ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 275 หลินชื่อฉิงผู้ไร้เดียงสา
เย่เฟิงเห็นท่าทางของเธอดูกระวนกระวายก็นั่งลงต่อพลางยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ยังมีเรื่องอะไรอีกหรือ”
หลินชื่อฉิงแอบบ่นเย่เฟิงในใจเป็นร้อยกว่ารอบ ถ้าเป็นคนอื่นที่มีโอกาสได้นั่งคุยกับเธอแล้วล่ะก็ จะต้องรีบเร่งมานั่งคุยอย่างเบิกบานเลยทีเดียว แต่กับเย่เฟิงเด็กคนนี้ไม่ยอมแม้แต่จะคุยตั้งท่าลุกจะไปลูกเดียว
“เมื่อคืนนั้นลุงธันเดอร์ไม่ได้ดูแลปกป้องพวกหวางเอ๋อให้ดี พี่อยากจะขอโทษเราแทนพวกเขาด้วย”
หลินชื่อฉิงค่อนข้างเป็นกังวลขณะที่พูดออกมา
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ตอนนี้คนก็ปกติดีทุกอย่างแล้ว”
เย่เฟิงส่ายหัว “พวกเจ้าตัวบัดซบสำนักเซียนเร้นลับได้ยินมาว่ามันมีกันหลายคนและลอบโจมตีพร้อมกันงั้นเลยหรือ?”
“เป็นพวกมือหนึ่งหกคนและมีวรยุทธอยู่ที่ 40 ปี ตอนนี้ถูกจับตัวเอาไว้อยู่กับลุงธันเดอร์รอจนเธอกลับมาเพื่อจัดการเอง”
หลินชื่อฉิงพูดกล่าว
“อย่าได้โทษพี่แล้วกันที่ไม่ได้เตือนเธอ”
เย่เฟิงหัวเราะเล็กน้อย “ตอนนี้พวกระดับสูงของสำนักเซียนเร้นลับก็ตายแล้วและตอนนี้พวกเขาก็ออกมาไม่ได้ แต่จะทำยังไงกับพวกตัวบัดซบที่เหลือก็ให้ลุงธันเดอร์จัดการไปเลยแล้วกัน”
เมื่อหลินชื่อฉิงได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไม่ได้พูดอะไรออกมา
มันมีข่าวลือเรื่องในยุทธภพว่าเย่เฟิงแค่เพียงคนเดียวก็จัดการทั้งสำนักเซียนเร้นลับทั้งหมดเลยยังงั้นหรือ?
เมื่อเธอได้ยินที่เย่เฟิงพูดเช่นนั้นแต่ก็ไม่รู้ความคิดของเขาได้แต่ตอบในทันที “เธอวางใจได้เถอะ พวกคนเหล่านี้กล้าที่จะโจมตีบนถนนที่มีคนมากมายเช่นนี้ พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกตัดสินประหารชีวิตตามกฎหมายพิเศษไม่มีทางหนีรอดแล้ว ”
“งั้นก็ดีแล้ว”
เย่เฟิงพยักหน้ารับ เขารู้สึกไม่ค่อยอยากจะจัดเองสักเท่าไหร่นัก ในเมื่อหน่วย NSA สามารถจัดการได้ มันก็ทำให้สะดวกสบายมากขึ้น
“ได้ยินมาว่าหน่วย NSA ได้จับตัวหลงโมหรันเอาไว้งั้นหรือ?”
เย่เฟิงพลันนึกขึ้นได้ว่าได้ยินข่าวลือตอนอยู่บนถนนก็ถามขึ้นมา
“ใช่แล้ว ตอนนี้ยังคงสอบสวนอยู่”
หลินชื่อฉิงพยักหน้า
“หรือว่าเกี่ยวกับเรื่องแถบทะเลจีนตะวันออก?”
เย่เฟิงครุ่นคิดขณะที่ยิ้มจ้องมองไปยังใบหน้าที่งดงามของหลินชื่อฉิง “หรือว่าพี่สาวต้องการคำแนะนำ ถ้างั้นก็ให้พวกเขาปล่อยหลงโมหรันไปไม่ได้หรือ? พ่อตาคนนี้ของผมน่าสงสารเพียงพอแล้ว ที่แถบทะเลจีนตะวันออกก็ไม่ได้อะไรไปสักอย่าง แถมยังเสียมือไปอีกข้างหนึ่งด้วย ถึงจะสอบสวนไปก็ไม่ได้อะไรไปหรอก”
ปัจจุบันหลงโมหรันก็คือซูเฟยหยิ่งที่ใช้ทักษะเซียนปลอมแปลง เป็นธรรมดาที่คำพูดของเย่เฟิงต้องการที่จะให้ปล่อยตัวเขาออกมา
“เรื่องนี้พี่จะลองดู”
หลินชื่อฉิงคิดว่าเรื่องนี้มันยุ่งยากเล็กน้อย เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน่วย NSA แล้ว เธอเป็นเพียงคนนอกเท่านั้น ที่ธันเดอร์ฟังคำสั่งของเธอก็เพียงเพราะหลินเต๋อเทียน
ปัจจุบันธันเดอร์ไม่มีอำนาจที่จะจัดการกับหลงโมหรันได้ มีเพียงแค่คำสั่งของหลินเต๋อเทียนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามถึงแม้มันจะดูยุ่งยากแต่เป็นเพราะเย่เฟิงขอมาแล้วหลินชื่อฉิงก็จะพยายามทำทุกอย่างดู ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่หลินชื่อฉิงเริ่มที่จะรู้สึกห่วงใยในเรื่องของเย่เฟิง
“อ๊ะใช่แล้ว เสี่ยวเย่”
หลินชื่อฉิงพลันจำบางอย่างได้ก็หน้าแดงขึ้นมา “เมื่อวานนี้ คุณปู่โทรมาหา”
เมื่อเย่เฟิงได้ยิน เธอคุยโทรศัพท์อะไรกับคุณปู่กันแน่? เขานึกถึงชายชราหลินหงชวนและดูเหมือนว่าตระกูลเขาและตระกูลถังจะเป็นพวกเดียวกัน?
เขาก็ถามออกไป “พี่คุยอะไรกันมั้ง?”
“ท่านบอกว่าให้พวกเราแต่งงานกันเร็วๆ”
คำพูดของหลินชื่อฉิงน่าตกใจนัก แต่พูดจบเธอก็ดูสงบนิ่ง เนื่องจากเธอแน่วแน่ว่าจะไม่ทำตามที่ว่าอย่างแน่นอน
“ผมก็มีแฟนอยู่แล้ว แล้วคุณปู่ของพี่จะให้พี่แต่งงานกับผมมันไม่โหดร้ายไปหน่อยหรอ?”
เย่เฟิงรู้สึกเป็นเรื่องตลก
“ใครจะรู้ว่าท่านคิดอะไรอยู่”
หลินชื่อฉิงก็รู้สึกสงสัยเหมือนกัน “อาจเป็นเพราะเรื่องที่เซี่ยเหวินจึงทำให้เขาคิดถึงหลานชาย อาจเป็นเพราะท่านชื่นชอบตัวเรามากก็ได้”
เย่เฟิงถึงกับชะงัก หรือว่ามันเป็นเพราะลูกคนที่สามงี่เง่าของตระกูลหลินที่ทำให้หลินหงชวนต้องการเอาเย่เฟิงมาแทนที่เขากัน? นี้มันความคิดประเภทไหนกัน!
“เสี่ยวเย่เธอลองบอกกับปู่ของเธอดูและทำให้เขาไม่มาจับคู่พวกเรา หลานสะใภ้ของท่านก็มีมากมายอยู่แล้วแต่มันยังไม่พออีกหรอ?”
หลินชื่อฉิงมองไปยังเย่เฟิงอย่างคาดหวัง “ความสุขของพี่สาวคนนี้ขึ้นอยู่กับเธอแล้ว”
“ในสายตาท่าน ผมคิดว่ามีมากแค่ไหนก็ไม่เพียงพอสำหรับเขาหรอก”
เย่เฟิงหรี่ตา พลันขบคิดว่าถ้าหลินชื่อฉิงต้องมาแต่งงานกับเขา ความสุขก็ขึ้นอยู่ที่ตัวเขาอยู่ดี
“พี่สาวก็จัดการเรื่องทางฝั่งของพี่แล้วกัน ปู่ของผม ผมก็จะจัดการเอง”
หลินชื่อฉิงรู้สึกทรมานกับการหมั้นหมายของชายชราทั้งสองคนนั้น รู้สึกต้องการจัดการให้มันเสร็จให้เร็วที่สุด
เกี่ยวกับตัวเย่เฟิงแล้ว เธอคิดว่าการเป็นเพื่อนน่าจะดีกว่าและถือเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง แต่กลับต้องมาแต่งงานกับเย่เฟิง เขาไม่ได้ดูอายุน้อยและเด็กเกินไปหรือ? นอกจากนี้เขายังมีภรรยาสาวสวยมากมาย เธอไม่ได้รู้สึกสนุกที่อยากจะไปเข้าร่วมด้วยเลย
พวกเขาพูดคุยกันต่ออีกสักพักภายในร้านกาแฟ และขณะที่ออกมาเพื่อจะกลับบ้านมันก็ 2 ทุ่มแล้ว
แม้ว่าสำนักเซียนเร้นลับจะถูกทำลายลงไปแล้วก็ตาม แต่การคุ้มครองของหน่วย NSA ที่นำโดยธันเดอร์ก็ยังคงเข้มงวดอยู่ภายในหมู่บ้านชิงเฟิงอยู่ มันดูเหมือนเป็นเพราะความผิดพลาดในคืนนั้น ที่เล่นงานธันเดอร์อย่างหนักจนทำให้เขายืนกรานที่จะคุ้มครองอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องอีกได้
เย่เฟิงก็ไม่ได้คิดจะร้องขอให้พวกเขาจากไป
กลับกลายมามีคนคุ้มครองให้ฟรีๆ เรื่องนี้มันช่างเหนือเกินเหตุผลของคนธรรมดาเกินไปแล้ว
ขณะนี้ ภายในสวนของคฤหาสน์ตระกูลหลิน มีสองสามคนกำลังหารือกันอยู่
หลินจื่อฉิงผู้เป็นรองผู้อำนวยการสำนักงานการคลังของเหยียนจิงกำลังพูดคุยอยู่กับหลินเหรินเทียน
“โอ้ ไม่รู้ว่าน้องสาวคนเล็กเวลานี้ทำไมถึงได้ไร้เดียงสานัก เย่เฟิงถึงกับทำลายงานงานแสดงสินค้าไป แต่แล้วกลับไปร้องขอให้เขามาคุ้มครองที่งานแสดงอีก ไม่ใช่ว่าจงใจที่จะสร้างปัญหาหรือ?”
หลินจื่อฉิงพูดอย่างขมขื่น
เขาในฐานะรองผู้อำนวยการสำนักการคลังของเหยียนจิงและพวกเครื่องประดับในงานแสดงจะต้องมาถึง เนื่องจากมันเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับกับภาษีของเหยียนจริงและเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
แต่เพราะไม่ได้มีการลงทุนกับบริษัทหยกฟ้า ผลกระทบงานแสดงสินค้านี้เกรงว่าจะต้องลดราคาขายลงอย่างมาก ถ้าไม่สามารถเรียกคืนงบประมาณต้นทุนคืนได้แล้วล่ะก็ สถานะภายในตระกูลหลินของหลินชื่อฉิงจะต้องเสื่อมเสียย่อยยับอย่างแน่นอน
การเลือกผิดพลาดไม่นับเป็นอะไรกับตระกูลหลิน แต่ถ้าสูญเสียเงินแล้วล่ะก็มันจะเป็นปัญหาในนามของความสามารถหลินชื่อฉิง และถึงตอนนั้นงานในตระกูลที่มากมายก็จะไม่อนุญาตให้เธอเข้าร่วมแล้ว
“เฮอะ ฉันคิดว่าหลงเสน่ห์เจ้าเด็กนั้นไปแล้วมั้ง”
หลินเหรินเทียนที่กำลังสูบซิการ์อยู่พลางดันแว่นตาสีทองขึ้นและแค่นเสียงเบาๆ “ไม่ว่ายังไงงานแสดงสินค้าก็คงพังพินิาศแล้ว และวันเวลาอันรุ่งเรืองของเธอก็จะจบสิ้นเช่นกัน”
“ฉันคิดไม่ออกเลย แต่ก่อนน้องสาวไม่ได้เป็นคนเช่นนี้เลย”
หลินจื่อฉิงขมวดคิ้วสีหน้าดูเคร่งขรึม “ตอนนี้หลายบริษัทรู้แล้วว่างานด้านรักษาความปลอดภัยในงานแสดงสิ้นค้าเป็นชายหนุ่มที่จะต้องรับผิดชอบ พวกเขาต่างไม่กล้าที่จะมาเข้าร่วมลงทุนด้วยแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเกิดปัญหาขึ้นอาจจะต้องสูญเสียอย่างมาก”
“ชายหนุ่มมีความสามารถเพียงน้อยนิดแต่ยังมาดูแลงานแสดงสินค้าที่ใหญ่ขนาดนนี้เขาจะดูแลไหวหรือ?”
หลินเหรินเทียนแค่นเสียง “พวกเราไม่จำเป็นต้องกังวล เมื่อถึงเวลานั้นเรื่องตลกมันจะต้องจบลง”
ไม่คาดคิดว่าหลินชื่อฉิงที่สงบมั่นคงจะประมาทงานแสดงสินค้าครั้งนี้ ทำให้หลายคนในตระกูลหลินต่างรู้สึกงุนงง อย่างไรก็ตามงานแสดงสินค้าอำนาจอยู่กับหลินชื่อฉิงทั้งหมด พวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะตั้งคำถามได้ ฉะนั้นพวกเขาจะรอดูหลินชื่อฉิงโดนหัวเราะเยาะ
การสูญเสียครั้งนี้ มันไม่ใช่การสูญเสียของพวกเขา!
เมื่อเรื่องน่าเศร้าตกเป็นของหลินชื่อฉิง สำหรับพวกเขาเหล่าตระกูลสาขาก็จะได้รับผลประโยชน์มากมายจากส่วนที่หลินชื่อฉิงได้ทำเสียหาย
งานแสดงสินค้ากำลังจะเริ่มขึ้นและตระกูลหลินก็รุ่มร้อน
แต่ในเวลานี้หลินชื่อฉิงมีความมั่นใจอย่างยิ่ง คนอื่นไม่ได้รู้เลยว่าเธอเพิ่งจะได้รับเพชรจักรพรรดิมา และไม่ได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของเย่เฟิงเลย ซึ่งเมื่อการรักษาความปลอดภัยของงานมันยิ่งกว่าที่จะเรียกว่าน่าพอใจเสียอีก!
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ