I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Devouring The Heavens ตอนที่ 62 ผู้ดูแลจุดรับรางวัล

| Devouring The Heavens | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“ที่นี่คือสถานที่รับรางวัล?” ซวนหยวนสูดอากาศหายใจเข้าลึกๆ ขนาดของมันใหญ่มาก มันทำให้เขาตกตะลึง

 

“ถูกต้อง เข้าไปกันเถอะ ข้าจะอำลาพวกท่านที่ประตูมิติ” ฮั่วหยู่กล่าว รอยยิ้มของนางยังคงมีเสน่ห์อยู่

 

“ซวนหยวน ระหว่างการซุ่มโจมตีท่านฆ่าปีศาจมายาไปทั้งหมดกี่ตัว?” ไป๋รู้เรื่องการซุ่มโจมตี เพราะศิษย์สำนักดาราบุปผาและสำนักทานตะวัน ทั้งสองสำนักก็ได้ส่งศิษย์แท้จริงไปซุ่มโจมตีจุดอื่นๆที่ใกล้กับรังปีศาจ

 

“เจ้าจะรู้เร็วๆนี้” ซวนหยวนมองไปที่เหยียน ซือหยุน และมอบผลึกอสูรครึ่งหนึ่งที่เก็บรวบรวมมาได้จากในรังปีศาจให้นาง แต่นางก็ปฏิเสธทันที

 

“ไม่ต้องข้าไม่ต้องการ เจ้าได้มอบเซ็ทยุทธภัณธ์แก่ข้าแล้ว ข้าดีใจมากกับของขวัญที่เจ้ามอบให้” นางกล่าว

 

ซวนหยวนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เขาถอนหายใจ”ถ้านั้นเป็นสิ่งทีท่านต้องการล่ะก็ ถ้างั้นเราไปจุดรับของรางวัลกัน” ซวนหยวนส่งสัญญาณไปที่กู่ฉิง พวกเขาทั้งหมดเดินไปที่ด้านบนของจุดรับรางวัล

 

ศิษย์จำนวนมากจากสำนักจันทร์พฤกษาเดินลงมา พวกเขาทุกคนดูมีความสุข บางคนก็เป็นสหายกับเหยียน เหลียง ดังนั้นพวกเขาอยากทักทายซวนหยวนกับเหยียน ซือหยุน แต่รอยยิ้มของพวกเขานั้นแข็งกระด่างเมื่อพวกเขานึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา

 

เมื่อพวกเขามาถึงด้านบนของจุดรับรางวัล พวกเขาเห็นศิษย์จำนวนมากที่มาจากสำนักจันทร์พฤกษาและจากสำนักอื่นๆ

 

หลายคนตกใจที่เห็นซวนหยวน และมองไปที่ฮั่วหยู่ และไป๋ด้วยสายตาลามก

 

“เจ้านั้นมันเป็นใคร? ที่ขี่หมาป่าขึ้นมาที่นี่ มันไม่กลัวถูกลงโทษเลยหรือ?” ชายคนหนึ่งที่มาจากสำนักดาราบุปผาเยาะเย้ยเหยียดหยันซวนหยวน

 

“ดูเจ้านั้นสิ มันกล้าที่จะนำสัตว์เลี้ยงสกปรกของมันขึ้นมาที่นี่ สงสัยมันต้องเป็นเด็กบ้านนอกแน่ๆ” ศิษย์อีกคนหนึ่งที่มาจากสำนักทานตะวัน หัวเราะเยาะ

 

“แต่ข้าว่า 2 สาวข้างๆมันช่างดูดียิ่งนัก เจ้าสามารถเห็นขนาดหน้าอกของนางหรือไม่?”  หนึ่งในศิษย์แท้จริงของสำนักดาราบุปผากล่าว ทำให้ไป๋รู้สึกอึดอัดมาก

 

“ข้าว่านางที่อยู่ข้างๆนั้นดูดีกว่า ดูที่ขาและเอวที่เล็กๆของนางสิ” เหล่าศิษย์ที่มาจากสำนักดาราบุปผาและสำนักทานตะวันกล้าพูดจาหยาบคายเช่นนี้เพราะพวกเขาคิดว่าแข็งแกร่งกว่าฮั่วหยู่และไป๋ ไม่มีใครเห็นว่าพวกนางแข็งแกร่งเพียงใด

 

“ถ้าพวกเจ้ากล้าพูดจาไม่สุภาพอีก ข้าจะตัดลิ้นและไล่พวกเจ้าออกไปจากสายตาข้า” ซวนหยวนกล่าวอย่างเยือกเย็น เหล่าศิษย์ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้ยินเรื่องตลกที่น่าขบขันที่สุดในโลก

 

“ไองั่งนี่มันเป็นใครกัน เจ้าไม่สามารถชนะได้แม้กระทั่งชิงขวาง เจ้ากล้าที่จะท้าทายข้า?”  ชายผู้นี้ชื่อหั่ว ยวิ๋นจากสำนักทานตะวัน

 

ชิงขวางคนที่เขาพูดถึงเป็นศิษย์แท้จริงของสำนักดาราบุปผา เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตพฤกษาด้วยความแข็งแกร่งเท่ากับมังกร 27 ตัว

 

“เจ้าเป็นแค่นักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณ เจ้าจะต้องเสียใจที่พูดเช่นนั้นกับพวกข้า” ชิงขวางก้าวไปข้างหน้า และปลดปล่อยพลังปราณไว้ในกำปั้นและปล่อยหมัดไปยังใบหน้าของซวนหยวน

 

ซวนหยวนไม่คิดจะวิ่งหนีแต่อย่างใด กลับกันเขาก็ได้ปลดปล่อยพลังปราณต่อสู้ของเขาเข้าไปในหมัด

 

“มังกรสวรรค์เผยกาย!”

 

คลื่นพลังรูปร่างเหมือนมังกรของซวนหยวนปะทะกับพลังปราณของชิงขวาง ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังอึกทึก ซวนหยวนลอยตัวลงพื้นอย่างนุ่มนวล แต่ชิงขวางนั้นแขนของมันเกือบจะแตกหักจากแรงกดดัน

 

“เป็นไปได้อย่างไร? เจ้าเป็นเพียงแค่นักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณ ทำไมข้าถึงได้รับบาดเจ็บเพราะเจ้า?” ชิงขวางตกใจ

 

ศิษย์คนอื่นๆก้าวไปข้างหน้า แม้พวกเขาจะถูกซวนหยวนกดดันเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ไม่สามารถให้ใครที่ไหนมาดูถูกสำนักดาราบุปผาของพวกเขาได้

 

 หั่ว ยวิ๋นจากสำนักทานตะวันก็ขยับพุ่งเข้าไปใกล้กับซวนหยวนด้วยความเกลียดชัง

 

แต่ทันใดนั้น ศิษย์แท้จริงหลายสิบคนจากสำนักจันทร์พฤกษาเห็นซวนหยวน พวกเขาคำนับซวนหยวน “คาราวะ นายน้อยซวนหยวน”

 

ซวนหยวนพยักหน้าให้พวกเขา และไม่ได้พูดอะไร  ฮั่วหยู่และไป๋ปลดปล่อยพลังที่แท้จริงของพวกนาง

 

“อะไรกัน? หญิงสาว 2 คนนี้เป็นนักสู้ขอบเขตกษัตริย์” ทุกคนตกใจมาก มันเหมือนเป็นการตบหน้าหั่ว ยวิ๋น และชิงขวาง พวกมันพูดจาหยาบคายต่อฮั่วหยู่ และไป๋ พวกนางสามารถฆ่าพวกเขาได้อย่างง่ายดายราวกับฆ่าแมลง แรงกดดันของนักสู้ขอบเขตกษัตริย์ทำให้หายใจลำบาก ศิษย์จำนวนมากจากสำนักดาราบุปผาและสำนักทานตะวันไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้ทำให้ถูกบังคับให้ถอยหลัง ซวนหยวนจึงใช้โอกาสนี้และพุ่งกระโจนไปข้างหน้า เพื่อโจมตีไปที่หน้าของชิงขวาง ชิงขวางถูกซัดปลิวไป 2-3 เมตรและล้มลงกับพื้น ทำให้มันต้องอมเลือดในปากและฟันหัก

 

“เจ้ากล้าดียังไง!” นักสู้ขอบเขตกษัตริย์จากสำนักดาราบุปผาโกรธเกรี้ยวอย่างมาก ทันใดนั้นเหยียนซือหยุน ก็เอาตราประทับจันทร์พฤกษาออกมาและประกาศว่า

 

“ข้าจะเป็นเจ้าสำนักของสำนักจันทร์พฤกษาคนต่อไปในอนาคต เจ้าก็รู้ดีว่าใครเป็นคนเริ่มการต่อสู้ก่อน โปรดคิดให้รอบคอบกับผลกระทบที่จะตามมา”

 

ไม่ไกลจากที่นั้นมากนัก มีชายอ้วนนอนอยู่บนเตียงหินข้างๆเขามีสาวสวย 6 คนกำลังนวดให้เขาอยู่ มันสนใจฮั่วหยู่ และไป๋มาก แต่เมื่อพวกนางเปิดเผยพลังที่แท้จริงออกมาทำให้ เขาต้องกลับไปคิดใหม่ และเขาก็ขยับตัวเข้าไปใกล้กับผู้หญิงคนหนึ่งและเริ่มปลอบโยนนางเบาๆ

 

“แล้วทำไม? เจ้าก็แค่แค่เจ้าสำนักคนต่อไปในอนาคต ข้าก็เหมือนกัน ข้าก็จะกลายเป็นเจ้าสำนักของสำนักดาราบุปผา เจ้ากล้าที่จะขู่ข้ารึ? ข้าจะดูว่าไอเด็กเหลือขอนี่จะโจมตีข้าได้หรือไม่!” ชายคนนั้นชื่อ ชิงเจี้ยน เขาเป็นเจ้าของดาบดาราบูรพามันเป็นอาวุธระดับปฐพีขั้นต่ำ แต่พลังของมันไม่สามารถมองข้ามได้

 

“โอ้? งั้นข้าจะยืนอยู่ตรงนี้และดูว่าเจ้าจะมีความกล้าที่จะโจมตีข้าหรือเปล่า” ซวนหยวนยืนนิ่งๆ และค่อยๆหยิบเหรียญตราที่ได้จากเฟิง เลี่ยออกมา

 

“ข้าจะข้าเจ้าเหมือนฆ่าสุนัขจรจัด”  ชิงเจี้ยนพุ่งไปที่ซวนหยวนพร้อมกับดาบของเขา

 

แต่เมื่อซวนหยวนหยิบเหรียญตราออกมา ทำให้เกิดมีลมแรงเริ่มหมุนวนไปรอบๆ ชายอ้วนเคลื่อนไหวทันที ผิดกับรูปร่างที่อ้วนท้วนของเขา เขาเป็นคนที่รวดเร็วและมีความคล่องตัวสูง เขาตบไปที่ใบหน้าของชิงเจี้ยน ทำให้ชิงเจี้ยนลงไปนอนกองกับพื้นแต่เขาก็ไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น เขาตบอีก 18 ครั้งก่อนที่จะหยุดและเคลื่อนที่ไปยังซวนหยวน

 

“เหรียญตรานี่มันเป็นเหรียญตราของศิษย์พี่เฟิงเลี่ยมิใช่หรือ? ทำไมเจ้าถึงมีมัน?” ชายอ้วนรู้สึกประหลาดใจ

 

“ข้าอยู่ภายใต้คำสั่งของศิษย์พี่เฟิงเลี่ยให้มุ่งหน้าไปยังนิกายนักสู้มังกร เขาให้มันกับข้าก่อนที่เขาจะจากไป เขาบอกว่าจะไม่มีใครแตะต้องข้าได้ตราบใดที่ข้าจะมีเหรียญตรานี้ ข้าไม่คิดว่ามันจะได้ผลเกินคาด” ซวนหยวนเหลือบมองชิงเจี้ยนที่กำลังหมอบอยู่บนพื้น ใบหน้าของมันฟกช้ำดำเขียวและบวม ทำให้ซวนหยวนรู้สึกเพลิดเพลิน

 

การเคลื่อนไหวของชายอ้วนดูเรียบง่าย แต่ความเร็วและความแข็งแกร่งแสดงให้เห็นว่าเขาต้องเป็นนักสู้ขอบเขตนักพรตที่แข็งแกร่งมาก การตบของเขาอย่างน้อยมันต้องมีความแข็งแกร่งเท่ากับมังกร 100 ตัว

 

“ข้าสงสัยว่าศิษย์พี่ที่ช่วยข้าท่านชื่ออะไร? ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือศิษย์พี่” ซวนหยวนรู้สึกขอบคุณชายคนนั้นมาก เมื่อชายคนนั้นได้ยินว่าเขาถูกเรียกว่า “ศิษย์พี่”

 

“ข้าชื่อหลัวเกิง เจ้าไม่จำเป็นต้องเรียกข้าว่าศิษย์พี่ ข้าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับนายน้อยเฟิงเลี่ย ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์น้องของข้าในนิกาย ข้าเป็นคนดูแลจุดรับรางวัลแห่งนี้ รางวัลตอบแทนและการลงโทษทั้งหมดข้าเป็นคนจัดการ” หลิวเกิงกล่าวอย่างอ่อนนุ่ม ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปเป็นสุภาพเรียบร้อย มันเหมือนกับว่าเขาเป็นคนละคนกันกับก่อนหน้านี้!

 

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments