ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 150 ความพลิกผันอันน่าอัศจรรย์!
ซูซินฉางค่อยๆย่างก้าวไปยังตำแหน่งพยาน
เมื่อมองไปยังซูเหมิงหาน เขาพบว่าในดวงตาคู่สวยมีร่องรอยของความคาดหวังปะปนไปด้วยความกลัว ความคาดหวังที่ซูซินฉางจะเปิดเผยความจริงออกมาว่าเซี่ยหมินและเซี่ยเฉิงเย่อยู่เบื้องหลังของอุบัติเหตุ ความกลัวที่ซูซินฉางอาจเลือกหักหลังเธออีกครั้งหนึ่ง
หัวใจของซูซินฉางเต็มไปด้วยความรู้สึกพัวพันกันยุ่งเหยิงจนยากจะอธิบาย และในที่สุด เขาก็มายืนอยู่ในตำแหน่งพยานขณะที่จิตใจยังคงเต็มไปด้วยความสับสน
ที่อีกด้านหนึ่ง เซี่ยหมินภรรยาของเขาคือคนที่เขาแต่งงานด้วยเมื่อ 10 ปีก่อน และเป็นหัวใจหลักให้เขาประสบความสำเร็จตลอดมา
นอกจากนี้ ยังมีหลินเหรินเทียนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ชายคนนี้สามารถคืนชีวิตอันยอดเยี่ยมของเขากลับมาได้อีกครั้งหนึ่ง
ในขณะที่นั่งผู้ชมด้านหลัง ผู้คนมากมายต่างสนอกสนใจว่าซูซินฉางจะกล่าวความจริงออกมาแบบใด
และหลี่ต้าโก่วที่นั่งยิ้มด้วบความพึงพอใจอยู่ด้านข้าง เขาคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่ซูซินฉางจะยอมรับความจริง เพราะนั่นเท่ากับเป็นการส่งตัวเองเข้าคุกด้วยความโง่เง่า อย่างไรก็ตาม เขาได้ตกลงกับผู้พิพากษาหลินเอาไว้แล้วว่าหลังจากเสร็จสิ้นคดีนี้ เขาจะได้รับเงินตอบแทนมากมายจนมีใช้ไม่ขาดมือ
ในตอนนี้ หวงอันเต๋อนั่งรวมอยู่กับญาติทางฝั่งมารดาของซูเหมิงหานอีก 10 คน คำสารภาพก่อนหน้านี้จะทำให้เขาได้รับเงินถึงสองแสนเพื่อนำไปพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น รวมทั้งบำบัดต้าเกินจากอาการติดยา
หลินชื่อฉิงและเสี่ยวฉีต่างรู้สึกกังวลเมื่อมองไปยังซูซินฉางที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ชายคนนี้ เขาจะเลือกทางไหนกันนะ?
“ข้าพเจ้าขอสาบานต่อศาลว่า ข้าพเจ้าจะเบิกความต่อหน้าศาลด้วยความสัตย์จริงทั้งสิ้น หากข้าพเจ้านำความเท็จมากล่าวอ้าง ข้าพเจ้าจะขอยอมรับการลงทัณฑ์ทั้งปวง……”
ซูซินฉางเริ่มกล่าวคำสาบานต่อศาล
ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง เซี่ยหมินส่งสัญญาณสื่อความหมายอย่างชัดเจนทางสายตามายังเขา
ซูซินฉางมองเข้าไปในดวงตาของเซี่ยหมิน รวมทั้งมองท่าทีเคร่งขรึมของหลินเหรินเทียนที่นั่งอยู่ต่อหน้า ในที่สุด เขาก็ตัดสินใจได้แล้ว
“ผมสามารถยืนยันได้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน เซี่ยหมินและเซี่ยเฉิงเย่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด! ถึงแม้ว่าด้านหนึ่งจะเป็นภรรยา และอีกด้านหนึ่งจะเป็นลูกสาว แต่…….”
ซูซินฉางกล่าวออกมาเสียงดังด้วยความแน่วแน่!
คำพูดเหล่านั้นส่งผลกระทบแก่ซูเหมิงหานทันที ใบหน้าของเด็กสาวขาวซีดราวกับกระดาษ สุดท้าย ผู้ชายคนนี้เผยธาตุแท้ออกมา เขาไม่เคยมีความสำนึกผิดเลยแม้แต่น้อย ทำไมเธอถึงต้องคาดหวังอะไรโง่ๆแบบนี้ด้วยนะ?
สีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปของซูเหมิงหานไม่ได้หลุดรอดไปจากสายตาของซูซินฉาง เขาพบว่าเด็กสาวในตอนนี้มีสีหน้าขาวซีดราวกับคนตาย ถึงแม้ว่าจะรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ในใจ แต่เขาก็ไม่คิดจะเปลี่ยนคำพูดใดๆ เหตุผลที่ทำให้ซูซินฉางเลือกทางนี้นั้นชัดแจ้ง ในตอนนี้ ซูเหมิงหานกลายเป็นผู้เสพติดยาตัวใหม่แล้ว ชีวิตของเธอถูกลดทอนลงไปเรื่อยๆ และคงอยู่ต่อไปได้อีกไม่เกินหนึ่งปี คงจะดีเสียกว่าหากเขาเลือกทำเพื่อตัวเองแทน
ถ้าสามารถทำให้เซี่ยหมินและเซี่ยเฉิงเย่ชนะคดีได้สำเร็จ คนเหล่านั้นรวมทั้งหลินเหรินเทียนย่อมให้อนาคตที่สดใสและคืนซูเฉิงกรุ๊ปให้แก่เขา….
คู่พี่น้องตระกูลเซี่ยต่างถอนหายใจด้วยความโล่งใจ หลินเหรินเทียนมีใบหน้าสดใสขึ้น เกือบทุกคนที่นี่ต่างรู้สึกผ่อนคลาย ในที่สุดแล้ว ผลก็ออกมาตามที่พวกเขาคาดไว้
“ซูซินฉาง!”
ทันใดนั้น ก็มีน้ำเสียงจากที่นั่งผู้ชม ดังกึกก้องไปทั่วทั้งห้อง พาให้หัวใจของทุกคนที่อยู่ในห้องนี้สั่นไหวด้วยความตกใจ
ทุกๆคนพลันหันมามองเย่เฟิงที่ลุกขึ้นจากที่นั่ง
“สะกดจิต!”
เย่เฟิงมองไปยังซูซินฉาง เซี่ยหมิน และเซี่ยเฉิงเย่ ที่หันมามองเขาพร้อมกัน และในชั่วพริบตาที่สบตากับดวงตาทั้งสามคู่ ชายหนุ่มปลดปล่อยทักษะสะกดจิตเข้าใส่จนเกิดเมล็ดพันธุ์แห่งความคิดขึ้นในจิตใจของพวกเขา
ทักษะสะกดจิตนี่ย่อมส่งผลกระทบที่ร้ายแรงแก่จิตใจของคนธรรมดา แต่ในเมื่อซูซินฉางไม่เคยรู้จักการสำนึกผิด เย่เฟิงจึงไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้อีกต่อไป
เส้นใยของเจินชี่ที่มองไม่เห็นตรงเข้าสู่สมองของซูซินฉาง และในเวลาต่อมา ซูซินฉางก็คุกเข่าลง
“เหมิงหาน พ่อผิดไปแล้ว!”
เสียงร่ำไห้ของซูซินฉางพลันดังขึ้นมา!เหตุการณ์พลิกผันอันน่าอัศจรรย์ ส่งผลให้ทุกๆคนต่างรู้สึกมึนงง เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ผู้ชายคนนี้ถึงก้มลงคุกเข่าให้ลูกสาวตัวเอง?
“เซี่ยหมินและเซี่ยเฉิงเย่จ้างคนมาสังหารยายของลูกจริง พ่อมีหลักฐานมากมายรวมทั้งสัญญาจ้างหลี่ต้าโก่วด้วย และก็เป็นพ่อเองที่เป็นคนจ่ายเงินเพื่อจ้างวานหลี่ต้าโก่ว…..”
“ผมทำผิดต่อลูกตัวเอง เหมิงหาน ได้โปรดอภัยให้พ่อด้วย! สิ่งที่ผมพูดเป็นความจริงแน่นอนร้อยเปอร์เซ็น!”
ภายใต้อิทธิพลของการสะกดจิต ซูซินฉางล้วนลืมเลือนทุกสิ่ง เขาคุกเข่าลงสารภาพความจริงต่อหน้าซูเหมิงหานทุกอย่าง!
ภาพที่เห็นทำให้หลินเหรินเทียนจ้องมองตาค้างราวกับคนโง่งม
เขาไม่อาจเข้าใจได้เลยว่าทำไมซูซินฉางถึงทำแบบนี้ โชคดีที่ก่อนหน้านี้ ซูซินฉางได้กล่าวออกมาตามแผนที่วางเอาไว้ เพราะฉะนั้น คิดว่าการกระทำที่สับสนแค่นี้จะหยุดเขาได้งั้นรึ?
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง เมื่อได้ยินการกลับคำของซูซินฉาง หลี่ต้าโก่วยืนขึ้นด้วยสีหน้าหวาดผวา หากคดีเกิดพลิกขึ้นมาล่ะก็ ชัดเจนว่าเขาคงต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ในคุกไปตลอดชีวิต!
“สุดยอด!”
ใบหน้าของเสี่ยวฉีเต็มไปด้วยความร่าเริง เธอไม่คิดเลยว่าในช่วงเวลาที่กำลังเลวร้าย ผลกลับแปรเปลี่ยนเป็นตรงกันข้ามได้ ดูเหมือนว่าซูซินฉางคนนี้จะยังมโนธรรมในใจบ้างเหมือนกันสินะ?กลับกัน หลินชื่อฉิงจ้องมองเย่เฟิงที่ยืนขึ้นมาด้วยความสงสัย และคิดว่าแค่การที่เด็กคนนี้ลุกขึ้นตะโกนเสียงดัง มันมีพลังมากพอจะทำให้ซูซินฉางกลับตัวกลับใจได้เลยงั้นหรอ?
เย่เฟิงรับรู้ได้ถึงสายตาของหญิงสาวเช่นกันและรู้ว่าเขากำลังถูกสังเกต
ชายหนุ่มพบว่าแววตาของหลินชื่อฉิงมีร่องรอยของความสงสัยและความใคร่รู้ ที่พาให้ใจของเขารู้สึกสงสัย คุณหนูหลินคนนี้ เธอมาที่นี่ทำไม?
เวลานี้ ซูเหมิงหานหันไปมองกลุ่มญาติทางฝั่งมารดา และรู้สึกบีบรัดในหัวใจ พ่อของเธอที่ไร้ซึ่งหัวใจและความซื่อสัตย์ ทำไมจู่ๆถึงเปลี่ยนไปได้แบบนี้?
“ทุกท่านโปรดเงียบด้วย!”
หลินเหรินเทียนเคาะค้อนในมือ ขณะที่สีหน้าหลังแว่นตาเปลี่ยนเป็นมืดครึ่มเขาจ้องมองไปยังเย่เฟิงด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะกล่าวออกไป “นักเรียนคนนั้น ในศาลเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่ที่ๆเธอจะมาแสดงท่าทีคุกคามแก่พยานได้ ฉันคิดว่าเธอควรออกไปจากห้องเดี๋ยวนี้ รปภ.!”
“เข้าใจแล้ว ผมเดินออกไปเองได้ ไม่มีปัญหา”
เย่เฟิงตอบรับด้วยรอยยิ้ม ไม่ว่าอย่างไร เขาได้ปลูกฝังเมล็ดพันธุ์แห่งเจตจำนงในใจของซูซินฉาง เซี่ยหมิน และเซี่ยเฉิงเย่แล้ว ต่อให้ตัวเขาไม่อยู่ที่นี่ ผลของทักษะสะกดจิตก็ยังคงอยู่อยู่ดี!
“ไม่ต้องห่วงนะ”
เย่เฟิงยืนขึ้นและโบกมือให้กำลังใจแก่ซูเหมิงหานด้วยรอยยิ้ม จากนั่น ชายหนุ่มจึงเดินออกจากห้องไปเมื่อเห็นท่าทีสงบและผ่อนคลายของเด็กหนุ่ม หลินเหรินเทียนรู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลอยู่ในใจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อซูเหมิงหานมองเห็นเย่เฟิงเดินออกไป หัวใจของเธอก็รู้สึกถึงความเปล่าเปลี่ยว โชคดีที่ซูซินฉางยอมสารภาพความจริงแล้วในตอนนี้ แบบนี้คงเพียงพอแล้วใช่ไหม?
“พยานซูซินฉาง เพราะถูกคุกคามในศาล การเบิกความก่อนหน้านี้จึงถือว่าเป็นโมฆะ ในตอนนี้ กรุณาเบิกความในสิ่งที่คุณรู้ออกมาตามความจริง”
หลินเหรินเทียนกล่าวออกไปขณะพยายามควบคุมสีหน้าให้ดูสงบที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น มันยังมีแววตาแสดงการคุกคามขณะจ้องมองไปยังซูซินฉาง “การเบิกความเท็จระหว่างการพิจารณาคดีถือว่ามีความผิดร้ายแรง ขอให้รู้เอาไว้ด้วย”
“นอกจากนี้ ถ้าสิ่งที่คุณออกมาก่อนหน้านี้เป็นความจริง ไม่ใช่แค่คุณจะถูกปรับจากการเบิกความเท็จ คุณยังมีความผิดให้ฐานะให้ที่หลบซ่อนตัวแก่ผู้กระทำผิดด้วย!”
ขณะเดียวกัน ทนายความแก้ต่างของตระกูลโหมวพบโอกาสที่จะได้แสดงความสามารถออกมา เขายืนขึ้นกล่าวออกไป “ถ้าคดีนี้มีการว่าจ้างเพื่อฆาตกรรมจริง การที่คุณปกปิดเรื่องนี้และให้ที่ซ่อนตัวแก่อาชญากรถึง 6 ปี ถือว่ามีความผิดร้ายแรงมาก……….”
ชัดเจนว่านี่คือการข่มขู่ซูซินฉาง!
ความจริงแล้วในระหว่างพิจารณาคดี การข่มขู่เป็นสิ่งต้องห้ามเด็ดขาด แต่ในเมื่อเกมนี้มีหลินเหรินเทียนเป็นผู้นำ ทนายความของตระกูลโหมวจึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไรอีก
ซูเหมิงหานหานได้ยินดังนั้นก็พลันรู้สึกตกใจ ทนายความคนนั้น ทำไมถึงได้ไร้ยางอายแบบนี้?
ทุกๆคนต่างคิดว่าขณะที่สถานการณ์กำลังดำเนินไปตามทางที่ถูกต้อง ก็กลับเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นทำให้สถานการณ์ตอนนี้กลับตาลปัตรไปในทันที
“ผมขอยืนยันคำเดิม ไม่ใช่แค่นั้น เซี่ยหมินและเซี่ยเฉิงเย่เองก็รู้สึกผิดเช่นกัน!”
ซูซินฉางตอบออกไปอย่างหนักแน่นคำพูดของเขาทำให้คนในห้องนี้ต้องตกตะลึงไปชั่วครู่ และจ้องมองไปยังคู่พี่น้องตระกูลเซี่ย ในขณะที่พวกเขาต่างคิดว่าทั้งสองคนนั้นจะต้องเอ่ยปากปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง สิ่งไม่คาดฝันก็พลันเกิดขึ้นอีกครั้ง
“ฉันทำผิดไปแล้ว! ฉันขอโทษ!”
เซี่ยหมินและเซี่ยเฉิงเย่ คุกเข่าลงต่อหน้าซูเหมิงหานพร้อมกัน!ราวกับสายฟ้าฟาดลงมาในห้องนี้ หลินเหรินเทียนพลันลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ‘เกิดบ้าอะไรขึ้นกับพวกมันกันวะ!’
…………………..
แปลโดย Solar Spark