ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปรถฮัมเมอร์ H2 ของ’เย่เฟิง’วิ่งแหวกอากาศมาด้วยความเร็วสูงก่อนจะหยุดที่ทางแยก ที่ทางแยกโหมวจิ้นเฉียงแสดงสีหน้าราวกับว่ามาดักรอพวกเขาอยู่แล้ว เย่เฟิงเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจทุกอย่างในทันที เขาเดาว่ามีคนจับตาดูพวกเขาอยู่เมื่อพวกเขาออกจากเมืองหลินเจียง แล้วไปรายงานแก่ตระกูลมังกร
‘หลงโม่หราน’ไม่ใช่คนโง่ สำหรับเขาแล้วง่ายมากที่จะเดาได้ว่าบุรุษหน้ากากและ’หลงหวานเอ๋อร์’จะต้องมีอะไรกันบางอย่าง เขาจึงสั่งให้ตั้งจุดตรวจเพื่อยืนยันข้อสงสัยของเขา และชัดเจนเลยว่าสิ่งที่เขาเดาไม่ได้แปลกแต่อย่างใด
“ลงมา”
‘โหมวจิ้นเฉียง’กล่าวอย่างดุดันพร้อมทั้งโบกมือไปมา
“พวกคุณต้องสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับฆาตกรรมต่อเนื่อง ช่วยให้ความร่วมมือในการตรวจค้นด้วย!”
ชายหน้าบากและ’จ้าวอี้เปย’ได้ยินดังนั้นก็หันมามองที่’เย่เฟิง’อย่างรอการตัดสินใจ
“ลงรถเถอะ”
สีหน้าของ’เย่เฟิง’ยามนี้บิดเบี้ยวยิ่งนัก ด้านหนึ่งแก๊งอสรพิษสวรรค์กำลังมีเรื่องทรยศมาให้ปวดหัว อีกด้านหนึ่ง’ซูเหมิงหาน’ก็อาจเป็นอันตรายได้ทุกขณะ ในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ยังมาเจอจุดตรวจงี่เง่านี่อีก ช่างน่ารำคาญจริงๆ
แต่ต่อหน้าตำรวจฝ่ายปราบอาชญากรรมมากมายเขาจะใจร้อนได้อย่างไร เขาต้องใจเย็น ต้องนึกถึงกฎหมาย และจะประมาทไปไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นตัวตนของเขาที่เป็นผู้ฝึกยุทธ์จะต้องไม่เปิดเผยออกมาไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม คนทั้งสามทยอยลงจากรถทีละคน ตำรวจกองปราบรีบตรงเข้ามาตรวจค้นตามคำสั่งของ’โหมวจิ้นเฉียง’
แต่ตอนนั้นเองมีบางอย่างน่าสงสัย ‘จ้าวอี้เปย’ใจกระตุก หัวใจของเขาเต้นรัว ในมุมของเขาเขามองเห็นบางอย่างได้อย่างชัดเจน คล้ายๆ เป็นเงาสะท้อนของดวงอาทิตย์ในพงหญ้าที่เขียวชอุ่มข้างทางหลวง
“แย่แล้ว!”
‘จ้าวอี้เปย’ตะโกนออกมา พร้อมกับก้าวเท้าอย่างรวดเร็วแล้วกระโดดเข้าไปยืนขวางหน้า’เย่เฟิง’เอาไว้
ปัง! เสียงปืนแผดดังกึกก้อง ตามด้วยเลือดสาดกระจายจากหน้าผากของ’จ้าวอี้เปย’ ฉากสยดสยองที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นช็อคอย่างแรง รวมทั้ง’เย่เฟิง’ด้วย มีบางคนต้องการซุ่มยิง’เย่เฟิง’ แต่’จ้าวอี้เปย’เห็นเสียก่อนจึงกระโดดเข้าขวาง!
กระสุนนัดนั้นโดนเข้าที่หน้าผากเต็มๆ จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่’จ้าวอี้เปย’จะรอดชีวิต ชายหน้าบาก ‘โหมวจิ้นเฉียง’ ‘เย่เฟิง’ และตำรวจฝ่ายปราบปรามอาชญากรรมหลายนายที่อยู่บริเวณนั้นได้แต่มองเขาล้มลงไปบนพื้นอย่างช้าๆ หลังจากโดนยิง
ส่วน’เย่เฟิง’นั้นทันทีที่เห็นเลือดสาดกระจายออกมาจากหัวของ’จ้าวอี้เปย’ ภาพต่างๆ ก็ผุดขึ้นมาในหัว ย้อนไปตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาได้พบกับเด็กหนุ่มร่างสูงผู้นี้ที่ได้เตือนสติให้เขาหายโง่งมจากอาการหึงหวงของ’ซูเหมิงหาน’ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและ’ซูเหมิงหาน’ดีขึ้น
ชายหนุ่มผู้นี้ยังนับถือเขาอย่างยิ่งหลังจาก ทริปหลางฝาง นอกเหนือจากนั้น’เย่เฟิง’ยังเข้าใจดีว่าชายหน้าบากส่ง’จ้าวอี้เปย’มาเพื่อคุ้มครองตัวเขา แต่เด็กหนุ่มวัยรุ่นรูปหล่อผู้เต็มไปด้วยชีวิตชีวากลับต้องมาจบชีวิตลงในสถานที่แบบนี้!
“แก….รนหาที่ตาย!”
‘โหมวจิ้นเฉียง’ต้องเป็นคนสั่งการสไนเปอร์แน่ๆ ความคิดนี้พลันวิ่งเข้ามาในหัว ปลดสลักระเบิดความโกรธของ’เย่เฟิง’ในทันที ความสงบนิ่งใจเย็นหายไปจากดวงตา คนผู้นี้ข่มขู่ผู้คนไปทั่วยังพออภัยได้ แต่การตายของ’จ้าวอี้เปย’ เขาจะไม่ยอมปล่อยไปเด็ดขาด!
ชายหนุ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเข้าไปรวบคอ’โหมวจิ้นเฉียง’เอาไว้และบีบมันด้วยสองมือ สำหรับเขาแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องฆ่ามันให้ตาย ทันใดนั้นเสียงตะโกนของหัวหน้าชุดกองปราบดังขึ้นจากอีกฝั่ง
“มีพลซุ่มยิง! คุ้มกันผู้กำกับ! ทุกคนหาที่กำบัง…!”
ขณะที่คำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา ‘เย่เฟิง’มีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรวดเร็วโดยไม่ยอมเสียเวลาแม้วินาทีเดียว เขาเคลื่อนที่เร็วมากจนหัวหน้าชุดสอบสวนไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผู้กำกับการสำนักงานตำรวจเมืองเหยียนจิงถูกจับตัวไปแล้ว อย่างไรก็ตามเป็นที่แน่นอนแล้วว่าสไนเปอร์ข้างทางนั้นไม่ได้เป็นแผนหนึ่งของตำรวจพวกนี้
ด้วยไหวพริบของเขา ‘เย่เฟิง’จับตัว’โหมวจิ้งฉาง’ไว้ด้านหน้า เพื่อป้องกันตัวเองหากสไนเปอร์จะยิงเขาอีกครั้ง อย่างแรก ระดับวรยุทธ์ของเขานั้นน้อยกว่า 10 ปี อย่างที่สอง เขายังฝึกทักษะ ‘สืบวิญญาณ’ไม่ได้ และอย่างสุดท้าย เขาต้องปกปิดเรื่องวรยุทธ์และห้ามไม่ให้ใครรู้
ด้วยข้อจำกัดมากมายเหล่านี้ ‘เย่เฟิง’ไม่รู้ว่าตัวเขาถูกสไนเปอร์เล็งอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ชายหนุ่มจะหาคนกำบังได้แล้ว แต่มันก็ยังยากที่จะจับตัวสไนเปอร์คนนั้นได้ จนถึงเวลานี้ เหล่าตำรวจมากมายหันมองไปทั่วเพื่อหาตัวผู้กำกับการที่ถูก’เย่เฟิง’ลักพาตัวไป
เหตุการณ์นี้ทำให้พวกเขามึนงงไปชั่วครู่ว่าเหตุใดเจ้าหนุ่มนี่ถึงเร็วนัก?
“อี้เปย!”
ชายหน้าบากร้องเสียงหลง เมื่อเห็นน้องชายของภรรยาเก่าต้องมาตายแบบนี้ นี่ทำให้น้ำตาของเขาไหลนองทันที ชายหน้าบากรีบวิ่งเข้าไปคว้าของ’จ้าวอี้เปย’ที่นอนอยู่บนพื้นขึ้นมากอดไว้แน่น พร้อมกับเขย่าตัวชายหนุ่มเพื่อหวังว่าเขาจะตื่นขึ้นมา
แต่เมื่อเห็นว่า’จ้าวอี้เปย’ไม่มีปฏิกิริยาอะไรแล้ว ชายหน้าบากรีบหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อโทรไปยัง 120 เพื่อขอความช่วยเหลือ อย่างไรก็ตาม ทุกๆคนรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นถูกยิงเข้าที่หน้าผาก ดังนั้นตอนนี้ เขาไม่มีทางรอดชีวิตและแม้แต่เง็กเซียนฮ่องเต้ก็ช่วยเขาไม่ได้แล้ว
เวลานี้ ตำรวจส่วนใหญ่ยุ่งอยู่กับการหาที่กำบัง โดยซ่อนตัวหลังรถตำรวจและรถฮัมเมอร์ของชายหน้าบาก เพราะกลัวถูกยิงเหมือนกับชายหนุ่มคนนั้น
ขณะเดียวกัน ตำรวจอีกหลายนายก็ล้วงเอาปืนพกขึ้นมา แล้วเล็งไปยังเย่เฟิง หากเกิดอะไรขึ้นกับผู้กำกับโหมว พวกเขาจะเปิดฉากยิง’เย่เฟิง’ทันที สำหรับพวกเขาแล้ว ปฏิกิริยาเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติมาก
เพราะอย่างแรก ‘เย่เฟิง’เคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ จนพวกเขาไม่อาจเข้าไปช่วย’โหมวจิ้นเฉียง’ได้ และอย่างที่สอง การคุกคามของสไนเปอร์นั้นมีมากมายอย่างยิ่ง จนเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าไปจับตัวสไนเปอร์ที่หลบซ่อนตัวอยู่ คำสั่งที่ได้รับมอบหมายมาคือแค่จับตัว’เย่เฟิง’และอีกสองคนที่เหลือเท่านั้น
เพื่อพาพวกเขาไปยังสถานีตำรวจ ใครจะคิดว่าอยู่ๆจะมีสไนเปอร์ปรากฏตัวขึ้นมา แล้วมันคิดจะเอาชีวิตเด็กหนุ่มคนนั้นงั้นหรือ?
“เย่เฟิง ปล่อยฉันซะ!”
‘โหมวจิ้นเฉียง’ที่ถูก’เย่เฟิง’จับตัวโดยการคว้าลำคอเอาไว้อยู่ ถึงแม้ว่าว่าเขาจะรู้สึกอึดอัด แต่ก็ยังคงพยายามพูดออกมา
“หึ ตามผมมา”
‘เย่เฟิง’เห็นชันเจนว่าตำรวจเหล่านั้นไม่มีทางไปจับตัวสไนเปอร์อย่างแน่นอน เพราะพวกมันกลัวว่าจะจับตัวชายหนุ่มไม่ได้ ดังนั้น ‘เย่เฟิง’จึงพาร่างของ’โหมวจิ้นเฉียง’ไปด้วย ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า เขาเคลื่อนที่ไปยังที่ๆสไนเปอร์หลบซ่อนตัวอยู่ ซึ่งชายหนุ่มรับรู้ได้จากการที่มันยังคงพยายามยิงใส่ตัวเขา
มันเป็นไปไม่ได้ 100% สำหรับคนธรรมดาที่จะพาร่างของ’โหมวจิ้นเฉียง’ซึ่งหนักราว 160-170 ปอนด์เคลื่อนที่ไปด้วยแม้แต่เพียงครึ่งนิ้ว แต่นี่เป็นเรื่องง่ายดายอย่างยิ่งสำหรับ’เย่เฟิง’ ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว แต่’เย่เฟิง’ก็ไม่ได้จะพุ่งตัวไปด้วยทักษะ ย่างก้าวไร้เงา
เพราะเขาไม่ต้องการให้’โหมวจิ้นเฉียง’รู้ว่าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช้ทักษะเซียน ความเร็วของเขาก็ยังเร็วมากกว่าคนทั่วไป เมื่อกลุ่มตำรวจเห็น’เย่เฟิง’วิ่งเข้าไปในสนามด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อพร้อมกับพาผู้กำกับโหมวไปด้วย พวกเขาก็พลันตัวแข็งถือ เจ้าเด็กนี่ใช่มนุษย์จริงหรือ
หลังจะหลบหลีกกิ่งไม้ใบหญ้าอยู่พักหนึ่ง ในที่สุด’เย่เฟิง’ก็สามารถเข้าพงหญ้าและพบว่ามีร่องรอยของคนซึ่งเคยนอนอยู่ตรงนี้ อย่างไรก็ตาม สไนเปอร์คนนั้นได้วิ่งหนีไปแล้ว แต่กลับทิ้งร่องรอยเอาไว้มากมาย
“คิดจะหนีงั้นรึ? อย่าหวังเลย”
‘เย่เฟิง’เค้นเสียงและล่วงเอามีดออกมา ทันใดนั้น เขากรีดไปที่ลำคอของ’โหมวจิ้นเฉียง’ ซึ่งทำให้ผู้กำกับโหมวคนนี้สิ้นสติทันที หลังจากนั้น ตามแผนของเขา ชายหนุ่มใช้ทักษะย่างก้าวไร้เงาพร้อมกับพาของไร้สติของ’โหมวจิ้นเฉียง’ไปด้วย และในพริบตา ความเร็วของ’เย่เฟิง’สูงขึ้นอย่างยิ่งยวด
ซึ่งทำให้เขาสามารถค้นหาตัวสไนเปอร์ได้อย่างไม่ยาก และในที่สุด เขาก็พบตัวมันแล้ว!
ห่างออกไปหนึ่งกิโลเมตร มีชายร่างกายกำยำคนหนึ่งในชุดอำพรางอยู่ที่นั่น ซึ่งมันกำลังพยายามหลบหนีไปทางอุโมงค์ โดยเพียงแค่สองถึงสามนาที สไนเปอร์คนนั้นสามารถวิ่งไปไกลได้ถึงหนึ่งกิโลเมตร ยิ่งกว่านั้นมันยังขุดอุโมงค์เตรียมไว้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าประสบการณ์ในการลอบสังหารของชายคนนั้นสูงยิ่ง
น่าเสียดายที่เมื่ออยู่ต่อหน้า’เย่เฟิง’แล้ว ทุกๆสิ่งนั้นล้วนไร้ค่า
“กัวลา กัวลา?”
ชั่วขณะที่ชายร่างกำยำมองเห็น’เย่เฟิง’วิ่งเข้ามาหามันพร้อมกับพาร่างของคนๆหนึ่งมาด้วย มันก็รู้สึกราวกับเห็นผี นี่มันเห้อะไรกันว่ะ ชายคนนั้นไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าเหตุใด’เย่เฟิง’ถึงตามมันมาได้รวดเร็วขนาดนี้
“แกพูดจีนได้ไหม? ใครเป็นคนส่งแกมา?”
‘เย่เฟิง’ถามเสียงเย็น พร้อมกับระดมต่อยหมัดใส่หน้าของมัน ผลก็คือชายคนนั้นล่วงลงไปนอนกับพื้นพร้อมกับเลือดกบปาก
“กัวลา…….กัวลา………”
ชายคนนี้พูดภาษาที่แปลกมากซึ่งน่าจะเป็นภาษาชาติอื่น แต่น่าเสียดาย ทักษะภาษาอังกฤตของ’เย่เฟิง’นั้นห่วยแตกสิ้นดี เขาจึงไม่อาจเข้าใจได้ แต่ขณะที่’เย่เฟิง’กำลังขมวดคิ้ว
ทันใดนั้น ชายคนนี้ก็พลันล่วงมีดสั้นออกมาจากข้างเอว แล้วแทงเข้าใส่’เย่เฟิง’เต็มแรง!
…………………….
แปลโดยทีมงาน GSI
Solar Spark: กัวลาๆ นี่หมายถึง กลัวแล้วๆ รึเปล่า XD
ที่มา: