ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 255 เราต้องชดเชยให้พี่ก่อน
เมื่อตำรวจจมูกงุ้ม‘จางกว๋อฉาย’ได้รับโทรศัพท์จากผู้กำกับหลิว ก็รีบขับรถตำรวจมายังหมู่บ้านชิงเฟิงทันที เย่เฟิงเคยถูกชายคนนี้จับกุมครั้งหนึ่งเมื่อตอนที่เพิ่งเกิดใหม่บนโลกใบนี้ มองดูแล้ว เขาดูไม่มีความน่าเกรงขามเหมือนเมื่อก่อนสักเท่าไหร่
“คุณจู สบายใจได้ ไม่ว่าใครเป็นคนลงมือทำร้าย ผมจะให้ความเป็นธรรมกับคุณเอง!”
ชายจมูกงุ้มกล่าวให้ความมั่นใจ
“มัน เป็นมัน”
เมื่อเย่เฟิงก้าวออกมาจากบ้าน ชายวัยกลางคนก็รีบชี้นิ้วมาหาเขาทันที
จางกว๋อฉายมองตามทิศทางนั้นไป และก็ต้องตกใจทันทีเมื่อมองเห็นเย่เฟิง นั่นมันเจ้าเด็กคนนั้นไม่ใช่หรือไง? เป็นเพราะมัน เขาถึงถูกพักงานไปถึงหนึ่งอาทิตย์!
ตามที่รู้มาจากผู้กำกับหลิว เขาได้ยินว่าเจ้าเด็กนี่มีตระกูลหลินคอยหนุนหลังอยู่ด้วย
จางกว๋อฉายรีบคิดอย่างรวดเร็ว และเลือกที่จะไม่สนใจเรื่องนี้ ต่อให้เจ้าเด็กนี่มีตระกูลหลินหนุนหลังแล้วยังไง? คุณจูคนนี้เป็นถึงประธานบริษัทหยกฟ้า งานจัดแสดงเครื่องเพชรพลอยของตระกูลหลินก็มีบริษัทหยกฟ้านี่แหละที่เป็นผู้สนับสนุนใหญ่!
ตระกูลหลินคงไม่กล้าล่วงเกินคุณจูเพื่อช่วยเหลือมันอยู่แล้ว คิดได้ดังนั้น จางกว๋อฉายก็ค่อยผ่อนคลายลง
ถึงอย่านั้นก็เถอะ สาวงามที่ยืนข้างเจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน? นี่มันโคตรสวย
ในใจของจางกว๋อฉายเต็มไปด้วยความอิจฉา เมื่อคิดได้ว่าทั้งคู่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านหลังเดียวกัน ก็พลันรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงได้โชคดีแบบนี้?
ในความเห็นของเขา หญิงชายอยู่บ้านเดียวกัน มันจะทำอะไรได้อีกนอกจากเรื่องอย่างว่า
“ไอ้หนู แกไม่รู้หรือไง ว่าคุณจูคนนี้เป็นถึงประธานบริษัทหยกฟ้า ผู้สนับสนุนใหญ่ของงานจัดแสดงเครื่องเพชรเลยนะโว้ย!”
จางกว๋อฉายพลันชี้นิ้วไปหาเย่เฟิง และกล่าวอย่างโมโห ด้วยที่เป็นตำรวจตัวเล็กๆ เขาย่อมไม่รับรู้สถานะของหลินชื่อฉิง รวมถึงเบื้องหน้าเบื้องหลังของเย่เฟิงเช่นกัน
หลินชื่อฉิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจ “เอ๋? นี่คือคุณจูอี้ฉวินหรอ?”
เย่เฟิงได้ยินดังนั้นก็หลุดยิ้มขึ้นมา จูอี้ฉวินงั้นหรอ?
“หืม? เหตุใดสาวงามคนนี้ถึงรู้จักผมด้วย?”
จูอี้ฉวินที่มีตำรวจนายหนึ่งคอยช่วยพยุงรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาทันที ไม่คิดเลยว่าสาวสวยคนนี้จะรู้จักเขาด้วย
แต่มาคิดๆดูแล้วก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร บริษัทหยกฟ้าเป็นผู้จำหน่ายเครื่้องประดับแบรนดังระดับสากล และเป็นที่ชื่นชอบของผู้หญิง ในเมื่อเขาเป็นถึงประธานบริษัท ตัวเขาก็ย่อมเป็นที่นิยมอยู่แล้ว
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้จักคุณหรอก แต่เคยได้ยินชื่อเฉยๆ”
หลินชื่อฉิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา ชื่อของอีกฝ่ายทำให้เธอกลั้นยิ้มแทบไม่ไหวเลยจริงๆ
จูอี้ฉวิน? หมูหนึ่งฝูง!
“พี่หลิน ในเมื่อหมอนี่เป็นพาร์ทเนอร์ของตระกูลหลิน งั้นผมให้คุณจัดการแล้วกัน”
เมื่อเย่เฟิงได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นคู่ค้ากับตระกูลหลิน ก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งให้เรื่องบานปลายอีก
“เราไปทำร้ายเขาแล้วก็โยนเรื่องมาให้พี่เนี่ยนะ”
หลินชื่อฉิงจนปัญญา
การพูดคุยของทั้งคู่นั้น ทำให้จางกว๋อฉาย จูอี้ฉวิน และคนอื่นๆถึงกับมึนงง สาวงามคนนี้เป็นคนตระกูลหลินงั้นหรอ?
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณจูอี้ฉวิน ฉันคือหลินชื่อฉิง ผู้รับผิดชอบงานจัดแสดงเครื่องเพชรโดยตรง”
หลินชื่อฉิงยิ้มกล่าวทักทายตามมารยาท
“เอ๊ะ? สวัสดีครับคุณหนูหลิน ไม่คิดเลยว่าเราจะได้พบกันในที่“ซอมซ่อ”แบบนี้ ช่างเป็นโชคชะตาที่คาดไม่ถึงเลยจริงๆ”
จูอี้ฉวินตกตะลึงไปในทันที ไม่น่าเล่าทำไมสาวงามคนนี้ถึงได้ดูน่าดึงดูดแบบนี้ ที่แท้ก็เป็นสาวสวยอันดับหนึ่งของเมืองเหยียนจิงนั้นเอง!
สำนักงานใหญ่ของบริษัทหยกฟ้านั้นตั้งอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ และจูอี้ฉวินซึ่งเป็นถึงประธานบริษัทนี้ก็อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์อันหรูหราติดชายทะเล แน่นอนว่าหมู่บ้านชิงเฟิงแห่งนี้เทียบไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เขามาที่นี่เพราะต้องพักอยู่ในเมืองเหยียนจิงชั่วคราวเท่านั้น
ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว การเรียกหมู่บ้านแห่งนี้ว่าที่ซอมซ่อก็ไม่ถือว่าเกินเลยแม้แต่น้อย
จูอี้ฉวินจงใจกล่าวแบบนี้เพื่อดูถูกเย่เฟิง หลินชื่อฉิงนั้นเป็นถึงสาวงามอันดับหนึ่ง จะให้มาอยู่ในที่ซอมซ่อแบบนี้ได้อย่างไร?
เมื่อรับรู้ได้ถึงความคิดของจูอี้ฉวิน หลินชื่อฉิงก็ยิ้มบางๆและดึงแขนเย่เฟิงเข้ามา “ขอแนะนำนะคะ นี่คือเย่เฟิง คู่หมั้นฉันเอง เพราะงั้นถ้าคุณจูไม่พอใจ จะถอนตัวจากงานจัดแสดงก็ได้นะคะ”
ได้ยินดังนั้น จางกว๋อฉายและจูอี้ฉวินช๊อคตาตั้งไปในทันที นี่มันอะไรกัน? เจ้าเด็กนี่คือเย่เฟิง คู่หมั้นของหลินชื่อฉิง!?
@#$%^& มารดามันเถอะ!!
พวกเขาแทบอยากจะกรีดร้องออกมา นี่มันเรื่องบัดซบอะไรกัน?
สีหน้าเย่เฟิงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว คู่หมั้นอะไร? เธอบอกเองไม่ใช่หรือไงว่าให้คิดกันแบบพี่สาวน้องชาย?
“คุณชูสร้างความรบกวนแก่ฉัน คู่หมั้นฉันจะไม่พอใจก็เป็นเรื่องธรรมดานี่คะ?”
หลินชื่อฉิงกล่าว “ถ้าคุณจูจะถอนตัวก็ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงฉันก็จะยืนอยู่ฝั่งคู่หมั้นฉันอยู่ดี”
หญิงสาวกล่าวอย่างไม่ไว้หน้า ความจริงหากเป็นคนอื่นในตระกูลหลินแล้วละก็ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมหาทางประนีประนอม แต่หลินชื่อฉิงนั้นไม่สนใจ จูอี้ฉวินคนนี้ทำให้เธอรู้สึกขยะแขยง ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบนี้ เธอคงไม่มาเป็นหุ้นส่วนกับเขาแน่นอน
“เยี่ยม เยี่ยมมาก”
จูอี้ฉวินขมกรามแน่นจนตัวสั่น ไม่คิดเลยว่าหลินชื่อฉิงจะกล้าหักหน้าเขาแบบนี้!
“เรื่องนี้…..”
จางกว๋อฉายถึงกับพูดไม่ออก นี่มันเกิดกว่าที่เขาจะควบคุมได้แล้ว โอ้ย แล้วแบบนี้จะทำยังไงดี?
“โทรไปหาผู้กำกับหลิวของแกสิ”
เย่เฟิงหันไปพูดกับจางกว๋อฉาย
ได้ยินดังนั้น จางกว๋อฉายก็เหมือนสะดุ้งตื่นจากฝัน เขารีบโทรหาหลิวลี่ฮุยและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับอีกฝ่ายทันที
ไม่นานนัก เสียงก่นด่าก็ลอยมาจากปลายสาย “อะไรนะ? แกอยากตายหรือไงถึงได้กล้าไปรบกวนเย่เชา รีบขอโทษเขาซะ เสร็จแล้วก็พาจูอี้ฉวินไปโรงพยาบาล!”
ถูกตำหนิแบบนั้น จางกว๋อฉายตัวลีบไปในทันที เมื่อหลิวลี่ฮุยวางสาย เขาก็รีบหันหน้ากลับมา
“เออ…. คุณเย่เชา เรื่องที่ทำไปก่อนหน้านี้ผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่าได้ถือสาหาความกันเลยนะครับ”
เป็นอีกครั้งที่จางกว๋อฉายต้องก้มหัวขอโทษเย่เฟิง
ซึ่งครั้งนี้ เย่เฟิงไม่ได้มีความคิดจะรังแกอีกฝ่ายอีก จึงโบกมือไล่อย่างเหนื่อยหน่าย “ไสหัวไปได้แล้วไม่ต้องพูดมาก”
จางกว๋อฉายรีบแบกจูอี้ฉวินขึ้นรถตำรวจและขับออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้แต่รถเมอซิเดสเบนซ์สีดำซึ่งมีรอยยุบหนึ่งแห่งตรงประตู ดูเหมือนว่าจูอี้ฉวินจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
ในเวลานี้ หลินชื่อฉิงยิ้มหน้าบาน ดูมีความสุขอย่างออกนอกหน้า
“จะปล่อยแขนผมได้หรือยังครับ?”
เย่เฟิงรู้สึกอึดอันใจเมื่อถูกมือขาวเนียนคู่นี้ดึงแขนไว้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลงหวางเอ๋อจับตาดูเขาอยู่แน่ๆ
“ยัง เราต้องชดเชยให้พี่ก่อน”
หลินชื่อฉิงยิ้ม พร้อมกับกระชับแขนชายหนุ่มให้ใกล้เขามาอีก
“ชดเชย?”
เย่เฟิงถลึงตามอง ชดเชยอะไร? เขาไปติดหนี้เธอตอนไหน!
………………………….
แปลโดย Solar Spark