I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Legend of the Great Saint ตอนที่ 6 บุญคุณ

| Legend of the Great Saint | 634 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

จะมีคนที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะมีพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์กี่คนทีวัวสีเขียวที่เห็น? หนึ่งในทั้งหมดที่ได้รับของขวัญหายากและโชคเช่นเดียวกับพระเจ้า แต่ผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงก็มีเพียงไม่กี่คน ในทางตรงกันข้ามหลายคนที่ปิดบังความสามารถตั้งแต่แรกและคนที่ไม่มีใครรู้จักได้กลายเป็นคนที่มีชื่อเสียงใต้สววรค์แห่งนี้และเดินไปยังจุดที่สูงสุดของการบ่มเพาะ

 

 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาได้สังเกตเห็นด้วยตาที่เย็นชาของเขา บนสนามไม่ว่าจะลำบากอะไรก็ตาม หลี่ ฉิงชานและได้พูดเฉพาะช่วงเวลาที่สำคัญเท่านั้น เหมือนช่างฝีมือที่ค่อยๆตีวัสดุในมือของเขาให้เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์

 

 

สิ่งที่คนปกติธรรมดาๆกังวงคือโชคชะตาของตนเองว่าจะเป็นอย่างไรและสิ่งรอบข้างต่างๆ แต่ลืมไปว่าสิ่งสำคัญมันอยู่ที่การแก้ไขปัญหา ถ้าหากไม่มีเจตจำนงอันแน่วแน่แล้วแม้เจ้าจะมีโอกาสกว้างใหญ่เท่าผืนฟ้า เจ้าก็ไม่สามารถไขว้ขว้ามันมาได้

 

 

ดังนั้นเมื่อผู้หนึ่งตั้งใจสอนอีกผู้หนึ่งมุ่งมันที่จะฝึกฝน โดยธรรมชาติแล้วการฝึกฝนนั้นพัฒนาจะรวดเร็วราวกับพระเจ้า  ภายในเวลาน้อยกว่าสองชั่วโมง หลี่ ชิงฉาน สามารถเข้าใจ หมัดปีศาจวัวได้ทั้งหมด

 

 

แม้ว่า หมัดปีศาจวัว จะเป็นวิชาเกี่ยวกับหมัด แต่มันกลับสามารถช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ กระดูก เส้นเอ็น ผิวหนัง และความแข็งแกร่งทั้งหมดของร่างกายของเขาด้วย ขณะที่เขาสามารถเรียนรู้พื้นฐาณของวิชาหมัดไปด้วยได้  วิชานี้แบ่งออกเป็นเพียงสามรูปแบบ ปีศาจวัวขวิด ปีศาจวัวกระทืบ ปีศาจวัวผกผัน ทั้งสามเป็นขั้นพื้นฐาณง่ายๆของวิชานี้ แค่ถ้าหากพวกเขาสามารถเข้าใจส่วนทีซับซ้อนได้ทั้งหมด มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างมากมายเหลือคณานับ

 

 

แน่นอนว่าความเข้าใจและการปฏิบัตินั้นต่างกัน เพื่อที่จะได้ความสำเร็จอย่างใดอย่างหนึ่ง ต้องฝึกฝนเป็นเดือนจนอาจเป็นปี หลี่ ฉิงชาน มีประสบการณ์ที่สามารถฝึกทักษะเหนือธรรมชาติพวกนี้ได้อย่างง่ายดายคือ ต้องไม่ขาด ไวน์และเนื้อ

 

 

ไม่ว่าจะเป็นทักษะเหนือธรรมชาติหรือทักษะเต๋า พวกเขาไม่สามารถสร้างบางสิ่งขึ้นในร่างของบางคนที่ไม่มีสิ่งใดเลยได้หากไม่เปลี่ยนมนุษย์ธรรมดาให้มีความแข็งแกร่งดั่งวัวเสียก่อน ถึงแม้พลังของทักษะจะแข็งแกร่งทะลุฟ้าทะลวงสวรรค์ มันก็ยังมิอาจหลีกเลี่ยงที่ต้อง เรียนรู้การรวบแก่นแท้แห่งสุริยาและจันทรา ดูดซึมซับพลังปราณของสวรรค์และปฐพีเข้าไปในจิตวิญญาณ เมื่อสามารถบรรลุเต๋าได้ถึงจุดที่ลึกซึ้ง ผู้นั้นก็สามารถดื่มกินลม,น้ำค้าง และใช้ปราณจิตวิญญาณของสวรรค์และปฐพีแทนอาหารมนุษย์ธรรมดา

 

 

หลี่ ฉิงชานมีเพียงร่างมนุษย์ธรรมดาที่ ใช้ค้นหาพลังปราณจิตวิญญาณของสวรรค์และปฐพี เขาไม่มียาอมตะหรือยาวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงต้องเริ่มต้นด้วยสิ่งที่ธรรมดาที่สุดเพื่อเติมเต็มและเปลี่ยนแปลงแก่นพลังปราณของเขา

 

 

ร่างกายของหลี่ฉิง ชานยังไม่แข็งแกร่งพอแม้ว่าเขาจะกินเนื้อมาหลายวันแล้วก็ตาม เขาแทบจะไม่สามารถฝึกซ้อมทักษะทั้งสามรูปแบบนี้ได้ภายใจครั้งเดียว เหงือเขาไหลหยดเช่นฝนพร้อมกับหอบหายใจอย่างหนักและท้องเขาก็เริ่มร้องขึ้นมา

 

 

เขาหิวโหยเป็นอย่างมากเมื่อถึงเวลาเที่ยงวัน เขารู้สึกราวกับอดอาหารมามากกว่าสามวันและสามารถกัดกินเนื้อหมู่ป่าทั้งหมดได้ภายในลมหายใจเดียว เขาไม่คาดคิดว่าเขากินเยอะกว่าครั้งแรกแรกเสียอีก

 

 

เขาไม่สามารถนอนผ่อนคลายพักผ่อนได้ในยามบ่ายเช่นกัน เขาต้องนั่งสมาธิพยายามสัมผัสถึงพลังปราณที่หมุนเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขา เมื่อร่างกายเขาฟื้นฟูกลับมาบ้างแล้ว เขาก็จะฝึกฝนทักษะหมัดเหล็กปีศาจวัวของเขาต่อไป ฝึกซ้ำไปซ้ำมาจนค่ำ หลี่ ฉิงฉานไม่มีแรงเหลือแม้แต่จะสามารถขยับนิ้วได้อีก

 

 

มีเงาร่างสามร่างปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าบ้านเขา หลี่ ฉิงชานได้ยินเสียงการเคลื่อนไหว เมื่อเขาเห็นทั้งสาม เขาจำได้ว่าคนเหล่านี้เป็นคนในกลุ่มของไอ้หัวล้านหลิว เขาคิดว่าคนกลุ่มนี้ต้องการมาแก้แค้นเขาเพื่อพี่ใหญ่ของพวกมัน และนั่นก็ทำให้เขาแอบร้องไห้อย่างขมขื่นอยู่ภายในหัวใจ  เพราะในเวลานี้ร่างกายของเขาไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว เขาจะไปสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของพวกมันได้อย่างไร แม้ในสภาวะปกติเขาไม่สามารถต่อสู้กับชายสามคนได้พร้อมกัน

 

 

แต่เขาคาดคิดว่าเมื่อทั้งสามคนเห็นเขา พวกมันแสดงท่าทีเหมือนหนูเห็นแมว พวกมันก้มหัวลงกราบและตะโกนออกมาว่า”ไว้ชีวิตพวกเราด้วย”

 

 

หลี่ ฉิงชานตัวแข็งค้างครู่นึงและถามว่า”ทำไมพวกเจ้ามาที่นี้?”

 

 

เขาจะรู้ได้อย่างไร เมื่อทั้งสามคนคนเห็นศพของหัวล้านหลิว พวกเขาก็กลัวหลี่ ฉิงชานอย่างมาก พวกมันคิดว่าหลี่ฉิงจะไม่ปล่อยพวกที่เหลือไว้ หลังจากฆ่าพี่ใหญ่พวกมัน ดังนั้นในคืนนี้พวกมันจึงรวมรวบความกล้าเดินมายังหน้าบ้านของเขา เพื่อจะอธิบายว่า พวกมันทำตามคำสั่งของหัวล้านหลิวและเบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมดคือพ่อบ้านหลิว

 

 

หลี่ฉิง ชานกล่าว”เจ้าไม่จำเป็นต้องพูดอะไรข้ารับรู้เรื่องเหล่านี้หมดแล้ว”ในคืนนั้นเขาได้ยินทั้งหมดอย่างชัดเจนแล้ว แต่เขาก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเขาเป็นคนฆ่าหัวล้านหลิว

 

 

หัวใจของสามสั่นเทาอย่างรุนแรงเมื่อนึกได้ว่าปีศาจตนนี้อยู่นอกบ้านและแอบฟังพวกเขาพูดคุยกันในค่ำคืนนั้น

 

 

หลี่ ฉิงชานเข้าใจว่าเหตุใดคนทั้งสามจึงเกรงกลัวเขา เขาจำได้ว่าในโลกใบเดิมของเขา เมื่อเกิดการฆาตกรรมขึ้นในเมืองเล็กๆ ข่าวลือจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว  จนกระทั่งม่มีใครกล้าก้าวออกไปข้างนอกในยามค่ำคืน ในตอนนี้เขาได้มีกลิ่นอายของฆาตกรแล้ว

 

 

พวกอันธพาลข้างหน้าเขาอยู่กันคนละระดับกับเขา พวกมันเป็นได้เพียงโจรขโมยไก่ได้ขณะที่เผชิญหน้า”อสูรร้ายกาจที่ผู้ยิ่งใหญ่” พวกเขาได้แต่น้อมศรีษะเพื่อรับฟังเท่านั้น ใบหน้าของหลี่ ฉิงชานไม่เปลี่ยนแต่ภายในใจของเขารู้สึกประหลาด เขาแม้แต่ไม่ได้ประสบความสำเร็จในการฝึกฝนทักษะเหนือธรรมชาติใด ๆ แค่มีการเปลี่ยนแปลงความคิดเล็กน้อยเพียงเท่านี้สถานภาพในหมู่บ้านของเขากลับเปลี่ยนแปลงไปเรียบร้อยแล้ว

 

 

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้แน่นอนเป็นเพราะวัวสีเขียว บางทีนี้อาจนับได้ว่าเป็นการเปลี่ยนจากครั้งยิ่งใหญ่ที่น่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง

 

 

หลี่ ฉิงชานไม่ได้ให้ความสนใจพวกเขาอีก เขากลับมาเริ่มฝึกฝนหมัดปีศาจวัวอีก โดยมีทั้งสามกำลังเฝ้ามองอยู่ เขารู้ดีว่าการอวดเก่งของเขาในตอนนี้เป็นแค่ของปลอม และผลที่ตามมาอาจจะเลวร้ายมากหากทุกคนรู้ว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งจริงๆ

 

 

คนทั้งสามจ้องมองหลี่ฉิงชานอยู่อย่างระมัดระวัง พวกเขาอยู่ในหมู่บ้านมาหลายปีแล้วและไม่เคยได้ยินว่าหลี่ ฉิงชาน เข้าใจทักษะหมัดพวกนี้ ในความมืดมิด การเคลื่อนไหวของหลี่ ฉิงชาน นั้นดูน่ากลัวและเต็มไปด้วยพลัง พวกเขาได้คิดไปถึงสิ่งที่แม่มดกล่าวก่อนหน้านี้ว่าจริงๆแล้ว หลี่ ฉิงชาน อาจถูกครอบงำโดยปีศาจบางตัว

 

สีของท้องฟ้าเริ่มมืดมิดลง พวกเขายิ่งรู้สึกหวาดกลัวจนขาและท้องเป็นตะคริว พวกเขาต้องการที่จะออกไปจากตรงนี้ แต่ก็ไม่สามารถเปิดปากได้เช่นกัน พวกเขากลัวว่า หลี่ฉิง ชานจะกลายร่างเป็นปีศาจและกินพวกเขาลงท้องไปไปในคำเดียว

 

 

เมื่อ หลี่ ฉิงชานเสร็จสิ้นการฝึกฝน เขาสั่งทันที “ตามมา” เขาเดินออกไปนอกประตูโดยไม่แม้แต่มองคนทั้งสาม  ทั้งสามคนได้แต่แต่มองตากันและเดินตามออกไปเท่านั้น

 

 

ตอนนี้ชาวบ้านหลายคนกำลังกินข้าวอยู่หน้าประตูบ้านของพวกเขา บรรดาผู้ที่คุ้นเคยกับ หลี่ ฉิงชาน ได้ทักทายเขาอย่างระมัดระวัง สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยพวกเขาได้รีบกลับเข้าไปในบ้านทันที แม้ว่าเช้าวันนี้พวกเขาจะปกป้องหลี่ ฉิงชาน แต่อย่างไรก็ตามไม่มีผู้ใดที่ไม่เกรงกลัวฆาตกรคนนี้

 

 

โดยปกติพวกสามคนนี้มักจะตามหัวล้านหลิวและทำสิ่งชั่วร้ายในหมู่บ้านปละพวกเขาถูกทุกคนในหมู้บ้านเกลียดแม้กระทั่งหมายังเกลียดพวกมัน พวกมันทั้งสามได้ทิ้งความกลัวไปและเริ่มรู้สึกภาคภูมิใจแทน ถ้าหากได้ติดตามหลี่ เอ๋อร์  พวกเขาอาจจะดูสูงส่งได้ยิ่งกว่าอดีตที่ผ่านมาเสียอีก

 

 

ผู้อาวุโสของหมู่บ้านต่างถอนหายใจ แม้ว่าเจ้าหัวล้านหลิวที่ชั่วร้ายจะถูกลงโทษแล้ว แต่พวกเขากลัวว่ามันจะให้กำเนิดหายนะที่น่ากลัวกว่ามาแทน อย่างน้อยหัวล้านหลิว ก็ไม่เคยเอาชีวิตของใครด้วยมือของเขาเองมาก่อน และผู้คนก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวเขามากนัก

 

 

หลี่ ฉิงชาน มีความรู้สึกแปลกใหม่ในขณะที่เขาเดินบนถนนที่เขาเคยเดินนับครั้งไม่ถ้วน เขาตระหนักได้แล้วว่าเขาไม่ใช่ หลี่ ฉิงชาน ในอดีตอีกต่อไปแล้ว เขาเดินตรงไปยังบ้านที่เขาเคยใช้ชีวิตอยู่พร้อมกับความรู้สึกอันหลากหลาย

 

 

ภายในบ้าน คู่สามีภรรยาหลี่ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว พี่หลี่กำหมัดของเขาแน่นส่วนภรรยาเขาได้หยิบมีดทำครัวมา สิ่งที่พวกอันธพาลกลัวพวกเขาจะไม่กลัวได้อย่างไร แต่พวกเขาไม่ได้เป็นเช่นเดียวกับพวกอันธพาลพวกเขามีเงินจากการขายที่ดินในมือของพวกเขาและถ้าพวกเขาให้กับ หลี่ ฉิงชาน พวกเขาก็จะไม่มีสิทธิ์ในเงินนั้นอีกต่อไป

 

ดังนั้นในวันนี้พวกเขาไม่ได้ออกไปทำงานในฟาร์มใด ๆทั้งสิ้นได้แต่อยู่ในบ้านเพื่อจะได้คิดว่าจะทำอย่างไรดี สุดท้ายแล้วพี่หลี่ก็ตัดสินใจได้ในที่สุด”เขามีแค่คนเดียว ทำไมต้องเกรงกลัวหนักหนา หากเขากล้ามาที่นี่ ข้าจะกำจัดปีศาจที่ชั่วร้ายตนนี้ในนามของตระกูลหลี่ด้วยตัวเอง”แต่เพียงไม่นานหลังจากเขากล่าวคำเหล่านี้  เขาก็เห็นหลี่ ฉิงชาน มาหาพวกเขาพร้อมกับพวกอันธพาลทั้งสามและนั้นก็ทำให้พวกเขากลัวจนหัวหดรีบเข้าไปแอบข้างในบ้าน

 

ได้กล่าว “ลากพวกมันออกมาทั้งหมด”

 

ทั้งสามไม่กล้าปฏิเสธ พวกเขามีประสบการณ์มากมายในการข่มขู่ผู้คนธรรมดาหลังจากที่ตะโกนพวกเขาได้พังประตูเขาไปปลดอาวุธคู่สามีภรรยาทันที ทั้งสองยอมจำนนด้วยความหวาดกลัวจนหน้าซีดตัวสั่นอย่างแรงไม่หยุด

 

“น้องสอง เจ้ากำลังทำอะไร”พี่หลี่พยายามที่จะยิ้มออกมา แต่รอยยิ้มนั้นดูน่าเกลียดยิ่งกว่าการร้องไห้

 

หลี่ ฉิงชาน กล่าว”ข้าไม่ได้มาหาเจ้า ” เขาหันไปพูดกับภรรยาพี่หลี่”นังโสเภนี มันไม่สำคัญหากเจ้าดูถูกข้าแต่เมื่อวานนี้เจ้าได้ดูถูกพ่อแม่ข้า วันนี้ข้าจะไม่ปราณีเจ้าแน่นอน”

 

ภรรยาพี่หลี่กลัวจนขาอ่อนแรงเมื่อเขามองไปที่เธอ เธอไม่ได้มีท่าทีอวดดีอย่างที่เคยมีตามปกติอีก”น้องสอง ตอนนั้นข้าพูดไปโดยไม่ทันคิด ข้าได้ดูแลเจ้ามา12ปี พวกเราคือครอบครัวเดียวกันนะ”

 

หลี่ ฉิงชาน ยิ้มอย่างเยือกเย็น”ครอบครัวงั้นรึ มันจะไม่เป็นไรหากเจ้าไม่กล่าวถึง แต่เมื่อพูดมาแล้ว ข้าคงต้องคิดบัญชีกับเจ้า ก่อนอื่น เราพูดถึงคำพูดเหม็นเน่าที่เจ้าพูดออกมาเมื่อวานนี้กันก่อน แล้วจึงมาคิดว่าพวกเราควรจะทำเช่นไรดี?”

 

อันธพาลตัวผอมที่หน้าเหมือนลิงโผล่ออกมาและพูดว่า”พี่ใหญ่ไม่จำเป็นต้องทำอะไร น้องชายผู้นี้รู้ว่าควรจะทำเช่นไร”จากนั้นชายตัวเล็กก็พับแขนเสื้อขึ้น และตบไปที่หน้าภรรยาหลี่

 

หลี่ ฉิงชาน จับมือของชายตัวเล็กหน้าเหมือนลิงไว้ เมื่อคิดไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องโถงบรรพบุรุษเขาไม่ชอบวิธีไหนเท่าวิธีนี้อีกแล้ว แต่อย่างไรก็ตามเมื่อหลี่ ฉิงชานเห็นคนทั้งสองตัวสั่นด้วยความกลัว เขารู้สึกไม่สามารถทนได้ เพราะเขายังจดจำได้ดีว่าทั้งคู่เป็นพี่ชายและพี่สะใภ้ของเขา แล้วเขาจะทนเห็นทั้งสองคนได้รับความอับอายจากน้ำมือของอันธพาลพวกนี้ได้อย่างไร?

 

แต่เขาก็ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้เช่นกัน ในขณะนั้นประกายแสงจึงได้สว่างวาบขึ้นในใจของเขาก่อนที่เขาจะกล่าวออกมาว่า”อย่าบอกข้าว่าคนที่เธอถูกดูหมิ่นไม่ใช่พ่อแม่ของเจ้า เจ้าไม่รู้เหรอว่าควรจะสอนวินัยเธอยังไง?”

 

พี่หลี่ได้ตระหนักถึงความจริง”ได้ ได้ ได้” ราวกับว่าเขากลัวหลี่ ฉิงชานจะไม่พอใจ เขาใส่แรงของเขาไปเต็มที่และตบหน้าภรรยาเขาอย่างรุณแรงหลายครั้ง ใบหน้าของเธอเริ่มบวมปูดขึ้นมาทันที

 

หลี่ ฉิงชาน รู้สึกว่าพี่ชายของเขาดูพอใจมากในขณะที่เขาตบหน้าภรรยาตัวเอง เขาสงสัยว่าพี่เขาคงไม่ได้ใช้โอกาสนี้เพื่อแก้แค้นหรอกนะ อย่างไรก็ตามความโกรธแค้นที่อยู่ในใจของเขาก็หายไปมากกว่าครึ่ง จากนั้นเขาก็ถามว่า “เจ้ากล่าวว่าพวกเราเป็นคนในครอบครัวงั้นให้ข้าถามเจ้าหน่อยเงินที่ได้จากการขายที่ดินอยู่ที่ใด?”

 

ใบหน้าของภรรยาหลี่ที่โดนตบจนบวมแดงกลายเป็นสีขาวซีดทันที พี่ชายของเขาก็ปิดปากเงียบ เงินนี้เป็นเนื้อและเลือดของพวกเขา เมื่อเทียบกับเงินนี้พวกเขายอมโดนทำร้ายดีกว่า

 

ภรรยาของหลี่ก็กลายเป็นขาดสติราวกับคนบ้าและเริ่มตะโกนออกมา”ฆ่าข้าเถอะ ฆ่าพี่สะใภ้ของเจ้าเถอะ แล้วมาดูกันว่าจะไม่มีเจ้าหน้าที่มาจับตัวเจ้าไป เรื่องเงินอะไรนั้นข้าไม่รู้ หากเจ้าต้องการมัน เจ้าก็จงไปขอมันจากพ่อบ้านหลิว”

 

หลี่ ฉิงชาน กล่าวด้วยความเคร่งขรึม”เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าจริงหรือ?” นี้ไม่ใช่คำโกหก กลิ่นอายฆ่าฟันของฆาตกรเมื่อคืนวานได้ย้อนกลับคืนรอบๆเขามาอีกครั้ง เด็กหนุ่มที่ร่างกายโชกไปด้วยเลือดที่สะท้อนขึ้นมาจากผิวน้ำและมองไปรอบๆด้วยดวงตาอันแหลมคม ได้ผสานกายเข้ากับเขาไว้แล้ว

 

อันธพาลทั้งสามรู้สึกตัวแข็งทิ่อและไม่สามารถต้านทานกลิ่นอายอันน่าสยดสยองนั้น ได้ถอยหลังออกมาพร้อมกับมองไปที่หลี่ ฉิงชาน อย่างหวาดกลัว

 

คู่สามีภรรยาจากที่หวาดกลัวอยู่แล้วได้หวาดกลัวยิ่งขึ้นไปอีก ไม่แม้แต่กล้าที่ก้าวเดิน พวกเขาไม่เคยพบเห็นคนที่น่ากลัวเช่นนี้มาก่อนในชีวิต มันยากกที่จะจินตนาการได้ว่านี่เป็นชายคนเดียวกันกับคนที่เขาเลี้ยงมามากกว่า12ปี

 

ในท้ายที่สุดแล้วถุงเงินก็ถูกนำมาวางไว้บนมือของหลี่ฉิงซาน หลี่ ฉิงชานวัดน้ำหนักของมันพร้อมกับมองไปที่หน้าคู่สามีภรรยาที่ซีดเป็นไก่ต้มแล้วถอนหายใจ ด้วยเงินเล็กน้อยเพียงเท่านี้ พวกเขาถึงกับต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ หลี่ ฉิงชานหันหลังกลับละเดินออกไปอย่างรวดเร็ว  ในขณะที่อันธพาลทั้งสามตามหลังเขาไป

 

ในขณะที่คู่สามีภรรยากำลังกอดกันร้องไห้ก็มีเสียงดัง ตุ้บ นั้นคือถุงเงินอันนั้นมันได้ลอยมาตกตรงหน้าทั้งคู่

 

เสียงของหลี่ ฉิงชานนั้นมากจากที่ที่ไกลมากๆ”ถึงแม้พวกเจ้าจะปฏิบัติกับข้าเยี่ยงคนรับใช้และโยนคำดูถูกเหยียดหยามมาที่ข้า ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นข้าก็ขอบคุณที่เลี้ยงข้ามาจนทำให้ข้ามีชีวิตมาจนถึงวันนี้ ตั้งแต่บัดนี้ บุญคุณและความแค้นถือว่าไม่มีต่อกันและจะไม่มีความสัมพันธ์ใดระหว่างพวกเราอีกต่อไป”


 

มีอะไรติชมได้นะครับบ

ติดต่อข่าวสารได้ที่เพจ  ครับ^^

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments