I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Coiling Dragon (盘龙) ตอนที่ 1 รุ่งเช้ากับเมืองแห่งหนึ่งที่สุดแสนห่างไกล

| Coiling Dragon (盘龙) | 2538 วันที่แล้ว
ตอนต่อไป
                

เล่ม 1 ตอน 1 รุ่งเช้า กับเมืองแห่งหนึ่งที่สุดแสนห่างไกล

เมืองวูซานเมืองธรรมดาเล็กๆ อยู่ในอาณาจักรเฟนเลีย ทางทิศตะวันตกของหุบเขาสัตว์เวทเป็นหุบเขาที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยูแลน

ขณะช่วงตอนเช้าที่พระอาทิตย์ขึ้น  ในเมืองวูซาน  ที่ยังคงมีอากาศหนาวในยามก่อนรุ่งอรุณหลงเหลืออยู่เล็กน้อย  แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม  ผู้คนในเมืองเล็กๆแห่งนี้ทั้งหมดก็ได้ออกมาเตรียมตัวเริ่มการทำงานแล้ว  ไม่เว้นแม้แต่เด็กอายุหก หรือเจ็ดขวบที่ได้ลุกออกจากเตียง  และเตรียมตัวที่จะเริ่มออกกำลังกายยามเช้าตามรูปแบบดั่งเดิม

ในที่ว่างทางทิศตะวันออกของเมืองวูซาน  แสงอาทิตย์ในยามเช้าที่อบอุ่นส่องผ่านต้นไม้รอบๆ  กลายเป็นแสงรำไรๆ เป็นจุดต่างๆ  ในพื้นที่ว่างแห่งนี้

เด็กกลุ่มใหญ่สามารถมองเห็นได้จากที่นี้  ประมาณร้อยหรือสองร้อยคน  กลุ่มเด็กเหล่านี้แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม  ในกลุ่มเหล่านี้แบ่งออกไปอีกเป็นหลายแถว

เด็กทั้งหมดยืนในที่นั้นอย่างนั่งเงียบ หน้าของพวกเขาตั้งมั่น ทางตอนเหนือของกลุ่มนี้จะมีอายุประมาณหกขวบ กลุ่มที่อยู่ตรงกลางอายุประมาณเก้าถึงสิบสองขวบ  ส่วนที่เหลือทางใต้  อายุสิบสามถึงสิบหกขวบ

ในด้านหน้าของเด็ก มีชายอายุกลางคนสามคน ที่มีรูปร่างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามดูแข็งแรง คนทั้งสามคนใส่เสื้อแขนสั้น  และกางเกงขาสั้นตัดแบบหยาบๆ

“ถ้าพวกแกอยากจะเป็นนักดาบที่เก่ง  พวกแกจะต้องพยายามตั้งแต่ยังเด็ก”

หัวหน้าของกลุ่มชายวัยกลางคนยืดหน้าสูงมือไขว้หลัง  พูดต่อกับกลุ่มเด็กๆด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขากวาดสายตาจ้องอย่างดุร้ายไปยังกลุ่มเด็กตอนเหนือ กลุ่มเด็กหกและเจ็ดขวบทั้งหมดปิดปากแน่น  จ้องไปยังชายคนนี้ด้วยดวงตากลมโตไม่มีใครกล้าส่งเสียงดัง

ชื่อของหัวหน้าคือ ‘ฮิลแมน’ เขาเป็นหัวหน้าของผู้ดูแลประจำพรรคแบลุ๊ค ตระกูลสูงศักดิ์ที่ปกครองมืองวูซาน

“พวกแกเป็นแค่คนธรรม  ไม่ใช่ลูกตระกูลสูงศักดิ์  แกจะไม่มีสิทธิ์ได้รู้เกี่ยวกับคำภีลับที่จะสอนเกี่ยวกับการพัฒนาพลังปราณ  ถ้าพวกแกอยากจะกลายเป็นคนที่เป็นประโยชย์  ถ้าแกต้องการเป็นที่เคารพ  ใช่แล้ว  พวกแกจะต้องฝึกด้วยวิชาเก่าแก่  ที่ง่ายๆ และเป็นวิธีสุดแสนธรรมดาในการพัฒนาตัวเอง  ผ่านการออกกำลังกายของพวกแก  และสร้างความแข็งแรง  เข้าใจ?”

‘ฮิลแมน’กวาดสายตาไปยังกลุ่มเด็ก

“เข้าใจครับ”

เสียงของเด็กตอบกลับด้วยเสียงใสแจ๋ว และพร้อมเพียง

“ดี”

‘ฮิลแมน’พยักหน้าด้วยท่าทีเย็นยา  ในสายตาของเด็กอายุหกขวบแสดงถึงความสับสน  ขณะที่สายตาของเด็กที่มีอายุสูงกว่าเต็มไปด้วยความมั่นใจ  พวกเขาเข้าใจความหมายลึกๆจากคำพูดของ’ฮิลแมน’

จริงๆแล้ว ผู้ชายทุกๆคนในทวีปยูแลนจะออกกำลังกายอย่างหนักตั้งแต่ยังเล็กๆ  ถ้าใครสักคนขี้เกียจ  ในอนาคต  พวกนั้นจะถูกดูถูกจากคนรอบข้าง  เงิน และ พลัง  คือสิ่งที่ระบุถึงสถานะของผู้ชาย  ผู้ชายไร้ซึ่งพลังจะถูกดูแคลนจากผู้หญิง

ถ้าใครอยากให้ครอบครัวภูมิใจ  อยากให้ผู้หญิงยกย่อง อยากมีชีวิตที่สว่างไสว คนนั้นจะต้องเป็นนักรบที่เก่ง

กลุ่มคนทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นคนธรรมดา  ไม่มีใครสามารถรู้ถึงคู่มือล้ำค่าที่สอนถึงศิลปะในการพัฒนาพลังปราณ  พวกเขามีทางเดียวในการสร้างชื่อเสียงคือออกกำลังกายตั้งแต่ยังเด็ก  และเพิ่มความแข็งแรงร่างกาย  ออกกำลังอย่างหนักสุดน่าข่มขืน  พวกเขาจะต้องออกให้หนักกว่าเหล่าตระกูลผู้ดี  ใช้หยาดเหงื่อและแรงกายในการเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ร่างกายของพวกเขามากกว่าเหล่าตระกูลผู้ดี

“เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้า ทุกสิ่งเริ่มเจริญเติบโต นี้คือเวลาที่ดีในการรับพลังธรรมชาติจากรอบๆตัวของพวกแก และพัฒนาสภาพร่างกายกาย เทคนิคนี้ใช้ได้ตลอด  สองขาแยกจากกัน  แยกให้ไปจนถึงหัวไหล่  เขางอได้เล็กน้อย  สองแขนวางไว้ที่เอว  ท่าในการสร้างของพลังปราณ เมื่ออยู่ในท่านี้  จำไว้  พวกแกต้องตั้งใจ  ทำใจให้สงบ  และหายใจให้เป็นธรรมชาติที่สุด”

‘ฮิลแมน’สอนอย่างเยือกเย็น

ท่าการสร้างพลังปราณนี้เป็นหลักการที่ธรรมดาที่สุด  เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพของการออกกำลังกายของทุกๆคน   นี้เป็นประสบการออกกำลังกายขั้นพื้นฐานที่สืบต่อมารุ่นต่อรุ่น

ในทันที  กลุ่มเด็กเกือบสองร้อยคนอยู่ในท่าสร้างพลังปราณนี้

“จงจำไว้  พวกแกต้องตั้งใจ  ทำใจให้สงบ  และหายใจให้เป็นธรรมชาติ”

‘ฮิลแมน’พูดอย่างไร้อารมณ์ ขณะที่เขาเกิดไปยังตรงกลางของกลุ่มเด็กๆ

จากการมอง  เขาสามารถบอกได้เลยว่า  กลุ่มเด็กในทางใต้ทั้งหมดสามารถรักษาสภาวะสงบ  และหายใจอย่างเป็นธรรมชาติ  ในขณะเดียวกัน  พวกเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จในท่าทีที่แนวแน่และมั่นคง  เห็นได้อย่างชัดเจน  พวกเขาผ่านการการรับพลังปราณด้วยท่ารับพลังปราณอย่างมีประสิทธิภาพมาแล้วในระดับหนึ่ง

แต่พอมองไปยังกลุ่มเด็กตอนเหนือ  ที่เอวกับเขาโค้งจนอยู่ในท่วงท่าที่แปลกประหลาด  ผ่อนแรงตรงขา  และท่วงทาที่สบายๆ  ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากลุ่มเด็กกลุ่มนี้ยืนในท่วงท่าที่ไม่มั่นคงและปราศจากพลัง

‘ฮิลแมน’พูดไปยังชายวัยกลางคนทั้งสองคน

“ เดี๋ยวพวกนายสองคน  ดูแลเด็กทางตอนใต้กับตอนกลางนะ  เดียวผมจะดูแลกลุ่มเด็กที่อายุน้อยที่สุดนี้เอง”

“ครับ  หัวหน้า”

ชายอายุกลางคนสองคนรีบตอบรับ  ใส่ใจอย่างดีกับเด็กทั้งสองกลุ่ม  พวกเขามักเตะขาของกลุ่มเด็กโตอยู่บ่อยๆ  เพื่อตรวจสอบว่าใครยืนได้แข็งแรง  หรือใครยืนได้ปวกเปือก

‘ฮิลแมน’เดินไปยังกลุ่มเด็กทางตอนเหนือ  กลุ่มเด็กเริ่มกำวลใจ

“ตายห่า  ไอหัวหน้าปีศาจกำลังจะเดินมาแล้ว”

เด็กผมทองร่างกายใหญ่  ตาส่องประกาย  ชื่อ ‘แฮลิ’  พูดเสียงเบาๆ

‘ฮิวแมน’ก้าวมายังตรงกลางของกลุ่มเด็ก   จองมองไปยังพวกเขา  ถึงหน้า’ฮิวแมน’จะดูดุร้าย  แต่ในหัวใจของเขากำลังถอนหายใจอยู่

พวกนี้ยังเด็กเกินไป  พวกนี้ยังขาดทั้งพลังและสติปัญญา  คงจะไม่สามารถตั้งความหวังอะไรจากพวกเขาได้มากนัก  แต่มันก็คงดีนั้นละที่ให้พวกนี้ออกกำลังกายตั้งแต่เด็ก

ถ้าพวกนี้ออกกำลังกายอย่างหนักตั้งแต่เด็ก  ในอนาคตเมื่อเขาอย่ในสนามรบ  คงจะมีโอกาสในการอยู่รอดมากขึ้น

และวิธีการสอนเด็กเล็กๆนั้น  การทำให้พวกเขาสนใจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด  ถ้าเขาบังคับพวกเขามากเกินไป  ผลการตอบรับจะเป็นไปในทางตรงกันข้าม

“พวกแกทุกคน  ยืนให้มั่นคง”

‘ฮิลแมน’ส่งเสียงดุเบาๆ ในลำคอ

ในเวลาอันรวดเร็ว  กลุ่มเด็กทุกคนฮืดขึ้น  ยืดอก และจ้องไปข้างหน้า

‘ฮิวแมน’แสดงรอยยิ้มเล็กน้อย  เขาไปยันด้านหน้าของกลุ่มเด็ก  และถอดเสื้อ เส้นที่ แล่นผ่านกล้ามเนื้อที่ดูทรงพลังในร่างกายของขาทำให้กลุ่มเด็กทุกคนจ้องมองอย่างสนใจ  แม้แต่กลุ่มเด็กทางตอนกลาง และตอนใต้ก็จ้องไปยัง’ฮิวแมน’อย่างช่วงไม่ได้  พลางชื่นชมถึงรูปร่างของเขา

นอกจากร่างกายที่มีกล้ามเนื้อสุดเพอร์เฟค   ในท่อนบนอันเปลือยเปล่าของ’ฮิวแมน’  มีรอยมีด รอยดาบ  และ แผลเป็นเก่าๆ ที่นับไม่ถ้วน  กลุ่มเด็กๆมองไปยังรอยแผลด้วยตาเปล่งประกาย

รอยมีด รอยดาบ  ร่อยรอยเหล่านั้นคือเกียรติภูมิของผู้ชาย

ในหัวใจของพวกเขา  พวกเขามีความครบอย่างเต็มที่ให้แก่’ฮิวแมน’

‘ฮิวแมน’  นักรบทรงพลังคลาสหก   นักรบที่ผ่านประสบการดิ้นรนเป็นตายมานับครั้งไม่ตอน  เขาเป็นคนที่บุคคลที่สุดยอด  ในเมืองเล็กๆอย่างวูซาน  เขาคือชายหนุ่มผู้ซึ่งทุกๆคนให้ความเคารพ

เห็นเด็กๆจ้องด้วยสายตากระตือรือร้น  ‘ฮิลแมน’หลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้  เขาอยากให้เด็กๆทุกคนยกย่องในตัวเขา  ต้องการที่จะเป็นอย่างเขา  ซึ่งนั่นคือวิธีทำให้พวกเขาพยายามมากขึ้น  และมีแรงบันดาลใจ

“หึๆ  เริ่มราดน้ำมันใส่ไปในกองไฟดีกว่า”

‘ฮิลแมน’แอบยิ้มอย่างลับๆ  จากนั้นเดินไปยังก้อนหินขนาดใหญ่  ที่หนักประมาณ300-400 ปอนด์

ด้วยมือหนึ่งมือ  ‘ฮิลแมน’ยกก้อนหิน  ด้วยท่าทางที่สบายๆ  เขาค่อยๆ  เลื่อนมือไปมา  ก้อนหินที่หนักร่วมสามร้อยปอน  ในมือของ’ฮิลแมน’  ดูเหมือนเบาราวกับเป็นไม้  เด็กๆทุกคนอ้าปากค้าง  และตาโต

“เบาเกินไป  ลอร์รี่  ถ้านายมีเวลาว่างละก็หลังจากฝึก  ช่วยหาก้อนหินที่ใหญ่กว่านี้มาให้หน่อยนะ”

ด้วยท่าโยนที่ดูธรรมดา  ‘ฮิลแมน’ขว้างก้อนหินไปไกลเป็นสิบๆเมตร

แคล็ซซซ!  ก้อนหินพุ่งไปกระทบพื้นข้างๆต้นไม้ขณะใหญ่อย่างจัง  และพื้นก็สั่นไหว

‘ฮิลแมน’เดินด้วยท่าทีสบายๆ  ไปเบื้องหน้า ก้อนหินก้อนที่มองหาไว้อย่างมั่วๆ

“ฮาส์”

‘ฮิลแมน’สูดลมหายใจเข้า  เส้นเลือดทุกเส้นบนกล้ามเน้นในร่างกายของเขาผุดขึ้นมาเป็นเส้นๆ   ขณะที่’ฮิวแมน’ต่อยไปยังหินสีน้ำเงินที่อยู่ใกล้ๆอย่างจัง  หมัดของเขาแหวกผ่านอากาศ  สร้างเสียงวื๊ด  และทำให้เด็กทุกๆคนที่จ้องมอง เบิกตากลมโตจ้องมองในทุกๆการกระทำอย่างจดจ่อ  หมัดทรงพลังของฮิลแมนประทะอย่างจังกับก้อนหินนั้น

แคล็ชชช!  เสียงหมัดประทะกับก้อนหินทำให้หัวใจของเด็กๆ ทุกคนสั่นกลัว

ก้อนหินสีฟ้าเป็นก้อนที่แข็งสุดๆ

ก้อนหินสีฟ้าสั่นไหว  ในทันใดนั้น  เกิดรอยขนาดใหญ่หก หรือเจ็ดรอยแตกปรากฏขึ้น  , เกิดเสียงปึ๊ง , มันแตกออกเป็นสี่หรือห้าชิ้น  แต่มือของฮิลแมน  ไม่มีร่องรอยอะไรเลยแม้แต่น้อยปรากฏให้เห็น

‘ฮิลแมน’หัวใจเราะ  และส่ายศีรษะ

“ไม่มีทาง  ในอดีตตอนผมยังอยู่ในกองกำลัง  ทุกๆวัน ผมฝึกอย่างบ้าคลั่ง  ขณะอยู่ในสนามต่อสู้  ผมกระหายเลือดในการต่อสู้กับศัตรูในระยะประชันชิด  และในวันนี้    สิ่งที่ผมทำคือ ทำตัวสบายๆ  และยืดกล้ามเนื้อของผมเล็กน้อยในทุกๆเช้า  ผมไม่ได้มีพลังเหมือนดังเมื่อก่อน”

เด็กทุกๆคนจ้องอย่างเทิดทูนไปยัง’ฮิลแมน’

ก้อนหินสีฟ้าขนาดใหญ่แตกได้โดยหมัดๆเดียวของ’ฮิลแมน’  นี้มันคือพลังอะไรกัน

ไม่เพียงเท่านั้น  ก้อนหินหนักสามหรือสี่ปอนด์  กลับถูกกว้างได้อย่างง่ายๆ  ด้วยท่าการสะบัดมือ  นี้มันคือพลังอะไรกัน?

‘ฮิลแมน’หันหน้า  จ้องไปยังกลุ่มเด็กๆ  เขาพึงพอใจต่อผลการตอบรับของเด็กๆ

“จำไว้  ถ้าพวกแกไม่สามารถพัฒนาพลังปราณได้  ในทางทฤษฏี  ถ้าพวกแกฝึกร่างกายจนมีประสิทธิภาพขั้นสูงสุด  พวกแกก็ยังสามารถเป็นนักรบระดับหกได้  และนักรบระดับหก ในการเข้าร่วมกองกำลัง  สามารถเป็น  นายทหารระดับกลางได้อย่างง่ายดาย  และสามารถได้รับคู่มือการทหารได้อย่างง่ายๆ  ที่สอนถึงการพัฒนาพลังปราณ  ถึงคุณไม่สามารถเป็นนักรบระดับหกได้  และสามารถเป็นได้เพียงนักรบธรรมดาๆระดับหนึ่ง  คุณก็มีความสามารถเพียงพอที่จะเข้าร่วมกองกำลังทหาร  จำไว้  ถ้าผู้ชายไม่สามารถที่จะเป็นได้แม้แต่นักรบระดับหนึ่ง  คนนั้น  ก็ไม่สามารถที่จะเรียกว่าเป็นผู้ชาย ได้อย่างเต็มปาก”

“ถ้าคุณเป็นผู้ชาย  คุณต้องยืดอกของคุณขึ้น  ยอมรับในทุกๆอย่าง  ทุกคำท้าทาย  และไม่กลัวต่ออะไรทั้งนั้น”

เด็กหกขวบพยายามที่จะปรับท่าทางให้มั่นคงโดยดังที

หลังจากนั้นพักหนึ่ง  เด็กหกและเจ็ดขวบเริ่มโยกไปโยกมา

เด็กทั้งหมดเริ่มรู้สึกขาที่เกร็งกำลัง ปวดเหมือนเป็นตะคิว  แต่พวกเขาก็ขบฟันทน  แต่หลังจากนั้นไม่นาน  เด็กๆก็ร่วงตก  และนั่งลงไปบนพื้น  เรื่อยๆทีละคน

หน้าของ’ฮิลแมน’ดูดุร้ายและใจดำ  แต่ในหัวใจของเขา  เขาพยักหน้าให้อย่างลับๆ  เขายังคงพอใจสำหรับการกระทำของกลุ่มเด็กหกและเจ็ดขวบ

หลังจากนั้นไม่นาน  กลุ่มเด็กสิบขวบตรงกลางของกลุ่มก็เริ่มที่จะไม่สามารถทนได้เช่นกัน  และแต่ละคนก็เริ่มที่จะร่วงตก  เช่นกัน

“ทนไว้เท่าที่พวกแกทนได้   ผมจะไม่บังคับพวกเขา  แต่ในอนาคต  ถ้าคุณอ่อนแอกว่าเพื่อนๆ  คุณก็ไม่สามารถที่จะโทษใครได้  นอกจากตัวของพวกแกเอง”

‘ฮิลแมน’พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“หือ?”

‘ลอร์รี่’มองไปยังกลุ่มเด็กตอนเหนืออย่างประหลาดใจ

ในเวลานี้  เด็กกลุ่มกลางเริ่มร่วงลง  แต่ในตอนเหลือ  เด็กหกขวบอดทนอย่างแข็งขัน

“นี้คงจะเป็นเลนลี  วันแรกสำหรับการฝึก  ใครจะคิดว่า เจ้านี้จะแข็งแกร่งขนาดนี้”

‘ลอร์รี่’พูด  , น่าประหลาดใจ  หลังจากนั้น  ‘โรเจอ’ และ’ฮิลแมน’ก็สังเกตเห็นเช่นกัน  มองไปทางนั้นอย่างตรงๆ  ตอนตอนเหนือ  มีเด็กคนหนึ่งผมสีน้ำตา  ที่ยังคงอดทนอย่างหนักแน่น    เด็กชายจ้องมองอย่างตั้งมั่นในด้านหน้า  มือทั้งสองกำแน่น  จนมือเป็นสีขาว

ความรู้สึกที่ชื่นชมอย่างประหลาดใจปรากฏในแววตาของ’ฮิลแมน’

“เยี่ยมมาก เด็กน้อย”

‘ฮิลแมน’แอบยกย่องอย่างลับๆ  เนื่องจากเป็นแค่เด็กหกขวบ  เขาสามารถอยู่ในท่วงท่าสร้างพลังปราณ  ได้พอๆกับเด็กสิบขวบ

‘เลนลี’  ชื่อเต็ม  ‘เลนลี แบรุ๊ค’  เป็นลูกชายคนโต   และเป็นทายาทของตระกูลแบรุ๊ค  ที่ปกครองมืองวูซาน  ตระกูลแบรุ๊คเป็นตระกู,ที่เก่าแก่สุดๆ

ครั้งหนึ่ง  เคยเจริญรุ่งเรืองสุดๆอย่างต่อเนื่อง   แต่หลังจากผ่านมาเป็นพันๆปี  เหลือสมาชิกแค่สามคน  หัวหน้าพรรค  ‘ฮ็อก  แบรุ๊ค’  และ ลูกของเขาสองคน  ลูกคนโต คือ  ‘เลนลี แบรุ๊ค’  หกขวบ  ลูกคนเล็ก  ‘วาร์ตอน’  สองขวบ  สำหรับภรรยา  เมื่อเธอคลอดน้องชายคนเล็ก  เธอเสียชีวิตขณะที่เด็กได้เกิดมา  ปู่ของ’เลนลี’ก็ตายเช่นกัน  เสียชีวิตในขณะอยู่ในสงคราม

ขาของ’เลนลี’สั่น ถึงแม้จิตใจของเขาจะแข็งแรง กล้ามเนื้อขาของเขายืดจนถึงขีดสุด  และเริ่มสันจนควบคุมไม่อยู่  ในที่สุดเขาก็ล้ม และนั่งลง

“เลนลี  รู้สึกเป็นไงบ้าง?”

ยิ้ม, ‘ฮิลแมน’เดินไปหาเขา

‘เลนลี’ หลุดยิ้ม  เปิดเผยเขี้ยวอันเล็กๆของเขา

“ผมสบายดีครับ  คุณลุงฮิวแมน”

เนื่องจากเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบของพรรคแบรุ๊ค  ‘ฮิลแมน’ได้เฝ้ามองการเติบโตของ’เลนลี’มาโดยตลอด  เป็นปกติที่ทั้งสองจะรู้จักกันดีแล้ว

“ดีมาก   นายน้อย คือ ลูกผู้ชายตัวจริง”

‘ฮิลแมน’ลูบหัวของ’เลนลี’  ในทันที  ผมของ’เลนลี’ยุ้งเหยินเหมือนทุ่งหญ้าที่โดนลมพัด

“ฮ่ะฮ่ะ”

‘เลนลี’  ยิ้มกว้าง  ในหัวใจของเขาเขารู้สึกมีความสุขที่ถูก’ฮิลแมน’ชม

หลังจากพักสักพักหนึ่ง  พวกเขาเริ่มออกกำลังกายต่อ  ในรูปแบบการออกกำลังกายของเด็กหกขวบและเจ็ดขวบ จะสบายกว่า  แต่สำหรับเด็กวัยโต  รูปแบบการออกกำลังกาย จะเข้มงวดจนน่ากลัว

กลุ่มเด็กกลุ่มใหญ่  ประกอบด้วย เด็กหกและเจ็ดจวบ   ในขณะที่นอนด้วยหัวและขาอยู่บนหินแผ่นเรียบ  ยึดแรงจากเอวของพวกเขาทำให้ตัวตรง

“เอวและต้นขา  คือศูนย์รวมพลังงานในพื้นที่สามเหลี่ยม”

‘ฮิลแมน’บอกด้วยท่าทางโดยมือของเขาแสดงถึงบริเวณที่เขากำลังอธิบาย

“ในพื้นที่นี้คือ หัวใจหลักของทุกๆคน  ความเร็ว  และกำลัง  ทั้งหมดมาจากพลังงานศูนย์รวมในพื้นที่สามเหลี่ยมนี้  การสร้างเสริมพลังงานให้กับศูนย์รวมพลังงานในพื้นที่สามเหลี่ยมนี้เป็นสิ่งจำเป็น”

ขณะที่’ฮิลแมน’พูด  เขาเดินไปเรื่อยๆ  ใส่ใจตรวจสอบเด็กๆ เพื่อให้การขยับของพวกเขาถูกต้อง

“เกร็งไว้  เอวของคุณต้องแข็งแรง!”

‘ฮิลแมน’ตะคอกเสียงดัง

ในทันใดนั้น เอวของเหล่าเด็กๆ  ยืดตรง  นี้เป็นวันแรกของ’เลนลี’ในการฝึก

‘เลนลี’มีร่างกายที่แข็งแรงมาโดยตลอด  ตั้งแต่เป็นเด็ก  จริงๆแล้ว  เขาไม่เคยป่วยเลย เขาก็ยังเป็นคนที่มีความพยายามสูงมาโดยตลอด สำหรับเขาการพยายามจนถึงที่สุด ไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดอะไร

“ตุ้บ” เด็กคนแรกตก

แต่ยังไงก็ตาม  หินที่พวกเด็กๆใช้เป็นหมอนและที่รองเท้าสูงแค่เพียงยี่สิบเซ็นติเมตร  ถึงแม้เด็กจะตกลงไปก็ไม่เต็มเท่าไรนัก

“ตุ้บ” “ตุ้บ”  เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ  เด็กๆเริ่มไม่สามารถทนต่อไปได้ไหว

‘เลนลี’บดฟัน เขาสามารถรู้สึกได้ชัดเจนถึงแรงตรึงบริเวณเอวที่เริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงลิมิตที่เขาสามารถทนไหว จนถึงขนาดที่มันเริ่มจะกลายเป็นชาจนไม่รู้สึกอะไร

“ร่างกายของผมเริ่มรู้สึกหนักอึ่ง  ผมแทบจะไม่สามารถทนต่อไปได้ไหว  ต้องอดทน  ต้องอดทน  ทดให้นานขึ้นอีกนิด”

ในตอนนี้กลุ่มเด็กอายุหกถึงแปดขวบเหลือเพียง’เลนลี’เท่านั้น

จ้องไปยัง’เลนลี’  ‘ฮิลแมน’รู้สึกประหลาดใจและมีความสุขอย่างช่วยไม่ได้

“ลอร์รี่”

จู่ๆ ‘ฮิลแมน’ก็ตะโกนขึ้น

“ครับ หัวหน้า”

‘ลอร์รี่’  ยืดตัวโดยไว  รอคอยคำสั่งจากเขา

‘ฮิลแมน’สั่ง

”พรุ่งนี้  จัดเตรียมสำหรับวันพิเศษ  เมื่อพวกเขาฝึกความแข็งแรงเอวแล้ว วางกิ่งข้างใต้เอวของเด็กๆ  ย้อมสีกิ่งไม้  ถ้ามีใครสักคนขี้เกียจ  และปล่อยให้เอวโดนกิ่งไม้  ร่างกายจะติดกับสีด้วยเช่นกัน  และรูปแบบการออกกำลังกาย จะเพิ่มความยากขึ้นเป็นเท่าตัว”

“ได้ครับ  หัวหน้า”

‘ลอร์รี่’หลังจากรู้คำสั่ง  มุมปากของเขากระตุกในท่าทีของการยิ้มอย่างช่วงไม่ได้  เขาแอบหัวเราะอย่างลับๆ

“หัวหน้ามักจะเต็มไปด้วยความคิดชั่วร้ายต่างๆมากมาย   เด็กๆพวกนี้กำลังจะรู้แล้วแล้วในตอนนี้ ฮ่าๆ”

ทำไมมันถึงเป็นยังงั้น?

ดูที่สีหน้าเจ็บปวดของเด็กวัยสิบขวบ  โดยปกติแล้ว  พวกเขาสามารถปรับท่าเล็กน้อย  และผ่อนคลาย  แต่ด้วยความคิดใหม่ของ’ฮิลแมน’ พวกเขาไม่มีโอกาสทำอย่างนั้นได้เลย

‘ฮิลแมน’เริ่มพูดอย่างดุร้ายต่อ

“ให้ผมได้บอกกับพวกแกทุกคนก่อน  เมื่อนักรบฝึกกำลังภายใน  กำลังภายในแต่ถูกเก็บในขนาดเท่ากำปั้น เก็บไว้โดยตรงข้างใต้สะดื้อ  พวกแกต้องเข้าใจว่านี้คือส่วนหนึ่งของศูนย์รวมพลังงานในพื้นที่สามเหลี่ยม  ที่ผมได้กล่าวไว้  ผมหวังว่าพวกแกจะเข้าใจถึงความจำเป็นของความแข็งแรงในศูนย์รวมพลังงานพื้นที่สามเหลี่ยมแห่งนี้  นี้คือแก่นที่สำคัญที่สุดของพวกแก  ถ้าผิดพลาด  มันจะทำให้ร่างกายของคุณพลาดด้วย  ไม่ว่าส่วนอื่นๆของคุณจะแข็งแรงเท่าไร”

การสอนที่ดีคือสิ่งจำเป็นขั้นสูงสุดสำหรับเด็กๆ

และ’ฮิลแมน’เป็นสุดยอดนักรบที่ทรงพลัง  เขารู้ส่วนสำคัญสำหรับการฝึก  และยังรู้ถึงวิธีการเพิ่มความยากไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป เขาสามารถใช้เครื่องมือต่างๆ ตรงกับอายุของคนอื่นๆได้  เพราะถ้ามันหนักเกินไป  จะทำให้ร่างกายของเด็กทรุดลงแทนได้

“พลังปราณ?”

ในขณะที่ได้ยินคำนี้  กลุ่มเด็กๆ  ที่ประกอบด้วยเด็กอายุน้อยที่สุดที่กำลังพักอยู่ข้างๆ  จ้องมองยัง’ฮิลแมน’  ด้วยตาเบิกกว้าง

คนธรรมทุกคนมีความตระตือรือร้นอย่างสุดยอดที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับกำลังภายใน  แม้แต่’เลนลี’  ที่เป็นทายาทเชื้อไขของตระกูลผู้ดี  ก็กระตือรือร้นอย่างสุดๆหลังจากได้ยินคำนี้

“ตุ้บ”

ในที่สุด’เลนลี’ก็ไม่สามารถทนต่อไปได้  แต่เขายังคงใช้แขนของเขายันตัวเขาจากพื้น  ขณะที่เขากลิ้งช้าๆ

“รู้สึกเยี่ยมไปเลย”

‘เลนลี’สามารถรู้สึกได้ถึงความชาตรงเอว ที่ราวกับไปจนถึงกระดูก ความสบายทำให้ตาของเขาย่นลงเล็กน้อย

“ผมสามารถทนได้นานเท่าไรนะ”

‘เลนลี’ ลืมตาขึ้น  มองไปยังรอบๆเขา

เด็กอายุหกขวบทุกคนล้วนล้มลงเรียบร้อยแล้ว  แม้แต่เด็กอายุสิบขวบเกือบครึ่งก็ได้ล้มไปเช่นกัน  แต่เด็กกลุ่มอายุสิบสี่ขวบ ยังสามารถทนได้  ‘ฮิลแมน’ยังคงน่ากลัวเหมือนเดิมเสมอ

“พวกแกทุกคนต้องจำให้ได้  ร่างกายของพวกแกก็เหมือนขวดเปล่า  เหมือนกับแก้วไวน์  กำลังภายในก็เหมือนกับไวน์  จำนวนของไวน์ที่ขวดสามารถจุได้ขึ้นอยู่กับขนาดของขวด  เช่นเดียวกับร่างกาย  ในความสามารถของทุกคนที่จะฝึกพลังปราณขึ้นอยู่กับระยะเวลาการฝึก  ถ้าร่างกายอ่อนแอเกินไป  ถึงแม้ว่าจะได้รับคำภีฝึกกำลังภายใน  ร่างกายก็ไม่สามารถทนต่อกำลังภายในได้ไหว  และก็จะไม่สามารถกลายเป็นนักรบที่เก่งได้”

‘ฮิลแมน’บอกให้ทราบถึงส่วนสำคัญต่างๆของการแนะนำให้เด็กๆ

นักรบหลายคน  ถึงแม้จะไม่ได้รับการแนะนำอย่างถูกต้องในวัยเด็ก  เพียงแค่เข้าใจการเชื่อมต่อระหว่างกำลังภายในและความแข็งแรงของร่างกายในภายหลังของชีวิต  แต่ในอายุนั้น  จะไม่ค่อยมีการพัฒนามากเท่าไรนักเวลาพวกเขาฝึกร่างกาย

บรรพบุรุษหลายคนได้เดินไปในทางที่ผิดและได้เรียนรู้ประสบการมากมาย  ฮิลแมนค่อยๆบอกประสบการต่างๆของเขา  เหมือนลมในฤดูใบไม้ผลิบอกเกี่ยวกับสายฝนแห่งชีวิต  ประสบการณ์ต่างๆที่สำคัญค่อยๆสลักลึกเข้าไปในใจของเด็กๆ  ฮิลแมนไม้องการให้เด็กเหล่านี้เดินไปในทางที่ผิด

หลังจากฝึกท่ากำลังภายใน  เอว  หลัง ต้นขา  ไหล่  และส่วนอื่นๆของร่างกาย  เพื่อให้ร่างกายเข้ากันได้  ตอนนี้  เด็กแทบทุกคนนั่ง  ผ่อนพลายบนพื้น   โปรแกรมการฝึกของฮิลแมนเกือบจะเพอร์เฟ็กในทุกๆระดับเลเวลที่เขาให้การดูแลในกลุ่มเด็กอายุต่างๆ

“การฝึกวันนี้จบลงแล้ว”

‘ฮิลแมน’ประกาศ

การฝึกของเมืองวูซานมีระเบียบการฝึกที่ถูกควบคุมไว้  ในทุกๆวัน  มีเกิดขึ้นทั้งหมดสองครั้ง  ครั้งหนึ่งตอนเช้า  อีกครั้งตอนเย็น

“ลุงฮิลแมน  เล่าเรื่องนักรบให้ฟังหน่อยนะครับ”

หลังจากการฝึกจบลง  เด็กๆขอร้องอย่างทันที  ในทุกๆ  หลังจาก การฝึกช่วงเช้า  ‘ฮิลแมน’จะเล่าเรื่องประสบการณ์ต่างๆในค่ายทหารของเขาในแต่ละวัน  หรือ  เหตุการต่างๆที่เกิดขึ้นในทวีป

เด็กๆ เหล่านี้ทุกคนล้วนแต่อยู่อาศัยแต่ในเมืองแห่งนี้มาโดยตลอด  กระหายอยากรู้เรื่องต่างๆเกี่ยวกับกองกำลังทหาร

‘ฮิลแมน’ยิ้ม  เขามีความสุขที่จะเล่านิทานให้เด็กๆ   นี้คือสิ่งที่ทำให้เด็กๆมีความตั้งใจที่จะฝึกมากขึ้น  ‘ฮิลแมน’ได้รู้สึกมาโดยตลอดว่าการทำให้เด็กฝึกร่างกายโดยสมัครใจ จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม

“วันนี้  ผมจะเล่าเรื่องเกี่ยวกับตำนานเผ่าพันธุ์สี่สุดยอดนักรบ  ที่ทุกคนในทวีปแห่งนี้รู้จัก”

สีหน้าอันเกรงขามปรากฏอยู่บนหน้าของ’ฮิลแมน’

หูของเด็กๆ  จดจ่อกับการฟังอย่างรวดเร็ว  และตาของพวกเขาเป็นประกาย  ‘เลนลี’  นั่งอยู๋บนพื้น  รู้สึกถึงหัวใจของเข้าเต้นอย่างบ้าคลั่ง  “ตำนวนของสี่สุดยอดนักรบ?” หูของ’เลนลี’ก็ตั้งใจฟัง  อย่างช่วยไม่ได้  โดยที่เขาจ้องไปยัง’ฮิลแมน’ด้วยตาที่ไม่กระพริบ

ในสายตาของ’ฮิลแมน’ปรากฏร่องรอยของความตื่นเต้น  ถึงแม้เสียงของเขาจะยังคงเป็นเสียงที่สงบๆ

“ในทวีปของเรา  พันๆปีที่ผ่านมา  มีสี่สุดยอดนักรบปรากฏตัวขึ้น  ทั้งสี่สุดยอดนักรบครอบครองพลังที่เทียบได้กับมังกรอันดุร้าย  พวกเขาเดินท่องไปทามกล่างกองกำลังทหารอย่างสุขใจ  และสามารถตัดหัวของนายพลได้อย่างง่ายดาย  สุดยอดนักรบนี้ถูกรู้จักในนามของ  นักรบสายเลือดมังกร,  นักรบไฟทมิฬ  ,นักรบเสือ  และ นักรบผู้ไม่มีวันตาย”

“นักรบถูกแบ่งออกเป็น เก้าระบบ  ผม , เพียงแค่เป็นนักรบระดับหก , สามารถทำให้หินแตกละเอียดได้อย่างง่ายดาย  และสามารถเตะให้ต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มได้  แต่สำหรับนักรบระดับเก้า  แม้แต่ในประเทศของเราเฟนเลีย  จะสามารถจัดได้ว่าเป็นเลเวลสำหรับระดับผู้เชี่ยวชาญแนวหน้า  แต่เหนือกว่าเก้าระดับของนักรบ  คือ สี่สุดยอดนักรบ  พวกเขาสามารข้ามระดับทั้งเก้าของนักรบ  และสามารถจัดได้ว่าอยู่จุดสูงสุดของนักดาบ  ระดับของพวกเขาอยู่ใน ระดับประวัติศาสตร์ นักรบระดับเซียน”

( translator :  saint – เซนท์ ที่แปลว่า นักบุญ  ผมขอใช้แทนว่าเซียนนะครับ  จริงๆมันไม่ได้แปลว่าเซียนหรอก)

ตาของ’ฮิลแมน’เต็มไว้ด้วยความตื่นเต้น

“สุดยอดนักรบระดับเซียนในประวัติศาสตร์ที่สามารถละลายภูเขาน้ำแข็ง  ทำหทะเลขนาดใหญ่เกิดครืนที่เกรี้ยดกราด  ทำให้ภูเขาขนาดใหญ่ทลายเป็นผุยผง  สามารถทำให้เมืองที่เต็มไปด้วยประชากรเป็นล้านๆคนพังทลายได้  และสามารถทำให้ดาวตก  ตกลงมาจากท้องฟ้า  พวกเขาเป็นใครก็ตามไม่สามารถต้านทานได้  มีพลังการทำลายร้างที่รุนแรงที่สุดในโลก”

ความเงียบ  เด็กๆ ตกอยู่ในภวังค์

‘ฮิลแมน’ชี้ไปยังหุบเขาทางตอนเหนือ

“ดูที่วูซาน  มันใหญ่มากใช่ไหม”

‘ฮิลแมน’ยิ้ม

หลังจากได้ยังคำพูดของ’ฮิลแมน’  เด็กจำนวนมากเกิดความกลัวอย่างไร้สาระ  พวกเขาทั้งหมดรีบพยักหน้า

วูซานมีความสูงมากกว่าหนึ่งพันเมตร  และมีเส้นรอบวง มากกว่าหนั่งพันเมตรเช่นกัน  ในสายตาของผู้ชาย  มันสามารถจัดได้ว่าภูเขาใหญ่ๆลูกหนึ่งเลยทีเดียว

“แต่นักสู้ระดับเซียน สามารถทำลายวูซานได้ในเวลาแค่ชั่วพริบตา”

‘ฮิลแมน’พูดอย่างหนักแน่น

นักรบระดับหกสามารถทำได้เต็มที่ก็ทำลายก้อนหินขนาดใหญ่  แต่นักรบระดับเซียนสามารถทำลายภูเขาได้ทั้งลูก  เด็กทุกคนอ้าปากค้าง  ตาเบิกกว้าง  เด็กทุกคนตกใจ  และหัวใจของพวกเขาตกลงไปยังตาทุ่ม  ความกลัวที่ไม่สามารถกล่าวเป็นคำพูดได้  ความกลัวสำหรับนักสู้ระดับเซียน  แต่  ในหัวใจของเด็กๆ ยังเต็มไปด้วยภวังความคิดที่แสนยาวนาน

“ทำลายภูเขาทั้งลูก?”

คำพูดของ’ฮิลแมน’มีผลกระทบอย่างจังกับ ‘เลนลี’

ในช่วงเวลาสั้นๆ  เหล่าเด็กๆที่ตกอยู่ในภวังค์ก็ได้กลัวบ้านของพวกเขา  ‘ฮิลแมน’  ‘โรเจอ’  และ ‘ลอร์รี่’  เป็นคนสุดท้ายที่ออกจากที่นี้  ดูเด็กๆ ค่อยๆ แยกย้ายออกเป็นกลุ่มสามสี่คน  รอยยิ้มปรากฏในใบหน้าของ’ฮิลแมน’

“เด็กพวกนี้เป็นความหวังของ วูซาน”

‘ฮิลแมน’พูดด้วยรอยยิ้ม

‘โรเจอ’และ’ลอร์รี่’ก็จ้องไปยังเหล่าเด็กๆเหมือนกัน  ในทวีปนี้  จริงๆแล้วเด็กๆธรรมดาทั้งหมดต้องฝึกร่างกายอย่างหนักตั้งแต่ยังเด็ก ‘ โรเจอ’และ’ลอร์รี่’ นึกถึงกลับไปตอนสมัยยังเป็นเด็ก

“หัวหน้าฮิลแมน  คุณเป็นคนที่เก่งมากอย่างแน่นอน  เก่งกว่า  ผู้เฒ่า พ็อตเตอร์ที่จากไปหลายปีแล้ว  ภายใต้การแนะนำของคุณ  ผมเชื่อว่า เมืองวูซานจะเป็นเมืองที่แข็งแกร่งที่สุดในประเทศของเรา  เหนือกว่า เมืองทั้งสิบ  หรือ เมืองอื่นๆทั้งหมด”

‘ลอร์รี่’พูดด้วยรอยยิ้ม

ความแข็งแรงของครูสามารถระบุถึงอนาคตในวันข้างหน้าได้

“โห  หัวหน้า  ทำไมหัวหน้าถึงรู้เกี่ยวกับพลังของนักรบระดับเซียน  หรือแม้แต่สี่สุดยอดนักรบได้ละครับ”

ในทันใดนั้น  ‘ลอร์รี่’ถามในสิ่งที่อยากถามตั้งนาน

เขินอายเล็กน้อย  ‘ฮิลแมน’ยิ้มกว้าง

“ เออ อืม  จริงๆแล้ว  ผมก็ไม่ได้รู้อะไรดีนักหรอกว่าพลังของสี่สุดยอดนักรบเป็นยังไง  ยังไงก็เหอะ  ตำนานพวกนั้น  มันก็หายไม่มีใครเห็น  นานมากเป็นหลายๆปี แล้วละ”

‘ลอร์รี่’ และ’โรเจอร์’ ประหลาดใจ

“คุณไม่รู้อะไร  และคุณก็ยังไปโกหกเด็กๆอีกหรอครับ?”

‘ฮิลแมน’ยิ้มเล็กน้อย

“ถึงแม้ผมจะไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับความเก่งของสี่สุดยอดนักรบ  แต่ผมรู้คือ  นักวทระดับเซียนที่เชี่ยวชาญ  ที่สามารถพูดได้ว่านักเวทที่สามารถบรรลุถึงขั้นเซียน  สามารถใช้เวทต้องห้าม  และขจัดกองกำลังหมื่นๆคน หรือเมืองทั้งเมืองได้เรียบเป็นหน้ากอง  เมื่อนักเวทระดับเซียนทรงพลังขนาดนี้  ผมก็คาดว่า นักรบระดับเซียนก็คงจะไม่อ่อนไปกว่านี้แน่นอน”

“และสิ่งสำคัญที่สุด เหตุผลที่ผมบอกกับพวกเด็กๆ ถึงเรื่องนี้คือ  จะทำให้พวกเขามีความขยันมากขึ้น  คุณไม่เห็นหรอว่าพวกเด็กตื่นเต้นขนาดไหนหลังจากได้ฟังเรื่องเล่านี้?”

‘ฮิลแมน’ยิ้มอย่างสุขใจ

‘ลอร์รี่’และ’โรเจอร์’ ทั้งสองคนพูดไม่ออก

……

“แล้วเจอกันภายหลังนะ ลีย์”

“เจอกัน แฮดลี”

หลังจาดอวยพรไปยังเพื่อนของเขาที่นิสัยดี  ‘แฮดลี’   ‘เลนลี’เดินกลับไปบ้านของเขาคนเดียว  หลังจากเดินไปช่วงหนึ่ง  เขาเห็นมรดกที่ตกทอดของพรรคบารุ๊ค

พื้นที่ที่ดินขนาดใหญ่ของคฤหาดบารุ๊คที่ถูกสร้างึ้นมีขนาดใหญ่  มอสได้กาะไปตามกำแพง  มีเถาวัลพันรอบๆกำแพงด้วยเช่นกัน  ร่องรอยของเวลาปรากฏขึ้นบนกำแพง  คฤหาดบารุ๊คตั้งอยู่ในเมืองวูซาน  เป็นบ้านที่เก่าแก่ของพรรคบารุ๊ค  บ้านเก่าแก่ที่มีอายุยาวนานมากกว่าห้าพันปี  และผ่านการตกแต่งมานับครั้งไม่ถ้วนจนเห็นในสภาพปัจจุบันนี้

แต่ การทรัพสมบัติก็เริ่มทดถอยหายไปเรื่อยๆ    ด้านการเงินของพรรคบารุ๊คก็เริ่มแย่ลงเรื่อยๆ  และมาจนถึงจุดจบ  ที่เงินทั้งหมดต้องใช้มาจากสมบัติเก่าๆ  ผ่านไปยาวนานกว่าร้อยปี  ที่หัวหน้าพรรคบารุ๊คตัดสินใจให้ลูกพรรคมาอายุที่ลานว่างหน้าคหฤาดแทน  ที่กินพื้นที่ไปถึงสามส่วนของสนามหน้าบ้าน   ส่วนที่เหลือต่างๆของคฤหาดก็ไม่ได้รับการดูแลรักษามานานแล้ว  วิธีนี้ทำให้สามารถประหยัดเงินได้เป็นจำนวนมาก

แต่ถึงแม้จะใช้วิธีการนี้  ในช่วงเวลานี้ พ่อของ’เลนลี’  ‘ฮ็อก บารุ๊ค’ก็ยังคงจำเป็นต้องขายสมบัติประจำตระกูลของตัวเอง  เพื่อที่จะยกระดับครอบครัว

ประตูของคฤหาดได้ถูกเปิด

“นักรบระดับเซียน?”

ขณะที่เดิน  ‘เลนลี’ก็ยังคงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ภายในอนาคต  ผมจะเป็นนักรบระดับเซียนได้ไหมนะ?”

“เลนลี”

เสียงของ’ฮิลแมน’ดังมาจากข้างหลังของเขา  ‘ฮิลแมน’ ‘โรเจอ’  และ’ลอร์รี่’ในที่สุดก็เดินมาทันเขา

‘เลนลี’หันหลังและรีบพูดอย่างมีความสุด

“คุณลุงฮิลแมน”

ด้วยเรื่องที่เล่านี้  ‘เลนลี’สูดลมหายใจลึกๆ   เงยหน้ามองไปยัง’ฮิลแมน’  เสียงของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น  เขาพูดว่า

“คุณลุงฮิลแมน  นักรบระดับเซียนเก่งขนาดนั้นเลยหรอครับ?  แล้วผมละครับ  มันเป็นไปได้ไหมที่ผมจะเป็นนักรบระดับเซียน”

ในหัวใจของ’เลนลี’ ก็มีความต้องการเหมือนๆกับเด็กๆทุกคน

‘ฮิลแมน’ตกอยู่ในภวังค์  นอกจากเขา  ‘โรเจอร์’  และ’ลอร์รี่’ก็พูดไม่ออกเช่นกัน

นักรบระดับเซียน?

“เด็กน้อยคนนี้มีฝันที่ยิ่งใหญ่จริงๆ  ประเทศเฟเนียมีประชากรเป็นล้านๆคน  แต่ถึงแม้อย่างนั้น  ประเทศนับไม่ถ้วน ก็ไม่ได้มีนักรบระดับเซียนเกิดมาเลยสักคน  สำหรับเรื่องที่อยากจากเป็นนักรบระดับเซียนนั้น….”

ในใจของ’ฮิลแมน’  เขาเข้าใจอย่างชัดเจนว่าการเป็นนักรบระดับเซียนนี้ลำบากเพียงไร

มันต้องมาจากคนที่ขยันหนักมากๆตั้งแต่วัยเด็ก  มีการสนับสนุนจากตระกูลขุนนาง และยังต้องมีพรสวรรค์อีกด้วยเช่นกัน  มันก็ยังคงต้องอาศัยโชคอีกด้วย  มันจะง่ายได้อย่างไรสำหรับการเป็นนักรบระดับเซียน

ฮิลแมนรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องราวเจ็บปวดของตัวเขา  ในการพยายามที่จะเป็นนักรบระดับหก  เขาผ่านประสบการณ์เป็น – ตาย  ในการต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วน   ถึงแม้การเป็นนักรบระดับหกจะยากมาก  แน่นอนว่า นักรบระดับ เจ็ด แปด และเก้า  ย่อมยากกว่าเป็นเท่าตัว  และสำหรับนักรบระดับเซียน? แค่ในความฝัน  เขาก็ยังไม่กล้าฝันว่าตัวเองเป็นหนึ่งในนั้น

แต่เมื่อเขาต้องเผชิญกับแววตากระตือรือร้นของ’เลนลี’

“เลนลี  ลุงฮิลแมนมีความเชื่อถือในตัวคุณหนู  ลุงเชื่อว่า คุณหนูจะกลายเป็นนักรบระดับเซียนได้”

จ้องไปยัง’เลนลี’  ‘ฮิลแมน’พูดอย่างหนักแน่น  คำพูดนี้กระตุ้นความมั่นใจให้ตาของ’เลนลี’ส่องประกาย  ในหัวใจของ’เลนลี’  เช่นกัน  ความพยายามพุ่งทะยานสูงขึ้น

“ลุงฮิลแมน  ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป  ผมขอฝึกแบบเดียวกับเด็กอายุสิบขวบได้ไหมครับ”

‘เลนลี’ถามอย่างรวดเร็ว

‘ฮิลแมน’  ‘โรเจอร์’  และ’ลอร์รี่’ตั้งหมดจ้องมอง’เลนลี’อย่างประหลาดใจ

“พ่อของผมบอกผมเสมอว่า  ถ้าลูกอยากเป็นผู้ชายที่ไร้เทียมทาน  ลูกต้องขยันมากกว่าผู้ชายคนอื่น “

‘เลนลี’เผลอพูดเลียนแบบวิธีที่พ่อของเขาพูด

‘ฮิลแมน’ยิ้มอย่างรวดเร็ว  เขาได้เห็นการฝึกของ’เลนลี’วันนี้  ถึงแม้’เลนลี’จะอายุแค่หกขวบ  สภาพร่างกายของเขาสามารถเทียบได้เท่าเด็กอายุเก้าขวบ  เขาพยักหน้าอย่างรวดเร็ว  และยิ้ม

“ดี  แต่ว่า  คุณหนูต้องไม่ขี้เกียจ  คุณหนูต้องรู้นะครับว่า มันไม่ใช่แค่วันสองวันถึงประสบความสำหรับ  มันต้องเป็นระเบียบการฝึกที่ยาวนาน”

‘เลนลี’ยกหัวเล็กๆของเขาอย่างภูมิใจ  ความมั่นใจในตัวเอง  เขายิ้ม

“ลุงฮิลแมน  คุณแค่รอ แล้วคุณจะเห็น”

นี้เป็นหนึ่งในตอนเช้ายามปกติของเมืองวูซาน  อย่างไงก็ตาม  ในทุกๆเช้า มันก็เป็นแบบนี้เรื่อยมา  กลุ่มเด็กๆเมืองวูซานจะตาม’ฮิลแมน’  นักรบระดับหก  และฝึกฝนร่างกายอย่างหนักภายใต้คำแนะนำของเขา

มีสิ่งที่แตกต่างกันอย่างหนึ่งก็คือ  มีเด็กหกขวบ ‘เลนลี’ที่ถูกจัดไว้ในทีมตรงกลาง ซึ่งคือทีมของเด็กอายุสิบขวบ

ที่มา:

ตอนต่อไป
comments