I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Ancient Strengthening Technique ตอนที่ บทที่ 193 – ดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้น

| Ancient Strengthening Technique | 1113 | 2340 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ฝากติดตามเพจด้วยนะครับ แจ้งเตือนก่อนใคร กดเลย

บทที่ 193 – ดอกไม้ไฟที่ถูกจุดขึ้น

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบค่ำอีเย่ เจี้ยนเก้อกลับมาจากหุบเขากระบี่นภา เธอได้ตรงไปยังหุบเขาหมอกเมฆ หัวใจเธอกระวนกระวายตลอดทั้งวัน เธอเป็นห่วงเรื่องที่ชิงสุ่ยจะหยิบผ้าห่มมาจากห้องของเธอ ตอนนี้เธอรู้สึกเสียใจที่กล่าวแบบนั้นไปและได้เพียงหวังว่า ชิงสุ่ยจะไม่เข้าไปในห้องนอนของเธอและได้อธิษฐานขออย่าให้ชิงสุ่ยมาเอาผ้าห่มของเธอไป

เมื่อนางเดินเข้าไปในที่พักของเธอ เกิดการเปลี่ยนไปจากเดิมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องนอนของเธอ ผ้าห่มของเธอหายไปสองผื่น แต่มันไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับเธอตอนนี้ เธอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าเธอไม่ได้มีโอกาสเก็บชุดชั้นในของเธอไว้ในตู้ ซึ้งมันได้อยู่ใต้ผ้าห่มตรงนั้น  แต่ตอนนี้มันเป็นออกมาอย่างโล่งแจ้ง มันได้ตั้งอยู่บนเตียงของเธอ เห็นได้ชัดว่ามันถูกสัมผัสโดยใครบางคน

ทันใดนั้นใบหน้าของเทพธิดาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเหมือนสีของพระอาทิตย์ แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครได้ชื่นชมใบหน้าที่สวยงามในตอนนี้ของเธอ!

“ตายยยยยย ซะชิงสุ่ย, ชิงสุ่ยเจ้าคนที่เลวทราม!” ยิ่งเธอนึกถึงเรื่องนี้มากเท่าไรก็เธอยิ่งอายมากเท่านั้น ใครจะคิดว่าชุดชั้นในของเธอตกอยู่ในมือของเด็กคนนี้? ใครรู้ว่าเด็กคนนั้นคิดอะไรบ้าง … ?

การแข่งขันแลกเปลี่ยนทักษะระหว่างนิกายถูกทำให้กระจัดกระจายโดยการปรากฏตัวของชิงสุ่ย และทั้งหมดรู้สึกว่าการแข่งขันกลายเป็นงานกร่อยลงไป หลังจากที่ไป๋ลี่ จิงเว่ย แสดงความสามารถที่ยอดเยี่ยมของเขาออกมา ซึ่งความสามารถของเขานั้นอยู่ในระดับเทวะเทียนเซียนระดับแปด ไม่มีใครเลยที่กล้าที่จะท้าทายกับเขา และที่สำคัญนิกายกระบี่นภายังคงมีลิงเฒ่าที่อยู่ในจุดสูงสุดของเทวะเทียนเซียน

“ไม่ใช่ท่านกระบี่เทวะนภาได้รับบาดเจ็บหรอ?ทำไมเขากลับแข็งแกร่งและมีความสามารถมากกว่าเดิมได้ละ? “

ด้วยคำพูดที่กระจายออกไปทำให้บางคนเลิกคิดที่จะท้าทายเขา!

ถึงแม้ว่าการแข่งขันจะจัดขึ้นเป็นเวลากว่า 10 วัน แต่มันได้สินสุดลงอย่างรวดเร็ว มันได้จบลงในเพียงเวลา 5วันเท่านั้น คนจากนิกายอื่น ๆค่อยๆเลือนหายไป เมื่อเทียบกับการแข่งขันการแลกเปลี่ยนที่จัดขึ้นครั้งก่อน ๆ นี้เป็นครั้งแรกที่นิกายกระบี่นภาประสบความสำเร็จที่สุด ตั้งแต่ไป๋ลี่ จิงเว่ยได้หายเป็นปกติ นอกจากนี้การปรากฏตัวของ ชิงสุ่ยซึ่งเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์อย่างมหาศาลในนิกายกระบี่นภา สามารถทำให้มหาอำนาจหวาดกลัวไปได้อีกหลายร้อยปี จึงนับว่าเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญของพวกเขา

ในท้ายที่สุดแทบจะไม่เหลือ ใครนอกเหนือจากผู้อาวุโสจากนิกายใหญ่เพียงไม่กี่คน ที่ต้องการได้รับส่วนแบ่งจากการเข้าร่วมงานในครั้งนี้

สือฉิงจวงอาศัยอยู่ในที่พักของชิงสุ่ยได้ไม่กี่วัน เธอก็ได้ย้ายไปอยู่กับ เฟินเซียงกู่ในไม่กี่วันถัดมา ที่ผ่านมาชิงสุ่ยรู้สึกว่าสือฉิงจวงได้มีใจให้เขามากขึ้นจากการกระทำของเธอ ซึ่งชิงสุ่ยกำลังคิดว่าภูเขาน้ำแข็งในจิตใจของเธอได้ละลายไปเกือบหมดแล้ว

ในช่วงสองสามวันมานี้ชิงสั่ย ได้สังเกตุเห็นว่าอีเย่ เจี้ยนเก้อได้ทำตัวเหมือนจะหลีกเลี่ยงเขาอย่างตั้งใจ แม้กระทั่งสายตาที่เธอมองเขาก็ยังแปลกไป ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก มันเป็นเพราะเขาใช้ผ้าห่มของเธอหรอ?

หรือว่าเป็นเพราะเจ้านั้น … ชิงสุ่ยนึกขึ้นมาได้ว่าเขาได้สัมผัสชุดชั้นในของเธอไปแล้ว

“ข้าทำผิดพลาดจริงๆ ข้ายังเป็นมือใหม่กับเรื่องเช่นนี้ เพราะข้านั้นขาดประสบการณ์! “ชิงสุ่ยรู้สึกสำนึกผิด

ชิงสุ่ยรู้สึกผิดที่จับชุดชั้นในของเทพธิดาของเขา ดังนั้นเขาจึงโยนมันลงบนเตียงของเธอ… ถ้าเขาเก็บมันเอาไว้ในตอนนั้นก็คงจะไม่ลำบากเช่นนี้  อีกอย่างเขายังจะได้ของที่ระลึกกลับมาด้วย (สาบานว่ารู้สึกผิด5555)

เป็นไปได้ไหมที่เธอจะสงสัยว่าเขาทำสิ่งหน้าอายกับชุดชั้นในของเธอ?

ชิงสุ่ย รู้สึกว่าเรื่องเกิดขึ้นนั้นร้ายแรงมากและจำเป็นต้องได้รับการแก้ไข มิฉะนั้นเธอคงจะใช้สายตาที่อึดอัดมองไปที่เขาไปตลอดแน่ๆ เขาไม่สามารถทนต่อมันได้อีกแล้ว ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้เขากระวนกระวายมากขึ้น ชิงสุ่ยตัดสินใจไปหาอีเย่ เจี้ยนเก้อและพยายามพูดคุยกับเธอ

“ชิงสุ่ย ทำไมเจ้าถึงรีบมาหาข้าอย่างนี้มีเรื่องด่วนอันใด? “อีเย่ เจี้ยนเก้อถามด้วยความตกใจขณะที่กำลังเดินลงมาจากบันได  นี่เป็นครั้งแรกที่ชิงสุ่ยเร่งรีบมาการหาเธอ

ชิงสุ่ยได้อธิบายอย่างจริงจัง “อาจารย์ ข้าต้องพูดคุยเกี่ยวกับช่วงเวลานั้น เมื่อข้าไปเอาผ้าห่มจากห้องของท่าน ข้าเห็นกางเกงในของท่านโดยบังเอิญ และในขณะนั้นข้าคิดว่ามันแปลกที่แม้แต่เทพธิดาอย่างท่านจะสวมกางเกงใน มันไม่หน้าเชื่อสักนิด เพื่อให้แน่ใจว่าข้าไม่ได้ฝันข้าคว้ามันขึ้นด้วยมือของข้า แต่ข้าสาบานว่าข้าไม่ได้ใช้มันทำในสิ่งไม่ดี “ชิงสุ่ยรู้สึกโล่งใจหลังจากเขาได้อธิบายออกไป

อีเย่ เจี้ยนเก้อก้มหน้าลงและใบหน้าของเธอได้แดงขึ้นเล็กน้อย ชิงสุ่ยพูดออกมาอย่างรวดเร็วจนเธอไม่สามารถแทรกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอได้ยินมาว่าเธอสวมกางเกงในจริงๆ อีเย่รู้สึกเขินอายอย่างมาก แต่ในเวลาเดียวเธอกลับมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากเธอยังคงมีสถานะอยู่ในใจของเขาบาง

“เจ้าต้องการมาหาข้าเพื่อพูดเรื่องแค่แบบนี้?” อีเย่ เจี้ยนเก้อสงบใจลงและกล่าวเบา ๆ

“ใช่ สองสามวันนี้ … ท่านมองมาที่ข้าราวกับว่าข้าเป็นเหมือนโจรโรคจิต ข้ารู้สึกอึดอัดมาก ดังนั้นข้าจำเป็นต้องอธิบายเรื่องราวทั้งหมดมีฉะนั้นข้าคงนอนไม่หลับเป็นแน่ “ชิงสุ่ยกล่าวด้วยความรู้สึกขื่นขม

เมื่ออีเย่ เจี้ยนเก้อได้ยินว่า ชิงสุ่ยไม่ได้ทำอะไรกับชุดชั้นในของเธอ เธอรู้สึกดีขึ้นและอายเล็กน้อย แต่ก็ยังทำหน้างงงวยเจ้าสามารถทำอะไรกับชุดชั้นในของข้า? เธอไม่รู้ว่าในหัวของ ชิงสุ่ยมีเรื่องสกปรกมาเพียงใด

เวลาผ่านไปรวดเร็วอย่างมากปีใหม่ใกล้เข้ามา หลังจากสิ้นสุดการแข่งขันแลกเปลี่ยนระหว่านิกาย นิกายกระบี่นภาได้กำลังเตรียมตัวจัดงานเฉลิมฉลองอยู่ในขณะนี้ เป็นครั้งแรกที่เขาจะร่วมงานเทศกาลปีใหม่นอกบ้านของเขา  ชิงสุ่ยยังนึกถึงปีที่ผ่านมาที่เขาและตระกูลชิงได้จัดงานฉลองที่หมูบ้านของพวกเขา

“ข้าหวังว่าท่านแม่จะสบายดีนะ  ท่านแม่คงจะคิดถึงข้ามากๆแน่เลย ท่านต้องเป็นห่วงข้าแน่ๆ ข้าหวังว่าคนอื่นๆ ในตระกูลชิงจะสบายดี! ตอนที่ข้าจากมาเฟิงเย่เฟ่ยกำลังตั้งท้องลูกของ ชิงจือนั่น หมายความว่าตระกูลชิงรุ่นที่สี่กำลังจะเกิดมา “

เขาคิดถึงหมิงเยวี่ย เก้อโหลวและเด็กหญิงตัวน้อย เขาไม่ทราบว่าพวกเธอจะเฉลิมฉลองกับตระกูลชิงหรือไม่ ภาพของหมิงเยวี่ย เก้อโหลวได้สลักลึกลงไปในหัวใจของชิงสุ่ย เขาก็ไม่อาจลืมผู้หญิงบริสุทธิ์ สง่างามและสวยงามอย่างเธอได้

“ท่านพ่อ!”

เสียงที่น่ารักและร่าเริงดังขึ้นทำให้จิตใจที่หลุดลอยไปของชิงสุ่ยกับมา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเขาเห็นอีเย่ เจี้ยนเก้อจับมือ หลวนหลวน ซึ่งได้แต่งตัวเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ กำลังเดินมาหาเขา ดวงตาที่ถูกสร้างมาอย่างประณีตของเทพธิดาและเด็กหญิงตัวน้อยที่แสนน่ารัก ทำให้เขาตื่นตระหนกและตะลึงจนหยุดหายใจไปชั่วครู่

“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าคิดถึงบ้าน และแม่ของเจ้าใช่ไหม “เสียงอ่อนโยนของอีเย่ เจี้ยนเก้อพูดขึ้น แม้ว่าชิงสุ่ยจะได้ฟังเสียงที่ไพเราะนี้มาเป็นเวลาหนึ่งปี แต่เขาก็ยังรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ยินมัน

“แม่? ทำไมข้าถึงไม่มีแม่ ข้าต้องการแม่ … “หลวนหลวน ก็กล่าวเสียงดัง

ชิงสุ่ย และอีเย่ เจี้ยนเก้อ มองไปที่ตาของกันและกัน แล้วก็มองไปที่เด็กหญิงตัวน้อยๆซึ่งดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความหวัง

“หลวนหลวน จริงน้าคนนี้คือแม่ของเจ้า จำได้ไหมเจ้ามีความสุขแค่ไหนเมื่อเห็นนางครั้งแรก? นางกลัวว่าเจ้าจะไม่รู้จักนางดังนั้นนางจึงบอกว่านางเป็นน้าของเจ้า เจ้าไม่คิดว่าเจ้ามีลักษณะเหมือนนางหรอ? นางเป็นคนที่สวยที่สุดและสนิทกับเจ้ามากที่สุด ” ชิงสุ่ยทำอะไรไม่ได้ ตั้งแต่หลวนหลวนยังเด็ก ก็จะเชื่อทุกสิ่งที่ใครบอก ดังนั้นเขากล่าวไปเพื่อทำให้เธอมีความสุข (เด็กอายุสี่ขวบหรือห้าขวบที่พวกเขายังมีความทรงจำที่ไม่ชัดเจนเนื่องจากสมองยังเติบโตไม่เต็มที่)

อีเย่ เจี้ยนเก้อได้แค่ยิ้มอ่อน ๆ ขณะที่เธอเฝ้าดู ชิงสุ่ยพูดคุยกับเด็กหญิงตัวน้อยๆ เธอมีความสุขอย่างมาก  บางทีอาจเป็นเพราะเธอรู้สึกเหงาลึกๆในใจ จากการสูญเสียพ่อหรือแม่หรือญาติพี่น้อง เธอจึงไม่ต้องการให้เด็กหญิงตัวเล็กๆ รู้สึกแบบนี้เดียวกับเธอ

เพื่อให้แน่ใจว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะเชื่อเรื่องนี้ อีเย่ เจี้ยนเก้อได้พยักหน้าและบอกว่ามันเป็นความจริง เด็กผู้หญิงตัวน้อยๆได้เรียกออกมาอย่ามีความสุขว่า “ท่านพ่อ” และ “ท่านแม่” หน้าของอีเย่ เจี้ยนเก้อกลายเป็นสีแดงเข้ม ชิงสุ่ยมองและกอดไปที่ หลวนหลวน อย่างมีความสุข เป็นภาพที่สวยงามอย่างมาก

ชิงสุ่ย วางแผนที่จะใช้เวลาในช่วงปีใหม่ไปหาห่าวหยุน ลิ่วลี่ที่แดนสุริยโลกแต่เขาไม่สามารถออกห่างหลวนหลวน ได้เลย นอกจากนี้ถ้าเขาไป อีเย่ เจี้ยนเก้อก็คงอีกเหงาด้วย เดี๋ยวนี้ดีกว่าเมื่อก่อนเพราะเธอมีลูกสาวแล้ว ลูกสาวที่หน้าตาคลายกับนางฟ้าตัวน้อยๆทำให้ความเหงาของเธอลดลง อีกเหตุผลหนึ่งที่ชิงสุ่ยยังอยู่เพราะเขาต้องการที่อยู่กับอูซวง

เขาไม่ได้มีโอกาสไปพบกับ ห่าวหยุน ลิ่วลี่ เลยซึ่งเขาก็รู้ว่า ห่าวหยุน ลิ่วลี่เป็นคนที่ค่อนข้างขี้เหงาเช่นกัน

ผลไม้จากดินแดนหยกยุพราชอมตะกำลังสุกตอนนี้ แต่ชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่าจะให้ใครดี เขาจึงตั้งใจจะให้ อีเย่ เจี้ยนเก้อสองผลเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเธอและเขาก็จะให้เด็กหญิงตัวน้อยๆของเขาอีกด้วย

ชิงสุ่ย คิดถึงตอนที่เขาสามารถเข้าถึงชั้นที่สี่ในดินแดนหยกยุพราชอมตะเขายังได้กังวลเกี่ยวกับ ผลไม้แห่งชีวิต มันสามารถบรรเทาอาการลึกลับของเด็กสาวตัวน้อยได้หรือไม่ ผลตอบแทนสำหรับชั้นที่สี่ของดินแดนหยกยุพราชอมตะจะช่วยชีวิตของเด็กหญิงตัวน้อยได้หรือไม่?

ชิงสุ่ย คิดว่าการเปลี่ยนแปลงของดินแดนหยกยุพราชอมตะมันต้องเกี่ยวข้องกับผู้หญิงเป็นแน่  เขาได้ร่วมรักกับผู้หญิงทั้งสองที่ผ่านมา มันทำขอบเขตของพื้นที่ได้ขยายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า มันเป็นไปได้หรือไม่ที่เมื่อใดก็ตามที่เขาร่วมรักกับผู้หญิงขอบเขตในเชิงพื้นที่นี้จะเติบโตตามไป?

ระฆังปีใหม่ได้ดังขึ้น แสงที่สาดส่องมาจากดวงจันทร์กระทบกับขั้นหินใสระยิบระยับนิกายกระบี่นภาในตอนนี้ดูสวยสง่าเป็นอย่างมาก เมื่อมองมาจากระยะไกลมันเหมือนกับว่านิกายกระบี่นภาได้ถูกจับจองมาจากสรวงสวรรค์

ชิงสุ่ย และ อีเย่ เจี้ยนเก้อได้พาสาวน้อยๆ ไปเดินเล่นรอบภูเขาในนิกาย  ชิงสุ่ยรู้สึกประหลาดใจที่สามารถพบเห็นคู่ชายหนุ่มและหญิงสาวมากมาย หลายคนเป็นผู้พิทักษ์ของนิกายกระบี่นภาและยังมีหลายคู่ที่เขาไม่รู้จัก  ภายใต้แสงจันทร์พวกเขาสนิทสนมกันอย่างมาก พวกเขาได้กระซิบพูดคุยจับมืออย่างเป็นกันเอง !

เมื่อพวกเขาได้เห็นชิงสุ่ย และอีเย่ เจี้ยนเก้อไม่ว่าพวกเขาจะกำลังจูบหรือกอด พวกเขาได้หยุดลงทันทีด้วยท่าทางที่งุ่มง่าม “คารวะอาจารย์อีเย่ เจี้ยนเก้อ คารวะผู้อาวุโสชิงสุ่ย, “

“พวกเราแค่ผ่านมาเท่านั้น ขอโทษที่รบกวนพวกเจ้า พวกเจ้าทำต่อไปเถอะ พวกเราไม่รบกวนแล้ว! ” ชิงสุ่ยกล่าว

ชิงสุ่ยหัวเราะทำให้พวกเขาและ อีเย่ เจี้ยนเก้อถึงกับพูดไม่ออก

“เทพธิดา, นิกายกระบี่นภาไม่ได้ห้ามการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างชายกับหญิงหรอ?” ชิงสุ่ยหัวเราะเบา ๆ

อีเย่ เจี้ยนเก้อตกใจอย่างเห็นได้ชัดและเหลือบไปมองที่ชิงสุ่ยอย่างขืนข่ม แต่ชิงสุ่ยแกล้งทำเป็นไม่เห็น เขาแค่ล้อเล่นเป็นส่วนส่วนใหญ่ แต่เขารู้ก็สึกเสียใจหลังพูดจบ เขาหวังว่าเรื่องนี้จะผ่านอย่างรวดเร็ว!

“นิกายของเรา ไม่ห้ามการมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน หากเกิดจากความยินยอมซึ่งกันและกัน แต่ก็ห้ามเกินเลยมากจนเกินไป … “

ปีใหม่ที่จัดขึ้นที่นิกายกระบี่นภาเป็นงานที่น่าเบื่อมาก แม้ว่าจะเต็มไปด้วย แสงไฟ การเฉลิมฉลอง และผู้คน  แต่ก็ไม่สามารถเปรียบเหมือนกับภาพตอนในตอนกลางคืนของเมืองชางหลาง ขณะที่เขามองดูมาจากบนภูเขาจากระยะไกล

สำหรับสาวกที่ปฏิบัติหน้าอยู่ที่อื่นๆ พวกเขาสามารถออกเดินทางกลับบ้านในช่วงปีใหม่ พวกเขามีเวลามากกว่าครึ่งเดือนในการกลับไปที่บ้านและเยี่ยมญาติของพวกเขา

เมื่อชิงสุ่ยและอีเย่ เจี้ยนเก้อพาเด็กหญิงตัวน้อยไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็นอูซวงที่อยู่ด้วยในแถวนั้น เมื่อเธอเห็นชิงสุ่ย ยืนอยู่กับ อีเย่ เจี้ยนเก้อพร้อมกับสาวน้อยแสนน่ารัก เธอรู้สึกว่าฉากนั้นเป็นฉากที่สมบูรณ์แบบ มันแสดงออกถึงอบอุ่นและความรัก อย่างไรก็ตามเธอก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในใจของเธอ

“เจ้าบอกว่าเจ้าจะพยายามอย่างมากที่จะไล่ตามข้า เจ้าบอกว่าเจ้าต้องการให้ข้าเป็นผู้หญิงของเจ้า แต่ทำไมเจ้าถึงไม่อยู่เคียงข้างข้าในเวลานี้? ทำไมข้าไม่ใช่คนที่อยู่เคียงข้างเจ้า? ทำไมเจ้าถึงได้ทำตัวห่างเหินจากข้า? “

อูซวงยืนอยู่อย่างเงียบๆ ขณะมองไปที่ชิงสุ่ย และอีเย่ เจี้ยนเก้อภาพตรงนั้นกลายเป็นเงาเลือนลาง ๆ ความอดทนในหัวใจของเธอได้หายไปเมื่อเธอเฝ้าดูชิงสุ่ยเดินจากไป

น้ำตาใสๆสองหยดไหลออกมาจากดวงตาคู่งามของเธอๆได้ตัดสินใจหันหลังกลับและเดินกลับไปที่ หุบเขาจรู้ชิง

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments