ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป” ศิษย์พี่หลัว ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะประเมินคะแนน โปรดช่วยประเมินสิ่งเหล่านี้ด้วย ” ด้วยความสุภาพของซวนหยวนทำให้หลัวเกิงรู้สึกแปลกๆ
” ไม่มีปัญหา ข้าจะจัดการให้ ” หลัวเกิงสำราญใจเป็นอย่างมาก
เหล่าศิษย์ทั้งหลายจากสำนักตกตะลึงเป็นอย่างมาก ชิงเจี้ยนกลายเป็นใบ้ในทันที ไม่มีใครในพวกเขาคิดเลยว่าซวนหยวนจะเป็นศิษย์จากนิกาย ไม่มีอะไรที่พวกเขาจะทำได้อีกแล้ว คนที่ดูถูกซวนหยวนก่อนหน้านี้ต่างมีสีหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยความกลัว
ชิงเจี้ยนจ้องมองไปที่ซวนหยวนอย่างตกตะลึง เขาคิด ” บัดซบ! ข้าจะต้องรีบไปบอกนายน้อย ชิง ยวิ๋น ข้าไม่สามารถทำอะไรกับ หลัวเกิงได้ แต่ยังจัดการกับซวนหยวนได้ “
ถึงแม้ว่าเขาจะถูกทุบตีโดยหลัวเกิง แต่ก็ไม่สามารถที่จะแก้แค้นได้ แต่ไม่ใช่กับ ชิง ยวิ๋น ผู้ที่มีลำดับสูงกว่า เฟิง เลี่ย ในนิกาย เหล่าผู้ดูแลจุดรับรางวัลจะได้รับความเคารพตลอดเวลา กฎถูกบังคับโดยตรงจากนิกายไม่มีใครที่ไม่เชื่อฟัง ผู้คนมากมายเริ่มเกลียดซวนหยวนมากยิ่งขึ้น
หลัวเกิงยังคงยิ้มกว้างไปด้วยไขมันบนแก้มของเขา มันมีความคล้ายคลึงอย่างมากระหว่างเขากับชาเป่ย(หมาหน้าย่น) เขาได้ยินมาจากศิษย์สำนักจันทร์พฤกษา ซวนหยวนเป็นผู้ที่สะสมความมั่งคั่งเอาไว้มากที่สุด เขามีผลึกอสูรจากเผ่ามายาเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจะได้การปกป้องจากเฟิง เลี่ย แต่ก็ยังใช้ประโยชน์จากเขาได้
” เจ้าหนูนี่ ถ้าทำดีต่อมันมันอาจจะไว้วางใจข้างบ้าง ดูเหมือนข้าจะได้รับประโยชน์จากครั้งนี้เสียแล้ว ข้าเสียเวลาไปหลายปีในการเป็นผู้ดูแลจุดรับรางวัลแห่งนี้ ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่ข้าจะได้ประโยชน์จากมัน ” เขาคิด
ซวนหยวนแม้ว่าเขาจะไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดา แต่เขาก็ยังสุภาพกับหลัวเกิง แต่ลึกๆเขาก็ยังคิดว่า ” ไม่มีใครอยู่อยู่ในสถานะเช่นเขาที่จะทำดีกับคนที่อ่อนแอกว่าโดยไม่มีเหตุผล ไม่ว่าเขาจะเคารพศิษย์พี่เฟิง เลี่ยยังไง แต่สถานะของเขาก็คงไม่ได้สูงไปกว่าผู้ดูแล “
” ศิษย์น้องซวนหยวนเข้ามาๆ ไหนให้ข้าดูผลึกอสูรที่เจ้าได้รับมาหน่อย ข้าจึงจะสามารถประเมินคะแนนให้เจ้าได้ เจ้าสามารถแลกเปลี่ยนพวกมันเป็น ยุทธภัณฑ์, เม็ดยา, ผลึกอสูร, หินต่อสู้, เงิน, ทักษะ หรือแม้กระทั่งการเข้าไปฝึกฝนในมิติเวลา ” หลัวเกิงอธิบาย
” มิติเวลา? มันคืออะไร? ” ซวนหยวนไม่มีความรู้เกี่ยวกับนิกายมากนัก แน่นอนว่าเขาจะต้องมีคำถาม
” มิติเวลาคือพื้นที่พิเศษที่นิกายสร้างขึ้ง มันเป็นพื้นที่ที่ถูกบิดเบือนการเวลา เช่น ถ้าเจ้าเข้าไปอยู่ในนั้น 1 ปี ในโลกแห่งความจริงจะผ่านไปแค่ 1 วัน แต่มันก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้ามีคะแนนมากแค่ไหน ” หลัวเกิงพร้อมที่จะปล้นคะแนนที่ซวนหยวนจะได้รับ
” ดี ข้าคิดว่ามันเป็นที่ๆน่าสนใจจริงๆ ” ซวนหยวนพยักหน้า
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับความสงสัยของซวนหยวน เหล่าศิษย์จากสำนักดาราบุปผาและสำนักทานตะวัน ต่างยิ้มอย่างเยาะเย้ย
” เจ้าเด็กบ้านนอกนี่ คงได้รับเลือกเพราะพรสวรรค์เล็กๆน้อยๆเป็นแน่ ข้าอยากรู้เสียจริงว่าเจ้าจะมีผลึกอสูรอยู่สักกี่อันเชียว “
” เหอะ เพียงแค่นักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณ คงจะมีแค่ผลึกอสูรจอมยุทธ์สัก 10 กว่าอันละมั้ง! “
” ถูกต้อง เจ้าเด็กบ้านนอกนี่ จะแข็งแกร่งเท่าไหนกันเชียว? “
” พวกเราไม่ใช่ศิษย์ของนิกาย จึงไม่สามารถเข้าไปร่วมแลกคะแนนด้วยได้ แต่ข้าได้ยินมาว่ายิ่งคะแนนมากเท่าไร ก็จะยิ่งได้รับรางวัลมากเท่านั้น “
” คงไม่ใช่ว่าเจ้าเด็กบ้านนอกนี่จะไม่ได้รับอะไรไปเลยหรอกนะ ฮ่าๆๆ “
ทุกคนต้องการที่จะเห็นซวนหยวนต้องอับอาย แต่ซวนหยวนไม่ได้ให้ความสนใจพวกเขา เขานำผลึกอสูรที่ได้จากเผ่าปีศาจมายาเทออกมา มันมีทั้งหมดประมาณ 250 ชิ้น
เหล่าผลึกอสูรที่ถูกเทลงบนโต๊ะหินวางกองอยู่หน้าหลัวเกิง เหล่าสาวใช้ของเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
” โอ้วพระเจ้า เขาจะได้รับคะแนนเท่าไรกันเนี่ย? “
” บัดซบ ใครจะไปคิดล่ะว่าเขาจะมีมันมากมายถึงเพียงนี้ “
” สารเลวเอ้ย ทั้งหมดเป็นผลึกอสูรระดับจอมยุทธ์! “
” มีเพียงแค่หนึ่งในร้อยของอสูรเท่านั้นที่จะมีผลึกอสูร แต่นี่มีผลึกอสูรมากก่วา 200 ชิ้น ไม่ใช่ว่าเขาสังหารเหล่าสัตว์อสูรไปหลายหมื่นตัวหรอกหรือ? “
เหล่าหญิงสาวกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น แม้กระทั่งดวงตาของหลัวเกิงยังส่องประกายด้วยความโลภ ซวนหยวนรู้ทันทีว่าเขาต้องการอะไร
” ศิษย์พี่หลัว ผลึกอสูรเหล่านี้จะทำให้ข้าได้คะแนนประเมินเท่าใด? “
” แน่นอนๆ ว่าแต่เจ้ายังมีมากกว่านี้ไหม? ” หลัวเกิงแทบจะน้ำลายไหล แต่ด้วยสติปัญญของเขา เขายังเชื่อว่าซวนหยวนยังมีมากกว่านี้
เหล่าศิษย์จากสำนักทั้งหมดต่างประหลาดใจ อาจจะต้องเป็นถึงนักสู้ขอบเขตกษัตริย์เพื่อที่จะสังหารเหล่าสัตว์อสูรให้ได้มากเท่านี้
” แน่นอน ” ซวนหยวนหยิบเอาผลึกอสูรระดับจิตวิญญาณอีก 280 อัน พวกมันได้มาจากปีศาจปอบขาว พลังที่ยังหลงเหลืออยู่ของปีศาจปอบขาวกระจายออกมา และสร้างเป็นภาพสะท้านบนผลึกอสูร
ผู้คนถึงกับพูดไม่ออก ในขณะที่หลัวเกิงไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นเอาไว้ได้อีกต่อไป เขาสั่นไปมาด้วยความโลภ ” ฮ่าๆๆๆ ยอมเยี่ยมศิษย์น้องซวนหยวน เจ้ามันเหลือเชื่อเกินไปแล้ว เจ้ายังมีอีกใช่ไหม? นำมันออกมาให้หมด! “
” แน่นอน! ” ซวนหยวนยิ้มกว้าง เขาหยิบผลึกอสูรอีก 132 อันออกมา ทั้งหมดเป็นผลึกอสูรระดับพฤกษา สิ่งเหล่านี้ทำให้เหล่าศิษย์จากสำนักต่างตื่นตะลึงยิ่งขึ้น
” มันเป็นไปได้อย่างไร? อย่าบอกนะว่าเขาสามารถที่จะสังหารเหล่าปีศาจปอบขาวและสัตว์อสูรทั้งหมดนี่ด้วยตัวคนเดียว ! “
” เป็นไปไม่ได้! อสูรเหล่านี้ต่างทรงพลังเป็นอย่างมาก ไม่มีทางเลยที่จะรวบรวมผลึกอสูรได้ขนาดนี้ “
” เจ้าเด็กนี่เป็นใครกันแน่? “
” ศิษย์น้องซวนหยวน เจ้ายังมีมากกว่านี้ ? ” หลัวเหิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
” แน่นอน นี่สุดท้ายแล้ว ” เขาหยิบผลึกอสูรของยักษ์อีก 8 ชิ้นที่เหลือออกมา มันเกือบจะทำให้เหล่าศิษย์จากสำนักทั้งหลายหยุดหายใจ
หลัวเกิงทั้งทึ่งและปิติยินดีเป็นอย่างมาก เขาคำนวณแล้วว่าสามารถกอบโกยผลประโยชน์จากซวนหยวนได้มากมาย
” ฮ่าๆๆๆๆ… ประเสริฐ! ข้าจะคำนวณคะแนนให้เจ้า “
ศิษย์จะนำเหล่าผลึกอสูรจากปีศาจและอสูรจากเผ่ามายามาแลกเป็นคะแนน เนื่องจากเป็นการแข็งขันระหว่าง เฟิง เลี่ย และศิษย์แท้จริงบางส่วนจากนิกาย และศิษย์แท้จริงไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้กองกำลังจากถ้ำพระจันทร์ ใช้ได้แค่เมืองรองเท่านั้น ทำให้ภารกิจนั้นยากยิ่งขึ้น นิกายได้ออกคำสั่งว่าคะแนนที่ได้รับจากภารกิจนี้จะได้รับเพิ่มเป็น 2 เท่า หลัวเกิงต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้น เขาลงคะแนนทั้งหมดในบัญชีของ เฟิง เลี่ย เขาจะให้ซวนหยวนครึ่งหนึ่งและอีกครึ่งเป็นของเขา