ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘ซูรู่’ ที่กำลังนั่งอยู๋บ่นดาดฟ้าของหอคอยที่สูงที่สุดในเมืองวิหคเพลิง เธอนั่งห้อยขาลงมาจากขอบหอคอยเผยให้เห็น ขาเรียวยาวที่สวยงาม มือเรียวงามทั้ง2ข้างของเธอนั้นวางไว้ข้างๆตัว ‘ซูรู่’ นั้นกำลังนั่งเหม่อมองบนฟ้าไกล : มันให้ ลมที่พัดมานั้นสามารถพัดผมสลวยของเธอได้ พัดชายกระโปรงของเธอได้แต่ไม่สามารถพัดความเศร้าใจบนใบหน้าของเธอได้
“ท่านพี่.”
ทันใดนั้นก็มีเสียงหวานที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลังของ ‘ซู รู่’ นั่นคือเสียงของ’ซู เหม่ย’นั่นเอง
“น้องเหม่ย เจ้ามาที่นี่ทำไมหรือ”
หลังจากที่ได้เห็น’ซูเหม่ย’ ‘ซูรู่’ค่อนข้างประหลาดใจ
“หึ.”
‘ซู เหม่ย’ยิ้ม แต่ไม่ตอบคำถามของ ‘ซู รู่’ เธอเดินไปนั่งข้างๆ’ซูรู่’และกล่าวว่า
” ท่านพี่ ท่านกำลังหวังว่าชูเฟิงคือชายชุดเทาใช่ไหม”
“ทำไมเจ้าถึงถามเช่นนั้นล่ะ”
ภายในดวงตาที่งดงามของ’ซู รู่’ ปรากฏความสงสัยขึ้นแต่ความรู้สึกกลัวในดวงตานั้นกลับมากกว่า
“ข้าก็หวังจะให้เป็นเช่นนั้น ข้าก็หวังให้ชูเฟิงเป็นชายชุดเทาเพราะข้าต้องการจะแต่งงานกับเขา “
‘ซูเหม่ย’ มองไปทางที่มีสำนักมังกรฟ้าตั้งอยู่และใบหน้าของเธอพลันปรากฏรอยยิ้มที่งดงาม
“เด็กโง่ ความปรารถนาของเจ้าจะเป็นจริงเพราะเขาก็ชอบเจ้ามากเช่นกัน ไม่ช้าก็เร็วเจ้ากับเขาก็ต้องแต่งงานกัน. “
‘ซู รู่’ พูดพลางลูบผม’ซูเหม่ย’อย่างอ่อนโยน แสดงให้เห็นว่า ‘ซู รู่’นั้นรักน้องสาวของเธอมาก
“ข้ารู้ ข้ารู้ว่าเขาชอบข้า แล้วท่านล่ะ”
‘ซู เหม่ย’กล่าวถาม
“หมายความว่าอย่างไร”
‘ซู รู่’ ที่ถูก’ซู เหม่ย’ ถามมาแบบกระทันหันจึงทำตัวไม่ถูก
“ท่านพี่ ท่านต้องการแต่งงานกับชูเฟิง ใช่หรือไม่ “
‘ซู เหม่ย’ถามกับด้วยรอยยิ้มที่งดงามไม่เปลี่ยนแปลง
“ข้า … “
ใบหน้าของ’ซู รู่’ มีความซับซ้อนเกิดขึ้น ปากของเธอเปิดเล็กน้อย แต่ไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
จู่ๆ ‘ซู เหม่ย’ ก็กระโจนเข้าไปกอด’ซู รู’ แน่นพร้อมด้วยรอยยิ้มที่งดงามและกล่าวว่า
“ข้าหวังว่าท่านจะแต่งงานกับชูเฟิงนะ เพราะชูเฟิงคือคนที่ข้ารักมากที่สุดและท่านก็เป็นคนที่ข้างรักมากที่สุดเช่นกัน ข้าปราถนาที่จะให้เรา3คนแต่งงานกัน และอยู่ด้วยกันตลอดไป “
คำพูดของ’ซูเหม่ย’นั้นบ่งบอกได้ว่าเธอกำลังมีความสุขมากและแสดงว่าคำพูดนั้นจริงใจและเป็นคำพูดที่กลั่นออกมาจากหัวใจของเธอจริงๆ หลังจากได้ยินคำพูดของน้องสาว ดวงตาของ’ซู รู่’เปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย
หลังจากอัดอั้นความรู้สึกไว้ในใจมานานจนแสดงออกมาบนใบหน้า จานั้นเธอก็กอด’ซู เหม่ย’ แน่น ใบหน้าของทั้ง2แทบจะแนบชิดกัน เธอไม่ได้พูดอะไร แต่ใบหน้าของเธอนั้นมีรอยยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่มีความสุขมาก
หลังจากอาการบาดเจ็บของ ‘หลี่ ชางฉิง’ถูกรักษา ‘ชูเฟิง’ และ ‘ฉี เฟิงหยาง’ก็หายไปทั้งคู่ แต่พวกเขาไม่ได้ไปด้วยกัน ‘หลี่ ชางฉิง’ กลับไปที่สำนักมังกรฟ้า ปัจจุบันนั้นข่าวของ’ชูเฟิง’ที่งานชุมนุมร้อยสำนักได้โด่งดังไปทั่ว
ในฐานะเจ้าสำนักแล้วเขาต้องรีบกลับมาเพิ่อ ควบคุมสถานการณ์ สำหรับ ‘ฉี เฟิงหยาง’ เขาได้ถูกเรียกตัวกลับไปโดยผู้นำของคฤหาสน์องค์ชายกิเลน ข่าวที่เขาเข้าสู่ อาณาจักรสวรรค์วิญญาณได้แพร่ออกไปทั่วอาณาจักรมังกรฟ้า จึงเป็นธรรมดา ที่ผู้นำแห่งคฤหาสน์องค์ชายกิเลนต้องการรู้ความจริง
สำหรับ’ชูเฟิง’นั้นต้องการเดินทางไปเมืองเต่าดำ หลังจากไปพบผู้ก่อตั้งสำนักมังกรฟ้า ในสุสานพันกระดูกแล้ว ‘ชูเฟิง’ตัดสินใจเดินทางทันที ถ้าเขาต้องการที่จะยกระดับอำนาจวิญญาณของเขานั้น เขาต้องทำตามคำแนะนำของ ที่ถูกผนึกอยู่ที่หอคอยอสูรฟ้าและหาสมบัติที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง
อย่างไรก็ตามก่อนที่จะออกจาก อาณาจักรมังกรฟ้า มีสิ่งนึงที่เขาต้องทำคือ ไปสำรวจสุสานจักรพรรดิที่เมืองเต่าดำ
“นั่นอะไร”
‘ชูเฟิง’ที่กำลังนั่งอยู่บนอินทรีหัวขาวที่บินอยุ่เหนือเมืองเต่าดำ เห็นเหตุการณ์บางอย่าง จึงได้เปลี่ยนทิศทางไปตามทางที่เขาสงสัย
“หนีเร็ว ถ้าเราช้าเราตายแน่! “
“อ่า ~~! ข้ายังไม่อยากถูกเจ้านั่นกิน “
ภายในป่านอกเมืองเต่าดำมีเด็กสองคนกำลังวิ่งหนีอยู่ เบื้องหลังของเขาปรากฏเสือดาวที่กำลังไล่ตาม เด็กทั้ง2 ต่างกลัวและวิ่งหนีจนรองเท้านั้นหลุดหายไป เด็กทั้ง2นั้นแข็งแรงมากเพราะดูจากการวิ่งนั้นพวกเขาแทบไม่เหนื่อยเลย แต่ก็มันก็ไร้ประโยชน์เมื่อสิ่งที่ไล่ตามพวกเขาเป็นเสือดาวที่เร็วกว่ามาก เสือดาววิ่งมาอย่างรวดเร็วและได้อ้าปากจะกัด
“กี้ ~~~”
แต่ในเวลานั้น เสียวร้องดังจนแสบแก้วหูได้ดังขึ้นมาจากท้องฟ้า ไม่เพียงดึงดูดความสนใจของเด็กทั้ง2 แต่แม้เสือดาวก็หยุดการกระทำของมันและหันขึ้นไปมอง
* * * * * * * * ฟู่ว
ในขณะนั้นก็เกิดลมพัดอย่างรุนแรงจนทำให้หินถึงกับแตกและปรากฏเป็นอินทรีหัวขาวอยู่บนท้องฟ้า
หลังจากนั้น’ชูเฟิง’ก็กระโดดลงมาจากอินทรีหัวขาวและยืนอยู่หน้าเด็กทั้ง2คน หลังจากที่เห็น’ชูเฟิง’ เด็กทั้ง2คนนั้นก็วิ่งไปหลบอยู่หลัง’ชูเฟิง’และมองไปยังเสือดาวด้วยความกลัวราวกับบอก’ชูเฟิง’ว่าแมวตัวใหญ่นั้นพยายามจะกินพวกเขา
เสือดาวนั้นลังเลเล็กน้อย และสุดท้ายมันก็ก้าวเข้าหา’ชูเฟิง’และต้องการที่จะโจมตีพวกเขา
“ชู่ว!”
แต่ตอนนั้นก็มีเสียงตะโกนดังมาจากทาง’ชูเฟิง’ มันเหมือนเสียงตะโกนธรรมดา แต่ความรู้สึกของเสือดาวนั้นถูกแทงด้วยดาบ
“เมี้ยววว ~~”
เสือดาวร้องด้วยความเจ็บปวดจากนั้นมันหันหัวมันไปรอบๆและกระโดดหนีไปอย่างรวดเร็วและวิ่งเข้าไปในป่า
“เอาล่ะไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วตอนนี้”
‘ชูเฟิง’ยิ้มพลันลูบหัวเด็กชายทั้ง2คน เขารู้สึกว่าเด็กทั้ง2กำลังสั่นกลัวอยู่
*ตุ้บ*
ต่อมาเด็กชายทั้ง2คนก็คุกเข่าและกราบ’ชูเฟิง’และกล่าวว่า
“ท่านผู้ยิ่งใหญ่โปรดรับเราเป็นศิษย์ด้วย ท่านผู้ยิ่งใหญ่โปรดรับเราเป็นศิษย์ด้วย “
“ลุกขึ้นๆ พวกเจ้าไม่ควรคุกเข่าให้กับคนสุ่มสี่สุ่มห้านะ “
ในขณะที่’ชูเฟิง’ต้องเผชิญกับการกระทำของเด็กทั้ง2ทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก จึงเดินไปประคองพวกเขาขึ้นก่อน ‘ชูเฟิง’ เห็นว่าเด็ก2คนนี้อยู่ไม่น่าเกิน 7-8 ขวบ กระดูกของเขายังไม่แข้งพอและพวกเขายังไม่ถึงวัยที่เหมาะแก่การบ่มเพาะ
นอกจากนี้จากเสื้อผ้าของพวกเขาสามารถบอกได้ว่าพวกเขามาจากหมู่บ้านที่มีฐานะยากจน แม้เสื้อผ้าของพวกเขาขาดรุ่งริ่ง แต่ทรงผมของพวกเขานั้นดูดีมาก
คนหนึ่งทรง หางวัว อีกคนหนึ่งทรง กะลา ทำให้พวกเขาดูแกร่งและดูมีราศีและมันถูกตัดอย่างสมบูรณ์แบบมาก ในขณะที่’ชูเฟิง’ต้องเผชิญกับเด็ก2คนนี้ ‘ชูเฟิง’ไม่อาจทิ้งเด็ก 2 คนนี้ได้ เพราะพวกเขายังเป็นแค่เด็ก 2คนธรรมดา ไม่สามารถปกป้องตนเองได้
ดังนั้น’ชูเฟิง’จึงกล่าวถาม
“เจ้าชื่ออะไร?”
” หูจื่อ”
“เจ้าล่ะ?”
“หนิวจื่อ”
“เป็นชื่อที่ดี !!”
แปลโดยคุณ#
ที่มา: