ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปซวนหยวนตกตะลึงกับเรื่องราวของหมู่บ้านสือ เขาถามเฒ่าโลภมาก “ จักรพรรดิแห่งการครอบครองคนนี้ เขามีอำนาจมากเลยหรือ? ”
“ จักรพรรดิกลืนกินต้องใช้เวลาและความพยายามอย่างมากที่จะหลบหนีจากการไล่ล่าของจักรพรรดิแห่งการครอบครอง แม้ว่าจักรพรรดิกลืนกินได้เรียนทักษะหินไปมากมาย แต่ความเข้าใจของเขานั้นยังห่างไกลกับจักรพรรดิแห่งการครอบครองอยู่มาก เจ้านั้นโชคดีมากแล้วที่ได้เจอกับของดังกล่าว” เฒ่าโลภมากไม่อาจปิดบังความอิจฉา
ซวนหยวนหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวอย่างจริงจัง “ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง ผู้นำสือ! ”
สือ หลงพึงพอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ว่ามีอำนาจพลังมากมายและความลับอยู่ในตำราเล่มนี้ แต่เขาเข้าใจมันได้แค่ผิวเผินเท่านั้น แม้ว่าเขาจะศึกษามันมาตลอดชีวิต เขาไม่ได้อยู่ในโลกนี้ได้อย่างยาวนาน นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดถ้าจะมอบมันให้กับซวนหยวน
เขาวางตำราบนฝ่ามือของซวนหยวน จากนั้นมันก็กลายสัญลักษณ์อยู่บนมือของเขา ปราณต่อสู้พุ่งทะยานออกมาจากร่างกาย และมุ่งหน้าลงไปในดิน มันเรียกหินที่มีขนาดเท่าหัวมนุษย์ให้ลอยออกมาอยู่กลางอากาศ
ซวนหยวนไม่อาจจะเก็บซ่อนความประหลาดใจของเขาไว้ได้ “ นี่คือ!? ”
“ ข้าไม่รู้ แต่สิ่งเดียวที่พอจะบอกได้ คือหินเหล่านี้มีพลังอำนาจที่น่าเหลือเชื่ออยู่ภายใน แต่ข้าก็ไม่สามารถที่จะตรวจสอบมันได้หมด ซวนหยวน, จงจำได้ว่า อย่าบังคับที่จะเปิดมันออกจนกว่าจะมีพลังเพียงพอมิฉะนั้นเจ้าจะนำพาภัยพิบัติมาสู่โลก นี่คือคำพูดสุดท้ายของผู้กอบกู้ของพวกเราก่อนที่เขาจะจากไป ” ดวงตาของสือ หลง จืดจางลง เขากระอักเลือดออกมา ถ้าไม่ใช่เพราะซวนหยวนช่วยเอาไว้ เขาคงจะทรุดหลังลงกว่านี้
“ หินเวทมนต์มีทั้งหมด 9 ก้อน ซวนหยวน มันถูกทิ้งไว้โดยจักรพรรดิแห่งการครอบครอง บัดซบ เจ้าหนู เจ้านี้โชคดีเป็นบ้า! ” เฒ่าโลภมาตะโกนใส่ซวนหยวนด้วยความอิจฉา แต่ก็กลับคืนสู่ความสงบอย่างรวดเร็ว “ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจเลย จักรพรรดิแห่งการครอบครองได้ทำลายเหมืองโบราณ แต่มันก็เพื่อที่จะชดเชยให้กับชาวบ้าน ข้าอยากรู้จริงๆว่าถ้าชาวบ้านรู้ว่าผู้กอบกูของพวกเขาคือหนึ่งในผู้ทำลายพวกเขา จะคิดเช่นไร? หากไม่มีพลังปราณอยู่ภายในเหมือง ชาวบ้านก็จะอ่อนแอลงและอ่อนแอลงในแต่ละรุ่น ”
“ ซวนหยวนคุกเข่าลง ข้าจะรับเจ้าเป็นศิษย์ ถ้าทำเช่นนี้เชื้อสายของหมู่บ้านสือจะไม่สาบสูญไป ” ชายชรารวบรวมพลังเฮือกสุดท้ายและกล่าวออก
ซวนหยวนจับจ้องไปที่ชายชราที่อิดโรย ปราศจากความลังเล เขาคุกเข่าลงและโขกศีรษะลงสามครั้ง เขานอบน้อมเป็นอย่างมาก ชายชรายิ้ม
“ ประเสริฐ, ประเสริฐ.. เชื้อสายของหมู่บ้านสือจะถูกสืบทอดต่อโดยเจ้า ข้าจะไม่ผิดต่อบรรพบุรุษ นี่คือสิ่งที่ข้าพอจะทำได้ ข้าขอฝากเจ้… ” เขาทรุดตัวลงโดยที่ยังไม่ทันได้กล่าวจบ
หินทั้ง 9 ที่อยู่ในอำนาจการควบคุมของสือ หลง ร่วงลงกับพื้น หัวใจของซวนหยวนนั้นจมดิ่งลง แต่เขาก็ยังคงนิ่งเงียบ เหยียนซือหยุนก็ยังคงเงียบเหมือนกัน
ซวนหยวนนำ สือ หลง ไปฝังและโขกหัวให้แก่เขาอีก 3 ครั้ง ซวนหยวนนำหินใส่ลงไปในแหวน และจากไป
*********************************************
ตกกลางคืน มีเพียงแค่แสงที่ส่องประกายอยู่บนถนนมันคือดวงตาของกู่ฉิง มันวิ่งด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
“ ซวนหยวนเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป? ” เหยียนซือหยุนถาม นางนั่งอยู่ข้างหลังซวนหยวน และกอดเขาไว้แน่นด้วยแขนของนาง ใบหน้าของนางกำลังซบอยู่บนหลังของเขา
“ ข้าจะไปยังจุดรับรางวัลที่เมืองจันทร์นภา และไปเอาสมบัติทั้งหมดของ ต่ง เซวียนที่คฤหาสน์ของเขา และจากนั้นก็ไปที่นิกายนักสู้มังกร ” เขาไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องของเหยียนซือหยุนมาก่อน พวกเขาเหน็ดเหนื่อย มันเป็นธรรมชาติสำหรับนางที่จะอยู่กับเขา เขาตระหนักได้ดีถึงความตั้งใจในอนาคตของเขา เขาสามารถใกล้ชิดกับเหยียนซือหยุนได้ด้วยการอยู่ในนิกาย แต่พวกเขาก็ยังอยู่ในโลกที่ต่างกัน
เหยียนซือหยุนถอนหายใจ นางเก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจ ทั้งนางและซวนหยวนต่างเดินอยู่บนเส้นทางที่ต่างกัน พวกเราถูกกำหนดให้ไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ ความสามารถของนางนั้นมีจำกัด ซวนหยวนไม่สามารถนำนางไปได้ไกลนัก
เหยียนซือหยุนไม่สามารถเข้าถึงซวนหยวนได้ ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวก็คือ ซวนหยวนไม่เคยยอมแพ้ที่จะสู้เพื่อสิ่งที่เขาต้องการ เหยียนซือหยุนทำได้เพียงซ่อนความปรารถนาเอาไว้ในใจ
คืนที่เงียบสงบเมื่อเขามาถึงเมืองจันทร์นภา
เมืองจันทร์นภาเป็นหนึ่งในเมืองหลักที่อยู่ใต้ถ้ำพระจันทร์ ถ้ำพระจันทร์อยู่ในการปกครองของสำนัก ได้แก่ สำนักจันทร์พฤกษา, สำนักดาราบุปผา, สำนักทานตะวัน
เมืองจันทร์นภาเป็นเมืองที่สวยงาม กำแพงล้อมรอบสูงถึง 30 เมตร ทำมาจากหินยักษ์สีจันทร์ และเหล่ายามอย่างน้อยก็อยู่ในขอบเขตนักรบ นอกจากนี้ยังมีประชากรมากกว่าเมืองจันทร์พฤกษาราวๆร้อยเท่า
ซวนหยวนและเหยียนซือหยุนดึงดูดความสนใจจากผู้คนอยู่ไม่น้อย ไม่เพียงเพราะพวกเขานั่งอยู่บนหลังของหมาป่า แต่พวกเขายังเต็มไปด้วยเลือดและสงกลิ่นอายเหมือนความตาย
เหยียนซือหยุนได้เตือนซวนหยวนเมื่อมีคนมากมายรายล้อม นางเคยมาเมืองนี้แค่ไม่กี่ครั้งแต่ก็สามารถนำทางและพาไปถึงศูนย์กลางของเมืองได้
ศูนย์กลางการค้าผู้ขาดสินค้า ผลึกอสูร, ยุทธภัณฑ์, ศิลานักสู้, อัญมณี, ยันต์อาคม และวัตถุมีค่าทั้งหมดในเมือง ทั้งหมดถูกควบคุมโดยถ้ำพระจันทร์และยังเป็นแหล่งรายได้หลัก
ศูนย์กลางทั้ง 5 ชั้น ถูกสร้างมาจากหินที่แข็งแรงและทนทาน ด้านบนของอาคาร มีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์เต็มดวงถูกแขวนอยู่ข้างบน
ซวนหยวนได้มาถึงทางเข้าของอาคาร ยามทั้งแปดคนคอยเฝ้าอยู่ทั้ง 2 ด้าน พวกเขาทั้งหมดอยู่ในขอบเขตจอมยุทธ์ มันแสดงให้เห็นถึงพลังของศูนย์กลางการค้าแก่ผู้ที่เข้ามา ที่แม้แต่ยามก็ยังอยู่ในขอบเขตจอมยุทธ์…
เหล่ายามนั้นได้หยุดพวกซวนหยวนในทันที เกิดรอยย่นบนจมูกของพวกเขาราวกับได้กลิ่นเหม็นบางอย่าง หนึ่งในนั้นกล่าว “ พวกเจ้าไม่สามารถเข้าไปด้วยเสื้อผ้าอันสกปกของพวกเจ้า พวกเจ้าทั้ง 2 นั้นเหม็นเกินไป หรือพวกเจ้าพยายามที่จะสร้างปัญหา? ”
ซวนหยวนและเหยียนซือหยุนตระหนักได้ว่าพวกเขาดูย่ำแย่มากหลังจากผ่านการต่อสู้กับเผ่าปีศาจมายาและที่หมู่บ้านสือ พวกเขาต่างอาบไปด้วยสิ่งสกปกและเลือดที่แห้งเกราะ มันทำให้พวกเขาหนักใจ พวกเขายังไม่แม้แต่จะอาบน้ำ แน่นอนว่ามันต้องส่งกลิ่นเหม็นที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก
“ พวกเจ้าดูเหมือนกับนักล่า และข้าคิดว่าพวกเจ้าจะเข้าไปในศูนย์กลางด้วยผลึกอสูรเล็กน้อย ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าของพวกเจ้าเสียก่อนที่จะเข้าไป หยุดสร้างความอับอายให้ตัวเองได้แล้ว ” ชายอีกคนเยอะเย้ย
“ ดี พวกเราไม่สามารถเข้าไปข้างใน ถ้าอย่างนั้นเอาเสื้อผ้าใหม่มาพวกเราหน่อยได้ไหม? ” ซวนหยวนไม่ได้สนใจ เขาคุ้นเคยกับทัศนคติแบบนี้มายาวนานฐานะขอทานในชีวิตเก่าของเขา แต่เหยียนซือหยุนแต่ต่างออกไป นางไม่พอใจกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก
“ หึ อย่าพยายามข่มขู่พวกเรา เจ้าไม่สามารถห้ามพวกเราไม่ให้เข้าไปข้างในได้! ” นางกล่าว
“ โอ้? เจ้ากล้าที่จะเข้าไปงั้นรึ? ” ชายรูปร่างหล่อเหลาที่สวมชุดดูสะอาดสะอ้านก้าวออกมา
เหล่ายามคำนับให้เขาในทันที “ ท่านฟาง หยวน ! ”
ซวนหยวนไม่ค่อยพอใจ “ พวกเราเป็นลูกค้า หรือเจ้าต้องการที่จะไล่เราออกไป? ”
ฟาง หยวน หัวเราะ “ มันขึ้นอยู่กับประเภทของลูกค้า คนสกปกเช่นพวกเจ้ามีเพียงจะรบกวนธุรกิจของพวกเราก็เท่านั้น ”
เหยียนซือหยุนกล่าวอย่างเย็นชา “พวกเจ้าจะอะไรได้ ถ้าข้าต้องการที่จะเข้าไป? ”
“ พวกเจ้าจะลองดูก็ได้ แต่ข้าจะให้คนหักขาของพวกเจ้า ” ฟางหยวนยิ้มอย่างน่ารังเกียจ เขารู้จักซวนหยวนและเหยียนซือหยุนน้อยเกินไป
เหยียนซือหยุนหยิบตราประทับของสำนักจันทร์พฤกษาออกมาและยิ้มอย่างมีโทสะ “ ข้าคือศิษย์อันดับแรกจากศิษย์สายในและเป็นว่าที่เจ้าสำนักจันทร์พฤกษาคนต่อไป ศูนย์กลางการค้าควรจะแสดงความเคารพต่อพวกเรามากกว่านี้ เรานำกำไรมาให้พวกเจ้าในทุกๆปี!”
ฟาง หยวน และเหล่ายามต่างรู้สึกหงุดหงิด พวกเขาได้ข่มขู่ไปแล้ว และไม่สามารถแก้ไขในสิ่งที่กระทำผิดได้
“ แล้วมันเกี่ยวอันใด? พวกเจ้าทั้ง 2 ต่างคล้ายกับขอทาน พวกเราไม่ยินดีให้พวกเจ้าทั้ง 2 เข้าไป ” ฟาง หยวน กล่าว
คนอื่นๆเริ่มล้อมวงนินทา และชี้นิ้วมาที่ซวนหยวน, เหยียนซือหยุน และกู่ฉิง พวกเขาคิดว่าพวกนี้มาเพื่อสร้างปัญหา
ซวนหยวนรู้สึกประหลาดใจที่ ฟาง หยวน ปฏิเสธที่จะแสดงความเคารพแม้ว่าเหยียนซือหยุนจะเปิดเผยตัวนาง เขากล่าว “ เจ้ากล้า? เจ้าอยากจะถูกลงโทษโดยถ้ำพระจันทร์? พวกเราอยู่ภายใต้การนำของท่าน เฟิง เลี่ย เพื่อกวาดล้างรังของเผ่าปีศาจมายา การต่อสู้เป็นธรรมดาที่จะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด และพวกเจ้า เป็นพันธมิตรของสำนักจันทร์พฤกษาและนิกายนักสู้มังกร เจ้ายังกล้าปฏิเสธไม่ให้พวกเราเข้าไปอีกงั้นรึ!? ”
ใบหน้าของ ฟาง หยวน นั้นมืดดำลงในทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ซวนหยวนพูด ผู้คนมากมายรับรู้ถึงคำสั่งของ เฟิง เลี่ย ถ้ำพระจันทร์ควรที่จะให้ความช่วยเหลือในการต่อสู้ แต่สำนักจันทร์พฤกษาถูกส่งไปแทนเพราะอยู่ใกล้กว่า
“ ข้าอยากที่จะเห็นนักว่าใครที่จะกล้าหักขาพวกข้า พวกเจ้าต้องการที่จะดูถูกท่าน เฟิง เลี่ย? รนหาที่ตาย!” ทั้ง ซวนหยวน, เหยียนซือหยุน และกู่ฉิง ได้บุกเข้าไปในศูนย์กลางการค้า…