I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Kyuuketsu Hime wa Barairo no Yume o Miru ตอนที่ 7 – การเจรจาครั้งสำคัญ

| Kyuuketsu Hime wa Barairo no Yume o Miru | 826 | 2366 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว

หญิงสาวกึ่งแมวที่เรียกตัวเองว่า ‘มิยะ’ นำทางผมมายังห้องหัวหน้ากิลด์ มันเป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดไว้ ผมเลยรู้สึกทั้งยินดีและเสียใจนิดๆเกี่ยวกับมัน นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น เริ่มจากก่อนหน้านี้ วันที่’เท็นไก’อธิบายถึงความแตกต่างของโลกที่พวกเรากำลังอยู่กับโลกเดิมของพวกเรา

“…ถ้างั้น แล้วยังไงละ?”

ผมหลุดคำถามนั้นออกไป สรุปแล้ว ผมที่คิดว่าน่าจะตายไปแล้วจากอุบัติเหตุ อาจจะเกิดใหม่หรือไม่ก็กลับคืนชีพในร่างตัวละครที่ผมเคยเล่นในเกม! แต่เหนือสิ่งอื่นใดผมอดคิดไม่ได้จริงๆเลยว่าความเป็นจริงทั้งหมดนี้จะเป็นเกม บางทีอาจเป็นเพราะธรรมชาติของโลกนี้จะคล้ายกัน? ที่นี้อาจจะมีธาตุที่มากกว่า?

ด้วยความสัตย์จริง ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถ้อยคำที่ไร้ความระมัดระวังนั้นหลุดออกมาจากปากผม … อา แย่แล้วสิ! อย่างที่คิดเลย! ‘เท็นไก’กับคนอื่นๆต่างแสดงสีหน้าตะลึงออกมาในทันที

ต่อมา ด้วยเหตุผลบางอย่าง ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มกว้าง เขาโค้งตัวลงอย่างรู้สึกประทับใจเป็นอย่างยิ่ง

“แน่นอนขอรับ! นั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องอย่างแน่นอน! ที่ของพวกเราคือข้างกายขององค์หญิงไม่ว่าจะเป็นที่ใดในจักรวาลนี้ เพราะฉะนั้น หน้าที่ของพวกเราคือผู้ช่วยของท่าน พวกเราจะสังหารศัตรูทุกคนที่ขวางทาง! ต้องขออภัยด้วยองค์หญิง ที่ท่านต้องมาเห็นการกระทำที่ไม่น่าดูของกระผม ผู้ไม่สามารถตระหนักถึงตรรกะอันชัดเจนนี้!”

(TL: ดูเหมือนเจ้าตัวจะเข้าใจว่าฮิยูกิไม่แยแสที่ย้ายมาโลกใหม่ เพราะจะสู้แล้วขึ้นปกครองเหมือนที่เคยทำในเกม)

“ด้วยเลือด ด้วยลมหายใจ ด้วยวิญญาณ ทุกสิ่งแด่องค์หญิง! พวกเราจะทุ่มเททุกสิ่งเพื่อฆ่าล้างศัตรูของท่าน!!!”

เหล่าผู้บัญชาการปีศาจร้องตะโกนเป็นเสียงเดียว นะ นี่ มันกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน…?

เพราะไม่รู้ว่าโลกใบนี้เป็นยังไง เลยตัดสินใจที่จะลองบุกเข้าไปดู จะได้รู้ว่าที่นี้มีมนุษย์แบบไหนอาศัยอยู่บนโลก ความคิดแบบนี้อีกแล้ว!! มันคงไม่ดีเท่าไร ถ้าผมไม่เปลี่ยนทิศทางที่พวกเรากำลังจะมุ่งไป หรือถ้าผมไม่ระวังให้มากพอ โลกใบนี้อาจจะถูกทำลายลงไปได้

ซึ่งผมไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้น สวิตซ์ระเบิดที่สามารถทำลายโลกได้อยู่ในมือผมแล้วสิ

“จะว่าไป มันช่างน่าอัศจรรย์จริงๆที่อารยธรรมของโลกนี้อย่างภาษาจะใกล้เคียงกับโลกเดิมของพวกเรา”

“ใช่ เกี่ยวกับเรื่องนั้นพวกเราได้ลองสืบดูแล้ว แต่ช่างน่าเสียดายที่มันไม่ได้คืบหน้าเท่าไร กระผมรู้สึกอับอายเป็นอย่างยิ่งที่ไม่สามารถรายงานสิ่งที่เป็นรูปธรรมแด่ท่านได้ องค์หญิง อย่างไรก็ตามด้วยความสัตย์จริง มันเป็นจุดอ่อนของพวกเราในการแฝงตัวเข้าไปสืบค้นในสังคมมนุษย์ …”

ฟังคำของเขาแล้วผมก็ตระหนักได้ นี้ไงละ! ไม่มีทางที่ผมจะปล่อยโอกาสนี้ไปแน่

“เราเข้าใจแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้น เราจะลงไปตรวจสอบความสามารถของมนุษย์กับปีศาจบนโลกนี้เอง”

“-ห๊ะ?!?”

‘เท็นไก’ ‘มิโคโตะ’ ‘อุสึโฮะ’ ทั้งสามคนที่อยู่ใกล้ฉันถึงกับลืมคำพูดกันไปเลยทีเดียว’ โคคุโย ‘ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงจ้องมาที่ผมเงียบๆ ความไม่เห็นด้วยฉายชัดบนใบหน้าเขา

“อย่าตื่นตกใจไปเลยน่า เรานะเคยอยู่กับพวกมนุษย์มาก่อน เป็นแนวหน้าในการต่อสู้อยู่บ่อยๆด้วย เราไม่เหมาะสมที่จะไปกว่าหรืออย่างไร?”

ด้วยเหตุผลเท่านั้นน่าจะพอที่จะซื้อเวลาสักหน่อย คนอย่างหัวหน้ากิลด์หรือกษัตริย์คงจะไม่ได้เข้าพบได้ง่ายๆ และสำหรับผม จะได้ออกห่างจากปีศาจพวกนี้สักหน่อย รู้สึกเหมือนได้ตะโกนว่า “ยะฮู!” ไม่มีผิด

(อะ อย่างน้อยนี้ก็คือสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมทำได้ละ ผมคิด)

“ตะ แต่…”

“อย่ากังวลไป เราแค่ต้องการยืนยันความสามารถของหัวหน้ากิลด์ไม่ก็กษัตริย์เท่านั้น มันไม่ได้ยากลำบากอะไรนักหรอก… หรือว่าพวกเจ้าไม่เชื่อในความสามารถของเรารึ?”

◆◇◆◇

ด้วยเหตุผลนั้น ผมจึงอยู่ระหว่างทางไปยังห้องหัวหน้ากิลด์ ห้องของคนที่มีอิทธิพลที่สุดในเมืองอาระแห่งนี้ มันช่างง่ายดายอย่างแท้จริง…

『อย่างที่คาดไว้เลย องค์หญิง! เป็นการเข้ามาในที่ซ่อนของศัตรูที่ง่ายดายถึงเพียงนี้ กระผม เท็นไก ไม่อาจหยุดความรู้สึกชื่นชมที่มีต่อท่านได้เลยจริงๆ!』

‘เท็นไก’ที่รวมเป็นหนึ่งเดียวกับผมด้วยการใช้ฟังก์ชั่น pet unison สรรเสริญผมอย่างกึกก้องอยู่ในตัวผม …

เพราะว่าเขาพูดอะไรอย่าง 『ที่ซ่อนของศัตรู』 ผมเลยอดสงสัยไม่ได้ว่าผมควรจะทำยังไงดี ถึงแม้จะไม่ได้พูด ผมก็รู้ดีว่าเขาอยากจะฆ่าทุกคนที่นี้ เขาช่างเป็นคนที่ไม่น่ารักและรักสงบเอาซะละเลย ไม่ว่าใครยกเว้นสหายของเจ้าหญิงคือศัตรู และทางเลือกเพียง 2 ทางสำหรับศัตรูคือ ยอมสยบหรือถูกทำลาย

ผมต้องแก้ไขความเข้าใจของเขาโดยเร็วที่สุด แต่มาคิดดูอีกที มันเป็นเหตุผลในการดำรงอยู่ของสัตว์เลี้ยง บางทีการแก้ไขมันอาจจะเป็นเรื่องบ้าบอคอแตก เหมือนบอกให้สุนัขหยุดทำตัวเหมือนสุนัข

『เท็นไก ตอนนี้เรากำลังตรวจสอบกำลังความสามารถของศัตรูให้มากที่สุด เราหวังว่าเจ้าจะระวังในคำพูดและการกระทำที่หุนหันพลันแล่นมากกว่านี้』

ถึงอย่างนั้น ผมก็เตือนเขาในเรื่องนี้อย่างละม่อม

『ขอรับ! เดิมพันด้วยดวงตาคู่นี้กระผมจะไม่กระทำสิ่งที่เป็นการเสื่อมเสียเกียรติของท่านอย่างแน่นอน!』

…ผมรู้สึกว่าความหมายของคำเตือนของผมจะส่งไปไม่ถึงเขา แต่บางทีผมอาจจะคิดไปเอง ลองคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ ความรับผิดชอบย่อมตกเป็นของผม ดังนั้นการพูดว่า 『อย่าทำตัวหุนหันพลันแล่น』ก็เป็นเรื่องที่รับได้

แต่ถ้าผมพูดว่า 『คุณไม่เป็นมิตรเกินไป』เขาคงไม่คิดว่าผมกำลังหวาดระแวงและตั้งคำถามเกี่ยวกับความยับยั้งชั่งใจของเขาหรอกหรือ? ภายในห้องหัวหน้ากิลด์ มีโต๊ะสำนักงาน ชั้นหนังสือและโซฟารับแขกตั้งอยู่ด้านหน้า ห้องนี้ดูเรียบร้อยอย่างคาดไม่ถึง

เมื่อผมเข้าไป ผมก็สังเกตเห็นที่ทั้งสองข้างของประตูมีคนท่าทางแข็งแรงยืนอยู่ 2 คนดูท่าทางจะเป็นยาม และที่ด้านหน้าของโต๊ะสำนักงานมีใครบางคนที่ให้ความรู้สึกว่า 『เขานี่ละคือหัวหน้ากิลด์』

ชายคนนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและแผลเป็นบนใบหน้าดูแล้วน่าจะประมาณ 50 ปี ส่วนชายหนุ่มร่างบางที่ดูประมาณ 35 ปีที่สวมแว่นดูเหมือนจะเป็นเลขาของเขา

“หัวหน้า ฉันพาแขกมาแล้ว”

พยักหน้าให้กับคำทักทายของ’มิยะ’ ก่อนชายร่างบางจะก้าวออกมาพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้

“ยินดีที่ได้พบนะ คุณหนู ผมชื่อ คอนราด หัวหน้ากิลด์เมือง”

ส่วนตาลุงกล้ามก้าวตามมาทีหลัง

“เช่นกัน ฉันเป็นรองหัวหน้ากิลด์ เกาว์ ”

โอ ฉันคิดว่าเขาเป็นหัวหน้ากิลด์ซะอีก ดูเหมือนฉันจะเผลอแสดงสีหน้าประหลาดใจออกไป รองหัวหน้ากิลด์ เกาว์ จึงปรากฏรอยยิ้มขึ้นเป็นครั้งแรก

“ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผิดแล้วละ คุณหนู กิลด์เป็นงานที่ต้องยุ่งเกี่ยวกับข้าราชการ ดังนั้นคนที่เติบโตมากับภาคสนามแบบฉัน อย่างดีก็เป็นได้แค่รองหัวหน้ากิลด์เท่านั้นละ”

“อา มันก็ไม่เชื่อจริงๆนั่นละ ฉันเองก็เพียงแค่เด็กคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าการดูแลกิลด์จะค่อนข้างหนักเกินไป ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณ เกาว์-ซังแท้ๆที่ทำให้ผมสามารถทำได้นะ”

“ฮะฮะฮะ”

หัวหน้ากิลด์ คอนราด ยิ้มออกมาอย่างเขินๆ ถ้าจะให้พูดความรู้สึกของผมในตอนนี้ละก็ นี้คงเป็นสถานการณ์ที่ผมควรรู้สึกสะเทือนใจ หรือไม่ก็ผมควรจะรู้สึกสงสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เขาไม่สามารถหลอกผมได้หรอก เพราะผมมองดูไปที่หน้าต่างสถานะของเขาแล้ว คอนราดเป็นนักเวทย์เพราะอย่างนั้นเขาถึงอาจจะล้มรองหัวหน้ากิลด์ได้ ถ้าพวกเขาสู้กัน

อา สำหรับตอนนี้ผมรู้สึกสบายจริงๆ หมายถึงตอนนี้ผมนั่งอยู่บนโซฟารับแขก ถัดจากผมไปคือ’โจอี้’ ที่ตอนนี้กำลังเต็มไปด้วยความตึงเครียด ด้านตรงข้ามของโต๊ะกาแฟสีขาวคือที่นั่งของหัวหน้ากิลด์ คอนราด และรองหัวหน้ากิลด์ เกาว์

“อา ต้องขอโทษด้วยสำหรับคำเชิญด่วนแบบนี้ มันมีปัญหาเล็กน้อยเกี่ยวกับ….”

“โจอี้”

“คำขอของโจอี้-คุง”

‘มิยะ-ซัง’รีบพูดแทรกคำพูดของหัวหน้ากิลด์ คอนราด

“ฉันทำอะไรผิดงั้นหรอ?”

แสดงออกไปทื่อ ผมถามคำถามอย่างจงใจให้มองว่าเป็นเพียงเด็กน้อยไร้เดียงสาที่ไม่เคยรู้อะไรเลย

“จากสิ่งที่ได้ยินมา คำขอของเธอคือคุ้มครองจากดินแดนร้างทางทิศตะวันตกของเมืองอาระและพาชมภายในเมืองนี้สินะ…. เธอคิดไว้ว่าจะใช้เวลาเท่าไรสำหรับมัน?”

ตอนนั้นผมเหลือบมองไปด้านหลังของเขาแล้วหยักไหล่เบาๆเป็นคำตอบ

“อืม บางทีอาจจะ 2-3 วัน”

“…ตามที่ว่า รางวัลคือ 10 เหรียญทองกับอีกหนึ่งเหรียญโฮริฮารูกอน?”

“มากเกินไปแล้ว!!”

รองหัวหน้ากิลด์ เกาว์ งึมงำ ถัดจากผม ‘โจอี้’ตัวสั่นเทา

“เจ้าหนุ่ม นายยังอยู่ Rank F สินะ? ตอนนี้รางวัลสำหรับ Rank นี้อยู่ประมาณ… ”

“รางวัลโดยเฉลี่ยคือ 2 เหรียญเงินและรางวัลเพิ่มเติมตกอยู่ประมาณ 80 หรือมากกว่าเหรียญทองแดง”

รองหัวหน้ากิลด์ เกาว์หยักหน้าแข็งๆให้คำอธิบายของ’มิยะ-ซัง’

“นายเข้าใจหรือเปล่า เจ้าหนุ่ม?! นี่มัน 10เหรียญทองกับอีกหนึ่งเหรียญโฮริฮารูกอนเลยนะ! มันเป็นรางวัลแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เงินขนาดเท่านี้สามารถซื้อดินแดนเล็กๆกับข้ารับใช้ได้มากมายเลยนะ!”

“เอ๋?…เห้…???”

สถานการณ์เช่นนี้ ‘โจอี้’ไม่เข้าใจคำอธิบายเลย เขาทำได้เพียงแค่ตะโกนออกมาด้วยเสียงสูงๆ เหงื่อเย็นไหลลงมาจากใบหน้าที่เปลี่ยนสี หัวหน้ากิลด์ คอนราดพูดต่ออย่างใจเย็น

“ไม่ต้องห่วงมันไม่ได้ส่งผลอะไรต่อกิลด์ มันแค่อาจจะถูกจัดเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีและแสดงพวกเราในแง่ไม่ดีต่อสายตาสังคมประมาณว่า กิลด์นักผจญภัยหลอกเอาเงินก้อนโตจากคุณหนูที่ไร้เดียงสา และโดยปราศจากข้อยกเว้น มันจะแพร่กระจายชื่อเสียงที่ไม่ดีออกไป เมื่อถึงตอนนั้นฉันเชื่อว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นักกับโจอี้-คุงเช่นกัน นายคงไม่สามารถอาศัยอยู่กับกิลด์ได้ถ้าทำอะไรที่ส่งผลต่อชื่อเสียงแบบนั้น บางทีอาจจะมีคนเล็งไปที่เงินหรืออย่างแย่ที่สุด อาจรวมถึงชีวิตด้วย”

เมื่อพูดในลักษณะที่’โจอี้’เข้าใจได้ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดเผือกในทันที

“ด้วยเหตุผลนั้น ด้วยความหวังดีของกิลด์ ฉันหวังว่าโจอี้-คุงจะคืนค่าจ้างแก่คุณหนูและให้คุณหนูแจ้งคำขอใหม่ในราคาที่เหมาะสม ถ้าเป็นกรณีนี้คุณหนูก็จะให้เป็นคะแนนกิลด์แก่โจอี้-คุงแทน ถ้าคุณหนูไม่พอใจกับเรื่องนี้ เธอสามารถมาหาเราและตกลงใหม่ได้ ว่าอย่างไรบ้างครับ?”

“-ฉะ ฉันจะคืนมัน! ฉันไม่ได้มีข้อชัดแย้งอะไร…ฮิ-ฮิยูกิ ขอโทษนะ ฉัน…”

ทั้งน้ำตานองหน้า ‘โจอี้’เอาเหรียญออกมาจากกระเป๋าอย่างหวาดกลัวแล้ววางมันลงบนโต๊ะ ทันใดนั้นผมเห็นดวงตาของคอนราดกับเกาว์เปล่งแสงอันตรายหลังจากเห็นประกายของเหรียญเหล่านั้นที่หลอมขึ้นด้วยกระบวนการที่ซับซ้อน

“โจอี้เข้าใจดีแล้ว เธอจะเอาอย่างไรละ คุณหนู?”

คอนราดพูดจาด้วยเสียงสุภาพนุ่มนวลไม่เปลี่ยน คิดถึงจุดประสงค์ของเขาแล้ว ผมก็แสดงท่าทีขบคิดด้วยการวางกำปั้นไว้ใต้คาง

“สำหรับฉัน ฉันได้ให้คำพูดไปแล้ว การรับเงินคืนก็เหมือนเป็นการกลับคำพูด ซึ่งเป็นการทำให้เสื่อมเสียศักดิ์ศรีของฉัน เพราะอย่างนั้นฉันคงต้องปฏิเสธละนะ”

คนเราไม่ควรกลับคำพูด แต่อย่างไรก็ตอนนี้มันก็คือการยกเลิกทางธุรกิจ คิดว่านะ ฟังคำพูดผมแล้ว ‘โจอี้’ก็เปิดปากพะงาบๆ ท่าทางจวนจะเป็นลมเหมือนปลาขาดออกซิเจน ทั้งคอนราดและเกาว์จมสู่ความเงียบ ใบหน้าแข็งทื่อ

“…ไม่มีทางที่เธอจะเปลี่ยนการตัดสินใจเลยหรือ? ฉันเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งกับคนที่ถือสถานะทางสังคมแบบเธอ อย่างน้อยก็เพื่ออนาคตของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ยอมเสียคำพูดนิดหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกนะ”

『กรอด! พวกเจ้ากล้าหมิ่นเกียรติองค์หญิง!』

ผมจำเป็นต้องหยุด’เท็นไก’ที่กำลังจะใช้กำลัง

『การเจรจาเพิ่งเริ่มต้น เราไม่โกรธกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้หรอก เท็นไก』

“หืม ฟังดูแล้ว มันค่อนข้างจะหยาบคายกับฉันที่เป็นหนี้บุญคุณโจอี้ ถ้าหากว่าเขาไม่ได้รับอะไรเลย …”

“ถ้าสำหรับเรื่องนั้น…”

‘มิยะ-ซัง’กล่าวแทรกขึ้นมาหลังจากเงียบฟังการสนทนามาโดยตลอด

“โจอี้-คุงไม่ได้รับการฝึกฝนของนักผจญภัยหรือศาสตร์การใช้ดาบมากนัก ถ้าหากว่าเขาจะได้รับอนุญาตให้เข้าโรงเรียนฝึกฝนนักผจญภัยแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย คิดว่าเป็นยังไง?”

“ห๊ะ? เธอหมายความว่าไงนะ?”

‘เกาว์’นิ่วหน้าด้วยความงุนงง

“นี่คือหนทางที่เป็นไปได้ ในเมื่อคุณหนูท่านนี้ไม่ต้องการรับเงินรางวัลคืน เงินส่วนนั้นก็จะตกอยู่ในการดูแลของธนาคารกิลด์เรา ดอกเบี้ยจากเงินจำนวนนั้นคงจะมากอยู่ไม่ใช่น้อย   เพื่อชดเชยแทนเงินรางวัลตามปกติ โจอี้สามารถเข้ารับการฝึกที่โรงเรียนฝึกฝนของกิลด์จนกว่าเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่ได้ ค่าใช้จ่ายสำหรับการเข้าฝึกนั้นให้ใช้ดอกเบี้ยจากรางวัลที่ว่า เมื่อเวลามาถึงตอนที่เขาโตเป็นผู้ใหญ่- แน่นอนว่าเป็น Rank D พวกเราจะคืนเงินรางวัลแก่คุณหนู ถ้าเป็นเงื่อนไขแบบนี้ เธอจะพอตัดสินใจตกลงไหม?”

“เข้าใจแล้ว นั่นไม่เลวเลย”

สัญญานี้ไม่เลวเลย ‘มิยะ-ซัง’ดูจะเป็นพวกคิดเร็วไม่น้อย ช่างน่าเสียดายจริงๆ หัวหน้ากิลด์ ‘คอนราด’ เองก็แสดงท่าทีเห็นด้วยเช่นกัน

“พวกเราไม่มีปัญหาอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น แล้วโจอี้-คุงคิดว่ายังไง?”

“นะ แน่นอน ฉันตกลง!”

“เจ้าหนุ่ม อย่ายอมแพ้ในการฝึกซะละ! สู้เข้าไว้!”

‘โจอี้’พยักหน้ารั่วๆ รองหัวหน้ากิลด์ ‘เกาว์’ พูดกับเขาพลางยิ้ม

“เอาละ ในที่สุดเรื่องทั้งหมดก็จบลงด้วยดี ฉันรู้สึกโล่งอกจริงๆ อา จริงสิ แล้วนี่คุณหนูมีที่พักแรมสำหรับคืนนี้หรือยังละ?”

“ไม่ ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจ”

“นั่นไม่ค่อยดีเท่าไร มิยะ-ซัง อาจเป็นการรบกวน แต่ช่วยจัดที่พักให้คุณหนูท่านนี้หน่อยแล้ว”

“-เอ๋!?”

“ทำไมถึงร้อง「เอ๋」อย่างนั้นละ? อย่าบอกนะว่านายคิดจะให้คุณหนูท่านนี้ไปพักในโรงแรมถูกๆนะ?”

“เอ๋?! เออ ไม่… นั่นมัน …”

ดูเหมือนว่า’โจอี้’จะวางแผนไว้อย่างนั้นจริงๆ เขาก้มหน้าลงขณะพูดติดอ่าง

“นายจะโง่หรือไง!? นายคิดว่าจะปกป้องเธอได้ยังไงเมื่อนายเป็นคนพาเธอไปอยู่ในที่อันตรายแบบนั้นนะหา?! แน่นอนว่าไม่ได้! นายไม่สามารถทำอะไรแบบนั้นได้หรอก! …อา พอเถอะ ที่พักคืนนี้ของคุณหนูให้มิยะ-ซังจัดการแล้วกัน กลับบ้านแล้วค่อยมาทำขั้นตอนร้องขอใหม่พรุ่งนี้!”

ได้ฟังเสียงรองหัวหน้ากิลด์ ‘เกาว์’สั่งแล้ว ‘โจอี้’ก็ลุกขึ้นและโค้งให้’คอนราด’กับ’เกาว์’ จากนั้นเขาก็หันมาหาผมด้วยสีหน้าเหมือนจะร้องไห้

“แล้วเจอกันนะ ฮิยูกิ ขอโทษสำหรับวันนี้ด้วยนะ พรุ่งนี้ฉันจะมาพาเธอไปดูรอบๆแน่นอน”

“อืม ฉันจะคอยนะ”

‘โจอี้’ก้มหัวของเขาอีกครั้งแล้วเดินจากไปพร้อม’มิยะ-ซัง’ที่ได้รับมอบหมายให้จัดที่พักให้ผม หลังจากทั้งสองคนเดินหายไป รองหัวหน้ากิลด์ ‘เกาว์’ก็ลุกขึ้นเดินไปล๊อคประตูห้องจากด้านใน เอาละ ในที่สุดก็ได้เวลาคุยธุระจริงๆกันซะที …

End Author Notes ‘ฮิยูกิ’รู้สึกว่าการที่เธอเถียงไปเถียงมากับคุณหัวหน้ากิลด์เป็นอะไรที่น่าขำมาก ดังนั้นเธอเลยนั่งขำเกือบตลอดการเจรจา ในตอนแรกฉันวางแผนให้’ฮิยูกิ’อยู่กับ’โจอี้’ที่โรงแรมราคาถูก ที่มีเตียงแค่เตียงเดียว ให้ความต้องการทางเพศสู้กับความอยากอาหาร แต่ฉันก็เปลี่ยนใจ

ที่มา:

ตอนที่แล้ว
comments