ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปบทที่ 316 เทพเจ้ากระทิงอัคคี
ภายในตัวเกาะอุณหภูมิมันสูงอย่างยิ่ง
เย่เฟิงเพิ่งก้าวเหยียบที่ชายหาดและรู้สึกได้ถึงว่าน้ำทะเลที่ชุ่มโชกทั้งตัวของเขาเริ่มระเหยเป็นไอ เพียงแค่รอบนอกเกาะมันก็มีอุณหภูมิถึง 50 องศา อุณหภูมิที่ใจกลางมันจะต้องสูงยิ่งกว่านี้แน่
เย่เฟิงเงยหน้าขึ้น เขาสามารถเห็นได้แต่ไกลถึงร่างขนาดใหญ่ที่ก่อตัวขึ้น มันคือเทพเจ้ากระทิงอัคคี บนหัวมีเขาสี่อัน นอกจากนี้ส่วนอื่นของร่างไม่แตกต่างอะไรจากคน แต่ความสูงถึง 3-4 เมตร มันเหมือนจะใหญ่อย่างมาก
“มันคือเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาจริงๆ”
ภายในใจเย่เฟิงขบคิดพลางรีบเร่งวิ่งไปยังใจกลางเกาะ
เขาสามารถรับรู้ได้จากกลิ่นอายของซูเฟยหยิ่งที่ใจกลางเกาะหลายครั้ง มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าได้ต่อสู้กับหั่วอวิ๋นเยาอย่างรุนแรง
แต่เย่เฟิงรู้สึกได้ว่าหั่วอวิ๋นเยาตอนนี้ไม่เคยพบเห็นมาก่อน หรือว่าเขาจะไม่เหมือนเดิม? มันไม่ใช่ว่าตัวตนของเขาไม่เหมือนเดิม แต่มันคล้ายว่าอ่อนแอลงมาก ถ้าหากเป็นเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยามันจะต้องมีวรยุทธถึง 100 ปี แต่ที่เห็นอยู่ตอนนี้มันเป็นเพียงแค่สี่หรือห้าสิบปีเท่านั้น
พูดได้ว่ามันแข็งแกร่งฉีหลินจื่อเพียงเล็กน้อย
แต่ตอนนี้ซูเฟยหยิ่งบาดเจ็บอย่างรุนแรงจากเปลวเพลิง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีเปรียบไปกว่าหั่วอวิ๋นเยาเลย
“แม่สาวน้อย เป็นเด็กดีให้จับแต่โดยดีเถอะ!”
เสียงหยาบคายดังมาจากทิศทางของเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยา ภายในท่าทางแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงโหดเหี้ยมและชั่วร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากซูเฟยหยิ่งโดนจับได้จะต้องถูกฉีกเป็นชิ้นๆด้วยเขาแน่ แน่นอนว่าก่อนที่จะฉีกเป็นชิ้นๆเจ้ากระทิงตัวนี้มันจะทำอะไรบ้างก็ไม่มีทางรู้เลย ความคิดของปีศาจชั่วร้ายนี้มันไม่ใช่มนุษย์ที่จะสามารถคาดเดาได้
ซูเฟยหยิ่งไม่ได้โต้ตอบคำกับหั่วอวิ๋นเยาอย่างที่คาดไว้
เย่เฟิงวิ่งขึ้นไปบนยอดเขา เหลือบมองดูว่ามันมีร่างสูงใหญ่สามถึงสี่เมตร ร่างงดงามเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ความเย็นเยียบที่ไม่มั่นคงกระจายออกมจากร่างงดงาม แน่นอนว่านั่นคือซูเฟยหยิ่ง
ซูเฟยหยิ่งมีสีหน้าที่สงบนิ่ง แต่น่าเสียดายแม้ว่าเย่เฟิงจะอยู่ห่างแต่สามารถรับรู้ได้ว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าของเธอกำลังร้อนมากยิ่งขึ้น เหงื่อค่อยๆหยดไหลลง ยิ่งต่อต้านยิ่งอ่อนแรงลงเรื่อยๆ
ทันใดนั้นสายตาอันเย็นชาของซูเฟยหยิ่งก็มองไปยังทิศทางที่เย่เฟิงอยู่ มันไม่ใช่สายตาที่ตำหนิแต่เป็นสายตาที่กังวล เธอนึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆเย่เฟิงจะมาปรากฏตัวในเวลานี้
เย่เฟิงจะทำเช่นไรกันถ้าหากเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาพบเจอเข้า?
บนใบหน้าเย็นชาของซูเฟยหยิ่งไม่ได้แสดงออกถึงท่าทีอะไรทั้งสิ้น แต่เย่เฟิงรู้ว่าในใจเธอจะต้องเป็นกังวลอยู่แน่นอน ในอดีตที่โลกเทวะ เมื่อไหร่ที่ต้องประสบกับอันตราย ซูเฟยหยิ่งมักจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเขาอยู่เสมอและออกมาปกป้องอยู่เบื้องหน้าเขา
“อาจารย์ ครั้งนี้ผมจะเป็นคนช่วยเอง”
เย่เฟิงกัดฟันแน้นเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหว
ในตอนนี้เขาไม่ใช่ชายหนุ่มที่อ่อนแอเหมือนตอนที่อยู่ในโลกเทวะแล้ว บนโลกนี้เขามีทรัพยากรมากมาย ทำให้เขาราวกับเกิดใหม่และแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว กระทั่งตอนนี้ก็มีวรยุทธถึง 20 ปีแล้ว
แม้ว่ามันจะเลวร้ายเมื่อเปรียบเทียบกับซูเฟยหยิ่ง แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการต่อสู้แล้วล่ะก็ เย่เฟิงสามารถเข้าไปก่อกวนแทรกการต่อสู้ได้อย่างยอดเยี่ยมทีเดียว
เย่เฟิงหวังพึ่งพากระวิชากระบี่ผ่ามิติ!
วิชานี้ได้รับมาจากแหวนกระบี่มังกรโบราณของเซียนกระบี่ ต่อให้มองหาดูทั่วโลกเทวะมันก็ไม่มีของที่มีค่าเพียงพอจะเทียบได้ ถ้าหากฝึกจนถึงขั้นสุดยอด เจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาไม่นับว่าเป็นตัวอะไรเลย ยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงตอนนี้ซึ่งต้องเผชิญหน้ากับเจ้าสำนักอวิ๋นเยาที่อ่อนแอลง
ซูเฟยหยิ่งสามารถพบเห็นเย่เฟิงได้ เจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาก็เป็นธรรมดาที่จะต้องพบเขาได้เช่นกัน
หัวกระทิงขนาดใหญ่หันไปทางด้านเย่เฟิง เปลวเพลิงทั่วร่างต่างลุกโชนมันราวกับเทพเจ้ากระทิงกำลังอาบไปด้วยเปลวเพลิง เพียงแค่รูปร่างภายนอกมันก็ดูน่ากลัวกว่าเย่เฟิงมากมายแล้ว ทั้งร่างเปลือยเปล่า มัดกล้ามอันแน่นที่ปกคลุมทั่วร่างเผยออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งให้ความรู้สึกที่แข็งแกร่งยิ่ง
“มาจากทางไหนก็ไสหัวกลับไปซะ!”
ด้วยวรยุทธของเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยากับเย่เฟิงที่เป็นผู้ฝึกเซียนธรรมดาเช่นนี้แทบจะไม่เห็นอยู่ในสายตา เพียงเหลือบมองเย่เฟิง เสกบอลเปลวเพลิงขนาดใหญ่พุ่งตรงไปยังเขา ราวกับเขาไม่มีความหมายอะไร
เย่เฟิงมองอย่างเย็นชา ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาอาจจะไม่สามารถหยุดบอลเปลวเพลิงอันนี้ได้ แต่ในตอนนี้ มันไม่นับเป็นอะไรสำหรับเขา
วิชาเซียน โล่ดารา!
ในเวลานั้นก็ปรากฏโล่สีน้ำเงินเข้มของเจิ้นชี่ออกมาล้อมรอบตัวเย่เฟิงทันที ครอบคลุมทั่วตัวของเขา ปกป้องจากทุกทิศทาง
ขณะที่ซูเฟยหยิ่งกำลังเป็นกังวล แต่เมื่อเห็นก็รู้สึกประหลาดใจ บอลเปลวเพลิงของเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาไม่สามารถเจาะทะลวงไปในโล่ดาราของเย่เฟิงได้อย่างเหลือเชื่อ!
“เจ้าวัวแก่ แกอ่อนแอลงไปเยอะเลยนะ มารับความตายซะเถอะ!”
เย่เฟิงหัวเราะร่าพลางกระทืบเท้าเบาๆ ร่างทั้งร่างก็พุ่งไปยังทิศทางของเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาอย่างรวดเร็ว
ในขณะนั้นห่างออกไปไม่ไกล หลงหวางเอ๋อกับซูเหมิงหานและจื่อเจี้ยนหลาน ทั้งสามสาวไม่ได้เชื่อฟังคำพูดของเย่เฟิง แอบขึ้นฝั่งมาอย่างเงียบๆและซ่อนตัวอยู่ยอดเขาคอยแอบดูอยู่
ยามเมื่อเห็นเย่เฟิงเข้าปะทะอย่างบ้าบิ่น ทั้งสามสาวต่างตกใจกันทั้งหมด แต่มีเพียงแค่หลงหวางเอ๋อคนเดียวที่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
วิชาเซียน ศรดารา!
ด้วยวรยุทธ 25 ปีของหลงหวางเอ๋อ ความเร็วของรวมตัวศรดารารวดเร็วยิ่งขึ้น แม้ว่ามันจะเป็นเพียงน้อยนิด แต่เมื่อเทียบกับการรวมตัวแต่ก่อนมันรวดเร็วกว่าเดิมถึงห้านาที เพียงไม่นาน ศรดาราสีน้ำเงินเข้มก็เล็งไปยังปีศาจกระทิงอัคคีตำแหน่งของการต่อสู้เตรียมพร้อมที่จะยิงออกไป
“กระบี่ผ่ามิติ!”
เย่เฟิงไม่มีแม้แต่ความลังเลและการโจมตีของเขาตอนนี้มันยากที่จะทำร้ายเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยา มันคงจะต้องหาโอกาสและใช้ไม้ตายของเขา
กระบี่ที่รวดเร็วและรุนแรงมันคล้ายกับอุกกาบาตกระแทกใส่หน้าอกเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยา แต่เจ้านำสักหั่วอวิ๋นเยายังคงพุ่งไปข้างหน้า กระบี่นี้มันเพียงฟันขนบางส่วนบนร่างอันลึกลับขาดเพียงเท่านั้น
“เฮอะ ไร้สาระ!”
เจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาแค่นเสียงอย่างเย้ยหยัน จากนั้นกระตุ้นพลังอย่างมากมายกระทืบลงไปบนพื้น
เสียงกระทืบดั่งสนั่น!
ทั่วทั้งตัวเกาะราวกับสั่นเพราะการกระทืบนี้ พวกหลงหวางเอ๋อทั้งสามที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลแทบจะยืนไม่อยู่
ศรสีน้ำเงินเข้มที่พุ่งผ่านเข้ามาในสายตาเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยา เมื่อยามที่เขาเห็นก็ยื่นมือใหญ่ขนดกของเขาออกไปคว้าศรสีน้ำเงินเข้มที่รวดเร็ว จากนั้นบดขยี้ลูกศรในทันที
วรยุทธมันห่างกันช่วงใหญ่ ผู้คนทั้งหมดที่เผชิญหน้ากับเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาไม่สามารถทำอะไรเขาได้ มีเพียงแค่ซูเฟยหยิ่งคนเดียวเท่านั้นที่สามารถทำอันตรายเขาได้
สายตาเย็นชาของเธอเหลือบมองไปยังเย่เฟิง บอกใบ้ให้เขารีบหนีจากไป ภายในเปลวเพลิง เส้นผมสีดำและชุดขาวหิมะก็ปลิวไสวไปตามลม ปลุกเร้าอารมณ์นัก
ขณะที่เย่เฟิงมองไปยังใบหน้างดงามของเธอ เขารู้สึกได้ว่าความร้อนภายในร่างกายเธอมันรุนแรงหนักขึ้นเรื่อยๆ และตอนนี้ยังคงถูกกระตุ้นโดยเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยา มันไม่สามารถที่จะทนทานต่อไปได้
ถ้าหากเย่เฟิงหนีไปในตอนนี้ แน่นอนว่าซูเฟยหยิ่งจะต้องตกไปอยู่ในน้ำมือของเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยา
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเย่เฟิงไม่มีความตั้งใจเช่นนั้น
น่าเสียดายนัก เขายังไม่ได้เปิดเผยไพ่เด็ด ซึ่งเขายังคงมีไม้ตายเป็นกระบวนท่ากระบี่เริงระบำ
นี่เป็นวิชาที่ได้รับจากแหวนกระบี่มังกรโบราณของเซียนกระบี่ครั้งที่สอง ซึ่งคือการผสานเจิ้นชี่ไปยังกระบี่ พลังของมันเมื่อเทียบกับวิชาแรกเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า มันจะต้องหาช่องโหว่ใช้ออก เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าสำนักหั่วอวิ๋นเยาที่ความแข็งแกร่งลดลงมา แน่นอนว่าจะเป็นกลายเป็นหมือนกับฉีหลินจื่อ ถูกสังหารภายในชั่วพริบตา
เขาขบคิดถึงวิธีการ
เย่เฟิงไม่ใช่คนประเภทที่ลังเล เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่เห็นช่องโหว่ ที่จะหาโอกาสอันดีงามใช้ออกได้
……………………………..
แปลโดย คั่นหนังสือ