ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลังจากที่ซวนหยวนนับทุกอย่างเสร็จแล้ว ซวนหยวนเงยหน้ามองไปที่ม้าเกล็ดมังกร มันมีความแข็งแกร่งเท่ากับนักรบขอบเขตพฤกษามันแข็งแกร่งกว่าซวนหยวน มันไม่จำเป็นที่จะต้องดูแลมันมาก มันแค่ต้องการยาเสริมความแข็งแกร่ง 2 เม็ดต่อวัน
เขาไม่ต้องเสียเวลาและเริ่มฝึก เมื่อเขาสามาถเชื่อมต่อระหว่างผิวหนัง กล้ามเนื้อ และกระดูกของเขาซวนหยวนสามารถรู้สึกได้ถึงหลอดเลือดของเขา พวกมันทั้งหมดมีความคล่องตัวมากพันรอบร่างของเขาเหมือนมังกร อย่างไรก็ตามสิ่งสกปรกจำนวนมากติดอยู่ภายในเส้นเลือดของเขาและสิ่งสกปรกก็หนาแน่นอย่างไม่น่าเชื่อ
เฒ่าโลภมากแสดงให้เห็นว่ามันมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น “ฮ่าฮ่าฮ่า ร่างกายที่เกิดจากการสร้างขึ้นมันสามารถดูดถึงทุกสิ่งทุกอย่างได้ในเอกภพ แต่มันก็ยังมีสิ่งสกปรกที่มากมาย แม้หญ้ามังกรงูจะให้พลังแก่หลอดเลือดของเจ้า เมื่อเจ้าสามารถขจัดสิ่งสกปรกออกมันจะทำให้พลังของเจ้าเพิ่มมากขึ้น”
ซวนหยวนหรี่ตาลง เขาดูดซับบรรยากาศชั่วร้ายไปจำนวนมาก บรรยากาศชั่วร้ายเป็นประเภทหนึ่งของพลังปราณในเอกภพ แต่มันก็ไม่ทำให้เขาเจ็บปวดที่ดูดบรรยากาศชั่วร้ายเข้าไปเพราะเขามีร่างกายที่เกิดจากการสร้างขึ้น ซวนหยวนท่องทักษะมังกรสวรรค์นิรันดร์เเละเริ่มที่จะฝึกฝน
หมัดจากทักษะนิรันดร์มันคล้ายกับกรงเล็กของมังกร มันมีพลังบดขยี้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยการโจมตีแต่ละครั้งของซวนหยวนหมัดที่เขาปล่อยออกไปมีคลื่นรูปร่างมังกรสีขาวปรากฏ เสียงของมันคล้ายกับเสียงคำรามของมังกร
พลังปราณต่อสู้ของเขาเริ่มบริสุทธิ์ด้วยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและมุ่งเน้นไปที่เส้นโลหิตของเขา ด้วยความช่วยเหลือจากไข่มุกของหยิน เฉินลู่ พลังปราณชั่วร้ายกลายเปลี่ยนเป็นพลังปราณต่อสู้ และถูกดูดเข้าไปในร่างกายของซวนหยวนอย่างรวดเร็ว มันดูดซับเร็วกว่าคนทั่วๆไปเป็น 100เท่า
ซวนหยวนฝึกฝนอย่างเหน็ดเหนื่อ เขาต้องใช้ยาเสริมความแข็งแกร่งทุกๆ 8 ชั่วโมงเพื่อที่จะฝึกฝนต่อ
เส้นโลหิตระหว่างแขนของเขาเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก มันถูกขจัดด้วยพลังปราณต่อสู้ที่บริสุทธิ์ กระบวนการนี้มีความเจ็บปวดอย่างมาก แต่ซวนหยวนต้องทนกับความเจ็บปวด ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นทุกวินาที
สามวันที่ผ่านมา ยาเสริมความแข็งแกร่งของเขาหมดไปและเขาไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาตลอดสามวัน แต่ในที่สุดเขาก็กลั่นสิ่งที่สกปรกในโลหิตที่แขนของเขาเสร็จสิ้น ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มอย่างรวดเร็วจากมังกร 6 ตัวเป็น มังกร 14 ตัว ความคืบหน้าของเขาเป็นไปอย่างน่าตกใจ แน่นอนว่าเขาจะต้องมีพลังมากกว่านี้เมื่อเขาสามารถปรับแต่งเส้นโลหิตของเขาได้ทั้งหมด!”
ตอนนี้แขนของซวนหยวนเต็มไปด้วยพลังปราณต่อสู้ และเขาสามารถที่จะปลดปล่อยพลังปราณไปในการโจมตี แม้ว่าเขาจะไม่มีอาวุธเขาก็สามารถฆ่าทุกคนที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณได้
หลังจากที่ซวนหยวนเสร็จสิ้นการฝึกฝน ลมหายใจของเขาหนักหน่วง จากพลังที่ปกคลุมเฟิง เลี่ย เมื่อเฟิง เลี่ยรักษาอาการบาดเจ็บเสร็จ เขาลุกขึ้นยืนด้วยพลังที่ปกคลุมร่างกายของเขา มันมีพลังมากกว่า 3 วันก่อน
“ทำได้ดีมากซวนหยวน เจ้าช่วยชีวิตข้า แม้ว่าเจ้าจะมีความสัมพันธ์กับตระกูลหยินแต่การกระทำของเจ้าก็พิสูจน์ตัวเจ้าเอง” เฟิง เลี่ยกล่าวชมเชย “ไปกันเถอะ เจ้ายังคงอ่อนแอเกินไปที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นศิษย์ภายในของนิกาย แต่ข้าจะแนะนำเจ้ามันน่าจะเพียงพอที่จะให้เจ้าเข้าร่วมนิกายได้”
ซวนหยวนส่ายหัวและกล่าวว่า “ศิษย์พี่เฟิง เลี่ย ข้าจะไปที่นิกายกับท่านแต่โปรดเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ หลังจากที่ คุณหนูเฉินลู่แห่งตระกูลหยินสอนทักษะแก่ข้า นางช่วยชีวิตข้า ข้าจะไม่ทรยศนางที่นางไว้ใจข้า ข้าจะไม่มอบทักษะลับของตระกูลหยินให้กับนิกาย”
เฟิง เลี่ยไม่โกรธแต่รู้สึกภูมิใจ ” ประเสริฐ ชายชราพวกนั้นพวกเขาล้วนตาบอด ที่มันไม่รู้ถึงความสามารถของเจ้า เจ้าอย่าสงสัยพวกเขาเหล่านั้น เจ้าควรซื่อสัตย์ต่อพวกเขา ซวนหยวนจงเชื่อข้า ข้าจะไม่เปิดเผยความลับของเจ้า”
“ขอบคุณท่านมากพี่ชายเฟิง เลี่ย” ซวนหยวนเรียกเขาว่า พี่ชายทันทีหลังจากที่เขาให้คำสัญญา ทั้งตระกูลหยินและนิกายนักสู้มังกรมันไม่ใช่สถานที่ๆจะดำรงชีวิตอยู่ได้ง่ายนัก ตอนนี้เขาไม่สามาถไปตระกูลหยินได้เพราะเขาได้ฆ่าอู๋ หมิง นายน้อยแห่งตระกูลหยินจะต้องฆ่าข้าอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามเฟิง เลี่ยสามารถปกป้องเขาได้ภายในนิกาย เขามีพรสวรรค์และอายุยังน้อยแถมยังมีอำนาจมาก ทางเลือกที่ดีที่สุดคือติดตามเขา ซวนหยวนมีแผนแล้ว
“ไปกันเถอะ”เฟิง เลี่ยและซวนหยวนขี่ม้าและมุ่งหน้าออกจากรัง
ซวนหยวนถอนหายใจเงียบๆ ถ้าเขาไม่แกล้งทำท่า “แสงมังกรสวรรค์” ที่ได้รับจากหยิน เฉินลู่ เฟิง เลี่ยจะต้องสงสัยเกี่ยวกับการที่เขาฆ่าอู๋ หมิงคนที่มีพลังมากกว่าเขา เขาไม่สามารถที่จะตอบคำถามได้ถ้าเฟิง เลี่ยถามเขา แต่เฟิง เลี่ยไม่ได้ถามและซวนหยวนก็ไม่ได้พูดถึงมัน
เพียงแค่ใช้เวลาไม่นานม้าเกล็ดมังกรก็สามารถออกจากรังได้อย่างรวดเร็วด้วยการช่วยเหลือของพลังปราณวายุ พวกเขาเกือบจะถึงขอบของป่า
ทันใดนั้นหมาป่าก็เห่าหอน เฟิง เลี่ยหยุดและมองลงมามีผู้หญิงคนหนึ่งขี่หมาป่าสีเงินอยู่ด้านนอกของป่า พวกเขากำลังมองขึ้นมาบนท้องฟ้า
ซวนหยวนกล่าวอย่างรีบร้อน “พี่ชายเฟิง เลี่ย ข้าอยากจะนำกู่ฉิงไปกับข้า”
เฟิง เลี่ยรู้ว่าซวนหยวนนั้นรักใคร่สหายของเขามาก เขาปล่อยให้ซวนหยวนลงไปที่พื้นและเอาเหรียญตราออกมา เหรียญตรานั้นเต็มไปด้วยอาคมที่แข็งแกร่ง
“นี่คือ เหรียญตราที่แท้จริงของนิกายนักสู้มังกร มันเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกเป็นตัวแทนของศิษย์แท้จริงของนิกาย ด้วยสิ่งนี้เจ้าจะได้รับการคุ้มครองในทุกๆเมืองที่อยู่ภายใต้การปกครองของนิกาย ข้าจะกลับไปยังนิกายก่อน เมื่อเจ้าทำธุระของเจ้าเสร็จแล้วให้รีบมานิกายทันที เจ้าเข้าใจไหม?”
เฟิง เลี่ยตรงกลับไปยังนิกายทันทีหลังจากที่เขามอบเหรียญตรากับซวนหยวน โดยไม่รอคำตอบของซวนหยวน
“ท่านรอที่นี่มา 3 วันแล้วหรอ?” ซวนหยวนพูดไม่ออกที่เหยียน ซือหยุนเฝ้าคอยเขามา 3 วันเขารู้สึกประทับใจ เป็นครั้งแรกที่มีคนรอเขา
ตาของเธอแดงเล็กน้อย เธอพยักหน้าและยิ้ม “ใช่ข้าอยากเห็นเจ้ากลับมาอยากปลอดภัยและอยากได้ยินเสียงของเจ้า พวกเราจะไปเมืองจันทร์นภาด้วยกัน นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้อยู่กับเจ้า”
เสียงของเธอดูสั่นเล็กน้อย ซวนหยวนรู้ว่าเหยียน ซือหยุนจะต้องคิดถึงเขา เขากล่าวว่า”ข้าจะกลับไปเยี่ยมท่านเมื่อข้าเข้าไปอยู่ในนิกาย”
จากนั้นซวนหยวนก็กระโดดขึ้นไปขี่กู่ฉิงพร้อมกับเหยียน ซือหยุนทั้งสองเดินทางไปเมืองจันทร์นภา
กู่ฉิงเมื่อมันบรรลุอยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณทำให้ความเร็วของมันเร็วขึ้นมาก มันสามารถวิ่งได้ 5000 ไมล์ต่อวัน
หลังจากเดินทางครึ่งวัน ทันใดนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่กลางทางและทรุดตัวลง และขวางทางพวกเขา ผู้หญิงคนนั้นสวมใส่เสื้อผ้าของสำนัก นางเป็นศิษย์ภายใน ทั่วทั้งร่างของนางเต็มไปด้วยคราบเลือด เหยียน ซือหยุนรู้จักผู้หญิงคนนี้
“เพียวซู่!”
เธอรีบกระโดดลงจากกู่ฉิงทันทีและให้ยาฟื้นฟูแก่เพียวซู่ หลิว เพียวซู่เป็นนักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง คนทั่วๆไปไม่สามารถทำร้ายนางได้
“เพียวซู่เกิดอะไรขึ้น?”
ใบหน้าของนางมีสีสันขึ้นเล็กน้อยหลังจากกินยา นางถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นเหยียนซือหยุน นางกระซิบ”ศิษย์พี่ได้โปรดมุ่งหน้าไปที่หมู่บ้านสือด้วย คงหยูเขาตัดหัวเย่ว จือ ดังนั้นเจ้าเมืองจันทร์สลายจึงนำนักสู้ชั้นยอดไปที่หมู่บ้านเพื่อแก้แค้น พวกมันต้องการสังหารหมู่ชาวบ้านทุกคนที่อยู่นั่น คงหยูช่วยข้าหลบหนีออกมา มีคนมากมายถูกพวกมันฆ่าตาย ศิษย์พี่ได้โปรดไปช่วยคงหยู เขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่….”
หลิว เพียวซู่ไม่สามารถหยุดน้ำตาของนางได้ นางเป็นคู่หมั้นกับสือ คงหยู และพวกเขากำลังจะแต่งงานกันเร็วๆนี้ พวกเขากำลังกลับไปที่หมู่บ้านสือระหว่างทางไปยังเมืองจันทร์สลาย สิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดคือ เจ้าเมืองจันทร์สลายนำกลุ่มนักสู้ที่อยู่ในขอบเขตจิตวิญญาณมาสังหารหมู่!
สือ คงหยู อาจจะตายแล้ว ซวนหยวนรู้สึกตกใจที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เขาสั่นด้วยความโกรธทันใดนั้นเสียงหัวเราะที่อวดดีก็ใกล้เข้ามา
“ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้าจะได้หนีได้ไกลแค่ไหน!”