ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปด้วยสถานะของเจ้าหญิงก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดความกลัวขึ้นมาในใจของทุกคน เมื่อได้เห็นดังนั้น ‘เฟิงเหยา’จึงรีบไป โน้มน้าว’ลิ่วหมิงซวน’
“เจ้าหญิงกำลังมาที่นี่ ข้าว่าท่านควรเลิกความคิดที่จะสู้ก่อนเถอะ”
และนางได้มองไปยัง’หลงยี่’ ในสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“สำหรับไอขยะนี่ ข้าว่าท่านยังมีโอกาสอีกมากในการสั่งสอนมัน”
แต่จริงๆ ‘เฟิงเหยา’นั้นตกใจมากเมื่อเห็นว่า’หลงยี่’นั้นสามารถต้านทานพลังสองมังกรน้ำเหมันต์ของ’ลิ่วหมิงซวน’ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ตัวตนของ’หลงยี่’ในใจของเธอก็ยังคงเป็นขยะอยู่วันยังค่ำ เธอไม่มีทางยอมรับพลังของ’หลงยี่’ได้ว่าเป็นพลังของตัว’หลงยี่’เอง
นางคิดว่า’หลงยี่’น่าจะมีศาตรวุธด้านการป้องกันที่แข็งแกร่ง และไม่ได้ป้องกันด้วยพลังของมันเอง ตอนนี้ เจ้าหญิงก็ผ่านมาถึง และทุกคนบริเวณนั้นต่างรู้ว่ามันคงไม่เป็นเรื่องที่ดีนักหากทั้งสองคนนั้นยังคิดที่จะสู้กันต่อไป
“หึ แกนี่โชคดีจริงๆเลยนะ ไอขยะ”
‘ลิ่วหมิงซวน’พูดพร้อมจ้องไปที่’หลงยี่’ด้วยสายตาที่เคียดแค้น
“ในอุทยานโสมโบราณ หากเจ้าบังเอิญได้เจอข้าข้างในนั้น ข้าจะฆ่าเจ้าทิ้งซะ”
“งั้นหรอ แต่ข้าว่าดูจากพลังของเจ้าในตอนนี้ข้าว่ามันยังไม่เพียงพอที่จะฆ่าข้าได้นะ”
‘หลงยี่’มองไปที่อีกฝ่ายด้วยสายตาที่กวนประสาท และเดินกลับไปหา’หลิงหาน’
มันไม่มีความกลัว’ลิ่วหมิงซวน’ แต่’หลงยี่’รู้ว่านี่มันมิใช่เวลาที่พวกมันสามารถสู้กันได้ ยิ่งตอนนี้เจ้าหญิงได้ปรากฏตัวขึ้น หากพวกมันยังต่อสู้โดยไม่สนใจ หรือเมินเฉยต่อสถานะของนางคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ นั่นเป็นหนึ่งในสองเหตุผลที่หลงยี่เลือกที่จะหยุด
อีกเหตุผลคือหากมันต้องการที่จะเอาชนะ’ลิ่วหมิงซวน’มันต้องใช้พลังของรองเท้าวายุเหมันต์ต่อหน้าทุกๆคน เมื่อเป็นแบบนั้น ไพ่ที่มันแอบเก็บเอาไว้ในมือก็จะถูกเปิดเผยให้คนอื่นได้เห็นและจะเป็นการเสียเปรียบอีกเพราะมันได้เข้าร่วมในงานอุทยานโสมโบราณ หลงยี่จึงคิดจะรอจังหวะที่ดีกว่านี้ในการจัดการกับ’ลิ่วหมิงซวน’ตามลำพังในอุทยานโสมโบราณ
“น้องหลงยี่ ยินดีด้วย”
‘หลิงหาน’มองเห็นกลุ่ม ที่ใส่ชุดเกราะเหล็กเปร่งประกายที่กำลังควบม้าเข้ามาใกล้กับพวกมัน ‘หลงยี่’ก็เข้าใจความหมายของ’หลิงหาน’ เพราะ’หลิงหาน’คิดว่าหากทั้งสองยังคงสู้กันต่อไป ‘หลงยี่’จะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน
มิแปลกใจ ‘หลงยี่’สามารถต้านทานพลังของ’ลิ่วหมิงซวน’ที่ใช้ วรยุทธขั้นสูงสุดอย่างมังกรเหมันต์ทำลายล้าง และด้วยเช่นนี้ มันได้พิสูจน์ความแข็งแกร่งของมันได้อย่างเพียงพอแล้ว .
(Eins : ผมว่ามันเหมือนอันติ hanzo ใน overwatch นะไอท่ามังกรสองตัวนี้อะ 55555)
(Marionette : งั้นมันต้องเจอ Genji ซินะครับ 5555)
แต่หากการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ‘หลงยี่’คงมิอาจต้านทานไว้ได้
“ขอบคุณ พี่หลินหาน”
‘หลงยี่’ยิ้ม และไม่ได้กล่าวอะไรต่อ และเพ่งไปยังกลุ่มอัศวินชุดเกราะเหล็กที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ บริเวณนั้นมีศิษย์จากนิกายเจิ้นเทียน 6 คน และศิษย์จากนิกายหาญปิง 4 คน ที่ยืนแบ่งฝ่ายกันอยู่และกำลังมองไปที่กลุ่มคนที่กำลังเดินใกล้เข้ามา
หลังจากนั้นไม่นาน กลุ่มทหารที่เข้ามาใกล้ทำให้พวกมันเห็น คนเหล่านั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เรียงเป็นคู่ขนานกัน ข้างหน้า 10ข้างหลัง 10 มีทั้งหมด 20 ทหารชุดเกราะที่กำลังปกป้องหญิงงามที่อยู่ตรงกลาง
ทุกคนที่เห็นหญิงงามคนนี้ แต่งกายด้วยผ้าไหมสีขาวอันงดงาม และกำลังขี่ม้าขาวอยู่นั้น กำลังยิ้มให้พวกมันด้วยรอยยิ้มที่สวยงามไม่อาจ หาสิ่งใดเปรียบ
“นี่งั้นหรอ เจ้าหญิงน่ะ”
‘หลงยี่’มองแต่ไม่ได้สนใจนางเท่าไหร่ แต่มันกลับมองไปที่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างของเธอแทน ชายคนนั้นน่าจะเป็นผู้ชายที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ทหารชุดเกราะทั้งหมด และน่าจะเป็นหัวหน้าของทหารเหล่านี้ ดูเหมือนว่ามันจะอายุแค่ 20ต้นๆ มีชุดเกราะที่สง่างาม
และหมวกเหล็กสีทอง และถือหอกไว้ที่มือของมัน พลังของมันนั้น มีมากยิ่งกว่า’เฟิงหยุน’
“มีความเป็นไปได้ ที่แม้แต่ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายเจิ้นเทียนยังมิอาจเป็นคู่มือของมันคนนี้”
‘หลงยี่’คิดอยู่ในใจของมันแต่มันก็ไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของชายคนนี้มากนัก แต่ที่หน้าตาของมัน แต่ไม่ว่าจะตาจมูกปาก ของผู้ชายคนนี้ ล้วนแล้วแต่มีส่วนที่คล้ายกับ’หลงยี่’อยู่หนึ่งในสาม
หลังจากเห็นมัน ‘หลงยี่’ค่อยๆก้าวถอยไปอยู่ที่ข้างหลัง’หลิงหาน’ และซ่อนตัวของมัน
“ดูเหมือนว่าชีวิตก่อนหน้านี้ เราคล้ายมีส่วนเกี่ยวข้องกับชายคนนี้”
ตา’หลงยี่’เป็นประกายในขณะที่มันกำลังคิด
“หลายปีที่ผ่านมา พ่อบุญธรรม มิได้กล่าวอะไรเกี่ยวกับชีวิตของข้าเลยแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่ามันจะยังไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้จนกว่า มันจะมีความแข็งแกร่งที่เพียงพอซะก่อน”
หลังจากที่คิดได้ดังนั้น มันก็คิดต่อว่า ในอนาคต มันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้และจะต้องค้นหาคำตอบเกี่ยวกับชีวิตของมันเองให้ได้ ถึงมันจะมีพลังของตรา9มังกรลับ มันก็มิอาจที่จะประมาทเลิ่นเล่อได้ ตระกูลราชวงศ์นั้นมีพลังและอำนาจมาก ไม่แม้แต่’หลงยี่’ ขนาดนิกายเจิ้นเทียนยังไม่กล้าล่วงเกิน
จากนั้น กลุ่มทหาร 20นาย ที่เคลื่อนเข้ามาพร้อมกับเจ้าหญิงที่อยู่ตรงกลาง และหยุดอยู่ตรงบริเวณกลุ่มของสองนิกาย
“ศิษย์จากนิกายเจิ้นเทียน และนิหายหาญปิง”
เจ้าหญิงพูดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
“ท่านสุภาพบุรุษ ดูเหมือนว่าพวกท่านจะมีพลังวรยุทธที่ดี พวกเจ้าต่างเป็นผู้มีพรสวรรค์จากแคว้นถังแห่งนี้ พรุ่งนี้ในงานอุทยานโสมโบราณ ข้าหวังว่าพวกท่านนะสามารถเก็บเกี่ยวโสมได้มาก”
“ขอบพระทัย องค์หญิง”
‘ลิ่วหมิงซวน’พูดพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของมัน
“ข้าชื่อว่าลิ่วหมิงซวนจากตระกูลลิ่วในเมืองหลวง ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ข้าได้มาเจอท่านในวันนี้”
“อ่อ ท่านมาจากตระกูลลิ่วสินะ”
เจ้าหญิงพูดด้วยรอยยิ้มที่สุภาพ
“ตระกูลลิ่วได้ปลูกฝังรากไว้กับเมืองหลวงมาหลายชั่วอายุคน และเป็นตระกูลที่ทีขื่อเสียงเลื่องลือมากในเรื่องการค้า ข้ามั่นใจว่าพ่อของข้าที่เป็นจักรพรรดิทรงรู้สึกดีต่อตระกูลของท่าน”
“องค์หญิง กล่าวให้เกียรติกันเกินไปแล้ว”
‘ลิ่วหมิงซวน’รู้สึกพึ่งพอใจในตนเองอย่างมาก ยิ่งเมื่อได้รับคำชมจากองค์หญิงที่เป็นถึงสายเลือดของราชวงศ์ เมื่อ’หลงยี่’ทราบดังนั้น มันก็คิดอยู่ในใจของมันว่า
“ดูเหมือนว่า ตระกูลลิ่วจะเป็นตระกูลทางการค้าที่สำคัญในเมืองหลวง และมีกองกำลังทหารมากมายสินะ………”
ไม่แปลกใจเลยที่’ลิ่วหมิงซวน’ที่ยังอยู่ในวู่เต้าขั้นที่ 7 มันไม่ได้อยู่ในตระกูลที่ยิ่งใหญ่นัก เพราะในตระกูลที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจเหล่านั้น แม้แต่เด็ก ก็ยังมีระดับวรยุทธมากกว่ามันเสียอีก
“องค์หญิง ไปกันเถอะพะย่ะค่ะ”
ศิษย์จากหาญปิงกับเจิ้นเทียนไม่ได้มีความน่าสนใจอันใดเลย แม้แต่ศิษย์จากนิกายเชียนซี ยังมีความแข็งแกร่งเพียงเล็กน้อย ในตอนนั้น ชายคนที่มีส่วนคล้ายกับ’หลงยี่’ ก็พูดกับเจ้าหญิงด้วยรอยยิ้มที่เรียบง่าย และเต็มไปด้วยความภาคภูมิ ดูคล้ายว่ามันกำลังดูถูกศิษย์จากทั้งสามนิกายอยู่
“ไม่หรอก พวกมันต่างขาดแคลนทรัพยากร เมื่อพวกมันได้เข้าไปยังอุทยานแล้ว พวกมันจะแข็งแกร่งขึ้นและเป็นกำลังสำคัญต่อแคว้นถัง”
เจ้าหญิงยิ้มและพูดอีกว่า
“ดูเหมือนว่าข้าต้องไปแล้ว พวกท่านจงกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ทุกคนจะได้เข้าไปยังอุทยานโสมโบราณในตอนเช้า ข้าขอให้พวกท่านโชคดี”
“ขอบพระทัย องค์หญิง”
ทุกคนต่างตอบกันอย่างพร้อมเพียง ก่อนที่จะมองไปยังองค์หญิงที่กำลังเดินทาง ต่อ
“หึ มันช่างเป็นคนที่เย่อหยิ่งจองหองเสียจริง”
ในตอนนั้น’ลิ่วหมิงซวน’รู้สึกไม่ดีขึ้นภายในใจของมันเวลาที่มันได้ยินชายคนนั้นพูด
“ไม่อาจสงสัย มันเป็นถึงผู้ปกป้องเจ้าหญิง แต่ระดับวรยุทธของมันสูงเกินกว่าที่พวกเราจะรับรู้ได้ กระทั่ง แม้แต่จะคาดเดายังมิอาจเป็นไปได้ สิ่งที่มันกล่าวคือเรื่องปกติและมันก็มีสิทธ์ที่จะกล่าวเช่นกัน”
‘เฟิงเหยา’หรี่ตาลงและกล่าวคำ หลังจากกล่าวเสร็จ นางก็หันตัวกลับ พรุ่งนี้เป็นวันที่จะเข้าไปยังอุทยานโสมโบราณ และคู่ต่อสู้ของนางก็คือหญิงงามจากนิกายเชียนซี ที่เรียกกันว่า องค์หญิงแห่งเชียนซี
นางไม่สนใจอะไรในตัว’หลงยี่’ ที่เปรียบได้ดั่งขยะ เพราะนางคิดว่า ระดับของมันกับนางยังต่างกันเกินไป
“พี่หลิงหาน พวกเรากลับกันเถอะ”
หนึ่งในศิษย์ของนิกายเจิ้นเทียนถาม ‘หลิงหาน’ที่ตอนนี้กำลังมองไปที่เจ้าหญิงที่กำลังหายไปจากสายตาของมัน คล้ายกับว่ามันยังไม่ได้ดูอย่างเต็มอิ่ม เมื่อ’หลิงหาน’ได้ยินเสียงผู้คนเรียกมันจึงตั้งสติและถามไปว่า
“โอ้ หะ พวกเราจะกลับกันแล้วหรอ?”
“ฮ่าๆ พี่หลิงหาน ไม่ใช่ว่าท่านตกหลุมรักองค์หญิงหรอกนะ”
ตอนนั้นมีคนพยายามหยอกมันเล่น
“อย่าได้กล่าววาจาที่มิควร แค่เพราะองค์หญิงนั้น สวยและงดงามต่างหาก ข้าจะมองท่านมิได้อย่างไร”
‘หลิงหาน’หัวเราะ
“ใช่ ผู้ชายสวมชุดเกราะนั้น ข้ารู้สึกคล้ายกับศิษย์ของสำนักเราผู้หนึ่ง พี่หลิงหานทราบหรือไม่”
หนึ่งในนั้นถามอันเสียงดังขณะที่กำลังจ้องไปที่’หลงยี่’
“คะ คล้ายผู้ใดงั้นหรอ”
‘หลิงหาน’มิได้สนใจอันใดในตัวชายชุดเกราะนั่น มันจึงรู้สึกแปลกใจไปสักพัก
“มันหลบอยู่ด้านหลังท่าน ถูกต้องหรือไม่ น้องหลงยี่”
“ข้าคล้ายได้ฟังว่าน้องหลงยี่เคยอาศัยอยู่ในตระกูลบางตระกูล ในเมืองหลวงแต่ได้ถูกขับออกมา ตอนแรกข้าคิดว่ามันเป็นเพียงข่าวลือแต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีความเป็นไปได้มากขนาดนี้ น้องหลงยี่ เจ้าคิดเช่นนั้นหรือไม่”
“ข้ามิทราบ”
การสนทนาของชายคนนั้นหยุดลง มันเงียบทันที!
“ดี หยุดพูดไร้สาระและรีบกลับไปซะ?”
‘หลิงหาน’เร่งสอดแทรกพร้อมกล่าวพร้อมยิ้ม
“ดี พรุ่งนี้เตรียมตัวเข้าอุทยานโสมโบราณบางทีอาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับพวกเราทุกคน ถ้าเจ้าสามารถได้โสมโบราณระดับยอดเยี่ยม เจ้าสามารถกระตุ้นระดับโดยตรง!”
ขณะที่’หลิงหาน’กล่าวคำเหล่านี้ หัวใจของศิษย์ทั้งสี่ของนิกายเทียนเจิ้นต่างลุกโชนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น แม้นว่า มันไม่ง่ายถึงโอกาสที่จะได้โสมโบราณระดับยอดเยี่ยมเว้นเสียแต่จะมีโชคอย่างมหาศาล ถึงกระนั้นการที่พวกมันได้เพียงโสมโบราณระดับต่ำนั่นก็เพียงพอแล้ว
ต่างคนต่างมีความคิดได้กลับสู่ห้องของแต่ละคนในเรือนที่พัก ตอนเย็นนี้ เกือบทุกคนประสบกับการนอนไม่อาจหลับได้ในระดับที่หลากหลาย เพราะเหตุการณ์สำคัญที่เข้ามาในชีวิตพวกมันและกำลังได้รับโอกาสสำคัญครั้งแรกในการเข้าสู่อุทยานโสมโบราณ และถ้าพวกมันโชคดีพอที่ได้รับโสมโบราณแล้วล่ะก็พวกมันก็สามารถที่จะเพิ่มพลังยุทธ์ของพวกมันได้
มีเพียงหลงยี่ผู้ที่มีจิตที่เข้มแข็งเท่านั้นที่หลับคล้ายหมูตาย!
……
ยามค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เช้าวันต่อมา ทุกคนรวมตัวกันที่ลานเรือนพัก ด้านข้าง’หลงยี่’เห็นทุกคนหมดกำลังใจไปไม่มากก็น้อยแม้แต่’ถานเจียน’ก็ไม่ยกเว้น อย่างไรก็ตามมีความตื่นเต้นในตาของทุกคน พวกมันรอคอยมาเป็นเวลานานที่จะได้เข้าสู่อุทยานโสมโบราณ!
ผู้อาวุโสยี่ที่สวมชุดคลุมสีดำปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน
“ตามข้ามา วันนี้พวกเจ้าต้องเข้าอุทยานโสมโบราณ พวกเจ้าควรจดจำไว้ว่าชีวิตของพวกเจ้าอยู่ที่การกระทำจงทำให้ดีที่สุด!”
ผู้อาวุโสยี่เตือนพวกมันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนำทั้งหมดออกจากที่พักและไปยังด้านหลังของเมืองโสมโบราณ ฝูงชนได้มายังหน้าประตูด้านหลังของเมืองโสมโบราณและเพิ่งออกจากประตูด้านหลังของสวนที่อยู่หลังตระกูลราชวงศ์ยาวไกลและกว้างมันคืออุทยานโสมโบราณ!
ที่ประตูเมือง ศิษย์ของนิกายหาญปิง นิกายเฉียนซีและนิกายเทียนเจิ้นได้มารวมกันทั้งหมด 53 คนนำโดยผู้อาวุโสของแต่ละนิกายและได้แบ่งออกเป็นสามกลุ่ม
เจ้าชายและเหล่าทหารพกอาวุธยืนด้านหน้าประตูที่จะนำสู่อุทยานโสมโบราณจะไม่เปิดถ้าไม่ได้รับการอนุญาตจากสมาชิกของราชวงศ์ เมื่อผู้เข้าร่วมทั้งหมดได้รวมตัวแล้วคนวัยหนุ่มสาวที่มีอาวุธได้ก้าวออกมาข้างหน้า
ในตาของพวกมันนั้นดูหยิ่งยโสและได้กวาดสายตามองผู้เข้าร่วมทุกคน
“ขณะนี้ พวกเจ้าจะได้เข้าอุทยานโสมโบราณ มีกฎเพียงข้อเดียวและนั่นคือถ้าโสมคุณภาพดีที่สุดปรากฏขึ้นในเหตุการณ์ใดก็ตามมันเป็นสมบัติของทางราชวงศ์ เข้าใจหรือไม่?”
คนหนุ่มสาวได้รับการบอกกล่าวอย่างเข้มงวด
“เข้าใจ!”
ทุกคนกล่าวพร้อมกัน ในตอนนี้พวกมันตื่นเต้นเพราะพวกมันกำลังจะเข้าอุทยานโสมโบราณที่มีโอกาสมากมายที่รอพวกมันอยู่!
เพื่อโสมโบราณคุณภาพดีที่สุดยากที่จะได้พบ มันเป็นขุมทรัพย์ที่หายากและยากที่จะพบอย่างยิ่งในรอบสิบปี ซึ่งไม่เคยใครคาดหวังว่าจะพบโสมโบราณคุณภาพที่ดีที่สุดในเวลานี้!
……………………………..
แปลโดยทีมงาน DME
ที่มา: