I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 176 – ความคืบหน้า

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“เจ้าแน่ใจอย่างั้นรึ ว่าจะเข้าร่วมการทดสอบการเป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณชุดคลุมสีขาวน่ะ การเข้าร่วมการทดสอบน่ะมันไม่ง่ายน่ะ มันจะแตกต่างจากการทดสอบที่เจ้าเคยผ่านมาทั้งหมด เจ้าควรจะเตรียมใจเรื่องนี้เอาไว้ให้ดีก่อนเพื่อที่ในเวลาที่เจ้าล้มเหลวและแห้วกลับมาเจ้าจะได้ไม่ต้องเสียใจกลับมันมากนัก”

‘จูเกอ หลิวหยุน’ ออกเสียงเตือน

“ฮ่าฮ่า สบายใจได้ท่านอาจารย์ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังและไม่ทำให้ท่านต้องขายหน้าอย่างแน่นอน.”

‘ชูเฟิง’รู้สึกมีความสุข เนื่องจากเค้าได้รับการช่วยเหลือจาก ‘ต้าน ต้าน’ เค้าจึงรู้สึกผ่อนคลาย และเพื่อหลีกเลี่ยงข้อสงสัยจาก ‘จูเกอ หลิวหยุน’

‘ชูเฟิง’จึงยังไม่ได้ปรับแต่งร้อยลูกแก้วแก่นแท้วิญญาณในทันที เขาได้นอนหลับอยู่ในช่วงต้นและในคืนนั้นเขานอนหลับอย่างสงบมาก เช้าวันรุ่งขึ้นในยามเช้าท้องฟ้าสว่างสดใสเล็กน้อย ‘ชูเฟิง’ก็ได้เดินทางไปยังปราสาทโบราณของ ‘จูเกอ หลิวหยุน’

แต่อย่างไรก็ตามในลานกว้างด้านหน้าของปราสาทโบราณก็เต็มไปด้วยคลื่นของฝูงชนกลุ่มหนึ่งมีทั้งสาวกและเหล่าผู้อาวุโสมารวมตัวกัน หลังจากผ่านฝูงชนชูเฟิงก็พบกับความประหลาดใจเพราะในใจกลางของพื้นที่โล่งนั้น คือ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ และข้างๆของเขายังมีนกอินทรีหัวขาวอยู่อีกถึงสองตัว

นกอินทรีเหล่านั้นมีขนาดใหญ่มาก เมื่อยืนเทียบคนแล้วมันสูงถึง สามเมตร กรงเล็บของมันนั้นก็มีขนาดใหญ่คมราวดั่งใบมีด และในดวงตาของมันนั้นแสดงถึงความภาคภูมิใจและจ้องมองไปที่ฝูงชนโดยไร้ปราศจากความกลัวใดๆทั้งสิ้น

“ว้าวววว นั้นมันนกอินทรีหัวขาวนิ! ชั่งสง่างามสมคำล่ำลือจริงๆ!!!”

ในขณะที่มองไปยังนกอินทรีทั้งสองตัว หญิงสาวเป็นจำนวนมากได้แสดงถึงอาการตื่นเต้นมีความสุขมากออกมาอย่างเปิดเผย

 “ข้าเคยได้ยินมาว่าเจ้านกนี่คือยานพาหนะที่ดีที่สุดเชียวนะ แล้วราคาของมันนั้นก็สูงมากในสำนักมังกรฟ้ามีพวกมันเพียงแค่สองตัวเท่านั้น และมันก็ยังเป็นของจูเกอ หลิวหยุนด้วย”

ได้มีคนบางคนระบุที่มาของมันอย่างชัดเจน

“ใช่มันชั่งดูแข็งแกร่งจริงๆ แค่ข้าได้มองดูมันข้าก็มีความสุขแล้ว ข้าล่ะอยากรู้จริงๆว่าถ้าข้าได้ขี่มันข้าจะรู้สึกดีมากแค่ไหนกันนะ.”

“ส่วนใหญ่แล้วท่านผู้อาวุโส จูเกอ จะไม่ค่อยใช้นกอินทรีหัวขาวสักเท่าไรนะเพราะเค้าเปรียบมันเป็นดั่งสมบัติอันล้ำค่า”

“ใช่ข้าเคยได้ยินมาว่า อาวุโสหวางหนึ่งในหกปราการ มีธุระสำคัญที่จะต้องเดินทางไกลจึงได้มาขอยืม นกอินทรีหัวขาวจากท่านผู้อาวุโส จูเกอ หลิวหยุน แต่ดันกลับถูกปฏิเศษอย่างโหดร้าย”

“ไม่เพียงแค่นั้น ข้ายังได้ยินมาอีกว่า ท่านผู้อาวุโส จูเกอ ได้กล่าวกับ อาวุโสหวาง ว่า แม้แต่ข้ายังไม่อยากที่จะใช้พวกมัน แต่เจ้ากลับจะมายืมใช้พวกมันจากข้า? เหอะ! ฝันไปเถอะ!.”

“ใช่ แต่วันนี้เค้าใช้เจ้านกอินทรีหัวขาวถึงสองตัว ข้าล่ะอยากจะรู้จริงๆว่าพวกเขาจะไปที่สำคัญที่ไหนกันและใครกันนะที่ไปด้วยกันกับเขา”

ทุกคนต่างชี้ไปที่นกอินทรีหัวขาวและคุยเกี่ยวกับมันด้วยความอิจฉา พวกเขาอิจฉา ‘จูเกอ หลิวหยุน’ และคนที่กำลังจะได้ไปกับ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ ไม่น้อยที่จะได้ขึ้นไปขี่บนหลังของเจ้านกอินทรีหัวขาว เพราะพวกเขาทุกคนต้องการรับรู้สึกถึงรสชาติในการทะยานไปสู่ขอบฟ้าและมองลงมายังพื้นเบื่องล่าง

“เฟิงเอ๋อ ได้เวลาออกเดินทางแล้ว”

เพียงในเพลานั้น ‘จูเกอ หลิวหยุน’ ได้โบกมือเรียก’ชูเฟิง’ในฝูงชน

“ครับท่านอาจารย์.”

และภายใต้การมองของฝูงชน ‘ชูเฟิง’ได้เดินไปที่ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ และได้ยื่นมือของเขาไปลูบหัวของนกอินทรีหัวขาว นอกจากนี้เขายังรู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“เห้ยนั้น! ชูเฟิงมันเป็นชูเฟิง! โอ้วววพระเจ้าเขาออกไปกับจูเกอ หลิวหยุน?”

“นี่มันเรื่องจริงใช่ไหมที่เขาจะสามารถเพลิดเพลินไปกับความสบายเช่นนี้! ดูเหมือนว่าผู้อาวุโส จูเกอ หลิวหยุน จะชอบชูเฟิงมากเลยซินะ.”

หลังจากที่ได้เห็นฉากนี้ใบหน้าของทุกคนเริ่มที่จะแสดงความอิจฉาต่อชูเฟิงที่ได้รับความชื่นชอบจาก ‘จูเกอ หลิวหยุน’ แต่เมื่อเทียบกับสาวกชายที่เพียงได้แต่อิจฉา หลายสาวกหญิงมากขึ้นเริ่มที่จะมีความหลงใหลและตกหลุมรักไปกับความเลื่อมล้ำของ’ชูเฟิง’ใน

ขณะนี้ ‘ชูเฟิง’นั้นได้แสดงความสามารถอันเลื่อมล้ำของเขาให้ทุกคนได้ประจักแล้ว ณ เวทีประลองและในตอนนี้เขายังได้เป็นสาวกของ ‘จูเกอ หลิวหยุน’อีก อาจกล่าวได้เลยว่าสถานะของเค้าในตอนนี้ในสำนักมังกรฟ้านั้นไม่ได้ด่อยไปกว่า ‘กง ลู่หยุน’เลย

นอกจากนี้ยังมีข่าวลืออีกว่า’ชูเฟิง’นั้นเป็นอัจฉริยะในด้านพลังวิญญาณอีกด้วยและเพราะ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ ได้เห็นความสามารถนั้นจึงได้ยอมรับ’ชูเฟิง’เป็นศิษย์ของเขา หลังจากที่ได้เห็นกับตาทุกคนก็ได้มอง’ชูเฟิง’สูงมากขึ้น ดังนั้นในตอนนี้’ชูเฟิง’ได้เป็นเป้าหมายสามีในอนาคตของสาวกหญิงนับไม่ถ้วน

ถึงแม้ว่า’ชูเฟิง’จะเป็นชายหนุ่มเยาวชนเพียงอายุ 15 ปีแต่ก็ยังไม่อาจที่จะหยุดยั้งความต้องการทางเพศของสาวกหญิงเหล่านั้นได้

“ชูเฟิง”

เสียงที่คุ้นเคยดังออกมาและ’ซูเหม่ย’ก็เดินออกมาจากฝูงชน และเดินมาในด้านหน้าของ’ชูเฟิง’กล่าวว่า

“เจ้ากำลังจะออกไปไหน?.”

“อืม ข้ากับอาจารย์จะเดินทางไปที่อาณาจักรวิญญาณเพื่อไปเข้าร่วมการทดสอบเป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณเสื้อคลุมสีขาว.”

‘ชูเฟิง’กล่าวกับ’ซูเหม่ย’โดยไม่ปิดบังใดใด

“เมื่อเจ้าจะไปเข้าร่วมการทดสอบเป็นผู้เชื่อมต่อวิญญาณข้าก็ขอความยินดีล่วงหน้าที่เจ้าจะได้เป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณเลยแล้วกัน.”

‘ซูเหม่ย’กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เฮ่ ข้ายังไม่แน่ใจเลยนะว่าจะผ่านการทดสอบ.”

‘ชูเฟิง’ส่ายหัว แต่กลับแสดงรอยยิ้มที่มีความมั่นใจและมุ่งหมั่นออกมา

“เจ้าคิดว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน?”

‘ซูเหม่ย’ถามอีกครั้ง

“อาจหนึ่งเดือน”

‘ชูเฟิง’ตอบ

“นานขนาดนั้นเลย!”

ใบหน้าของ’ซูเหม่ย’เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

“มีอะไรรึป่าว”

‘ชูเฟิง’ถามอย่างสงสัย

“ไม่มีอะไรข้าแค่ดีใจด้วยสำหรับเจ้า.”

‘ซูเหม่ย’ยิ้มหวาน แต่เธอไม่สามารถซ่อนความกังวลในหัวใจของเธอ แต่เธอก็ไม่ได้พูด และได้ปลีกตัวเข้าไปในฝูงชน

“น้องเหม่ย!”

‘ชูเฟิงเริ่ม’ลังเลในขณะที่’ซูเหม่ย’หายไป ‘ชูเฟิง’จึงรีบวิ่งออกมาจากฝูงชนและมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบ’ซูเหม่ย’แล้ว แต่กลับมีร่างกาย ร่างกายหนึ่งปรากฏขึ้นในด้านหน้าของ’ชูเฟิง’ นั้นคือพี่สาวของ’ซูเหม่ย’

‘ซูรู่’หญิงที่สวยที่สุดในสำนักมังกรฟ้าอยู่ห่างจาก’ชูเฟิง’ไม่ไกลมากนักและในตอนนี่เธอก็กำลังมองมาที่’ชูเฟิง’ ‘ซูรู่’เป็นผู้อาวุโสจากฝ่ายในถ้าเกิดไม่มีเรื่องจำเป็นใดใดเธอจะไม่เข้ามาที่ฝ่ายหลัก นอกซะจากอารมความรู้สึกของ’ซูเหม่ย’ก่อนหน้านี้ในจิตใต้สำนึกของ’ชูเฟิง’นั้นสัมผัสได้

“ซูรู่มันเกิดอะไรขึ้น?”

‘ชูเฟิง’ได้นำ’ซูรู่’ไม่สถานที่เงียบสงบกันสองต่อสองและได้เริ่มถาม

“เจ้ารู้ใช่ไหมว่าซูเหม่ยมีคู่หมั่นอยู่แล้ว?”

‘ซูรู่’ไม่ได้ตอบคำของ’ชูเฟิง’ แต่ถามกลับไปแทน

“ชางกวน หย๋า จากตะกูลชางกวนใช่ไหม? เกี่ยวกับมันใช่ไหม?”

‘ชูเฟิง’ถาม

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้มาบ้างแล้วซินะ.”

‘ซูรู่’ยิ้มแปลกมากและพูดอีกครั้ง

“. ชางกวน หย๋า และ ซูเหม่ย จะถูกจัดงานแต่งงานในอีกหนึ่งเดือนนี้”

“ในอีกหนึ่งเดือน? มันเป็นความคิดของพ่อเจ้าใช่ไหม?”

‘ชูเฟิง’เริ่มขมวดคิ้ว หน้าเกลียด

“ไม่นี่ไม่ใช่ความคิดของพ่อข้า เขาไม่มีอำนาจใดใดในเรื่องนี้ อาจกล่าวได้ว่าได้ถูกบังคับให้แต่งงาน.”

‘ซูรู่’กล่าวว่า

“ ถูกบังคับงั้นหรอ ช่างน่าขัน เขาเป็นถึงผู้ปกครองของเมือง วิหคเพลิง แน่นอนว่าเขามีฝีมือที่ไม่ธรรมดาแล้วจะเป็นไปได้ยังไงที่เขาถูกบีบบังคับ “

เห็นได้ชัดว่า ‘ชูเฟิง’ ไม่เชื่อ

“ อย่าได้ประมาทตะกูล ซ่างกวน พวกเขามีความสามารถพอที่จะควบคุมเมือง วิหคเพลิงไว้ได้ นอกจากนี้เรายังรู้มาอีกว่ายังมีอีกหนึ่งกลุ่มที่ทรงอำนาจคอยหนุนหลังเขาอยา เพราะแบบนั้นตะกูลของเราจึงตกที่นั่งลำบาก “

‘ซูรู่’กล่าว

” มันเป็นใคร? “

‘ชูเฟิง’ถาม

” อย่าถามเกี่ยวกับพวกเขา มันไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสามารถจัดการได้ เพราะงั้นฉันจะขอถามเจ้า เจ้าสามารถนำซูเหม่ยหลบหนีไปได้ไหม?”

ดวงตาของ’ซูรู่’จับจ้องไปที่’ชูเฟิง’อย่างมั่นคง

” ข้าทำไม่ได้”

‘ชูเฟิง’ตอบอย่างมั่นคงโดยไม่มีการลังเล

” นี่เจ้า …… “

หลังจากได้ยินคำพูดของ’ชูเฟิง’หน้าอันสวยงามของ’ซูรู่’ขมวดคิ้วด้วยความโกรธทันที ‘ชูเฟิง’ไม่ได้อธิบายอะไรและหันหลังกลับไปที่ลานกว้าง

” ชูเฟิงข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ เจ้าทำให้น้องเหม่ยข้าต้องผิดหวังเพราะเจ้า เจ้ามันคนเลว ชาติชั่ว!!!”

เสียงสาปแช่งของ’ซูรู่’มาจากด้านหลัง ‘ชูเฟิง’ได้หยุดเดินหันหัวไปด้านข้างและกล่าวกับ’ซูรู่’ว่า

“ทำไมข้าต้องนำน้องเหมยหนีไป? ทำใมต้องหลบหนี? ทำไม่พวกเราต้องวิ่งหนี? พวกเราทำอะไรผิดยังงั้นรึ? หรือคิดว่าข้ากำลังกลัว?”

” ….. “

‘ซูรู่’ในตอนนี้ไม่ทราบวิธีการที่จะตอบ’ชูเฟิง’เพราะเค้าไม่รู้ความหมายคำพูดของ’ชูเฟิง’

” ข้าชูเฟิงจะไม่หนีออกจากเรื่องของพวกเจ้า ในอีกหนึ่งเดือนต่อมา ข้าจะไปหาพวกเจ้าที่เทือกเขาวิหคเพลิง ข้าจะไปพบพวกเจ้าที่นั้น”

‘ชูเฟิง’ได้ทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้เบื่องหลังแล้วเดินจากไป พร้อมปล่อยให้นางลองทบทวนคำพูดของเขา

 

ผู้แปล โดย#นายกะทิข้น

สนุกล่ะตอนที่ ชูเฟิง มาบุกงานแต่ง ก็เป็นหลังจากที่ เทพธิดากลับมา พร้อมกับสวมชุดคลุมสี . . . . . . . .

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments