ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปซวนหยวนตะลึงกับความหยาบคายของคนพวกนั้น แต่พวกเขากำลังต่อสู้อยู่ เมื่อซวนหยวนนึกถึงอาวุธ ยุทธภัณธ์ และเงินที่เขาเก็บมาได้นั้นทำให้เขาหายโกรธ
“ข้ากำลังเดินไปนิกายเพื่อลงทะเบียนศิษย์”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าหนูเจ้าช่างไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสถานที่แห่งนั้น เจ้าเป็นแค่นักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณ แต่เจ้ากลับต้องการเข้าร่วมเป็นศิษย์ของนิกายนักสู้มังกร? ไม่มีทางที่เจ้าจะเป็นศิษย์ของนิกายนักสู้มังกรได้ แต่ถ้าเจ้าไปที่ถ้ำพระจันทร์เจ้าอาจจะกลายเป็นศิษย์ภายในที่นั้นก็ได้ นิกายแห่งนี้มันสูงส่งเกินไปสำหรับเจ้า ศิษย์ภายในทุกคนของนิกายนักสู้มังกรอย่างน้อยพวกเขาต้องอยู่ขอบเขตพฤกษาเป็นอย่างน้อย เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน?” นักสู้ขอบเขตกษัตริย์เยาะเย้ยซวนหยวน ขณะที่กวัดแกว่างดาบ
นายน้อยที่ดูเยือกเย็นและหยิ่งยืนอยู่ข้างๆชายคนหนึ่งที่ถือขวาน นายน้อยคนนั้นดูถูกซวนหยวน และกล่าว “ฆ่ามันซะและโยนมันเป็นอาหารงู”
ชายผู้ที่กำลังควงขวานพยักหน้า “ถ้าไม่ใช่เพราะพวกข้า เจ้าจะไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ เจ้าจะไม่สามารถออกไปจากที่นี่อย่างมีชีวิตได้” ชายที่มีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆกล่าว ซวนหยวนสังเกตเห็นว่าขวานของชายคนนั้นเป็นอาวุธระดับปฐพีขั้นกลาง และความแข็งแกร่งของชายคนนั้นมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยเท่ากับมังกร 100 ตัว
ซวนหยวนกำลังหลบหลีกการโจมตีของชายที่ถือขวาน แต่ทันใดนั้นก็มีนักสู้ขอบเขตกษัตริย์อีกคนหนึ่งที่ถือดาบยาว ได้โจมตีไปที่ชายที่ถือขวาน ขวานและดาบของพวกเขากระทบกันอย่างแรงในอากาศ
“ฟาง อู๋เจี้ยน! เจ้ากล้าโจมตีข้า?” ชายที่ถือขวานตะโกน และปลดปล่อยพลังปราณออกมา
“นู่หู่ เจ้ากล้าที่จะกลั่นแกล้งนักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณ? กลับไปปกป้องนายน้อยของเจ้าซะ” ฟาง อู๋เจี้ยน กล่าวอย่างเย็นช้า เขาเป็นนักสู้ขอบเขตกษัตริย์ขั้นสูง และมีอาวุธระดับปฐพีขั้นสูง
“เจ้าหนุ่ม เจ้าสามารถเข้าร่วมกลุ่มตระกูลฟางได้ แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของเจ้าที่จะทำให้นิกายยอมรับเจ้าหรือไม่” ฟาง อู๋เจี้ยนได้เห็นยุทธภัณฑ์ของซวนหยวน และรู้ทันทีว่ายุทธภัณฑ์เหล่านั้นมันมีคุณภาพสูง แม้ว่าซวนหยวนจะต้องใช้เวลาเพื่อซ่อนพลังของยุทธภัณฑ์ของเขา แต่รูปร่างของยุทธภัณฑ์ของเขามันแสดงให้เห็นว่ามีอำนาจบางอย่าง อย่างเห็นได้ชัด
“ขอบคุณท่านสำหรับความช่วยเหลือ” ซวนหยวนตาค้อนไปที่นู่ หู่ จากนั้นเขาก็กระโดดขึ้นฟ้าขณะที่กำลังเอากริชออกมา และพุ่งโจมตีไปที่งูยักษ์ห้าสี
“เจ้าคิดว่าด้วยพลังของนักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณอย่างเจ้า จะสามารถสู้พวกมันได้ เพราะเจ้ามียุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นกลางไม่กี่ชิ้นรึ? มันจะไม่จบแค่นี้ ถ้าเจ้าไปยุแหย่งูพวกนั้น” เลี่ย เริ่นผู้ที่กำลังถือดาบกล่าวอย่างดูถูก เขาไม่ใช่คนหัวร้อนแบบนู่ หู่ ซวนหยวนซ่อนพลังของยุทธภัณฑ์เอาไว้ เขาคิดว่ายุทธภัณฑ์ของซวนหยวนอยู่แค่ขั้นกลาง
พวกงูรีบหันไปที่ซวนหยวนเพื่อกัดใบหน้าของซวนหยวน ควันพิษที่ยิงออกมาจากปากของมันสามารถฆ่านักสู้ขอบเขตพฤกษาได้อย่างง่ายดาย
แต่ซวนหยวนไม่ได้บาดเจ็บใดๆเลย เขาเปิดใช้งานหมวกเหล็กไร้ตำหนิของเขาจึงทำให้ควันพิษไม่สามารถโดนตัวเขาได้
นู่ หู่ กรีดร้องเหมือนผู้หญิงตัวเล็กๆ “มันเป็นยุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นสูง! มันสามารถปกป้องผู้สวมใส่ได้โดยอัตโนมัติ! เจ้าเด็กนั้นมันเป็นใครกัน?”
นายน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆนู่หู่ รู้สึกประหลาดใจ เขามีเพียงแค่ยุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นกลางเท่านั้น ยุทธภัณฑ์ระดับปฐพีขั้นสูงนั้นมันแพงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยุทธภัณฑ์ที่สามารถปกป้องผู้สวมใส่ได้โดยอัตโนมัติ
ชายผู้ที่ยืนอยู่คนถัดไปจาก เลี่ย เริ่น เขากำลังถือดาบยาวที่เต็มไปด้วยเลือด เห็นได้ชัดว่าเขาสู้กับพวกงูอย่างดุเดือดเป็นเวลานาน และชายผู้นั้นก็พูดอย่างเย็นช้าว่า“ เลี่ย เริ่น เจ้ากำลังเข้าใจผิด ฆ่าเจ้าเด็กนั้นเมื่อเจ้ามีโอกาส ยุทธภัณฑ์ของเจ้าเด็กนั่นมันมีราคาแพงมาก”
เลี่ย เริ่น พยักหน้า เขาผิดพลาดในการรับรู้ยุทธภัณฑ์ของซวนหยวน มันเป็นเรื่องที่น่าอับอาย
“มันเป็นเพียงนักสู้ขอบเขตจิตวิญญาณเท่านั้น มันไม่สามารถใช้ยุทธภัณฑ์เหล่านั้นได้นานหรอก มันจะตกเป็นของขึ้นอยู่กับใครจะเก็บได้” เขาหัวเราะเยาะเย้ย
แต่อย่างไรก็ตาม เลี่ย เริ่น เป็นคนโลภมาก เขาเลยอดใจรอไม่ไหว เขาปลดปล่อยพลังปราณสีทอง และพุ่งไปที่ซวนหยวนทันที
ซวนหยวนใช้ทักษะของทักษะมังกรสวรรค์ และเคลื่อนที่หนี พร้อมกับฆ่างูทุกตัวที่อยู่ในสายตาเขา ซวนหยวนหันไปรอบๆ และผ่างูที่โจมตีเขาออกเป็น 2 ซีก เลือดของมันไหลซึมออกมาและพลังชีวิตของมันก็ได้ถูกเฒ่าโลภมากดูดกลืน ซวนหยวนดูดพลังของมันได้ส่วนหนึ่งด้วย
ร่างของงูเริ่มเน่าเปื่อยทันที ซวนหยวนถาม “เฒ่าโลภมากท่านทำอะไร?”
“ข้ามีทีเด็ดซ่อนอยู่ไว้มากมาย มันเรียกว่า วิถีแห่งมังกรเน่าเปื่อย ข้าใช้มันเพื่อไม่ให้มีใครรู้ถึงตัวตนของข้า ระมัดระวังด้วยนักสู้ขอบเขตกษัตริย์ทั้ง 2 มันไม่ได้เป็นมิตร” เฒ่าโลภมากหัวเราะ
“ไม่ต้องห่วง” ซวนหยวนพูดอย่างเฉยเมย และมีงูอีกตัวหนึ่งกำลังพุ่งมากัดเขา แต่เขาไม่ได้หลบแต่อย่างใดและตัดหัวของงูแทน งูเหล่านี้มันมีพลังอย่างน้อยเท่ากับมังกร 50 ตัว แต่มันก็ไม่ได้มีปัญหาสำหรับซวนหยวน ด้วยการป้องกันจากเกราะที่สุดยอดของเขา
งูเริ่มที่จะเน่าและมลายหายไปในเวลาไม่ถึง 1 นาที ทำให้ทุกคนตกใจ พวกเขาคิดว่ากริชของซวนหยวนมันต้องพิษอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นพลังปราณที่ทรงพลังจาก ดาบ และ ขวาน กำลังเล็งตรงไปที่ซวนหยวน มันมาจากนู่หู่ และ เลี่ยเริ่น ก่อนที่พลังปราณจะตัดร่างซวนหยวน ชุดเกราะที่ซวนหยวนสวมใส่ก็เปล่งแสงสีทอง และฉีกพลังปราณของพวกมัน แต่มันต้องใช้พลังปราณครึ่งหนึ่งของซวนหยวนเพื่อทำงาน
ฟาง อู๋เจี้ยน หน้าเคร่งขรึมเมื่อเขามองจากระยะไกล“นู่ หู่, เลี่ย เริ่น เจ้าทั้ง 2 ช่างกล้ามาก”
“ฮ่าฮ่า พี่ชายฟาง ท่านกำลังพูดอะไร? ข้าเพิ่งเข้าสู่ขอบเขตกษัตริย์ ข้าไม่สามารถควบคุมพลังปราณได้ดีนัก ท่านต้องเข้าใจว่ามันเป็นอุบัติเหตุ” เลี่ย เริ่นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อวดดี
“ถูกต้อง ฟาง อู๋เจี้ยน ข้าไม่ชอบขี้หน้าเจ้า พวกข้าเป็นแค่พวกมือใหม่ ข้าแค่มาเก็บเกี่ยวประสบการณ์เล็กๆน้อยๆ แต่เจ้าไม่ต้องกังวล เจ้าแค่ทำหน้าที่ปกป้องนายน้อยของเจ้าไปซะ! มิฉะนั้นเจ้าจะต้องประสบกับปัญหาใหญ่ถ้านายน้อยของเจ้าตาย!” นู่ หู่ ก็อวดดีเช่นกัน เขาไม่สามารถที่จะเอาชนะฟาง อู๋เจี้ยนคนเดียวได้ แต่ถ้าเขาต้องการปกป้องทั้งนายน้อยและซวนหยวน เขาจะต้องมีโอกาสฟาง อู๋เจี้ยนแน่
ข้างๆฟาง อู๋เจี้ยน มีนายน้อยที่หล่อเหลาอยู่ เขากำลังถือดาบที่อยู่ระดับปฐพีขั้นสูง เพียงแค่การฟันเพียงครั้งเดียวด้วยพลังปราณ เขาสามารถตัดงูออกเป็น 6 ส่วน
“นิกายต้องการที่จะวัดความสามารถในการต่อสู้ของศิษย์ อู๋เจี้ยน เจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องปกป้องข้าไปดูแลเด็กคนนั้น อย่าให้ใครฆ่าเขา” นายน้อยที่หล่อหล่อกล่าวด้วยความภาคภูมิ
“นายน้อย มันไม่เหมาะสม…”
ฟาง อู๋เจี้ยนอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาไม่สามารถเสี่ยงให้นายน้อยของเขาได้รับบาดเจ็บได้ ซวนหยวนไม่อยากจะเชื่อว่า เลี่ย เริ่น และนู่หู่ จะกลั่นแกล้งคนอื่นได้ในที่สาธารณะ นายน้อยฟางมีน้ำใจอย่างเห็นได้ชัด แต่ซวนหยวนไม่ต้องการให้ฟาง อู๋เจี้ยนต้องลำบากใจ เขามีภารกิจของเขาเอง
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ไม่มีใครรู้ว่าใครจะตาย!”