ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“จำไว้นะ โรคุโกะ ถ้ามีนักผจญภัยมาหละก็ เสกก็อบลินแค่ 5 ตัวเท่านั้นนะ ห้ามมากกว่านั้นเด็ดขาด และก็เธอมีโควต้า สั่งขนมปังเมลอนแค่ 2 อันต่อวันนะ เข้าใจไหม?”
“ขะ…เข้าใจแล้ว เคมะเองก็ระวังตัวด้วยหละ”
หลังจากฝากฝังกันเรียบร้อย พวกผมก็ออกเดินทางกัน
จะว่าไป นี่เป็นครั้งเลยเลยนะที่ผมจะออกจากห้องควบคุม เมื่อตอนที่กู้ซากของ’เทสเตอร์’ ผมก็ใช้ให้มีทเป็นคนไปเก็บกู้ซากมาแทน ข้างนอกนั่นจะมีอะไรที่เป็นพิษกับมนุษย์จากต่างโลกอย่างผมไหมนะ ไอของมานาที่กระจายตัวอยู่ในอากาศจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของมนุษย์ที่มาจากต่างโลกอย่างผมหรือป่าวเนี่ย
“นะ..นายท่าน จะไปกันหรือยังคะ?”
“อะ…อืม…ไปสิ เราจะไปกันตอนนี้หละ ดังนั้น…”
“งั้นนายก็รีบไปได้แล้วเคมะ!!”
“ผะ…ผมหนะ…ไม่ได้กลัวหรอกนะ กะอีแค่ออกไปข้างนอกเท่านั้นเอง มะ…ไม่ต้องให้ใครมาดันหลังหรอก”
“ดันหลังหรอ? เข้าใจละ เอ้า!!!”
“เดี๋ยวๆๆๆๆ อย่านะ!! เหวออออ!!”
เนื่องจากถูก’โรคุโกะ’ผลัก ผมก็เลยกระเด็นออกมาจากห้องควบคุม รู้สึกตัวอีกที ผมก็โผล่ออกมาที่ห้องแกนกลางดันเจี้ยนแล้ว
“อะ…..โอเค…ดูเหมือนจะไม่มีอะไรผิดปกตินะ เฮ้อออ ทำผมตกใจแทบแย่เลยนะเนี่ย”
ผมเดินตามทางเดินในดันเจี้ยนไปเรื่อยๆจนมาหยุดที่ปากทางออกจากดันเจี้ยนไปสู่โลกภายนอก
“นะ…นายท่าน…เป็นอะไรไหมคะ?”
“อ่า…ผมไม่เป็นไรหรอก ขอบใจมากนะ”
“ถ้างั้นเราไปกันได้หรือยังคะ นายท่าน ทำไมถึงมาหยุดนิ่งอยู่ปากทางออกถ้ำตั้งนานแล้วหละคะ?”
เดี๋ยวก่อนนะ มาลองคิดให้รอบคอบก่อน การที่ดันเจี้ยนมาสเตอร์ออกจากดันเจี้ยนไปแบบนี้จะไม่เป็นไรจริงๆหรอ ผมควรจะคิดให้รอบด้านกว่านี้ดีไหมนะ จะออกไปทั้งอย่างนี้จะไม่เป็นไรจริงๆนะหรือ
“เอ้า!! ฮึบ!!”
“เดี๋ยวก่อน!! นี่เธอผลักผมยังงั้นหรอ?”
“ใช่ค่ะ ดิฉันผลักเองค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่ผมเริ่มออกเดินไปสู่โลกภายนอก แม้จะฝืนแต่ก็เป็นการก้าวเดินด้วยขาของผมเอง ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากที่ออกมานอกดันเจี้ยนแล้วก็ไม่มีอะไรที่ผิดปกติเกิดขึ้นเลย หลังจากที่ยืนนิ่งอยู่ด้านนอกดันเจี้ยน มีทก็กระตุกชายเสื้อผมเบาๆ
“นายท่านค่ะ?”
“อ่า..เอ้อ..โทดทีนะ เราไปกันเถอะ!!”
ผมเดินมาจนถึงทางเข้าป่า แล้วผมก็หยุดลงอีกครั้งนึง
“….ดิฉันดันหลังให้อีกหน่อยดีไหมคะ?”
“อา…รบกวนหน่อยละกันนะ…”
ตอนนี้ตัวผมเองได้ออกจากสถานที่อันแสนจะปลอดภัยมาเสี่ยงอันตรายที่โลกภายนอก มันดูไม่สมกับเป็นตัวผมเลยนะ ถ้าจะให้พูดถึงสาเหตุที่ต้องทำแบบนี้หละก็ การเก็บข้อมูลข่าวสารยังไงหละ
การนั่งอยู่เฉยๆโดยไม่ได้รับรู้เรื่องราวต่างๆเลยมันไม่สามารถนับได้ว่าปลอดภัยหรอกนะ ความสงบสุขที่เห็นอยู่ตรงหน้ามันอาจจะอยู่แค่ชั่วคราว ผมไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะมีเหตุไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้นอีก ดังนั้นการเดินทางมายังหมู่บ้านของมนุษย์จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น
ให้ตายเถอะ ผมไม่อยากจะออกแรงทำงานเลยจริงๆนะเนี่ย แน่นอน ต้องขอบคุณโกเลมชุดผ้านะ ขนาดผมที่ไม่เคยจะออกกำลังกายอะไร ยังสามาถวิ่งลงจากเขาได้อย่างรวดเร็ว เพียงแค่ผมสั่งไปว่า [วิ่งไปยังเมืองใกล้ๆนี้] เท่านั้นเอง
แต่ทว่า พวกเราต้องหยุดพักกันบ่อยครั้ง เนื่องจากว่าผมเหนื่อยแทบขาดใจเลยหละ ว่าแต่ทำไมมีทดูไม่เป็นอะไรเลยนะ ให้ตายสิ พรุ่งนี้ตอนตื่นขึ้นมาผมไม่อยากจะคิดเลยว่าผมจะปวดเนื้อเมื่อยตัวขนาดไหน
หลังจากที่เราหยุดพักกันครั้งแรก ผมให้มีทรับสัมภาระทั้งหมดของผมไปถือ ความจริงแล้วนั่งก็เป็นความต้องการของเธออยู่แล้วหละ เธอคงอยากจะทำหน้าที่ของทาสที่ดีอะไรแบบนั้นหละมั๊ง แต่ถึงแม้มีทจะรับสัมภาระทั้งหมดไป ผมก็ยังสู้เธอไม่ไหวอยู่ดี กลายเป็นผมที่เป็นคนหมดแรงขอหยุดพักก่อนทุกครั้งไป
สุดท้ายเราก็มาถึงหมู่บ้านหลังจากผ่านไปได้ครึ่งวัน นับว่าโชคดีที่เรามาถึงโดยไม่เจออันตรายใดๆเลย ระหว่างทางที่วิ่งมานี่ ปรากฏว่าพลังเวทของโกเลมชุดผ้าได้หมดลงระหว่างทาง ผมจึงต้องเติมพลังเวทใส่หินเวทย์มนต์ ท่าทางจะไม่ควรงกกับเรื่องแบบนี้จริงๆแฮะ เอาไว้กลับไปผมจะไปหาหินเวทย์มนต์ที่ดีกว่าและจุพลังเวทย์ได้มากกว่าละกันนะ
ที่มา: