I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Ancient Strengthening Technique ตอนที่ บทที่ 190 – อย่าหยุดข้า

| Ancient Strengthening Technique | 1182 | 2357 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

บทที่ 190 – อย่าหยุดข้า

ในขณะที่ตงถูฟังคำพูดอันไร้อารมณ์ของ ชิงสุ่ย เขาไม่เคยรู้สึกไร้พลังขนาดนี้มาก่อน ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในใจของเขา เขารู้สึกเหมือนว่าเขากำลังจะไปสู่จุดสิ้นสุดของชีวิต  เขารู้สึกโศกเศร้าเหมือนทำของสำคัญหายไปจนไม่อาจหวนคืนมาได้อีก

” จะฆ่าก็ฆ่าข้า ปล่อยตระกูลตงไป  ถึงยังไงข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าผ่านไป แม้ว่าจะเป็นผีก็ตาม” ตงถูมองชิงสุ่ยและพูดอย่างใจเย็น เขารู้ว่าเขากำลังจะตายเร็ว ๆ นี้

“มันไม่ใช้เวลาที่เจ้าควรจะตาย ถึงเจ้าตายไปเป็นผี เจ้าก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี ขนาดมีชีวิตอยู่เจ้ายังไม่สามารถทำอะไรได้เลย? เอาเถอะข้าจะไม่ถอนรากถอนโคนตระกูลของเจ้า ตราบเท่าที่พวกเจ้าไม่ก่อปัญหาให้ข้าๆจะไม่ใส่ใจกับพวกเจ้า “ชิงสุ่ย กล่าวโดยไม่ใยดี

“พวกเจ้ากลับตระกูลไปซะและส่งข้อความไปบอกท่านหัวหน้าตระกูลและผู้อาวุโสทั้งหลาย ว่าอย่าออกจากเมืองหอกสีเงิน! ” ตงถูกล่าว หลังจากกล่าวเสร็จแล้ว เขาก็กระอักเลือดออกมาแล้วพ่นมันลงกับพื้น

สมาชิกบางคนของตระกูลตงลุกขึ้นมาและย้ายซากศพของพวกเขาไป ในเวลาเดียวกันพวกเขาเก็บชิ้นของหอกมังกรที่หักเป็นสองส่วนไป!

ความเงียบกลับมาอีกครั้ง และไม่มีใครกล้าที่จะก้าวขึ้นมาอีก ในขณะที่ความสามารถของตบถูไม่สูงมากนักแต่ทักษะของดาบของตระกูลตงควบคู่ไปกับหอกของมังกร แม้แต่เหล่านักผู้ฝึกฝนถึงขั้นเทวะเทียนเซียนระดับ 5 ก็ไม่กล้าที่จะปะมือกับเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ตระกูลตงได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในตระกูลตงที่โดดเด่นที่สุดในเมืองชางหลาง นอกจากนี้ยังมีผู้อาวุโสหลายคนในตระกูลที่แข็งแกร่งมากมายนอกจากนั้นพวกเขายังมีหอกชั้นเยี่ยมอีกมากมายเช่นกัน พวกเขานั้นไม่ได้อ่อนแอเลย คนที่แกร่งสุดมีระดับพลังต่ำกว่าไป๋ลี่ จิงเว่ย เพียงระดับเดียว  ถ้าเขาใช้หอกมังกรดำที่มีความสามารถไม่ธรรมดาเข้าต่อสู้กับไป๋ลี่ จิงเว่ย คงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าใครจะเป็นผู้ชนะในท้ายที่สุด

“ความสามารถที่แท้จริงของชิงสุ่ยอยู่ระดับไหน? เจ้าเป็นอาจารย์ของเขาเจ้ารู้หรือไม่? “จรู้ชิง ถามกึ่งเล่นกึ่งจริง

“เกี่ยวกับเรื่องนี้ข้าก็ไม่แน่ใจ” อีเย่ยิ้มอย่างเขินอาย  ศิษย์ของเธอนั้นได้แข็งแกร่งกว่าเธอไปเสียแล้ว โดยยังไม่ได้เรียนรู้ทักษะอะไรจากเธอเลย นี้เป็นสิ่งหนึ่งที่คนอื่นๆไม่สามารถเข้าใจได้

หลังจากที่คนจากตระกูลตงออกไป ชิงสุ่ยกำลังจะก้าวลงมาจากบนลานประลอง อย่างไรก็ตามในขณะนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งก้าวขึ้นสู่ลานประลองก่อนเขาลงมา,

นางมีรูปร่างที่น่าหลงใหล การปรากฏตัวของนางพร้อมเสน่ห์อันยั้วยวน เสน่ห์ของนางทำให้ผู้คนมึนเมาขณะที่นางเดินผ่าน ผมที่งามปะลงที่บ่าของนาง นางมีดวงตาที่สวยงามดั่งดอกเหมย จมูกคมสวย นางมีริมฝีปากทรงเชอร์รี่ขนาดเล็กน้อย นี้ซึ่งอาจนี้อาจทำให้ผู้คนมายคิดว่ามาเป็นริมฝีปากที่สวยที่สุด แต่ไม่ใช่ริมฝีปากที่สวยที่สุดสำหรับชิงสุ่ย

นางมีสัดส่วนที่ดี รูปร่างส่วนโค้งที่ชัดเจนและก้นที่ได้เติบโตอย่างเต็มที่พร้อมเสน่ห์ที่ดึงดูด เมื่อนางเดินไปพร้อมกับขาคู่งาม ที่เรียวยาวของนาง; มันเหมือนกับว่านางฟ้าเดินเล่นกำลังเดินอยู่

“ว้าว นั้นหญิงที่สวยที่สุดของนิกายสราญรมย์!” บางคนจากฝูงชนตะโกนขึ้นมา

“นิกายสราญรมย์ใครก็ตามที่สามารถจับจ้องผู้หญิงที่มาจากนิกายสราญรมย์ พวกเขาจะตายด้วยความงามเป็นแน่ ” บ้างคนมองไปที่ผู้หญิงบนลานประลองและคร่ำครวญออกมา

“สุภาพสตรีจาก นิกายสราญรมย์ไม่เพียง แต่สวยงามเท่านั้น แต่ทักษะบนเตียงของพวกนางยังดีเยี่ยมด้วยเช่นกัน คนที่สามารถเข้าสู่ นิกายสราญรมย์ได้ชีวิตของพวกเขานั้นดีกว่าการอยู่กินของเทพซะอีก”  รุ่นเยาว์ที่หลงใหลกล่าว

ชิงสุ่ย ได้มองไปที่ผู้หญิงคนนี้  เขาไม่สามารถปฏิเสธได้จริงๆ ต้องยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้ เธอสวยงามอย่างมาก เธอแทบไม่ด้อยกว่าอูซวงเลย  อย่างไรก็ตามจิตใจของ ชิงสุ่ยได้เต็มไปด้วยความเป็นห่วงสือฉิงจวง ดังนั้นเขาจึงละเลยที่จะมองเธอคนนี้

“ข้าต้องการที่จะท้าเจ้า!” เสียงของผู้หญิงคนนี้มีเสน่ห์ดึงดูดเป็นอย่างมาก มันฟังดูดีมากเปรียบได้กับ ห่าวหยุน ลิ่วลี่ ทำให้ ชิงสุ่ยชะงักไปชั่วครู่

“ข้ามาเพียงแค่กำจัดสวะเท่านั้น ข้าไม่ได้มีส่วนร่วมในการแข่งขัน” ชิงสุ่ยไม่ห้ามใจมองไปที่ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธอและโดยเฉพาะส่วนที่มีเสน่ห์ที่สุดอย่างริมฝีปากอันหน้าหลงใหลของเธอ ที่สามารถทำให้ผู้ชายเกิดอาการคลุ้มคลั่งได้

“ข้าไม่สน!” การแสดงออกของเธอไม่ได้เปลี่ยนไป เธอมีใบหน้าที่จริงจังและดื้อรั้นเป็นอย่างมาก

“พอแล้ว ข้าไม่ว่างที่จะเล่นกับเจ้า อย่าบังคับข้า” ชิงสุ่ยกำลังเดินจากไป พร้อมกล่าวล่า

“เจ้าเป็นห่วงผู้หญิงที่มาจากหุบเขาเสาวธารร้อนระอุหรือไม่?” เธอได้ใช้มือของเธอ ขวางทางของชิงสุ่ยไว้

ไป!

ชิงสุ่ยฟาดดาบขนาดใหญ่ลงบนไหล่ของเธอการโจมตีดังกล่าวรวดเร็วรุนแรงคล้ายการถล่มของหมู่ดาว  ทำให้กระดูกของเธอแตกละเอียด เธอได้ถูกผลักกลับไปข้างหลังสองสามก้าว แต่เธอก็สามารถยืนอยู่ได้ เมื่อมองไปที่ใบหน้าเธอเกิดหยดเลือดที่มุมริมฝีปากของเธอ

“ข้าไม่ว่างจะเล่นกับเจ้า  เดิมทีข้านั้นไม่คิดที่จะฆ่าเจ้า แต่ถ้าเจ้ายังคิดที่ขว้างทางข้าอยู่ข้าก็ไม่รับประกันกับสิ่งที่จะเกิด”
ชิงชุ่ยได้รำคาญเธอเป็นอย่างมาก เขาได้พุ่งตรงพื้นที่หุบเขาเสาวธารร้อนระอุอยู่

“อีเย่ข้าไม่ทราบว่าเจ้ามีลูกศิษย์ที่เพรียบพร้อมแบบนี้อยู่ด้วย” จรู้ชิง กล่าวกับอีเย่ว่า “ข้าคิดว่าชายหนุ่มคนนี้จะหลงใหลในเสน่ห์ของนางซะอีก แต่เขากลับลงมือได้อย่างง่ายได้โดยไม่ใยดีเลย” ดวงตาของ จรู้ชิง เกิดประกาย ขณะที่เธอมองไปที่ ชิงสุ่ย

อีเย่ ดูสงบจากภายนอก แต่ภายในใจของเธอเกิดความรู้สึกซับซ้อนมากมายที่ไม่สามารถกล่าวออกมา ไม่กี่วันที่ผ่านมาเขาได้อธิบายเรื่องต่างให้เธอฟังมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการสอนให้อ่านจารึกต่างๆ สอนเกี่ยวกับทักษะการต่อสู้ให้เธอและสิ่งอื่นๆอีกมากมาย มันเป็นเรื่องที่ยากสำหรับเธอที่จะเชื่อว่าคนที่อบอุ่นเช่นนั้น จะเป็นคนเดียวกับชิงสุ่ยบนลานประลองในตอนนี้

“สุดยอด ดูสิ่งที่เขาทำกับนางสิมัน เขาช่างไร้ความเมตตา” ผู้คนแถบนั้นรู้สึกตกตะลึง

“มันจะสุดยอดกว่านี้ ถ้าเขาจะกลับไปทำกับมาดารของเจ้า” หญิงสาวจากนิกายสราญรมย์พูดออกมาอย่างโกรธเคือง

ชิงสุ่ยก้าวไปหาหญิงวัยกลางคนที่มีหน้าตาสวยงาม ที่กำลังแบก สือฉิงจวงอยู่ และเขาได้กล่าวว่า “โปรดส่ง นางให้ข้า “ชิงสุ่ยเอื้อมมือออกไป

หญิงวัยกลางคนที่มีเสน่ห์ได้มองไป ชิงสุ่ย เธอได้ขมวดคิ้วราวกับว่าเธองต้องการพูดอะไรบางอย่างกับเขา อย่างไรก็ตามเธอยังคงนิ่งเงียบต่อไป และปล่อยให้ชิงสุ่ยผ่านเข้าไปหาสือฉิงจวง

ชิงสุ่ยจับที่สือฉิงจวงอย่างระมัดระวัง ก่อนหันหน้าไปบอกหญิงวัยกลางคนที่สวยงามว่า “สือฉิงจวงเป็นคู่หมั้นขอข้า ท่านไม่ต้องกังวลว่า มอบให้นางกับข้าเถอะ”

อูซวง ดูทุกสิ่งทุกอย่างที่ชิงสุ่ยทำเงียบๆ เธอยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเธอ แต่ความคิดนับหมื่นนับพันได้ถาโถมเข้าใสความคิดของนาง ทำให้นางเกิดความงุนงงในใจตัวเอง

ชิงสุ่ยได้อุ้มสือฉิงจวง ผ่านอีเย่โดยไม่พูดอะไรเพราะเขากังวลว่าเธอจะไม่ชอบการกระทำของเขา ที่จะนำสือฉิงจวงไปยังหุบเขาหมอกเมฆ

ไปเถอะข้าจะส่งเจ้ากลับไปยังหุบเขาหมอกเมฆ” อีเย่ กล่าวและเดินนำออกไป

“นางปลอดภัยไหม?” อีเย่มองไปที่ ชิงสุ่ยและถามเบา ๆ

สือฉิงจวงสลบมาเป็นเวลานานแล้ว ตัวของเธอได้ซีดลง ใบหน้าของเธอก็ดูซีดราวกับไม่มีเลือดอยู่เลย

“ทุกอย่างปกติดี นางจะไม่เป็นอะไรภายใต้การดูแลของข้าไม่กี่วัน “ชิงสุ่ย มองไปที่ฉิงจวง ขณะที่เขาพูด

อีเย่ รู้สึกแปลกมากอย่างมาก คนที่เคยความเคารพและเอาใจใส่เธอมาตลอด แต่ตอนนี้กลับไม่ได้สนใจที่จะมองไปที่เธอด้วยซ้ำ มันรู้สึกราวกับว่าบางสิ่งบางอย่างที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นของเธอได้ถูกขโมยไป

เธอรู้สึกอึดอัดและไม่คุ้นเคยกับเหตุการณ์แบบนี้  !

เธอมั่นใจว่าเธอไม่ได้หลงรักผู้ชายคนนี้ คนที่เรียกเธอว่าเป็นอาจารย์  แต่ทำไมเธอได้ถึงรู้สึกเสียใจขนาดนี้  เมื่อเห็นท่ามีเย็นชาจากเขา?

ระหว่างทางชิงสุ่ยไม่ได้พูดอะไรอีกเลย  ยิ่งทำให้ อีเย่รู้สึกอึดอัดมาดยิ่งขึ้น  ซึ้งในตอนนี้ชิงสุ่ยก็ยังคงเงียบต่อไป  นางบอกกับตัวเองว่า “เขาโตแล้วและเป็นเรื่องปกติที่เขาจะหลงรักใครสักคน  ? “

หลังจากที่อีเย่กำจัดความคิดกังวลกังวายออก เธอได้ยิ้มขณะที่มองไปท่าทางที่เย็นชาของชิงสุ่ย  เธอนึกขึ้นได้ว่านี่เป็นสาเหตุที่มำให้เขาเข้าไปอยู่ในเมืองร้อยไมล์ ดูเหมือนว่าเป็นเขาหลงรักเจ้าหญิงที่แสนสวยคนนี้นั้นเอง

ภายในไม่ช้า นกกระเรียนหิมะอมตเข้าสู่ หุบเขาหมอกเมฆชิงสุ่ยได้อุ้มสือฉิงจวงขึ้นและยิ้มขณะที่เขากล่าวว่า “ขอบคุณมากท่านอาจารย์  ท่านสามารถกลับไปทำหน้าที่ของท่านได้แล้ว!

“ทำไมตอนที่เจ้าอยู่กับคู่หมั้นของเจ้า เจ้าต้องการที่จะออกห่างจากข้าละ? หรือว่าตอนนี้เจ้ากำลังรำคาญข้า? “อีเย่ กล่าวอย่างขำๆ

“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง ถึงท่าทางข้าอาจดูเหมือนอย่างงั้นรึ  ดูที่ร่างที่บาดเจ็บของนางสิ พวกเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ตอนนี้ท่านจะรบกวนเราได้อย่างไร ” ชิงสุ่ยพูดด้วยสีหน้าขมขื่น (ประชดอาจารย์)
“ข้าเริ่มคิดว่าเจ้าได้เติบโตขึ้นแล้ว ตอนนี้เจ้าได้เรียนรู้ที่จะหยอกล้อข้าแล้ว” อีเย่ กล่าวชิงชุ่ย ด้วยท่าทีรำคาญเล็กน้อยที่ ก่อนเธอจะขึ้นไปบนนกกระเรียนหิมะอมตะ

“ข้ามีผ้าห่มจำนวนมากอยู่ในห้องของข้า ถ้าเจ้าขาดเหลืออะไร เจ้าสามารถหาได้จากห้องของข้า “อีเย่ รู้สึกแปลกประหลาดๆ และรีบขี่นกกระเรียนหิมะอมตะจากไป

 

ชิงสุ่ยตกตะลึงดับคำพูดของเธอ เขาได้ยิ้มอย่างลามก ขณะที่เขาได้พาสือฉิงฉวงไปที่ห้องของเขาที่ด้านหลังและวางเธอลงไว้บนเตียงของเขา

หลังจากตรวจสอบอาการบาดเจ็บของเธอแล้ว เขาก็เอาเข็มทองทั้งเก้าตัวออกมา ดูเหมือนว่าทั้งเม็ดฟื้นฟูขนาดเล็ก และยาบรรเทาทองคำ จะส่งผลดี แต่การรักษาที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดก็ยังเป็นเข็มทองของเขา

หลังจากที่ห่มผ้าให้สือฉิงจวงแล้ว  ชิงสุ่ยก็ยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้าย “ดูเหมือนว่าผ้าห่มของข้าจะไม่เพียงพอ ข้ายังขาดมันอีกเป็นจำนวนมาก ดูเหมือนว่าข้าจะต้องขอยืมจากห้องของอาจารย์ซะแล้ว “

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments