ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 173 ผู้นำตระกูลกลับมาแล้ว
ไม่นาน ชายฝั่งแถบทะเลจีนตะวันออกก็ถูกคลื่นยักษ์ซัดไปทั่วทุกแห่งหน ผลก็คือเกาะเล็กๆมาหมายพลันจมอยู่ใต้คลื่น ขณะที่หมู่บ้านประมงเล็กๆถูกทำลายอย่างย่อยยับด้วยผลของคลื่นสึนามิ
ฉีเสี่ยวหยูพร้อมด้วยคนของหมัดเทพทวารา รีบพาศพของหลัวเฟิงไปจากที่นี่โดยเร็ว
ทางด้านส่วนเหนือของหมู่บ้าน ผู้ฝึกยุทธ์มากมายรวมตัวกันอยู่ในป่าขณะมองดูคลื่นยักษ์ที่กวาดทุกสิ่งข้างนอกป่าไป พวกเขาเริ่มพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในหมู่บ้าน มันช่างเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ
หลงหวางเอ๋อกลายเป็นต้นเหตุของพายุเฮอริเคนได้อย่างไร? มันถึงกับพัดพาหลงโม่หรันให้กระเด็นหายไปที่ใดสักที่อย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ได้!
นอกจากนั้น ในตอนที่ชายสวมหน้ากากเผชิญหน้ากับหลงโม่หรัน ทำไมเขาถึงไม่มีความกลัวอยู่เลยแม้แต่น้อย?
เป็นที่รู้กันดีว่านิสัยของหลงโม่หรันนั้นเป็นคนที่ไม่แยแสต่อสิ่งใด จึงไม่มีใครกล้าพูดคุยกับเขามากนัก แต่ด้านความแข็งแกร่งของเขานั้น ถือว่าเป็นผู้ที่น่าเกรงข้ามที่สุดได้โลกยุทธภพเลยก็ว่าได้
แล้วในเมื่อเป็นแบบนี้ แต่ชายสวมหน้ากากคนนั้นกลับเผชิญหน้ากับเขาโดยไร้ซึ่งความกลัว แบบนี่มันไม่แปลกเกินไปหน่อยหรือไง?
ทุกๆคนหันมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่มีใครพบตัวเย่เฟิงหรือคนของเขาเลย นี่ทำให้เย่เฟิงดูลึกลับในสายตาของพวกเขามากยิ่งขึ้นไปอีก
“กลับไปที่เขตเมืองเถอะ นอกจากผู้ที่มีระดับวรยุทธ์มากกว่า 40 ปีแล้ว หากยังคิดจะอยู่ที่นี่ก็เหมือนกับแกว่งเท้าหาความตาย”
“แต่คืนปะการังราชันย์จะ……….”
“ไร้สาระ แกจะเลือกอะไรระหว่างชีวิตของแกกับปะการังราชันย์? กลับไปกับฉันเดี๋ยวนี้”
บทสทนาใกล้เคียงกันนี้เกิดขึ้นมากมายในหมู่ของผู้ฝึกยุทธ์ที่นี่ เมื่อมองไปยังน้ำทะเลที่ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ มันก็ทำให้รู้ว่าพวกเขาเหมือนดังมดปลวกเมื่อเทียบกับพลังอำนาจของธรรมชาติ
“แล้วหลงโม่หรันมันถูกพัดไปที่ไหน?”
เมื่อฉีเสี่ยวหยูได้ยินข่าวลือก็พลันตื่นเต้น ชายชราคิดว่าคงเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุดหากหลงโม่หรันตายไปเสีย เพราะสำนักหมัดเทพทวารากับมันนั้นไม่ถูกกันน่าเสียดายที่ความคิดของเขาไม่เป็นจริง
“ท่านผู้นำตระกูลกลับมาแล้ว เขาอยู่ที่นั่น!”
หลงชิงแห่งตระกูลหลงมีแววตาที่เฉียบคม เขาพบหลงโม่หรันอย่างรวดเร็วและชี้ไปยังจุดที่อยู่ไม่ห่างจากชายฝั่งทะเล
หลงจื่อมองไปตามจุดนั้นแล้วก็พบกับร่างในชุดคลุมสีขาวว่ายน้ำเข้ามาจากทะเลและถึงชายหาดในที่สุด นั่นไม่ใช่หลงโม่หรันหรือไง?
กลุ่มคนรีบวิ่งเข้าไปพยุงเขาขึ้นมาทันที
ท่านผู้นำตระกูลกลับมาแล้ว!
นี่ถือเป็นข่าวดีอย่างยิ่งสำหรับพวกเขา เพราะแต่ละคนเริ่มคิดแล้วว่า หากผู้นำตระกูลเกิดตายขึ้นมาจริงแล้วพวกเขาจะทำอย่างไรต่อไป โชคดีที่หลังจากถูกพายุเฮอริเคนดูดเข้าไปแล้วถูกพัดกระเด็นไปไกล เขายังมีชีวิตรอดกลับมา ชายคนนี้ช่างแข็งแกร่งจริงๆ
หลงจื่อและหลงชิงช่วยพยุงเขาขึ้นมาจากชายฝั่ง อย่างไรตาม หลงโม่หรันอยู่ในสภาพเหนื่อยอ่อนพร้อมกับสีหน้าอึดอัดใจที่ปรากฏชัดเจนอยู่บนใบหน้า ทั่วทั้งร่างเปียกโชกไปด้วยน้ำ เส้นผมล้วนพันกันยุ่งเหยิง และที่น่าตกใจที่สุด กระบี่ของเขาได้หายไปจากฝัก!
“ท่านผู้นำ กระบี่ของท่าน?”
สีหน้าของหลงจื่อพลันเปลี่ยนไป กระบี่ของหลงโม่หรันนั้นถือว่าเป็นสุดยอดอาวุธประเภทของมีคม มันไม่ใช่แค่เป็นสิ่งที่แสดงถึงความแข็งแกร่งของตระกูลหลง แต่มันยังเป็นสัญลักษณ์ของตำแหน่งอีกด้วย“ฮืมม”
ใบหน้าของหลงโม่หรันที่เปื้อนไปด้วยน้ำทะเลเข้มขึ้น และแสดงออกถึงความเกลียดชังที่ไม่มีทางลืม แต่เพื่อบ่ายเบี่ยงสถานการณ์ที่น่าอับอายนี้ เขาโบกมือ “ทุกคน เตรียมตัวสำหรับการเก็บเกี่ยวปะการังราชันย์ในคืนนี้!”
“ท่านผู้นำ แต่พายุนั่น…….”
หลงจื่อลังเลเล็กน้อย ในเมื่อเกิดภัยพิบัติถึงขั้นนี้ แต่เขายังต้องการกลับไปเอาปะการังราชันย์อีกงั้นหรือ? ถ้าเป็นแบบนี้ บางที คนของตระกูลหลงมากมายคงต้องตายเพราะภัยพิบัตินี้แน่!เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติธรรมชาติ ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนล้วนไม่ต่างอะไรกับมดปลวก
“ฉันหรือแกที่เป็นหัวหน้าตระกูล?”
หลงโม่หรันเค้นเสียงเย็นแล้วพลักคนที่ช่วยพยุงออกไปหลงจื่อส่ายหน้าเมื่อรู้ตัวดีว่าตำแหน่งของเขานั้นไม่สามารถขัดคำสั่งได้ จึงทำได้แค่นำคนของตระกูลทำตามคำสั่งของหลงโม่หรัน
ในสภาพอากาศที่หนาวเย็นเช่นนี้ หลงโม่หรันยังคิดจะลงไปก้นทะเลเพื่อนำปะการังราชันย์มาอีก คงมีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ที่มีระดับวรยุทธ์มากกว่า 50 ปีเท่านั้น ที่จะกลับมาได้อย่างปลอดภัย
และคนของตระกูลหลงทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ตอนนี้ นอกจากหลงโม่หรันแล้ว ก็มีเพียงผู้อาวุโสสองคนที่มีระดับวรยุทธ์ถึงขั้นนั้น แต่อย่างไรก็ตาม คนของสำนักหมัดเทพทวารา ตระกูลถัง วังกระบี่สวรรค์ และสำนักวรยุทธ์อื่นๆก็มีผู้ที่มีระดับวรยุทธ์ขั้นสูงเช่นเดียวกัน
‘ดูเหมือนว่าจุดประสงค์ของหัวหน้าตระกูลคือให้พวกเราส่วนที่เหลือคอยกันผู้ฝึกยุทธ์สำนักอื่นออกไป……’
หลงจื่อคิดเรื่องนี้และรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หากทำเช่นนี้ มันคงต้องมีการเสียสละที่มากมาย ถ้าหลงโม่หรันต้องการแย่งชิงปะการังราชันย์จริงๆ ผู้ฝึกยุทธ์ระดับทั่วไปของตระกูลพร้อมทั้งอาวุธระดับทั่วไป ก็ต้องเผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสูงเพื่อคอยขวางทาง แล้วพวกเขาจะได้รับความปราณีจากคนพวกนั้นงั้นหรือ?
แต่อย่างไรก็ตามมันไม่มีทางอื่นอีก ในเมื่อหลงโม่หรันมีตำแหน่งเป็นผู้นำตระกูล หลงจื่อก็ต้องเชื่อฟังเขาไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
…………………………….
ในเวลานี้ที่อีกด้านหนึ่ง รถ Hummer H2 ที่มุ่งหน้ามาจากเหยียนจิงก็ดับลงอีกครั้ง
“รถคันนี้มันเป็นอะไรกันหะ? ทำไมมันถึงได้ติดๆดับๆบ่อยอย่างนี้?”
ภายในตัวรถ เย่เวิ่นเทียนโวยวายด้วยความฉุนเฉียว ปกติเวลานี้เขาควรจะไปถึงแถบทะเลจีนตะวันออกแล้ว แต่ด้วยรถคันนี้ เขาเพิ่งมาถึงเพียงครึ่งทาง!
“คุณปู่ อย่าร้อนใจไปเลยค่ะ”
ถึงแม้ซูเหมิงหานจะพยายามพูดเพื่อให้ชายชราสบายใจ แต่เด็กสาวก็แอบยิ้มอยู่ในใจ ถ้าเป็นแบบนี้ เธอก็สามารถถ่วงเวลาให้แก่เย่เฟิงได้แล้วจริงไหม?“ฉันไม่ได้ร้อนใจ”
เย่เวิ่นเทียนเอ่ยปากด้วยความโมโห “สาวน้อย เธอคงไม่ได้จงใจให้มันเป็นแบบนี้ใช่ไหม?”“จะเป็นงั้นได้ไงล่ะคะ?”
ซูเหมิงหานรีบตอบกลับด้วยแววตาใสซื่อและน่าสงสารชายชราเห็นดังนั้นก็รู้สึกผิดและเงียบไป เมื่ออยู่ต่อหน้าหลานสะใภ้คนนี้ เขาระบายอารมณ์ออกมาไม่ได้เลยจริงๆให้ตายเถอะ!
…………
อีกด้านหนึ่งที่ห่างออกไปจากเขตเซี่ยงซานใกล้กับสนามบิน เสี่ยวเยวี่ยในชุดสีแดงนั่งอยู่ในรถสปอร์ตคันสีแดง ขณะที่คิ้วสีดำคู่สวยขมวดกันแน่น
หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมเสี่ยวฉีน้องสาวของเธอที่ถามเกี่ยวกับชายสวมหน้ากาก ถึงได้จ้องตั๋วเครื่องบินแต่เช้าเพื่อบินมาที่นี่อย่างรีบร้อน
‘แบบนี้ไม่ดีแน่ เราต้องไม่ปล่อยให้เสี่ยวฉีตกเป็นเหยื่อของเขา’
ในตอนนี้ เสี่ยวเยวี่ยได้ตัดสินใจแล้ว ในชีวิตของหญิงสาว เธอรังเกียจผู้ชายที่ชอบจับปลาสองมือเป็นที่สุดดวงตาที่งดงามจ้องมองไปยังรถ Mercedes-Benz SLS AMG ถึงแม้เมืองเซี่ยงไห้จะเป็นมหานครนานาชาติที่เป็นศูนย์รวมด้านเศรษฐกิจ แต่รถคันนี้ก็ยังคงเป็นที่ดึงดูดสายตาของคนที่นี่
และผู้ที่นั่งอยู่ในรถคันนี้ก็คือหวังเฉ่าตง
หวังเฉ่าตงที่สวมแว่นตากันแดดไว้ ส่งยิ้มมายังเสี่ยวเยวี่ย เขารู้สึกเพลิดเพลินไม่น้อยกับการเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของผู้คนภายนอกสนามบินนี้
“นี่ รูปหล่อ”
ผู้หญิงสองคนรูปลักษณ์ทันสมัยที่ดูมีเสน่ห์ทักทายหวังเฉ่าตงขณะเดินออกมาจากสนามบิน ดูจากท่าทางของพวกเธอแล้ว ดูเหมือนหญิงสาวทั้งสองตั้งใจจะอ่อยเขาน่าเสียดายที่หวังเฉ่าตงยังคงสนใจแต่เสี่ยวเยวี่ยคนเดียว เขาจึงไม่รับการทักทายของสองสาว และเมินพวกเธออย่างสมบูรณ์
หญิงสาวทั้งสองหันไปมองเสี่ยวเยวี่ยที่นั่งอยู่ในรถ Audi สีแดงที่อยู่ไม่ไกล รูปลักษณ์ที่ทรงเสน่ห์ตลอดจนใบหน้าสวยที่ไร้ซึ่งการแต่งเติมทำให้พวกเธอพลันรู้สึกถึงความด้อยกว่า จึงทำได้แค่จากไปอย่างเร่งรีบ
ถึงแม้พวกเธอจะไม่ได้น่าเกลียด แม้แต่ในฝูงชนนี้ พวกเธอก็จัดว่าเป็นที่ดึงดูดสายตาผู้คน แต่เมื่อเทียบกับเสี่ยวเยวี่ยแล้ว ยังถือว่าต่างชั้นกันมาก
หวังเฉ่าตงต้องการเอาชนะใจเสี่ยวเยวี่ย และเหตุผลนั้น เพราะเขารู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบแต่งเติมใบหน้า เพื่อแปลงกายเป็นสาวงาม
‘เสี่ยวฉีและหลินชื่อฉิงกำลังมาที่นี่ ดูเหมือนว่าตัวตนของชายสวมหน้ากากจะเป็นที่อ่อนไหวจริงๆ’
ความจริงแล้ว เสี่ยวเยวี่ยไม่ได้สนใจสถานการณ์ภายนอก เธอเพียงขมวดคิ้วและหมกมุ่นอยู่ในความคิดของตัวเองแน่นอนว่าเสี่ยวเยวี่ยรู้จักหลินชื่อฉิง แต่หญิงสาวไม่ได้พบเธอมานานมากแล้ว
ทันใดนั้น เธอก็พลันรู้สึกสนอกสนใจ ถ้าหวังเฉ่าตงได้พบกับหลินชื่อฉิง สาวสวยอันดับหนึ่งแห่งเมืองเหยียนจิง แล้วเขาจะมีท่าทางอย่างไร? แต่ช่างน่าสงสาร หลินชื่อฉิงไม่ใช่ผู้หญิงที่จะถูกล่อลวงจากเพลย์บอยหนุ่มแห่งเมืองเซี่ยงไห้อย่างเขา เธอหวังว่าชายหนุ่มจะรู้จักเจียมตัวเอง
…………………….
แปลโดย Solar Spark