เเตกต่างกันมากในตอนนี้ คือ ชูเฟิงที่เป็นศิษย์ของหุบเขาไม้ครามตอนใต้นั้น ได้ผูกพันธมิตรกับนิกายสวรรค์ อย่างน้อยหุบเขาไม้ครามตอนใต้ในตอนนี้ก็ไม่เหมือนหุบเขาไม้ครามตอนใต้ในอดีต
ชูเฟิงทำได้เเค่เพียงยอมลดหย่อนผ่อนใจดูบางครั้งเขาจะทำเป็นลืมเรื่องราวระหว่างเขากับ จ้าว เกิ๋นซัว เเละคนอื่นๆ ดู เพราะในปัจจุบันนี้พวกเขาได้ลงเรือลำเดียวกันเเล้ว ดังนั้นชูเฟิงจึงทำได้เพียงเเค่พยักหน้าเเละตอบกลับไปว่า”
เช่นนั้นข้าจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยกับ ศิษย์น้อง ไป๋ดู หากว่า เธอยินยอมละก็ทุกอย่างก็คงจะดี” “ได้แบบนั่นก็เยี่ยมเลย ศิษย์น้องชูเฟิงขอบคุณเจ้ามาก พวกเราจะไม่ลืมบุญคุณในครั้งนี้ของเจ้าเลย” “ศิษย์น้องชูเฟิง พวกเราโชคดีอย่างเเท้จริงที่มีเจ้าอยู่ด้วย พวกเรารู้สึกว่าเจ้านั้นคือเเสงสว่างที่คอยนำพาพวกเรา”
เมื่อเห็นว่าชูเฟิงตกลงช่วยพวกเขา หวาง เว่ย เเละคนอื่นๆ ต่างรู้สึกมีความสุขในทันที
หากพวกเขาล้มเหลวที่จะกลายเป็นหนึ่งในพรรคพวกของกองทัพสวรรค์ละก็เเน่นอนว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้อยู่เป็นสุขในหุบเขาไม้คราม เเต่ถ้าพวกเขาทำสำเร็จเเละเข้าร่วมกับกองทัพสวรรค์ได้ละก็พวกเขาก็ยังคอยมีร่มเงาคอยปกป้องอยู่เเละมันยังสามารถทำให้พวกเขาได้รับการบ่มเพาะพลังในสถานที่ไม่มีใครคอยรบกวนอีกด้วย เมื่อเทียบกับคนอื่น
ในอดีตที่ผ่านมานั้นโอกาสที่พวกเขาจะเข้าร่วมนั้นถือว่าเป็น 0 ก็ว่าได้ เเต่ในตอนนี้เนื่องจากมีบุคคลเช่นชูเฟิงเเนะนำพวกเขา ให้เข้าร่วมกับกองทัพสวรรค์ เเน่นอนว่ามันย่อมทำให้พวกเขามีความสุข
ทันใดนั้นชูเฟิงก็ถามขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็นในทันที”
โอ้ใช่ๆ พวกท่านเพิ่งจะกล่าวถึง สาขาของหุบเขาไม้ครามทั้ง 3 สาขาใช่มั้ย พวกเขาเหล่านั้นถูกสร้างขึ้นจากศิษย์ของหุบเขาไม้ครามทั้ง 3 เเละยังมีกองทัพสวรรค์อีก เเต่ก็ยังเป็นได้เเค่ลำดับที่ 9 กับที่ 10 เท่านั้น เเล้ว 8 พรรคที่เหลือที่เเข็งเเกร่งกว่าพวกเขาละ พวกเขาเเข็งเเกร่งกว่าเหล่าสาขาของหุบเขาไม้ครามทั้ง 3 ใช่มั้ย?”
ทุกคนรู้ว่าสาขาของหุบเขาไม้ครามทั้ง 3 นั้นเเข็งเเกร่ง เช่นเดียวกับนิกายสวรรค์เหมือนกัน ไม่ว่าจะเงินทอง อำนาจ พวกเขาทั้งหมดต่างมีมันทั้งสิน เเน่นอนว่าพวกเขาต่างส่งอัจฉริยะที่ดีที่สุดของพวกเขามาเข้าร่วมหุบเขาไม้ครามทุกปี พวกเขาคือตัวตนที่เเข็งเเกร่งในหุบเขาไม้ครามสาขาหลักเเห่งนี้ก็ว่าได้
เเต่ปรากฏว่าพวกเขายังไม่ใช่ที่สุดไปซะทุกอย่าง อย่างน้อยก็ยังมี อีก 8พรรคที่เเข็งเเกร่ง เเน่นอนว่าพวกเขาทั้ง 8 ย่อมเเข็งเเกร่งกว่าพวกเขา “น้องชายชูเฟิงเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่เจ้าไม่รู้ เเน่นอนว่า พวกเขาสาขาย่อยทั้ง 3 นั้นเเข็งเเกร่ง เเละเเม้เเต่นิกายสวรรค์เองก็ไม่น้อยหน้าเช่นเดียวกัน เเต่พวกเขาไม่ได้เป็นที่สุดของที่เเห่งนี้ สิ่งที่พวกเขามีเเน่นอนว่าทั้งอำนาจ เเละเงินทอง พวกเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย “”เเต่สำหรับขุมอำนาจที่เเข็งเเกร่งอย่างหุบเขาไม้ครามเเน่นอนว่า พวกเขาต่างเฝ้นหาศิษย์ที่มีมากกว่าหลาย 10 ล้านคนเพื่อค้นหาเพื่อเป็นศิษย์ของพวกเขาเเน่นอนว่า พวกเขาต่างส่งเหล่าศิษย์หลักหรือเเม้เเต่ผู้อาวุโสของหุบเขาไม้ครามไปยังสถานที่ต่างๆรอบๆของดินเเดนสงครามศักดิ์สิทธิ์เพื่อค้นหาบุคคลที่มากความสามารถเพื่อเข้าร่วมกับหุบเขาไม้คราม” “สำหรับบุคคลเหล่านั้นเเน่นอนว่าพวกเขาต่างได้รับการดูแลจากหุบเขาไม้ครามอย่างดี พวกเขาต่างนับถือศิษย์อัจฉริยะเหล่านั้น เเละมีความสุขอย่างมากที่ได้ค้นพบอัจฉริยะฟ้าประทาน” “ดังนั้น ถึงเเม้ว่าใน หุบเขาไม้ครามสาขาหลักจะมี สาขาย่อยของหุบเขาไม้ครามทั้ง 3 อีกทั้ง นิกายสวรรค์ เเละ วิหารหมู่ดาวนักล่า จะเป็นที่น่ายอมรับในสายตาคนอื่นๆ เเต่พวกเขาก็ยังคงไม่ใช่ที่สุดเสมอไป “บุคคลที่เเข็งเเกร่งที่สุดในหุบเขาไม้ครามเเน่นอนว่าพวกเขาต่างเป็นเหล่าศิษย์หลักของหุบเขาไม้ครามที่ถูกเลี้ยงดูโดยหุบเขาไม้คราม พวกเขาเหล่านั้นล้วนเเล้วเเต่เเข็งเเกร่งทั้งสิ้น อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาต่างได้รับคุณสมบัติที่จะสืบทอดเป็นอาจารย์ใหญ่ของที่นี่ก็ว่าได้ เเละเเม้เเต่ผู้อาวุโสที่เเข็งเเกร่งก็ถูกเลี้ยงดูมาโดยหุบเขาไม้ครามเช่นเดียวกัน” “ดังนั้นพรรคย่อยที่เเข็งเเกร่งที่จะถูกสร้างขึ้นโดยผู้อาวุโสเเละศิษย์พวกนั้น เเน่นอนว่าพวกเขาเเข็งเเกร่ง ถ้าไม่เป็นเพราะว่าหุบเขาไม้ครามทั้ง 3 สาขาย่อยนั้น จับมือกับนิกายสวรรค์ เพราะ การปรากฏตัวของอัจฉริยะอย่าง หลง เฉินยี่ ละก็ เเน่นอน ว่าพวกเขาทั้ง 3 สาขาย่อยหรือเเม้เเต่นิกายสวรรค์เอง ก็คงจะไม่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นพรรคที่เเข็งเเกร่งที่สุดใน 10 ลำดับท้ายเเถวหรอก” “ใช่เเล้ว ที่จริงถ้าไม่มีศิษย์จำนวนมากของนิกายสวรรค์ วิหารหมู่ดาวนักล่า เเละ อีกสามสาขาย่อยของหุบเขาไม้ครามรุ่นก่อน จับมือกันเเละร่วมกันสร้างพันธมิตรขึ้นมาละก็ พวกเขาคงไม่ได้มีความเเข็งเเกร่งอย่างจนถึงทุกวันนี้”
หว่าง เว่ย เเละคนอื่นๆอธิบาย” “ดังนั้น ดูเหมือนว่าข้าจะคิดผิดไปหน่อยเกี่ยวกับอำนาจเเละความเเข็งเเกร่งว่าพวกเขาคือที่สุด”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นชูเฟิงก็เข้าใจในทีนที เขาเข้าใจอย่างถ่องเเท้ ดั่งสุภาษิตที่ว่า ‘ เสือซ่อน มังกรหมอบ ‘.
เเน่นอนว่าในภูมิภาคของหุบเขาไม้ครามนั้น ส่วนใหญ่สถานที่เเห่งนี้จะเต็มไปด้วยคนจำพวก เสือซ่อน มังกรหมอบ
ทันใดนั้นสาวใช้ในห้องก็วิ่งเข้ามาในห้องเเละบอกบางสิ่งบางอย่างว่า”คุณชาย ผู้อาวุโสน้อย ของนิกายสวรรค์ ไป๋ รู่วเฉิน มาขอพบท่าน “โอ้ น้อง รู่วเฉิน มาเยี่ยมรึ ? รีบพาข้าไปเร็ว”
ในฐานะที่ชูเฟิงกล่าวคำพูดนั้นออกไปเขารีบย้ายตัวออกจากที่นั่งของเขา เเละไปต้อนรับ ไป๋ รู่วเฉินในทันที ในขณะนี้ หวาง เว่ย เเละคนอื่นๆก็รีบตามเขาไป
หลังจากที่เดินออกจากห้องพักของพวกเขา ทันทีพวกเขาก็ได้พบกับ ไป๋ รู่วเฉิน เธอสวมกระโปรงสีเขียวเข้ม เเละมันเป็นชุดเดียวกับที่ หวาง เว่ย ใส่ เเน่นอนว่าเธอนั้นอยู่ในเครื่องเเบบที่ดูใหม่เเละดูสะอาดสะอ้านทำให้ความรู้สึกที่มองผ่านเธอนั้นเเตกต่างจากคนอื่น
เเม้ว่า หวาง เว่ย จะใส่เเล้วสวยงามเเต่มันก็เเค่ความงามบ้านๆ สำหรับไป๋ รู่วเฉินนั้น เธอเเตกต่างอย่างสิ้นเชิง เธอนั้นเปรียบสเมือนนางฟ้าที่จุติลงมาจากสวรรค์เธอราวกับนางงามที่สวยสง่าเเละเป็นความงานนิรันดร์ จนมันนั้นทำให้หัวใจของผู้ชายสั่นไหวเเละทำให้หัวใจของหญิงสาวต่างๆที่พบเจอต่างต้องอิจฉา
อย่างไรก็ตาม ไป๋ รู่วเฉิน ก็มีสีหน้าที่เมินเฉย ราวกับก้อนน้ำค้างที่ปกคลุมใบหน้าของเธอ ตั้งเเต่หัวจรดเท้าของเธอนั้นให้ความรู้สึกถึงความห่างของระยะทางในทันที เพราะว่าเธอนั้นพบว่าชูเฟิงได้ แอบมองเเละตรวจสอบความงามของเธอผ่านสายตาของเขา “ข้าน้อย ชื่อ หวาง เว่ย” “ข้าน้อย จ้าว เกิ๋นชัว””ข้าน้อย กง เหลียนเฟิง””ขอเคารวะอาวุโสน้อย รู่วเฉิน”
เมื่อเห็นไป๋ รู่วเฉิน หวาง เว่ย เเละคนอื่นๆ ต่างอยู่ไม่สงบในทันทีเพราะว่าทุกคนรู้ดีว่า อัจฉริยะที่เเข็งเเกร่งเเละยิ่งใหญ่ อย่าง ไป๋ รู่วเฉิน นั้น เป็นตัวตนที่พวกเขานั้นเทียบไม่ติด
ดังนั้นทั้ง 3 คนจึงไม่กล้าเสียมารยาทกับ ไป๋ รู่วเฉิน พวกเขารีบก้าวออกไปเพื่อทำความเคารพในทันที ราวกับเหมือนนางเป็นอาวุโสของพวกเขา เมื่อต้องเผชิญหน้ากัน ถึงเเม้ว่าพวกเขาจะดูเเก่กว่าไป๋ รู่วเฉิน เเต่เมื่อรวมถึงวิธีการที่พวกศิษย์ของนิกายสวรรค์เคารพไป๋ รู่วเฉิน เเละเรียกว่า ผู้อาวุโสน้อย เเน่นอนว่าพวกเขาไม่กล้าที่จะเรียก ไป๋ รู่วเฉิน ว่าศิษย์น้อง ฮ้วนๆ อย่างเเน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวออกไปว่า อาวุโสน้อยเเทน
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลที่เเสดงความเคารพออกมาเเบบนี้ เเต่ไป๋ รู่วเฉิน ก็ไม่ได้มีท่าทีเปลี่ยนเเปลงใดๆ เธอยังไม่ได้กล่าวอะไรออกไป เธอเพียงเเค่ทำหน้าผ่อนคลายก่อนที่จะหันไปตรงชูเฟิงเเละเดินไปทางเขาโดยไม่สนใจพวกหวาง เว่ย เเละคนอื่นๆ
P’Film