I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Ancient Strengthening Technique ตอนที่ บทที่ 164 – อาจารย์เทพธิดาแห่งนิกายกระบี่นภา

| Ancient Strengthening Technique | 1246 | 2361 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

บทที่ 164 – อาจารย์เทพธิดาแห่งนิกายกระบี่นภา

“แน่นอน เกือบทุกคนในนิยายกระบี่นภาต่างรู้จักตัวตนของเจ้า ท่านน้าปรมาจารย์อีเอย่เจี้ยนเก้อนางเคยบอกว่านางจะไม่รับลูกศิษย์คนใดอีก ในตอนนี้ทุกคนเลยอยากรู้ว่า ชายผู้ใดจึงมีอิทธิพลสามารถเปลี่ยนความคิดของสุดยอดปรมาจารย์อีเย่เจี้ยนเก้อได้”

ชิงสุ่ยทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างข่มขืนเมื่อเขาได้ยินคำพูดที่รุ่นเยาว์กล่าวออกมา ดูเหมือนว่าอาจารย์เทพธิดาของเขา จะมีสถานะค่อนข้างพิเศษภายในนิกายกระบี่นภา

“พวกเขารู้สึกอย่างไรบ้างหลังจากที่ได้เห็นข้าตัวเป็นเป็น”ชิงสุ่ยกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปาก

“มันดูดีกว่าข่าวลือที่ข้าได้ยินเสียงอีก ฮ่าๆๆ แต่ดูเหมือนว่าเจ้านั้นช่างอ่อนแอยิ่งนัก แม้ว่ารูปร่างของเจ้าจะเป็นที่ดึงดูดใจสำหรับเหล่าสตรี”รุ่นเยาว์คนนั้นกล่าวหลังจากคิดวิเคราะห์เล็กน้อยพร้อมเผยเสียงหัวเราะออกมาขณะเหลือบตามองเหวินเหรินอูซวง

ชิงสุ่ยรับรู้ได้ทันทีว่ารุ่นเยาว์คนนี้มีความคิดเชิงลบต่อเขา อย่างไรก็ตามบุคลิกของเขาก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมา ซึ่งชิงสุ่ยมักจะรู้สึกดีกับคนประเภทนี้ เขาไม่ชอบคนที่โกหก เบื้องหน้าทำอย่างหนึ่งแต่ลับหลังทำอีกอย่าง

“ว่าแต่ ตอนนี้พวกเราสามารถขึ้นไปข้างบนได้หรือยัง?”ชิงสุ่ยเงยศีรษะมองขึ้นไปข้างบนเหนือขั้นบันไดนับครั้งไม่ถ้วน

“ข้าจะพาพวกเจ้าไปที่แห่งนั้น ผู้อาวุโสท่านสั่งหรือว่า ไม่ว่าข้าจะเจอใคร ข้าจะต้องพาพวกเขาไปยังห้องโถงกลางก่อนเสมอ”รุ่นเยาว์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม

“ข้าต้องขอขอบคุณสำหรับที่อุตส่าห์ช่วยเหลือข้า”ชิงสุ่ยกล่าวอย่างเรียบง่าย

“ไม่ต้องกังวล ข้าเป็นเพียงแค่สาวกนิกายระดับธรรมดาของที่นี่ ข้ามีนามว่าฮวงเหลี่ยง ข้าก็หวังว่าเจ้าคงจะไม่มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อข้า เพราะข้าเองก็หวังว่าในอนาคตพวกเราอาจจะต้องติดต่อกันอีก”รุ่นเยาว์กล่าวอย่างร่าเริง

“ข้าเข้าใจล่ะ…….”ชิงสุ่ยกล่าวตอบ

เสียงที่เข้าไปในหูของรุ่นเยาว์คนนั้นฟังดูเหมือนเสียงดูหมิ่น แต่รุ่นเยาว์คนนั้นก็ไม่รู้สึกผิดอะไร นิกายกระบี่นภามีสาวกภายในนิกายนับหมื่นคน เพื่อที่จะเป็นศิษย์ของ 1 ใน 10 ผู้อาวุโส พวกเขาจะต้องมีคุณสมบัติที่เหมาะสม และมีคุณธรรม รวมถึงมีความสามารถที่โดดเด่น  ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่สาวกนิกายระดับธรรมดาเช่นเขา ที่จะถูกใช้งานให้ไปเฝ้าเป็นยามหน้าภูเขา และรองรับคำดูหมิ่นดูถูกต่างๆ

ชิงสุ่ยก็ยังคงไม่มีความคิดที่จะดูหมิ่นผู้คนเหล่านี้ แต่ช่างน่าเสียดายที่ฮวงเหลี่ยงตีความคำพูดของเขาผิดไป

ขณะที่พวกเขาเดินอย่างรวดเร็วทั้ง 3 เดินตามบันไดขึ้นไปเรื่อยๆราวกับขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ระหว่างทางเดินพวกเขาได้พบกับเด็กหนุ่มจำนวน 2-3 คนสวมเครื่องแต่งกายสีเหลืองกำลังเดินอย่างรวดเร็วและเมื่อพวกเขาเดินผ่านฮวงเหลี่ยงเขาก็ได้อธิบายว่าผู้คนเหล่านี้เป็นผู้ที่ดูแลการค้าภายนอกของนิกาย

ในเวลาอีกเกือบครึ่งชั่วโมงในที่สุดพวกเขาก็เดินมาถึงขั้นสุดท้ายของบันได เมื่อมองออกไปปรากฏเป็นพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลท่ามกลางผืนแผ่นดินที่แสนชนบทและห่างไกล พวกเขามองเห็นสาวกนิกายกระบี่นภาจำนวนมากมาย ทั้งกลุ่มคนที่สวมเครื่องแต่งกายสีเหลือง สีเขียว สีน้ำเงิน สีแดงเข้มและเครื่องแต่งกายสีม่วงกำลังเดินไปมา

ความแข็งแกร่งของแต่ละคนในนิยายกระบี่นภาถูกแบ่งออกโดยสีของเครื่องแต่งกายที่พวกเขาสวมใส่ มันเป็นทั้งเครื่องบ่งบอกความแข็งแกร่งและสถานะภายในนิกาย เมื่อมองอย่างรวดเร็ว จะสังเกตได้ทันทีว่าเครื่องแต่งกายสีเหลืองเป็นคนที่อยู่ในระดับต่ำที่สุด เครื่องแต่งกายสีแดงเข้มจะมีสถานะเปรียบดังผู้อารักขา ผู้ที่สวมเครื่องแต่งกายสีม่วงจะมีสถานะเปรียบดังผู้พิทักษ์ ส่วนผู้ที่อยู่เหนือกว่าระดับผู้อาวุโส จะสามารถสวมเครื่องแต่งกายสีใดก็ได้ที่เพราะเขาชอบ ตัวอย่างเช่น ไป๋ลี่จิงเว่ยชอบสวมชุดสีทองในขณะที่อีเย่เจี้ยนจีชอบสวมชุดหิมะขาว

สถานที่แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยการคว้านเอายอดเขาออกไปทั้งหมด และพวกเขาก็เริ่มสร้างพื้นแผ่นดินที่ราบเรียบโดยการนำหินต่างๆมาเชื่อมต่อกัน และมีห้องโถงใหญ่มากมายเกินกว่าจะสามารถรับได้ ไม่ว่าจะมองดูยังไง พื้นที่บริเวณนี้ควรกว้างอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10 ลี้

“มันช่างกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก”ชิงสุ่ยถอนหายใจ

ขณะที่เขายืนอยู่บนยอดเขาที่สูงชันแห่งนี้ เขาก็รับรู้ได้ถึงกระแสวิญญาณที่มากมายและอัดแน่นอยู่ในอากาศ ก้อนเมฆและแสงอาทิตย์ทอแสงลงมาสู่พื้นดิน มันเป็นภาพที่แสนจะงดงามและดึงดูดใจราวกับว่าอยู่ในห้วงแห่งความฝัน

ขณะที่ชิงสุ่ยกำลังมองดูภาพที่แสนงดงาม เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังสนั่นจากนั้นก็ได้ยินเสียงที่เขานั้นคุ้นเคย ไป๋ลี่จิงเว่ย “ชิงสุ่ยในที่สุดเจ้าก็มา ชายแก่คนนี้คิดว่าจะต้องรออีกอย่างน้อย 2-3 ปีเสียแล้ว”

ไป๋ลี่จิงเว่ยยังคงเหมือนเดิมไม่ต่างอะไรกับครั้งแรกที่เขาได้เจอกับชิงสุ่ย เขายังคงมีใบหน้าที่เยาว์วัยแม้ว่าผมเขาจะเป็นสีขาวโพลน คิ้วของเขาดูเหมือนจะหนาขึ้นอีกเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม พลังปราณรอบๆตัวเขากลับดูหนาแน่นและน่ากลัวยิ่งขึ้นกว่าเดิม ซึ่งมันทำให้ชิงสุ่ยรู้ว่าไป๋ลี่จิงเว่ยได้ฟื้นพลังกลับคืนแล้ว

“ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่จำเป็นต้องมาที่นี่ด้วยตัวเอง เพียงแค่ท่านให้คนมาตามข้า ข้าจะรีบไปหาท่านในทันที”ชิงสุ่ยโค้งคำนับแสดงความเคารพ

“เจ้าพูดสิ่งใดกัน ยังไงซะถ้าเจ้ามาที่แห่งนี้ ข้าก็ยังคงมาหาเจ้าในทันที ว่าแต่คนคนนี้คือ? สาวน้อยคนนี้ช่างมีพรสวรรค์เป็นอย่างมาก”ไป๋ลี้จิงเว่ยหัวเราะเบาๆ

“ผู้หญิงของ………….เพื่อนของข้าเอง ข้าอยากให้ท่านพบเจอกับนาง และหวังว่าท่านจะยอมรับนางให้เข้าร่วมนิกายกระบี่นภาด้วยเช่นกัน”

“ข้ายอมต้องยอมรับนางให้เข้าร่วมนิกายของเรา ในวันนี้นิกายกระบี่นภาของเราก็จะมีผู้พิทักษ์เพิ่มอีก 1 คน”ไป๋ลี่จิงเว่ยกล่าวยังเปิดเผย

ในตอนนี้ ชิงสุ่ยก็มองเห็นอาจารย์เทพธิดาของเขา เธอยังคงสวมเสื้อผ้าหิมะขาว ความงามของเธอก็ยังคงสามารถโค่นล้มราชอาณาจักรลงได้มันเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ผุดผ่องจนเหนือกว่าที่ธรรมชาติจะมอบให้กับคนคนหนึ่งได้

อารมณ์ที่เยือกเย็นเงียบสงบของชิงสุ่ยแปรเปลี่ยนเป็นความสุขในทันทีเมื่อได้เห็นอีเย่เจี้ยนเก้อ มันช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก!!!

เมื่อสายตาของเธอมองเห็นชิงสุ่ย เส้นริมฝีปากขนาดโค้งเล็กแต่ทรงเสน่ห์ค่อยๆกล่าววาจาออกมา “ในที่สุดเจ้าก็มาสักที ว่าแต่เจ้าเสร็จกิจที่เจ้าต้องทำแล้วงั้นหรือ?W

“ยังหรอก แต่ข้าจะกลับไปดูแลมันหลังจากที่ข้าบรรลุความแข็งแกร่งที่แท้จริงในอีกไม่กี่ปีหลังจากนี้”ชิงสุ่ยหัวเราะขณะที่เขามองไปยังผู้หญิงที่มีรูปลักษณ์ดุจเทพธิดา เขาก็นึกภาพหญิงสาวที่งดงามอีกคนนึงที่คล้ายกันโดยไม่รู้ตัว ความงามดุจเทพธิดาที่ยืนอยู่เหนือหัวของแร้งอัสนีปีกทองคำ

“ไปที่ห้องโถงกลางกันเถอะ ที่นี่มีผู้คนอยู่มากเกินไป”ไป๋ลี่จิงเว่ยกล่าวขณะที่เขามองไปยังบรรดาสาวกนิกายกระบี่นภาที่สวมเสื้อผ้าหลากหลายสีสันเดินอยู่ทั่วพื้นที่

ทั้ง 4 คนเดินตรงไปยังห้องโถงที่สูงที่สุดและตั้งตระหง่าอยู่บริเวณใกล้ๆ

“อาจารย์ของเจ้าช่างงดงามมากจิงๆ นางไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้หญิงที่อยู่บนและรัศมีปีทองคำคนนั้นเลย”เหวินเหรินอูซวงกล่าวเบาๆขณะมองไปทางชิงสุ่ย คนที่เดินรั้งท้ายขณะเดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่

ชิงสุ่ยยิ้มเพียงเล็กน้อยคำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดที่เขารู้สึกปวดหัวมากที่สุดถ้าหากเขายกย่องผู้หญิงคนอื่นตามที่เธอพูดเขารับรู้ได้ทันทีว่าอูซวงจะต้องรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน และถ้าหากเขาเปลี่ยนมาเป็นยกย่องเธอแทน ไม่ว่าจะเป็นคำพูดใดก็ไม่เหมาะสมที่จะกล่าวออกมาในสถานการณ์เช่นนี้

“เจ้าคืออูซวงใช่หรือไม่? ใบหน้าของเจ้าช่างงดงามยิ่งนัก ข้าไม่แปลกใจเลยที่เด็กคนนี้จะคอยตามติดเจ้า”อีเย่เจี้ยนเก้อยิ้มขณะที่เธอมองดูใบหน้าที่งดงามของอูซวง

“แต่เจ้าก็งดงามกว่าข้าเสียอีก ตอนที่ข้าอยู่ต่อหน้าเจ้า ข้ากลับรู้สึกอิจฉาเจ้าจริงๆ”เหวินเหรินอูซวงยิ้มเล็กน้อยภายในใจของเธอนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกกระวนกระวาย

“ชิงสุ่ย ในวันพรุ่งนี้พวกเราจะจัดพิธีอย่างเป็นทางการเพื่อรับเจ้าและอูซวงเข้าสู่นิกายกระบี่นภาของเรา แล้วพวกเราจะประกาศว่าอูซวงจะเข้ามาเป็นผู้พิทักษ์ลำดับที่ 99  ของนิกายกระบี่นภา”ไปลี่จิงเว่ยกล่าวอย่างเปิดเผย

“ทำไมพวกท่านถึงไม่ออกประกาศให้ข้าขึ้นเป็นผู้พิทักษ์ลำดับที่ 100 ด้วยล่ะ?”ชิงสุ่ยกล่าวหลังจากคิดเพียงเล็กน้อย

“ทำไมกัน? หรือว่าเจ้าบรรลุในระดับเทวะเซียนเทียนแล้ว?”อีเย่เจี้ยนเก้อถามด้วยความประหลาดใจ

“ข้าคิดว่าข้าควรที่จะบรรลุระดับเทวะเซียนเทียนแล้ว เพราะข้าได้สังหารผู้ฝึกตนเทวะเซียนไป 2 คน อีกทั้งสัตว์อสูรเทวะเซียนราชันย์อสรพิษวงแหวนทองคำไปอีก 1 ตัว”

ดวงตาของไป๋ลี่จิงเว่ยก็เป็นประกาย ในขณะที่อีเย่เจี้ยนเก้อก็เผยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ที่มุมปาก มันเป็นรอยยิ้มที่คล้ายกับดวงอาทิตย์ที่คอยส่องแสงปกป้องทุกสรรพสิ่ง

“เจี้ยนเก้อ เหมือนว่าเจ้าจะค้นพบสมบัติอันล้ำค่า ข้าเชื่อว่าศักยภาพของชิงสุ่ยยังมีอีกมากมาย หลังจากนี้ใครจะกล้าบอกอีกว่ายอดเขาหมอกเมฆาของเจ้าจะไร้อนาคต  ข้าเชื่อว่าจะต้องมีผู้คนมากมายขอเข้าร่วมเพื่อใช้ยอดเขาหมอกเมฆาของเจ้าในการทำศึกระหว่างนิกาย และเจ้าสามารถเข้าร่วมการแลกเปลี่ยนวรยุทธระหว่างเขตแดนได้อย่างแน่นอน”

“ท่านอาจารย์ ท่านผู้อาวุโส ใครกันจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะคอยแนะนำอูซวง”ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขากล่าวมา

“มันจะดีที่สุดถ้าหากให้นางติดตามน้องสามของข้า จรู้ชิง พรรคพวกของนางนั้นมีเฉพาะแต่เหล่าหญิงสาวเท่านั้น ดังนั้นใช้วิชาทั้งหมดที่ไว้ฝึกฝนย่อมเป็นของสตรีโดยแท้จริง” ไป๋ลี่จิงเว่ยกล่าวโดยไร้ความลังเลแม้แต่น้อย

“ขอบคุณมากท่านผู้อาวุโส!!”เหวินเหรินอูซวงกล่าวพร้อมกับโค้งคำนับ

“ฮ่าๆๆ วันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆ ข้าขอเชิญให้พวกเจ้ามาร่วมสังสรรค์ดื่มกินกับข้า”ไป๋ลี่จิงเว่ยหัวเราะและกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

“แม้ท่านจะไม่ตาม ข้าก็ย่อมต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว!!”

คลื่นเสียงก้องกังวานดังขึ้น ชายและหญิง 8 คนเข้ามาอย่างต่อเนื่องอายุของพวกเขาต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ทุกคนล้วนปลดปล่อยพลังระดับเทวะเซียนเทียนออกมา

 

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments