ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปและแล้วก็ผ่านไป 3 วันนับตั้งแต่ที่ผมปรับปรุง’เทสเตอร์’เป็น ‘เทสเตอร์’เวอร์ชั่น 2 ผมเองได้ลองผิดลองถูกหลายๆอย่างเกี่ยวกับเวท[สร้างโกเลม] การสร้างโกเลมนั้นสามารถสร้างจากวัตถุดิบหลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็น หิน ไม้ ดิน
แม้ว่าจะเป็นวัตถุดิบที่ไม่ได้อยู่ในรูปของแข็งอย่างน้ำหรือไฟก็ใช้สร้างโกเลมได้ แต่ทว่า เวลาสร้างโกเลมจากไฟ พอสร้างเสร็จมันก็ลุกไหม้และสลายไป ถึงแม้จะลองสร้างจจากไม้ที่ติดไฟ โกเลมที่ได้ก็ค่อยๆไหม้เกรียมกลายเป็นถ่านไป สรุปแล้วความพยายามจะสร้างโกเลมไฟของผมโดยรวมก็ล้มเหลว
ในทางกลับกัน การสร้างโกเลมจากน้ำกลับง่ายอย่างไม่น่าเชื่อ น้ำก่อตัวเป็นรูปร่างตามที่ผมต้องการ แต่มันติดปัญหาอยู่เรื่องนึงก็คือ ไม่ว่าโกเลมน้ำจะสัมผัสโดนอะไร สิ่งนั้นก็จะโดนโกเลมดูดเข้ามาข้างในตัวมัน ผมยังนึกไม่ออกว่าจะเอาความสามารถนี้ไปทำอะไรดี
เท่าที่คิดได้ตอนนี้ก็คงเป็นตู้ปลาเคลื่อนที่ได้ละมั๊งนี่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะล้มเหลวไปทั้งหมดหรอกนะ การทดลองสร้างโกเลมที่สำเร็จอย่างยอดเยี่ยมก็มีอยู่ อย่างแรกคือ โกเลมรูปร่างดาบ จากการใช้วัตถุดิบ [เหล็กก้อน] ราคา 30DP ผมสร้างโกเลมที่มีรูปร่างเป็นดาบ ใช้จินตนาการจากความทรงจำของผม ดาบขึ้นรูปทรงเป็นดาบญี่ปุ่น และปรากฎว่ามันใช้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ
ผมสั่งให้ใบดาบจะสั่นสะเทือนเมื่อผู้ใช้ใส่พลังเวทย์ลงไป ทำให้เพิ่มความสามารถในการตัดวัตถุได้ดีขึ้นมาก ดาบสามารถตัดต้นไม้ใหญ่ๆได้โดยง่ายดาย แบบนี้ก็นับเป็นดาบเวทย์มนต์ในโลกนี้ได้เลยนะเนี่ย
นอกจากนั้นผมยังติดตั้งกลไกให้ใบดาบสามารถยิงออกจากด้ามจับได้เมื่อต้องการอีกด้วย โกเลมอีกรูปแบบที่สำเร็จด้วยดีคือ โกเลมที่เป็นรูปแบบเสื้อผ้า จริงๆมันคือการปรับปรุงโกเลมพาวเวอร์สูทตัวเก่านั่นแหละ รูปแบบเกราะมันเทอะทะและเตะตามากเกินไป ผมจึงปรับเปลี่ยนมาทำเป็นชุดผ้าแทน เจ้าโกเลมชุดผ้านี้จะช่วยเสริมการเคลื่อนไหวของผู้สวมใส่นอกจากนั้นยังติดตั้งถุงมือที่ช่วยเสริมแรงยึดจับของผู้สวมใส่อีกด้วย สะดวกสบายจริงๆเลยนะเวทย์มนต์นี่
นอกจากจะตั้งคำสั่งโกเลมชุดผ้าให้สนับสนุนการเคลื่อนไหวของผู้ใส่แล้ว ที่ยอดไปกว่านั้นคือ มันช่วยให้ผมผู้ซึ่งไม่เคยจับดาบเลยซักครั้ง สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้เหมือนนักดาบมืออาชีพ ด้วยตัวอย่างการเคลื่อนไหวจากกลุ่มอัศวินและพวกโจรที่ต่อสู้กัน พอดีว่าคุณเมนูนี่ มีความสามารถในการบันทึกภาพได้ด้วย
ผมเลยนำภาพที่บันทึกไว้มาให้โกเลมชุดผ้าและโกเลมดาบจดจำ ว่าแต่คุณเมนูนี่ ไฮเทค จริงๆเลยนะครับเนี่ย แต่ว่านะ ถึงแม้ว่าอาวุธและชุดที่ทำโกเลมจะช่วยให้ผมเคลื่อนไหวได้เหมือนนักสู้มืออาชีพ แต่กล้ามเนื้อของผมก็ยังไม่เหมาะจะทำอะไรแบบนี้อยู่ดีนั่นแหละ ผมจะรู้สึกปวดร้าวตามตัวทุกครั้งหลังจากที่เปิดใช้งานการเคลื่อนไหวจากชุดผ้า ผมคิดว่าผมไม่เหมาะกับการใช้กำลังจริงๆนั่นแหละ
ขอหลีกเลี่ยงไม่ใช้งานจะดีที่สุดนะ ถ้าเกิดเหตุการไม่คาดฝัน ผมคิดว่าจะสั่งโกเลมชุดผ้าด้วยคำสั่ง [หนีกลับไปที่ดันเจี้ยน] นี่เป้นการหลบหนีฉุกเฉิน ขอแค่มีชีวิตรอดกลับไป แม้ว่าจะหมดสติหรือเสียแขนขาไป ผมก็ยังสามารถหนีกลับไปนอนหลับได้หละนะ อย่างว่าแหละ ถึงไม่มีแขน หรือขา ผมก็ยังนอนหลับได้นี่นา
“เอาหละ นี่คืออาวุธและชุดเกราะที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้แหละ เป็นยังไงหละ โรคุโกะ?”
“…..นายนี่มันหลุดโลกไปไกลจริงๆด้วยแหละ”
ยัย’โรคุโกะ’ ก็ยังไม่เข้าใจความสุดยอดของโกเลมที่ผมดัดแปลงอยู่ดีแหละนะ ทั้งๆที่เห็นๆกันอยู่ว่ามันสุดยอดขนาดไหน เอ…หรือว่ายัยนี่จะผิดหวังที่ผมทำชุดใส่แค่ผมกับ’มีท’นะ ขอโทษทีนะ ‘โรคุโกะ’ผู้น่าสงสาร เมื่อเธอเป็นแกนกลางดันเจี้ยน มันก็ช่วยไม่ได้หรอกนะ งานนี้เธอต้องอยู่เฝ้าบ้านคนเดียวแหละ
“เอาน่า…ถ้ามีพวกนักผจญภัยมาระหว่างที่พวกผมไม่อยู่ ก็เสกก็อบลินมาให้พวกนั่นฆ่าเล่นซัก 4-5 ตัวก็แล้วกัน”
ผมสวมใส่โกเลมชุดผ้าและโกเลมดาบ ‘มีท’ก็เหมือนกัน แต่ว่าสำหรับเธอแล้ว เป็นโกเลมมีดแทนที่จะเป็นดาบขนาดที่ผู้ใหญ่ถือกัน และก็เพื่อความปลอดภัยผมสั่งให้เธอห้ามโจมตีผมเด็ดขาด เอาหละ เท่านี้พวกเราก็พร้อมจะออกเดินทางกันแล้วสินะ
เนื่องจาก ‘มีท’จดจำตัวอักษรได้พอสมควรแล้ว ผมให้รางวัลเธอด้วยแฮมเบอร์เกอร์ และแน่นอน ตอนนี้’โรคุโกะ’ก็กำลังสวาปามขนมปังเมล่อนอย่างเอาเป็นเอาตาย ให้ตายเถอะ ไม่ต้องรีบกินขนาดนั้นก็ได้ ไม่มีใครมาแย่งเธอหรอกน่า
“อ๊ะ…จะว่าไป เฮ้ โรคุโกะ มานา กับพลังเวทย์ มันต่างกันยังไงหรอ?”
จู่ๆผมก็นึกถึงคำถามนี้ขึ้นมาได้ ตอนที่ผมเติมพลังเวทย์ให้กับหินเวทมนต์ พอมันชาร์จเต็มมันขึ้นว่ามานาเต็มแล้ว ถ้างั้นพลังเวทย์กับมานามันเหมือนกันหรือป่าวนะ แล้วทำไมถึงใช้คำเรียกต่างกันหละ?
“อืมมม…คร่าวๆก็ พลังเวทย์ มันอยู่ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตอะนะ ในขณะที่มานา คือพลังเวทย์ที่ล่องลอยอยู่ในธรรมชาติ เอาเป็นว่ามันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ”
อย่าอธิบายแบบมักง่ายยังงั้นซิเฟร้ย ยัยนี่
“นะ….นายท่านคะ พลังเวทของแต่ละคน จะมีคลื่นที่ความถี่ต่างกันนิดหน่อย ในขณะที่มานาที่อยู่ภายนอกร่างกายของสิ่งมีชีวิตหนะ จะเหมือนๆกันค่ะ ว่ากันว่าคลื่นความถี่ของพลังเวทจะไม่มีวันซ้ำกันเลยในแต่ละคน”
“เอ๋…คล้ายๆกกับลายนิ้วมือสินะ น่าจะอะไรประมาณนั้นหละมั้ง คงเพราะแบบนี้ละมั๊ง พวกเวทพันธสัญญาเลยแยกได้ว่าใครเป็นคนทำเอาไว้”
“เอิ่มมม…จะว่าไป นายท่านคะ นายท่านจะไม่ทำพันธสัญญาทาสหน่อยหรือคะ?”
“หืมมมม….?”
เธอพูดเรื่องอะไรกันเนี่ย?
ดูเหมือนว่าผมจะต้องทำอะไรที่คล้ายๆกับลงทะเบียนความเป็นเจ้าของด้วยพลังเวทของผมสินะ คงจะช่วยไม่ได้สินะ ถ้าผมทำพันธสัญญาไว้ คนอื่นจะได้มาแย่งความเป็นเจ้าของไม่ได้ เอาหละงั้นก็ทำๆหน่อยละกัน มีทจะได้ไม่โดนใครที่ไหนขโมยไป จะว่าไป ยัยนี่เคยทำพันธสัญญากับหัวหน้าโจรมาก่อนไม่ใช่หรือไง หรือว่าการที่หมอนั่นตายลงไป จะทำให้มีทกลายเป็นทาสไร้เจ้าของยังงั้นหรือ
“….นี่…ปลอกคอนั่นถอดได้ไหม?”
“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ ถ้าถอดก็ตาย”
ปลอกคอทาสนั้นเป็นอุปกรณ์เวทย์มนต์ราคาถูก สร้างมาให้สวมใส่ที่คอของทาส ดูเหมือนว่าจะลงเวทเอาไว้ว่า ถ้าถอดปลอกคอนี้ออกหลังจากที่ทำพันธสัญญาแล้ว เวทย์ในปลอกคอจะสังหารผู้ที่ถอดปลอกคอนั้นออก น่ากลัว!! เวทย์มนต์จะน่ากลัวเกินไปแล้ว
นอกจากนั้น ถ้าทาสที่สวมปลอกคอทำร้ายเจ้านาย ปลอกคอจะรัดแน่นจนทาสนั้นๆยืนไม่ไหวเลยแหละ ปลอกคอเองยังบีบรัดตามความต้องการของเจ้าของได้ด้วย
“เอาหละ ถ้างั้นมาทำพันธสัญญากันเลยละกัน”
“ค่ะ รบกวนนายท่านช่วยจ่ายพลังเวทย์ใส่เข้าไปในหินที่ติดอยู่กับปลอกคอด้วยค่ะ แล้วก็…เพื่อเป็นการเช็คว่าสัญญาเสร็จสมบูรณ์ไหม รบกวนช่วยลองสั่งให้ปลอกคอรัดดูซักนิดนะคะ”
ใส่พลังเวทย์เข้าไปเพื่อทำสัญญาความเป็นเจ้าของสินะ อืม…ผมรู้สึกเหมือมผมกับมีทจะเชื่อมต่อกันด้วยอะไรบางอย่างแฮะ เอาหละขั้นต่อไป ผมลองจินตนาการว่าปลอกคอที่มีทสวมใส่มัดรัดแน่นขึ้นนิดหน่อย
“อุ๊ก!!….อ๊อกกก!!!”
“เหวอ!! เดี๋ยวๆๆ พอแล้วๆ หยุดรัดเดี๋ยวนี้นะ!!”
ผมเห็นปลอกคอที่คอเธอรัดจมหายเข้าไปในเนื้อเลยทีเดียว นี่มันนิดหน่อยตรงไหนกันเนี่ย น่าสยดสยองจริงๆ…ไอ้พวกที่ใช้คำสั่งนี้เพียงเพื่อเรียกทาสให้มาหานี่จะโหดเกินไปหน่อยแล้ว
“ปะ…เป็นอะไรหรือป่าว”
“อุ๊บ…แฮ่ๆ ขะ..ขอบคุณมากๆเลยค่ะ นายท่าน…”
‘มีท’ตอบกลับมาทั้งๆที่น้ำตาไหล แก้มแดงแจ๋ จากการขาดอากาศ แล้วก็ไอโขลกๆไปอีกซักพัก ผมรู้สึกผิดจริงๆนะเนี่ย
“ตอนนี้ ข้าน้อยก็เป็นทาสของนายท่านโดยสมบูรณ์แล้วนะคะ”
‘มีท’ยิ้มอยากมีความสุข เดี๋ยวนะ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมเห็นเธอยิ้มนะเนี่ย ว่าแต่ทำไมถึงพึ่งจะมายิ้มตอนนี้หละเนี่ย?
ที่มา: