I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Genius Sword Immortal ตอนที่ 94 ทำได้ดีมาก

| Genius Sword Immortal | 2538 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

‘เย่เฟิง’กลับมายังหมู่บ้านชิงเฟิงด้วยอารมณ์แจ่มใส เพราะก่อนหน้านี้เขาได้แก้ปัญหาใหญ่ที่เขากังวลเสร็จสิ้นแล้ว   เรื่องของ’หลงหวางเอ๋อ’จำเป็นต้องจัดการตั้งแต่ต้นอย่างเร่งด่วน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้ร่วมมือกันในเร็วๆนี้ แต่อย่างน้อย พวกเขาก็ได้เข้าใจความรู้สึกของกันและกัน

ภายใต้แสงไฟที่สว่างไสวในหมู่บ้าน ‘เย่เฟิง’เปิดประตูและเข้ามาในบ้าน แต่น่าแปลกใจที่ในห้องโถงมี’เย่เวิ่นเทียน’กำลังนั่งดื่มชาอยู่บนโซฟา ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงบางอย่างออกมาจากห้องครัว

“แค่ก แค่ก ท่านปู่”

‘เย่เฟิง’วิ่งท่าเท้าสามสิบสองขั้นมาที่ด้านข้างของ’เย่เวิ่นเทียน’ เขานั่งลงบนโซฟาแล้วมองไปยังห้องครัว

“เหมิงหานอยู่ข้างในหรอ ?”

“อืมมม ฉันหิวเลยให้สาวน้อยคนนั้นทำอาหารให้ จะไม่อธิบายหน่อยหรอว่าแกไปทำอะไรตั้งนานสองนานกับคุณหนูตระกูลมังกรคนนั้น”

‘เย่เวิ่นเทียน’ไม่ได้โกรธแถมมีสีหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ในขณะที่วางถ้วยชาลง

“อย่าถามเรื่องนั้นได้ไหม……..ว่าแต่ปู่ไม่โกรธหรอ?”

‘เย่เฟิง’ถึงกับงงงันในทันทีเพราะเขาคาดว่าชายชราคนนี้จะต้องบีบคอเขาแน่ แต่ไฉนตอนนี้ถึงมีรอยยิ้มอยู่บนหน้าของปู่เขากัน?

“อืมม ทำไมฉันต้องโกรธ?”

‘เย่เวิ่นเทียน’จู่ ๆ ก็ลดเสียงของเขา

“แกทำได้ดีมาก! ถึงกับประสบความสำเร็จในการสร้างความสัมพันธ์กับคุณหนูตระกูลหลงคนนั้น นี้ถ้าหลงโมหรันรู้เรื่องนี้เข้าละก็ มันจะต้องอกแตกตายเป็นแน่แท้ ฮ่า ฮ่า…..!”

เมื่อ’เย่เฟิง’ได้ยิยเช่นนั้นก็เหมือนโดยสายฟ้าฟาด เขาไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไร และไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องให้กับสถานการณ์แบบนี้ดี   ก็ในเมื่อความจริงที่ว่า’เย่เฟิง’ได้คว้าเอาลูกสาวของศัตรูเก่าของตระกูลมาทำ(……) แล้วทำไมไอ้แก่อย่างเขาคนนี้จะไม่ดีใจได้อย่างไรกันล่ะ?

ไม่ต้องพูดถึงถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหูของ’หลงโมหรัน’แล้วละก็ แน่นอนว่าผู้นำของตระกูลมังกรคงอกแตกตายแน่ๆ แล้วความทุกข์ของศัตรูนี่แหละที่ทำให้ชายชรามีความสุขแทบตาย ฮ่า ฮ่า

“เอาล่ะ มาเข้าเรื่องกันก่อนดีกว่า”

เย่เวิ่นเทียนเริ่มมีท่าทีขึงขังและกล่าว

“เรื่องที่หลานฝึกยุทธ์ได้ ผู้หญิงตระกูลมังกรคนนั้นรู้เรื่องนี้รึเปล่า?”

“รู้ครับ”

‘เย่เฟิง’ผงกหัวตอบรับ

“แต่ผมก็ไว้ใจเธอนะ”

‘เย่เวิ่นเทียน’ฟังเขาพูดเช่นนั้นก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร ชายแก่กลับเห็นด้วยในแบบของเขา

“ดีมาก หญิงสาวคนนั้นเป็นคนที่ใจเด็ดคนนึง อย่าว่าแต่หลงโมหรันเลย ต่อให้บรรพบุรุษของเด็กคนนั้นลุกขึ้นจากหลุมก็ง้างปากให้เธอพูดอะไรไม่ได้หรอก”

เห็นได้ชัดเลยว่าภาพลักษณ์ของ’หลงหวางเอ๋อ’ได้สร้างความประทับใจไม่น้อยเลยแก่’เย่เวิ่นเทียน’   ถ้าหญิงสาวตกหลุมรัก’เย่เฟิง’ เช่นนั้นมันก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะหากเธอไม่เป็นเช่นนั้นจริงด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวของเธอคงพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อฆ่า’เย่เฟิง’แล้ว

“อย่างไรก็เถอะ ให้คนแก่คนนี้ได้เตือนอะไรแกสักอย่าง”

‘เย่เวิ่นเทียน’กล่าวด้วยท่าทีผ่าเผย

“ผู้หญิงตระกูลหลงคนนั้น แกเล่นสนุกกับเธอได้ แต่ห้ามจริงจังเด็ดขาด เข้าใจไหม?”

‘เย่เฟิง’ขมวดดคิ้ว เขาไม่เข้าใจสิ่งที่ปู่พูด

“เจ้าโง่เอ้ย ฉันหมายถึงเล่นสนุกกับเธอเป็นครั้งคราวได้แต่ห้ามพัฒนาความสัมพันธ์กับเธอ รู้ไว้ด้วยว่าพ่อของแกถูกฆ่าด้วยมือของหลงโมหรัน อย่าลืมสิ!”

‘เย่เวิ่นเทียน’พูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและกล่าวย้ำอีกครั้ง

“ในเมื่อหลานเริ่มฝึกยุทธ์แล้วอย่างลืมแวะไปทักทายและขอบคุณปรมาจารย์เกาเหรินเหวยด้วยล่ะ ถ้าเรื่องทุกอย่างเป็นไปด้วยดีละก็ตระกูลเย่ของเราอาจกลับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง”

“………..”

คำพูดของ’เย่เวิ่นเทียน’ทำให้’เย่เฟิง’ถึงกับกล่าวอะไรไม่ออก เรื่องก็คือเขาไม่ได้คิดกับ’หลงหวางเอ๋อ’เล่นๆเท่านั้น หากชายหนุ่มเป็นคนอย่างนั้นจริงเขาจะต่างอะไรกับพ่อที่ตายไปแล้วกันล่ะ?   ‘เย่หยุนเฟย’เล่นกับความรู้สึกของผู้คนและลอบเล่นชู้กับชาวบ้าน เพราะการกระทำของเขานำมาซึ่งการพังทลายของตระกูลเย่

‘เย่เฟิง’ไม่อยากจะทำผิดพลาดตามรอยของชายคนนั้นหรอกนะ   ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมพ่อของเขาเป็นพวกเจ้าชู้เช่นนี้ ก็ดูปู่เขาสิ การกระทำที่ไม่ให้เกียรติผู้คนเลย แล้วพ่อที่ถูกปู่สั่งสอนมาจะออกมาสภาพเป็นแบบไหนกันล่ะ

แน่นอนว่า’เย่เฟิง’ยังไม่อยากจะสร้างความขัดแย้งหรือโต้เถียงอะไรกับปู่ของเขาตอนนี้ ชายหนุ่มรู้ดีว่าการเถียงกับคนแก่จะไม่ได้สร้างอะไรขึ้นมา มีแต่เสียเวลาไปเปล่าๆ

‘เย่เฟิง’ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าเขาจะต้องฟื้นฟูตระกูลกลับมาให้ยิ่งใหญ่ดังเดิม ที่เขาสนใจคือการปกป้องผู้คนรอบตัวเขา ผู้คนที่มีค่าต่อชายหนุ่มแค่นั้นเอง   แต่เรื่องทั้งหมดกลับต้องยุ่งยากไปหมดไม่ว่าจะเพราะ’เย่เวิ่นเทียน’หรือ’หลงโมหรัน’ก็ตามที   ด้วยความต้องการที่จะปกป้องผู้คนสำคัญ

สิ่งเดียวที่ตอบโจทย์นี่ได้ก็คือพลัง การฝึกทักษะแห่งเซียน   ความแข็งแกร่งเป็นพื้นฐานของทุกสิ่งอย่างแท้จริง!

‘เย่เฟิง’เข้าใจความหมายของประโยคนี้ชัดเจนมากกว่าใครอื่น   ในโลกเทวะถ้าไม่ใช่เพราะว่าพ่อของโม่จิ่วเกอเป็นคนที่น่าเกรงขาม เขาจะมีปัญญาบังคับให้’ซูเฟยหยิ่ง’หมั้นกับเขาได้อย่างไรกัน ยิ่งกว่านั้นโม่จิ่วเกอยังเป็นคนที่น่ารังเกียจที่สุด ใช้อำนาจของพ่อตนเองทำสิ่งต่างๆตามใจชอบมากมาย

ไม่รู้มีหญิงงามกี่คนในโลกเทวะต้องถูกทำลายชีวิตเพราะมัน   คนที่น่าเกลียดเช่นโม่จิ่วเกอกับหญิงงามผู้เลอโฉมอย่าง’ซูเฟยหยิ่ง’ สองคนพอมายืนด้วยกันเหมือนอยู่คนละด้านของโลก!

อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งของตระกูลอีกฝ่าย ‘ซูเฟยหยิ่ง’ได้แต่ยินยอมอย่างไม่เต็มใจนักที่จะต้องหมั้นกับผู้ชายเจ้าชู้หน้าตาน่าเกลียดทำตัวไม่เอาไหนอย่างโม่จิ่วเกอ   หรือเพราะด้วยเหตุการณ์ประหลาดหลายๆอย่างนี้ทำให้เธอมาที่โลกกัน

ยังไงก็เถอะหาก’ซูเฟยหยิ่ง’มาอยู่กับเขานั่นจึงจะเป็นเรื่องที่เข้าท่าที่สุดแล้ว   เมื่อเห็น’เย่เฟิง’เงียบงันไป’เย่เวิ่นเทียน’จึงไม่ได้กล่าวอะไรต่อ เขาครุ่นคิดอยู่สักพักและพูด

“อ๋อใช่แล้ว ในเมื่อแกกลับมา ต่อจากนี้สองอาทิตย์ห้ามออกจากเมืองเหยียนจิงเด็ดขาด จนกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจะจบลง ฉันจะคอยจับตาดูแกเอาไว้”

‘เย่เฟิง’ที่ได้ยินก็พลันเลิกลั่ก   ชายหนุ่มกำลังคิดจะไปยังทะเลจีนตะวันออกเพื่อมองหา’ซูเฟยหยิ่ง’ แต่ตอนนี้ปู่ของเขากลับไม่ยอมให้เขาไปไหนทั้งนั้นเป็นเวลาครึ่งเดือน ถ้าเกิดรอจนสอบเข้ามหาวิทยาลัยจบก่อนร่องรอยของ’ซูเฟยหยิ่ง’ก็อาจจะหายไปอีกน่ะสิ!

“ถึงแม้ฉันจะมีหลายวิธีในการทำให้แกเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเหยียนจิงได้ แต่ถ้าคะแนนของแกห่วยมาก จะทำแบบนั้นไปมันก็น่าอายเสียเปล่า…”

‘เย่เวิ่นเทียน’กระแอมแล้วพูดต่อ

“เมื่อกี้นี้ฉันพึ่งคุยกับเจ้าเฒ่าตระกูลหลินให้จัดการนัดพบระหว่างแกกับหลานสาวของเขาพรุ่งนี้แล้วนะ”

“อะไรนะ?”

ข่าวที่ได้ยินทำให้ชายหนุ่มตกตะลึง เขาไม่รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ใช่ปู่พูดไว้ว่ารอให้สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก่อนงั้นเหรอ?”

“ตอนนี้ข่าวมันคึกโครมกระจายไปทั่วหมดแล้ว ในเมื่อเราปิดบังไว้ไม่ได้อีกก็ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นอีกต่อไป”

ชายชราขมวดคิ้ว

“เตรียมตัวให้พร้อม สร้างความประใจไว้ให้ดีๆล่ะ ถ้าอีกฝ่ายเกิดไม่ชอบแกขึ้นมาถึงตอนนั้นฉันคนนี้สับแกเป็นชิ้นๆเลย”

“…………”

เป็นอีกครั้งที่’เย่เฟิง’ถึงกับไร้คำพูด เขาได้แต่รอไปกับกับสาวงามเลื่องชื่อ’หลินชื่อฉิง’คนนั้น จนกว่าจะถึงเวลานั้นเขาไม่มีสิทธ์มีเสียงอะไรเลย   ชายหนุ่มยังจำเรื่องที่เขาสัญญาไว้กับ’ซูเหมิงหาน’ก่อนหน้านี้ได้ดี แน่นอนว่ามันก็ต้องเป็นไปตามนั้นด้วย

ไม่นานนัก’ซูเหมิงหาน’ถือชามบะหมี่มาเสิฟให้กับ’เย่เวิ่นเทียน’

“เย่เฟิง กลับมาแล้วเหรอ…”

เด็กสาวรู้สึกกังวลเล็กน้อย หลังจากวางชามบะหมี่ลงบนโต๊ะเธอก็ไปยืนอยู่ด้านข้างของ’เย่เฟิง’   อยู่ดีๆก็มีชายชราคนนึงบุกเข้ามาเปิดตู้กับข้าวดูวุ่นวายไปหมดทำให้’ซูเหมิงหาน’รู้สึกกลัว ต่อมาเธอถึงได้รู้ว่าชายชราคนนี้คือปู่ของ’เย่เฟิง’เองทำให้เธอตื่นตกใจยิ่งกว่าเดิม

เด็กสาวทราบอยู่แล้วว่าปู่ของ’เย่เฟิง’เป็นเพื่อนกับผู้นำตระกูลหลิน ยิ่งกว่านั้นการหมั้นระหว่าง’เย่เฟิง’กับ’หลินชื่อฉิง’ก็ดูเหมือนจะถูกจัดการโดยชายแก่ทั้งสองคนนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ ปู่ของ’เย่เฟิง’ไม่น่าจะชอบหน้าเธอนัก จริงไหม?

อย่างไรก็ตามที่น่าประหลาดใจคือเมื่อปู่ของ’เย่เฟิง’พบ’ซูเหมิงหาน’ในบ้านเขาไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้นกลับคนหาข้าวของไปทุกที่ เป็นไปได้ว่าเขาแค่อยากตรวจสอบว่ามีอะไรถูกขโมยไปหรือไม่

หลังจากตรวจค้นเสร็จแล้ว เขาจึงรู้สึกผ่อนคลายลงและกล่าวกับเด็กสาวว่า

“ฉันหิวแล้ว”

ไม่ต้องสงสัยเลยว่า’ซูเหมิงหาน’จะทำเช่นไรต่อ เธอรีบวิ่งไปยังห้องครัวต้มบะหมี่ให้ชายแก่กินทันที

“อืม”

‘เย่เฟิง’ยิ้มให้กับดาวโรงเรียนคนสวยของเขาจากนั้นจึงมือเธอ แล้วลากมานั่งข้างๆกายราวกับเป็นที่พักพิง   เห็นท่าทีกินอย่างตะกละตะกลามของ’เย่เวิ่นเทียน’ชายหนุ่มจึงถาม

“ว่าแต่ ของที่ซ่อนในบ้านนี้เป็นของสำคัญอะไรงั้นเหรอ?”

‘เย่เวิ่นเทียน’วางชามลง สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม

“อยากรู้งั้นเหรอ? รอฉันกินเสร็จก่อนแล้วตามมาสิ”

………………………..

แปลโดยทีมงาน GSI

Teepo_V : ซูเหมิงหานรีบเอาใจปู่ก่อนเลย เรียกว่าอยู่เป็นจริงๆ 555+

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments