ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปทันทีที่ ที่’กง ลู่หยุน’ ซัดหมัดใส่’ชูเฟิง’ครั้งที่ 3 ทุกคนก็ถึงกับเหงื่อตก เนื่องจากทุกคนต่างคิดว่า ‘ชูเฟิง’ คงไม่อาจหลบมันได้
ในความเป็นจริงแม้แต่ ‘กง ลู่หยุน’ ยังรู้สึกประหลาดใจ ว่าทำไมการโจมตีของเขานั้น ‘ชูเฟิง’ ถึงสามารถหลบได้ง่ายๆถึงสองครั้ง ถ้าหาก’ชูเฟิง’ใช้ทักษะเข้ามาช่วยแน่นอนว่าเขายังไม่ประหลาดใจมากนัก แต่นี้หลังจากผ่านไปแค่หนึ่งปีเขากับสามารถหลบการโจมตีของเขาด้วยความสามารถทางร่างกายล้วนๆ
เพื่อให้แน่ใจว่า ‘ชูเฟิง’ จะไม่อาจหลบการโจมตีของเขาได้อีก หากเขาใช้พลังทั้งหมดในการโจมตี ด้วยพลังของเขาในปัจจุบัน จะสามารถปลิดชีวิตน้อยๆของ ‘ชูเฟิง’ได้ ดังนั้นการที่มีความคิดว่าจะไม่ใช้ทักษะใดๆโจมตี จึงจำเป็นต้องทิ้งไป
ในขณะตอนที่เขาซัดกำปั้นอันรุนแรงเข้าใส่ ‘ชูเฟิง’ ใกล้ๆ เขาก็สังเกตุเห็นว่า ‘ชูเฟิง’ นั้นตกใจและมีความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้า
‘กง ลู่หยุน’ จึงแสยะยิ้มที่มุมปาก กว้างขึ้น กว้างขึ้น แต่เขาไม่ได้สังเกตุเลยว่าขณะที่กำปั้นใกล้ชนกับ’ชูเฟิง’ และคิดว่าทุกอย่างกำลังจะจบ มุมปากของ ‘ชูเฟิง’ เองก็ค่อยๆฉีกออก
* บูมมมมมมมมม *
การชนนั้นทำให้เกิดเสียง บูมมม เหมือนระเบิดของฟ้าผ่า ขณะนั้นพลังแก่นแท้ก็พัดกระจายไปรอบๆทั่วทุกที่
ในขณะนั้นเอง’ชูเฟิง’ก็ถูกอำนาจ แก่นแท้ ล้อมรอบ และลอยออกมาตรงๆ จนไปหยุดอยู่ขอบเวทีการต่อสู้
” เยี่ยม เยี่ยมไปเลย ในที่สุดชูเฟิงก็ตาย “
เมื่อพวกเขาเห็นเช่นนั้น ก็ได้แต่ลุกขึ้นและใช้สายตาที่ประกายจ้องมอง’ชูเฟิง’ ที่ถูกห่อหุ้มด้วยหมอกสีขาวโดยมีคลื่นพลังอำนาจแก่นแท้ปกคลุม
แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะนึกว่า ‘ชูเฟิง’ นั้นตายแล้ว แต่พวกเขาก็ยังต้องการที่จะเห็นสภาพศพของ ‘ชูเฟิง’ ว่าจะเป็นยังไงเมื่อถูกหมัดของ ‘กง ลู่หยุน’
สุุกท้ายหมอกควันทั้งหมดก็จางหายไปและร่างกายของ’ชูเฟิง’ก็ปรากฏต่อสายตาของผู้คน แต่ในตอนนี้ ร่างของ ‘ชูเฟิง’ ไม่ได้แหลกละเอียดเป็นกองเนื้ออย่างที่หลายคนคาดหวัง ซึ่งทุกอย่างของร่างกายเขายังคงปกติเหมือนเดิม
แค่ปัจจุบัน ‘ชูเฟิง’ นอนกอง อยู่ที่พื้นเหมือนกับสุนัขหมอบโดยไม่ไหวติง และร่างกายของก็สัมผัสกลิ่นอายใดๆไม่ได้เลย เหมือนว่าเขานั้นไร้วิญญาณ
” สุดท้าย ชูเฟิง ก็แพ้!!! แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งและเป็นอัจฉริยะที่หายาก หากได้รับการอบรมสั่งสอนดีๆไม่รู้ว่าเขาจะพัฒนาไปถึงไหน แต่เขาสามารถสู้กับ กง ลู่หยุน ด้วยพลังวิญญาณระดับ 7 กำเนิดวิญญาณได้ขนาดนี้ ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเขานั้นไม่ธรรมดา “
” น่าเศร้าเหมือนกันที่อัจฉริยะต้องมาตาย และดูเหมือนว่าคนจากนิกายโลกวิญญาณจะไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ พวกเขาคงจะผิดหวังไม่น้อยที่ต้องมาเสีย ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณ ที่มากความสามารถเช่นนี้ไป “
ขณะที่พวกเขาทุกคนรู้สึกว่า’ชูเฟิง’นั้นตายแน่แล้ว พวกเขาก็เริ่มวิจารณ์ผลของการต่อสู้ แต่ละคนต่างก็คิดว่าผลของมันได้ถูกกำหนดไว้แล้ว แม้แต่กระทั้ง ‘ซูเฮิน’ ยังถอนหายใจด้วยความสงสาร
‘ซูเหม่ย’ขณะนั้นกอดพี่สาวของนางไว้แน่นด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แม้แต่ทุกคนยังได้ยินเสียงร้องไห้ด้วยความเสียใจของนางที่เหมือนว่าหัวใจกำลังจะสลาย
หาก ‘ซูรู่’ นางไม่ถูกกอดไว้ นางเองก็คงรีบวิ่งไปหา’ชูเฟิง’ที่นอนอยู่เวทีการต่อสู้ เพราะสำหรับนาง ‘ชูเฟิง’ เป็นเพียงคนเดียวที่นางรักจนหมดหัวใจ
แต่ ‘ซูรู่’เอง ก็พอเข้าใจความสามารถของ’ชูเฟิง’เป็นอย่างดี นางจึงได้ต้องจ้องมอง’ชูเฟิง’ที่กองอยู่บนเวทีพร้อมกับบ่นอยู่ภายในใจ
” ชูเฟิง เจ้ากำลังทำบ้าอะไรอยู่ หากเจาไม่รีบๆ ลุกขึ้นมา น้องเหม่ย ได้ร้องไห้ตายเพราะเจ้าแน่ !!! “
แต่ยังไงก็ตาม ก็มีคนอีกนับล้านที่ยังไม่เข้าใจความสามารถที่แท้จริงของ ‘ชูเฟิง’ อย่าง ‘ซูรู่’
หลายคนที่เห็นความสามารถของเขา แต่สำหรับตัวของ’ชูเฟิง’นี้เป็นการประมือที่ธรรมดาๆอย่างมากระหว่างเขาและ ‘กง ลู่หยุน’ เพียงแค่นี้ก็ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกตกใจอย่างมาก และยังคิดว่า’ชูเฟิง’เป็นอัจฉริยะที่โดดเด่น
เกือบทุกคนรู้สึกว่า ‘ชูเฟิง’ นั้นตายไปแล้ว แม้แต่ ‘กงลู่หยุน’ เอง ที่ยืนอยู่บนเวทีขณะจ้องมองที่’ชูเฟิง’ ก็ยืนยันว่า ‘ชูเฟิง’ นั้นเหลือลมหายใจอยู่ได้อีกไม่นาน
ดังนั้นเขาจึงหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับหันไปรอบมองรอบๆโดยประสานมือของเขาให้กับผู้ชมที่มามากมายราวกับภูเขาและมหาสมุทรและยังกล่าวคำบางอย่างเสียงดังออกมาชัดเจน
” ทุกๆท่าน ขอบคุณอย่างมากสำหรับการเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ เพื่อเป็นสักขีพยานการต่อสู้ระหว่าง ข้า และ ชูเฟิง แต่ยังไงก็ตามผลการต่อสู้ในวันนี้เกินที่ข้าคิดไว้นิดหน่อย แต่ก็ช่างน่าเสียดายและน่าเบื่อ เช่นกัน “
” ตอนแรก ข้าเห็นแก่เขาที่เป็นสหายอยู่สำนักเดียวกัน ข้า กง ลู่หยุน จึงไม่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ แต่ข้าก็ต้องเปลี่ยนใจ สองครั้งแรก แค่เพียงแค่เตือนเขาเท่านั้น จึงใช้แค่พลังของหมัดเพื่อให้ยอมแพ้และรอดพ้นจากอันตราย แต่นี้เป็นการประลองชี้เป็นชี้ตายระหว่างเขาและข้า จริงๆหากเขายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี แน่นอนว่าข้าจะให้โอกาสเขาได้มีชีวิต “
” แต่ชูเฟิงก็ยังปากแข็ง ไม่เพียงเขาจะไม่กล่าวคำยอมแพ้ แต่เขายังคงดื้อรั้น อีกอย่างข้าตั้งกฏมา ดังนั้นข้าจะไม่มีทางเลือกต้องจัดการเขาในหมัดที่ 3 “
” ด้วยเหตุนั้นข้าจึงไร้ทางเลือกได้แต่ต้องลงมือ โดยที่ไม่เต็มใจ แต่ยังไงก็ตาม ข้าอยากจะบอกทุกคนในที่นี้ว่า ข้า กง ลู่หยุน คือ ผู้ชนะ การประลองครั้งนี้!!! “
ในวินาทีนั้น รอยยิ้มปรากฏเต็มใบหน้าของ ‘กง ลู่หยุน’ และกล่าวประโยคนั้นออกมาดังๆ ด้วยท่าทีของผู้ยิ่งใหญ่ ที่กำชัยชนะแต่ยังไงก็ตาม หลังจากสิ้นเสียงของเขา มันไม่ได้มีเสียงเชียร์หรือโห่ร้องตามที่เขาคาดหวัง บรรยากาศรอบๆเวทีดูมืดมน และส่งบรรยากาศแปลกๆ ซึ่งทำให้เขาไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง
อีกทั้งยังสับสนอย่างมากแต่เมื่อมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ในเวลานั้น หัวใจของเขาเต้นแรงและใบหน้าของเขาก็ยังเปลี่ยนไปอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนกับว่าสมองกำลังมีคนมาทุบ
ด้วยค้อนขนาดใหญ่น้ำหนักหมื่นชั่ง อีกอย่างเสียงนั้นก็แสนจะคุ้นเคยและดังชัดเจนอย่างเสียงคำรามของฟ้าร้อง
” กง ลู่หยุน ตามสัญญาเจ้าต้องฆ่าตัวตาย!!! “
เสียงนั้นดังขึ้นออกมาด้านหลังของ ‘กง ลู่หยุน’ จนทิ้มแทงเข้าไปในหัวใจของเขา
ด้วยความกังวลที่แสนว้าวุ้น ดั่ง โฮโมนภาคแรก
‘กง ลู่หยุน’ ก็ค่อยๆหันหัวของเขาไปมอง แต่เดิมที่คิดว่า’ชูเฟิง’นั้นสิ้นลมหายใจไปแล้ว บัดนี้เขากำลังยืนอยู่บนเวทีประลอง เวลานั้นเขาเพียงแต่ยังไม่ตาย ‘ชูเฟิง’ยังแสยะยิ้มขณะที่มองหน้าของเขาอีกด้วย
ฆ่าตัวตาย ฆ่าตัวตาย ฆ่าตัวตาย!!!!
เอาล่ะ กง ลู่หยุน ลื้อจะทำยังไงทีนี้
จะบอกว่าเขาโอกาสอีกรอบ หรือ ข้าล้อเล่น หรือ จะมีข้ออ้างอะไร . . . ???
หรือว่าจะรักษาสัจจะคำพูด
แต่หากมืงไม่รักษาคำพูด ชื่อเสียงเน่าๆของมึงก็จะพังพินาศ ต้องถูกคนประนาม
โดนตุ๊ดด่า กระเทยเมินใส่ ถูกเกย์ถุยน้ำลายใส่หน้า . . . . .
ถึง กง ลู่หยุน ไม่ยอมฆ่าตัวตาย เด๋ว ชูเฟิง ก็หาทางฆ่ามันอยู่ดี . . . . .
ขึ้นอยู่กับว่าจะยอมตายแบบมีศักดิ์ศรี หรือ จะตายแบบน่าสมเพช
จะเป็นเช่นไรต้องมารอติดตามกันต่อไป
เวลามันลุมเล้าอาจจะไม่มีเวลาสนทนากันท้ายบท ต้องขออภัย
ที่มา: