I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Devouring The Heavens ตอนที่ 43 เจ้าเล่ห์

| Devouring The Heavens | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

เฟิง เลี่ย สังเกตเห็นว่าซวนหยวนและชายชรายังไม่ยอมไปจากเขา ดังนั้นเขาจึงสะบัดมือนำพากระแสลมให้พัดพาพวกเขาออกไป

 

เปลวเพลิงห้าสายพุ่งผ่านอากาศพร้อมด้วยเสียงอันน่าสะพรึงกลัว ขนตามตัวของซวนหยวนต่างลุกชัน ขณะไฟที่ลุกโชติช่วงนั้นพุ่งเข้าใส่ เฟิง เลี่ย และเริ่มที่จะหลอมทำลายเสื้อเกราะของเขา เฟิง เลี่ย สั่นสะท้านอย่างเห็นได้ชัด แต่เขาก็ยังท่องทักษะของเขาอีกครั้งและด้วยพลังอำนาจของมันได้นำพาทั้ง 3 กลับขึ้นมายังชั้นที่ 4

 

เมื่อเห็นว่า เฟิง เลี่ย สามารถหนีออกไปได้, กุ่ย ช่าน ได้ตะโกนออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “ มันหนีไปแล้ว ข้าจะตามมันไป! ”

 

เพียงแต่เมื่อเขาพยายามที่จะก้าวออกไป เขาได้กระอักเลือดถึง 3 ครั้ง แต่ละครั้งยิ่งมีเลือดออกมาจากปากของเขามากขึ้น
 
ซือต่าน กล่าวอย่างเย็นชา “ เดี๋ยวก่อน เฟิง เลี่ย มันเองก็บาดเจ็บ แต่เจ้าก็จะไม่รอดเช่นกันถ้ามันทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะสังหารเจ้า การลอบกัดของพวกมันทำให้เหล่าสัตว์อสูรของพวกเรามากมายต่างต้องตกตาย เราต้องรีบเปิดประตูเพื่อจะไปที่รังอื่นและรับเลือดใหม่มาเพิ่ม เจ้าไม่สามารถเข้าไปในอาณาเขตของมนุษย์ได้ในตอนนี้ โชคยังดีที่ เฟิง เลี่ย ไม่ได้ทำลายชั้นที่ 5 นี้ เรายังสามารถเชื่อมต่อกับลังอื่นๆ ได้อย่างปลอดภัย แต่ครั้งหน้าเราอาจจะไม่ได้โชคดีเช่นนี้สงครามระหว่างเผ่ามายาและมนุษย์จักต้องเกิดขึ้นแน่นอน แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ”

 

กุ่ย ช่าน เห็นด้วยกับคำพูดของซือต่าน เขาคำนับให้กับนาง และลากร่างที่บาดเจ็บของตัวเองออกไปอย่างช้าๆ แต่เสียงที่ดูผ่อนคลายของซือหว่าน ดังเข้ามาในหู “ ดูแลบาดแผลของเจ้าให้ดี ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเวลา ”

 

กุ่ย ช่าน โค้งคำนับอีกครั้ง “ ขอบพระคุณขอรับ องค์หญิง ”

 

ซือต่านเหลือบมองไปที่น้องสาวของนางและถอนหายใจ เงาร่างของพวกเขาเริ่มเลือนหายไปในอากาศ

 

************************************

 

ภายใต้การปกป้องของ เฟิง เลี่ย, ซวนหยวนและ อู๋ หมิง สามารถหนีรอดออกมาได้อย่างปลอดภัย เฟิง เลี่ย ตกลงมาจากหลังม้าของเขาและมีรอยแผลขนาด 5 นิ้วบนร่างกาย ผิวหนังรอบรอยแผลยังคงมีรอยไหม้อยู่ เขาได้กระอักเลือดออกมา เลือดนั้นเป็นสีดำ เพื่อที่จะควบคุมไฟที่แผ่ซ่านอยู่ภายในร่างกาย เฟิง เลี่ย ได้เริ่มนั่งสมาธิ

 

“ มันคือเปลวเพลิงแห่งอาชูร่า เป็นนักสู้อัคคีอันดับที่ 36 โชคยังดีที่มันเป็นเพียงแค่เงา มิฉะนั้นข้าคงตายไปแล้ว ”

 

ซวนหยวนหยิบเม็ดยา 2 เม็ดที่มีส่วนผสมของธาตุน้ำออกมาและยื่นให้กับ เฟิง เลี่ย น้ำนั้นสามารถสยบไฟได้ มันช่วยสมานแผลได้เป็นอย่างมากแม้มันจะเป็นเพียงยาระดับ4 เฟิง เลี่ย มองไปที่ซวนหยวนอย่างชื่นชม

 

“ ที่นี่ปลอดภัยหรือไม่นายน้อยเฟิง เลี่ย? พวกมันไม่ได้ติดตามเรามา? ” ซวนหยวนถาม

 

“ ไม่ต้องกังวล พวกมันอัญเชิญเงาออกมาจากแท่นบูชา ปีศาจชั่วพวกนั้นไม่สามารถทำอันตรายเราได้เมื่อเราออกมาจากแท่นบูชานั้น และ กุ่ย ช่าน เองก็ยังได้รับบาดเจ็บ มันคงที่จะไม่กล้าออกมาเหมือนกัน ข้าอยากให้พวกเจ้าทั้ง 2 ปกป้องข้า ตอนที่ข้ากำลังฟื้นฟูตัวเอง ด้วยวิธีการรักษาของข้าไม่อาจถูกรบกวนได้ ไม่อย่างนั้นไฟมันจะแพร่กระจายไปทั่ว ข้าจะต้องบังคับให้เพลิงแห่งอาชูร่าออกมาจากร่างกายของข้าในทันที ” เฟิง เลี่ย บอกแก่ซวนหยวน จากนั้นเขาเริ่มรักษาตัวเอง การหมุนเวียนของกระแสลมที่ถูกสร้างจากปราณต่อสู้ล้อมรอบตัวเขา

 

เฟิง เลี่ยใช้เม็ดยาที่ได้รับจากซวนหยวนและเริ่มที่จะฟื้นฟูตนเอง กระบวกการรักษาจะเป็นที่จะต้องใช้เวลา

 

“ นายน้อย ท่านรู้ใช่ไหมว่า นายน้อยเฟิง เลี่ย มาจากนิกายนักสู้มังกร ? ” อู๋ หมิงถามอย่างฉับพลัน

 

ซวนหยวนตื่นตัว เขานึกขึ้นได้เกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างตระกูลหยินกับนิกายนักสู้มังกร หลังจากที่เขาพิจารณาได้สักครู่

 

“ แน่นอน แล้วยังไง? ”

 

“ ตระกูลหยินของพวกเราเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ตะวันออกซึ่งเป็นศัตรูกับนิกายนักสู้มังกร และ เฟิง เลี่ย ก็คือหนึ่งในสาวกที่ดีที่สุดของนิกาย ถ้าเราคว้าโอกาสนี้และนำหัวของเขากลับไปยังตระกูลหยิน นายน้อยจะต้องตบรางวัลให้ท่านอย่างแน่นอน” อู๋ หมิง กล่าวอย่างหนักแน่น

 
เฟิง เลี่ย ตกใจเป็นอย่างมาก “ ซวนหยวนเจ้ามาจากตระกูลหยินอย่างงั้นหรือ!? เวรเอ้ย! ”

 

“ เจ้ากล้า? นายน้อยเฟิง เลี่ย เป็นผู้มีพระคุณของข้า ข้าจะไม่ทำอันตรายแก่เขา. ไสหัวไป! ” ใบหน้าของซวนหยวนมืดมน เขาเกรี้ยวกราดกับวิธีของอู๋ หมิง เหยียนเหลียงถูกเสียสละเพื่อที่จะทดสอบเขา อู๋ หมิง ไม่ได้ซื่อสัตย์กับซวนหยวน เขาเพียงแต่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลหยินเท่านั้น ตอนแรก อู๋ หมิง มาเพื่อที่จะสังหารเขา แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นอู๋ หมิงต้องมาปกป้องซวนหยวน ทั้งหมดนี้มันเกินความคาดหมายมากเกินไป

 

อู๋ หมิง มีโทสะกับคำพูดของซวนหยวน เขาถูกตอแยด้วยเด็กที่ฆ่า อู๋ ตง

 

“ นายน้อยไม่คิดที่จะสังหารเฟิง เลี่ย ท่านคิดจริงๆ? ถ้าอย่างนั้น สิ่งที่นายน้อยของข้าคิดคงจะถูกต้อง ท่านวางแผนที่จะส่งมอบทักษะลับตระกูลหยินให้กับนิกายนักสู้มังกรเพื่อที่จะสงเสริมตัวเอง ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าก็คงจำเป็นที่จะต้องสังหารท่าน ” อู๋ หมิง กล่าวหาเขาทันทีในสิ่งที่เขายังไม่ได้ทำ มันทำให้ซวนหยวนถึงกับพูดไม่ออก

 

“ อู๋ หมิง! เจ้าพ่นอะไรของเจ้าออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะนายน้อยเฟิง เลี่ย ป่านนี้ เจ้าตายไปแล้ว และเจ้ายังคิดที่จะฆ่าเขาอีกอย่างนั้นรึ!? ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ เจ้ากลัวว่าข้าจะทำให้ทักษะลับที่ท่านอาจารย์เฉินลู่สอนแก่ข้านั่นรั่วไหลใช่ไหม? ดังนั้นเจ้าถึงอยากที่จะสังหารข้า ประเสริฐ! ถ้าอย่างนั้นก็ทำเลย ไม่จำเป็นต้องหาข้อแก้ตัว ” ซวนหยวนดึงดาบออกมาและชี้ไปที่ อู๋ หมิง

 

เฟิง เลี่ย ต้องการที่จะหยุดกระบวนการรักษาแต่เมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ซวนยหวนพูดและคิดกับตัวเอง “ ทำไมตระกูลหยินถึงกลัวว่าเขาจะเอาทักษะลับของตระกูลมาให้นิกาย.. ”
 
อู๋ หมิง เยาะเย้ย ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วราวกับสายฟ้า ซวนหยวนถูกทำให้ดาบหลุดจากมือพร้อมกับข้อมือที่ได้รับบาดเจ็บ
 
“ อยากจะสังหารข้าด้วยความแข็งแกร่งเพียงแค่นี้? นี่มันเรื่องน่าขันอันใด ” อู๋ หมิง หันดาบมังกรวารีไปที่เฟิง เลี่ย แต่ซวนหยวนรีบมายืนอยู่หน้าเขา และมองอู๋ หมิง อย่างเย็นชา

“ เจ้าต้องข้ามศพข้าไปก่อน! ”

 

ในเวลาเดียวกัน เขาได้ตะโกนลงไปในจิตใจของเขา “ เฒ่าโลภมาก กลืนกินมันซะ ไอ้ข้ารับใช้โง่เขลาของตระกูลหยิน มันล้ำเส้นมากเกินไป”

 

“ ฮ่าๆๆๆ ไม่มีปัญหา ข้าจะดูแลไอ้นักสู้ขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูงนี้ให้ดี แต่เราจะต้องโจมตีไม่ให้มันรู้ตัว ”

 

อู๋ หมิง กล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ ท่านคิดว่าจะหยุดข้าได้? แม้ว่าคุณหนูเฉินลู่จะใส่ ‘แสงของมันกรสวรรค์’ ไว้ในตัวของท่าน ท่านคิดจริงๆหรือว่าข้าไม่สามารถสังหารท่านได้ ”

 

ในความเป็นจริง อู๋ หมิง ไม่กล้าที่จะทำร้ายซวนหยวน แต่ด้วยความเร็วที่มากมายของเขา มันไม่ใช่ปัญหาเลยที่จะสังหาร เฟิง เลี่ย ถึงแม่ซวนหยวนจะมาคั่นกลางเอาไว้ เขากวัดแกว่งดาบและพุ่งไปที่เฟิง เลี่ย ด้วยพลังปราณที่มหาศาลทำให้เกิดกระแสลมที่น่ากลัว

 

ในเวลานั้นเอง ซวนหยวนดึงกริชของเขาออกมาและใช้การเคลื่อนไหว “ ไข่มุกมังกรสวรรค์ ” ผลักดัน อู๋ หมิง

 

ชายชราเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความชิงชัง “ กริชของท่านไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันมีความคมเป็นอย่างมาก แต่ข้านั้นสวมเสื้อเกราะระดับปฐพีขั้นต่ำ ท่านไม่สามารถทำร้า… ”
 
ก่อนที่เขาจะได้ทันกล่าวจบ แรงกดดันที่น่ากลัวได้พุ่งผ่านเข้ามาสู่ชั้นในของเสื้อเกราะแล้ว อำนาจการกลืนกินถูกปลดปล่อยออกมา ด้ายสีดำจำนวนมากปกคลุมตัวอู๋ หมิง

 

ซวนหยวนตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น “ ไอ้แก่อู๋ หมิง ไม่จำเป็นต้องขัดขืน ข้าได้ปลดปล่อย ‘แสงของมังกรสวรรค์’ ไปแล้ว”

 

เฒ่าโลภมากเข้าใจแผนการของซวนหยวนอย่างรวดเร็ว และตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของอู๋ หมิง “ บัดซบ เจ้ามันไอขี้ขลาด ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะสามารถใช้ ‘แสงของมังกรสวรรค์’ ที่สถิตอยู่ในตัวเจ้าได้ รอจนกล่าวนายน้อยของข้าจะมา เจ้าจะต้องตายแน่นอน อ๊ากกกกกก ร่าง.. ร่างกายข้าาาาาาา… ”
 
เมื่อดูดกลืนเสร็จสิ้น ไม่มีตัวตนของอู๋ หมิง หลงเหลืออีกต่อไป เหลือเพียงแค่แหวนนักสู้ ที่มีพื้นที่เป็นสองเท่าของแหวนที่เขาได้มาจากอู๋ ตง

 

ซวนหยวนผ่อนคลายในที่สุด “ ไม่ต้องกังวลแล้ว นายน้อยเฟิง เลี่ย ข้าได้กำจัดเขาออกไปแล้ว”

 

“ เจ้ามันช่างเจ้าเลห์เสียจริง ฮ่าๆๆๆ… แต่เจ้าแก่นั้นกับให้พลังมากกว่าไอพวกปีศาจปอบขาวนั่นเสียอีก ” เสียงของเฒ่าโลภมากดูมีความสุขเป็นอย่างมาก

 

ซวนหยวนไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เขากำลังคำนวณผลกำไรที่ได้จากการเดินทางในครั้งนี้

 

ผลึกอสูรระดับจอมยุทธ์ 252 อัน!

 

ผลึกอสูรระดับจิตวิญญาณ 280 อัน!

 

ผลึกอสูรระดับพฤกษา 132 อัน!

 

ผลึกอสูรระดับกษัตริย์ 8 อัน!

 

เพียงแค่ผลึกอสูรพวกนี้ ก็เป็นโชคลาภที่มากมายแล้ว ซวนหยวนตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องซื้อยุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นต่ำยกชุดหลังจากที่เขากลับไปที่จุดรับรางวัล

 

ส่วนที่ได้รับจากแหวนนักสู้ของ ต่ง เซวียน, ลวี เฟิง, เย่ว เถิง, เย่ว ชาน และ หง ยื่อ รวมกันได้ทั้งหมด 50,000 เหรียญจอมยุทธ์ และเหรียญจิตวิญญาณอีกจำนวนหนึ่ง ตอนนี้เขามีเหรียญจิตวิญญาณมากกว่า 100,000 เหรียญจิตวิญญาณ
 
และยังมีอีก 3,000 เหรียญพฤกษาที่ได้จาก ต่ง เซวียนและ ลวี เฟิง ศิษย์แท้จริงที่แข็งแกร่งที่สุดต่างร่ำรวยอย่างมาก
นี่ยังไม่ได้นับรวมยุทธภัณฑ์ระดับจิตวิญญาณทั้งหมดของพวกเขา และของมีค่าทั้งหมดที่ซวนหยวนไม่รู้จัก สรุปก็คือ ซวนหยวนในตอนนี้มีเงินมากมายมหาศาล…

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments