ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“อะไรนะ? เขาเป็นศิษย์ของนิกาย?”
“ข้าไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อเขา!”
“ไม่ใช่ว่า เจ้าพูดว่าจะสอนบทเรียนให้เขาหรอกหรือ?”
“ไม่มีทาง ถ้าข้าไปมันก็เหมือนการฆ่าตัวตาย ทำไมเจ้าไม่ไปเองล่ะ?”
“ไม่แปลกใจเลยทำไมเขาถึงใกล้ชิดกับคุณหนูไป๋”
หู่ เซวียน พูดคุยกับซวนหยวนเล็กน้อย และบอกว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นศิษย์จากนิกาย เขาไม่รู้ว่าจะมีกลุ่มที่ไม่เป็นมิตรจะโจมตีซวนหยวนหรือเปล่า
ไป๋ ได้มองเห็นเรื่องนี้จากระยะไกล และนางก็ชื่นชมการกระทำของหู่ เซวียนที่ทำเพื่อซวนหยวน “เขามีสถานะใกล้เคียงศิษย์พี่เฟิง เลี่ย”
หู่ เซวียน ออกจากตึกพร้อมกับชายชราที่เป็นข้ารับใช้ของเขา ชายชรากล่าว“นายน้อยท่านต้องการให้ข้าฆ่าเขาไหม?
หู่ เซวียน ขมวดคิ้ว “หยุดพูดจาพล่อยๆเดี๋ยวนี้! คุณหนูไป๋จะต้องเกลียดข้าแน่ ถ้าข้าทำเช่นนั้น ข้าเห็นว่าซวนหยวนเป็นคนที่ ตรงไปตรงมา และมีศักดิ์ศรี เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อคุณหนูไป๋ มันจะไม่มีอะไรดีถ้าโจมตีเขา ซวนหยวนเป็นคนที่น่าสนใจ และเขามีอนาคตที่สดใสอยู่ข้างหน้าของเขา แม้ว่าข้าจะหลงรักคุณหนูไป๋ แต่ข้าจะไม่ใช้วิธีที่น่ารังเกียจเพื่อชนะใจนาง”
“รับทราบ นายน้อย”
——
ซวนหยวนรู้สึกโล่งอกที่หู่ เซวียนได้แก้ปัญหาให้เขา สิ่งที่เขาไม่รู้คือ มันมีปัญหาที่ใหญ่กว่าอยู่ตรงหน้าเขา ซวนหยวนหยิบบันทึกตะวันออกออกมา มันมีรายละเอียดเส้นทางต่างๆจากเมืองนักสู้มังกรไปนิกายนักสู้มังกร
ซวนหยวนเดินออกจากเมืองไปทางทิศตะวันออก และมุ่งหน้าไปยังภูเขาที่สูงทะลุก้อนเมฆ
ด้วยความช่วยเหลือจากรองเท้ามังกร เขารู้สึกราวกับว่าเขากำลังบินอยู่ โดยไม่ต้องใช้พลังใดๆเลย
ด้านนอกของเมืองเป็นป่าทึบ มันมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังเป็นจำนวนมาก สัตว์อสูรส่วนใหญ่มันมีพลังเทียบเท่ากับนักสู้ขอบเขตจอมยุทธ์
แต่ด้วยกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากยุทธภัณฑ์ทั้งเซ็ทของเขา แม้แต่สัตว์อสูรขอบเขตพฤกษาก็ไม่กล้าที่จะท้าทายซวนหยวน และซวนหยวนก็เลือกที่จะไม่ไปรบกวนพวกมัน มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเดินทางไปนิกาย หลังจากที่ผ่านพ้นป่าอันตรายนี้ มันยังคงมีภูเขาจำนวนมากให้ข้ามและมีศพจำนวนมากนับไม่ถ้วนของเหล่าผู้คนที่พยายามเดินทางไปยังนิกาย ทุกๆคนที่ใช้เส้นทางนี้มีจุดหมายเดียวกัน คือ อย่างจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเป็นศิษย์ของนิกายได้ พวกเขาต้องเดินผ่านป่าเขาที่อันตรายก่อน
ซวนหยวนเหมือนกับมังกรที่กำลังแหวกว่ายในอากาศ เขามุ่งหน้าไปยังนิกายด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อของเขา
ทันใดนั้น ก็ลำแสงที่หนาวเย็นพุ่งเข้ามาหาเขา ซวนหยวนไม่มีเวลาที่จะตอบโต้ – มีใครบางคนซุ่มโจมตีเขา!
“ข้ากำลังจะตาย!” ความคิดไหลผ่านเข้ามาในจิตใจของเขา
แต่จู่ๆ เกราะใหม่ของซวนหยวนก็สว่างจ้าขึ้นมาด้วยแสงสีทองสดใส และป้องกันการโจมตีจากลำแสงที่เยือกเย็น ข้อเสียเพียงอย่างเดียวของเกราะคือ มันทำให้เขาต้องสูญเสียพลังปราณไป 1 ใน 3
ยุทธภัณฑ์ที่ หู่ เซวียนแนะนำมันมีประสิทธิภาพมาก ถึงแม้จะต้องใช้พลังปราณเป็นจำนวนมาก แต่มันก็ได้ช่วยชีวิตเขาไว้
“มันเป็นใคร?!” ซวนหยวน รู้ว่ามีนักสู้ขอบเขตพฤกษาขั้นสูง 6 คนอยู่รอบๆตัวเขา
พวกมันทุกคนสวมเสื้อผ้าสีดำ และปกปิดใบหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
นักฆ่า! มีใครบางคนจ้างนักฆ่ามาลอบสังหารข้า! ผู้ต้องสงสัยที่ซวนหยวนคิดคือ ขุยหยา, ปี้เย่ว, เซี่ยง เทียนฮ้าว หรือเซียวเทียน
“เฮ้ย เฒ่าโลภมาก ข้าไม่สามารถประคับประคองเกราะด้วยพลังปราณของข้า ทักษะกลืนกินอ่อนแอจริงๆ มันใช้พลังปราณ 1 ใน 3 เพื่อป้องการโจมตีครั้งเดียว!”ซวนหยวนสาปแช่งอย่างเงียบ ๆ “ ตอนนี้ข้าต้องวิ่งหนี!”
“เจ้าโง่! ถ้าเจ้าไม่มีทักษะกลืนกิน พลังปราณของเจ้าคงจะเหือดแห้งไปเรียบร้อยแล้ว เจ้าเห็นอาวุธนั้นหรือเปล่า? มันเป็นอาวุธระดับปฐพีขั้นกลาง!”
เฒ่าโลภมากกำลังโกรธที่ได้ยินคำสาปแช่งของซวนหยวน จักรพรรดิแห่งการกลืนกินคือเจ้านายคนก่อนของเขา มันต้องไม่มีผู้ใดดูถูกเขา แต่ซวนหยวนเจ้านายคนปัจจุบัน มักจะพูดอะไรก็ตามที่เขาต้องการ
“ไม่จำเป็นต้องวิ่งหนี ข้าจะมอบพลังปราณให้เจ้ามากขึ้น ข้าสามารถจัดการคนเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย”
ซวนหยวนพึมพำ “ดูเหมือนว่าข้าได้ใช้เงินทั้งหมดไปกับของที่มีประสิทธิภาพ”
เฒ่าโลภมากเงียบ
ชุดเกราะของซวนหยวนนยังคงส่องแสงสีทอง เหล่านักฆ่าประหลาดใจที่เห็นนักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณ สวมใส่ยุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นสูง พวกมันคิดว่าซวนหยวนจะวิ่งหนีหลังจากพวกมันโจมตี แต่ซวนหยวนกลับหยิบกริชสีดำที่มีสนิมของเขาออกมาและพุ่งตรงไปที่กลุ่มนักฆ่า
ด้วยความช่วยเหลือจากรองเท้ามังกร ทำให้ซวนหยวนเร็วกว่าพวกมันทุกคน หนึ่งในพวกมันกวัดแกว่างดาบ เและตรียมที่จะฆ่าซวนหยวน แต่ซวนหยวนก็ไม่ได้วิ่งหนีแต่อย่างใด เขาเลือกที่จะสู้กับนักฆ่าที่มีพลังเท่ากับมังกร 50 ตัว ดาบของนักฆ่าไม่มีพลังมากพอที่จะตัดผ่านชุดเกราะของซวนหยวน เพราะดาบของมันเป็นอาวุธระดับจิตวิญญาณขั้นสูง มันไม่สามารถทำลายการป้องกันของเกราะเขาได้
แต่กริชสีดำของเขานั้นสามารถเจาะผ่านช่องท้องของนักฆ่าได้อย่างง่ายดาย พลังชีวิตของมันถูกดูดอย่างรวดเร็ว
ในบรรดานักฆ่าทั้ง 6 คน คนที่ถูกฆ่าคนแรก คือคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม
“พวกเราเข้าโจมตีมันพร้อมกัน ข้าจะดูว่ามันจะมีพลังปราณเพียงพอที่จะป้องกันตัวเองหรือไม่” หัวหน้ากลุ่มนักฆ่ากล่าว มันเป็นผู้ชายที่ถือธนูระดับปฐพีขั้นกลาง และเป็นคนที่โจมตีซวนหยวนในการโจมตีครั้งแรก
เขาใส่ลูกศรบนธนู และเล็งยิงไปที่ซวนหยวน ลูกศรนั้นแหวกว่ายตัดอากาศมุ่งตรงไปที่ซวนหยวน ส่วนนักฆ่า 4 คนที่เหลือใช้โอกาสนี้เพื่อโจมตีซวนหยวน
ซวนหยวนยืนอยู่บนพื้น เขาเสี่ยงชีวิตของเขาต่อสู้กับพวกมัน เขารอจังหวะและพุ่งแทงไปที่นักฆ่าอีกคนหนึ่งด้วยกริชของเขา
ลูกศรถูกหยุดโดยชุดเกราะอีกครั้ง แม้แต่ดาบของพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะสร้างรอยบุ๋มให้กับเกราะของซวนหยวนได้ กลับกันกริชลึกลับของซวนหยวนมันมีความคม และร้ายกาจมาก ซวนหยวนแทงเข้าไปที่นักฆ่าคนอื่นอีกคน และดูดพลังชีวิตของมันมาเพื่อมาเติมให้กับพลังปราณของเขา
“มีบางอย่างผิด!” หัวหน้ากลุ่มนักฆ่ากล่าว และทันใดนั้น ซวนหยวนก็ไอเป็นเลือด แสงบนเกราะของซวนหยวนเริ่มสลังลง เขารีบหยิบยาเพื่อฟื้นฟูพลัง
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าก็สงสัยอยู่ว่าทำไมนักสู้ขอบเขตพฤกษาถึงมีพลังปราณมากนัก ฆ่ามันซะตอนนี้ อย่าให้มันหยุดพักหายใจ!”
“ฆ่ามัน!” หัวหน้ากลุ่มนักฆ่าตะโกน และยิงลูกศรไปที่ซวนหยวน ส่วนนักฆ่าคนอื่นๆ อีก 2 คนกวัดแกว่างดาบยาว และวิ่งเข้าหาซวนหยวน