I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Legend of the Great Saint ตอนที่ 19 ไสหัวไป!!

| Legend of the Great Saint | 605 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

เวลาผ่านไปโดยไม่บอกไม่กล่าว..…และแล้วฤดูใบไม้ร่วงก็มาถึง ใบเมเปิ้ลในภูเขาค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีแดงพร้อมกับข้าวในทุ่งนาก็เป็นสีทองสดใสเต็มไปหมด

 

 

เกวียนวัวค่อยวิ่งๆไปตามถนนเส้นเล็กๆระหว่างทุ่งนาอย่างช้าๆ ไม่มีใครที่จะขี่เกวียนที่ลากด้วยวัวสีเขียว มีหนังสัตว์หนาๆได้ถูกพับกองไว้ในเกวียนและมีชายหนุ่มคาบฝางข้าวไว้ในปากนอนหนุนแขนตนเองอย่างสบายอยู่ด้านบนกองหนังในขณะที่เขาจ้องมองท้องฟ้าไปด้วย ที่เอวข้างหนึ่งมีมีดสั้นเหน็บไว้ขณะที่มีแผ่นไม้แขวนไว้อีกข้างหนึ่ง มันไม่ใช่ใครนอกจาก หลี่ฉิงชาน

 

 

เขามีเงินมากกว่าพันตำลึงและเดินทางไปยังเมืองซีดาร์ ซึ่งห่างออกไปกว่าสิบไมล์ ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่ห่างไกลแม้จะต้องการใช้เงินมันก็ไม่ง่ายนัก

 

 

ถ้าเขาต้องการซื้อสิ่งของบางอย่างเขาสามารถไปที่เมืองใหญ่หรือเมืองหลวงเท่านั้นแม้ว่าจะมีสินค้าหลากหลายประเภทในเมืองอาทิตย์อัสดงแต่มันก็ไกลเกินไปและไม่น่าจะมีสินค้าราคาถูก

 

 

ในทุกเดือนในเวลาที่กำหนด เมืองจะรวบรวมจัดตลาดขนาดใหญ่ และในเวลานั้นชาวบ้านในพื้นที่รอบ ๆ ต่างก็จะเดินทางไปที่เมืองและไปที่ตลาดเพื่อทำการซื้อหรือขายของทุกประเภท มันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะซื้อโสม นอกจากนี้เขาได้รวบรวมหนังสัตว์และยังสามารถใช้โอกาสนี้กำจัดพวกมันไป *(น่าจะขายนะครับอิ้งแปลมางี้)

 

 

ในตอนแรกหลี่ฉิงชานไม่ต้องการให้วัวสีเขียวลากเกวียนแต่วัวสีเขียวไม่ได้สนใจเรื่องเล็กน้อยที่จะทำทำหน้าที่เหมือนวัวปกติทั่วไป

 

 

เมือเขามาถึงเมือง แสงแดดพึ่งสาดส่องลงมาเหนือเมืองซีดาร์ มีม้าและรถม้าที่เข้าออกไม่มีที่สิ้นสุดในเมืองเล็ก ๆนี้ ในขณะที่คนต่างพลุ่งพล่านไปมา

 

 

พ่อค้าเล็กๆต่างก็แนะนำสิ้นค้าของตนด้วยเสียงตะโกนที่ดังไปมา มันเป็นฉากที่ดูมีชีวิตชีวามาก

 

 

หลี่ฉิงชาน เจอที่ว่าง จากนั้นเขาเอากระสอบที่เตรียมไว้ล่วงหน้าไปวางไว้และนำหนังสัตว์วางทับลงไปทันที  เขาไม่ได้ตะโกนตามคนอื่น เขาเพียงแต่นั่งสมาธิเฉยๆอยู่ด้านข้างเท่านั้น เขาจะไม่ยอมเสียเวลาอันมีค่าในการบ่มเพาะของเขาไปแม้แต่นิดเดียว

 

 

ภายในร่างกายของเขา เศษเสี้ยวการไหลของปราณที่อ่อนแอกลายเป็นแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อย เขาเป็นเหมือนเด็กที่ต้องการเล่นเท่านั้นและยังคงกระตุ้นให้เศษเสี้ยวของปราณที่แท้จริงไหลไปทั่วร่างของเขา

 

 

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ขยับ แต่การทำเช่นนี้นั้นต้องใช้ความพยายามอย่างมากทั้งจิตใจและจิตวิญาณ หลี่ฉิงชาน มักจะเปิดตามาตอบลูกค้าที่มาสอบถามเกี่ยวกับราคาตลอด

 

 

เขามีเงินมากมายแล้วเขาไม่ได้นับว่าหนังสัตว์นี้มันจะทำให้เขาร่ำรวย เขาเพียงต้องการขายพวกมันทั้งหมดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้และไปซื้อโสมให้ได้มากๆดังนั้นราคาที่เขาตั้งไว้นั้นถูกมากๆ

 

 

แม้ว่าเขาจะปฏิเสธที่จะต่อรองราคาใดๆทั้งสิ้นธุรกิจของเขายังคงเดินต่อไปได้อย่างยอดเยี่ยม

 

 

ฤดูหนาวกำลังมาถึง หลี่ฉิงชาน คือคนที่เคยต้องทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเหน็บของลมหนาวไปถึงกระดูก จะมีใครในกลุ่มชนพื้นเมืองที่ไม่ต้องการทำเสื้อหนังหรือรองเท้าหนังและในเวลาไม่นานนักก็มีกลุ่มใหญ่ต่างมารวมตัวอยู่รอบตัวเขา

 

 

“หลีกไป….หลีกไป!!!”คนหนุ่มสาวหลายคนที่ถือธนูและมีดล่าสัตว์แยกกลุ่มคนตรงหน้าออกจากทางของตนด้วยใบหน้าที่ดุร้าย พวกเขาทั้งหมดมายืนรอบร้านเล็กๆ เงาของพวกเขาตกลงไปบนร่างของหลี่ฉิงชาน

 

 

หลี่ฉิงชานลืมตาขึ้นมา”อะไรนำพวกเจ้าทั้งหมดมา?”วิสัยทัศน์ในปัจจุบันของเขาแตกต่างจากในอดีตมากเพียงเขามองผ่านๆเขาก็รู้ได้ว่าคนเหล่านั้นไม่ได้เป็นเรื่องดีที่เลยที่จะไปยุ่งด้วย

 

 

แม้ว่าพวกเขาจะอายุน้อยและไม่มีการแสดงออกถึงความป่าเถื่อนหรือโหดร้ายแต่ร่างกายของพวกเขามีกลิ่นอายฆ่าฟันที่รุณแรงไม่น้อย ถ้าหากว่าหัวล้านหลิวถูกเรียกว่าเป็นหมาหัวล้านที่เอาแต่เห่ามั่วๆไปวันๆเช่นนั้นพวกเขาตรงหน้าก็คงเป็นสุนัขเฝ้ายามภูเขาที่ดุร้าย ไม่ว่าจะใครก็ตามในพวกเขาเพียงคนเดียวก็สามารถจะจัดการกับหัวล้านหลิวได้แล้ว

 

 

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเฉียบแหลม ตัวเตี้ยและมีเคราเล็กน้อยถาม”เจ้าไปเอาหนังพวกนี้มากจากไหน?”

 

 

สหายของเขาลองเอามือไปลูบคล่ำหนังหนังสัตว์และพบว่ามันเป็นเหมือนดังข่าวลือที่มีคนพูดถึง หนังสัตว์เหล่านี้ไม่มีร่องลอยลูกธนูหรือร่องรอยของความเสียหายใด ๆ ทั้งหมดนี่มันมีคุณภาพชั้นเยี่ยมแต่ราคาที่ขายนั้นถูกมากถูกยิ่งกว่าหนังสัตว์ธรรมดาๆเสียอีก

 

 

“ซื้อมันหากเจ้าต้องการ ไสหัวหัวไปหากเจ้าจะไม่ต้องการ อย่ามาบังแสงอาทิตย์” หลี่ฉิงชาน ขี้เกียจเกินไปที่จะกล่าวคำขอโทษและอธิบายให้คนแปลกหน้าฟัง จากนั้นเขาก็หลับตาลงเพื่อบ่มเพาะอีกครั้ง

 

 

ผู้คนรอบต่างถอยออกไปเล็กน้อยไม่ได้ไปไหนไกล กลับกันกับมีคนมามุงดูรอบๆมายิ่งขึ้น การสนทนาต่างๆของพวกเขาทั้งหมดได้ยินไปถึงหูของเขา

 

 

“ไม่ใช่ว่านั้นคือนักล่าจากหมู่บ้านม้าหรอกรึ?”

 

“เขากล้าที่จะเมินคนที่มาจากหมู่บ้านม้าจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าเขามีสักกี่ชีวิต?”

 

 

“หมู่บ้านม้า!”หลี่ฉิงชานหัวใจกระตุก แม้ว่าเขาจะโง่เขลาและไม่มีประสบการณ์  ชื่อสถานที่นี้ยังคงเหมือนฟ้าร้องในหูของเขานี่เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่อยู่รอบๆเมืองซีดาร์ หมู่บ้านตั้งอยู่ข้างในภูเขาลึกนับหมื่น ทุกคนที่อยู่ที่นั้นต่างเป็นเกิดมานักล่าทั้งหมดหลายชั่วอายุคนแล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจพวกเขาถึงมีอารมณ์เช่นนี้กับพวกผู้คนในเมือง

 

 

เมื่อเทียบกับหมู่บ้านวัวหมอบที่เน้นการทำเกษตรเป็นหลัก หมู่บ้านม้ามีกิจวัตรประจำวันที่ว่องและดุเดือดกว่า พวกเขาต่อสู้กับสัตว์ป่าในภูเขาทุกวันและพวกเขาก็ได้ฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น พวกเขาไม่เคยที่จะปฏิบัติตามกฎของเมืองอาทิตย์อัสดงไม่แม้แต่เรื่องที่จะต้องจ่ายภาษี

 

 

บางคนในเมืองอาทิตย์อัสดงเคยพยายามส่งกองกำลังทหารไปที่นั้นเพื่อนเป็นการลงโทษ แต่ก่อนที่จะถึงหมู่บ้านพวกเขาก็พบกับกับดักและลูกศรที่ซ่อนอยู่มากมาย พวกเขาต่างเข้าไปที่หมู่บ้านด้วยความยากลำบากสูญเสียกำลังพลและม้าไปมากกว่าครึ่ง กำลังใจของกองทัพได้หดหายและแม่ทัพเพียงนำกองกำลังของตนไปถึงได้แค่หน้าหมู่บ้านเท่านั้นจากนั้นก็เดินทางกลับมายังเมืองอาทิตย์อัสดงอย่างผิดหวัง

 

 

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาคนต่างก็ลืมชื่อหมู่บ้านเดิมและเปลี่ยนเป็น’หมู่บ้านม้า‘

 

 

เห็นได้ชัดว่ามีความภาคภูมิใจและความเย่อหยิ่งในหมู่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านที่สามารถทำให้กองทัพลงโทษหองทัพใหญ่ถอยกลับมาพร้อมกับหางของมันที่หดลงมาอยู่หว่างขา  สำหรับชายหนุ่มที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ที่จะต่อสู้กับพวกเขาก็เหมือนกับเอาไข่ไปทุบหิน

 

 

ชายตัวเตี้ยเต็มไปด้วยความโกรธกล่าว”เจ้าไม่สามารถขายหนังสัตว์ของเจ้าได้ที่นี้!!”

 

 

“ขึ้นอยู่กับอะไร?” หลี่ฉิงชานลืมตาขึ้นมาพร้อมกับมีประกายแสงผ่านดวงตาเขา

 

 

 

ทำให้ชายหนุ่มคิดถึงสายตาสีแดงที่เร่าร้อนของสัตว์ป่าในภูเขา  มองผ่านออกมาจากในความมืดและทันใดนั้นเขากลายเป็นระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่เขาไม่ได้กลัว พวกเขาเป็นนักล่าที่ต่อสู้และฆ่าสัตว์ป่ามา จากนั้นมองไปที่เสื้อผ้าของหลี่ฉิงชานที่ดูราวกับชาวนาพวกเขาก็ยิ่งหยิ่งยะโสขึ้น”ขึ้นอยู่กับบิดาเจ้าตรงนี้ไง!ไม่ให้เจ้าขาย!!”หลังจากที่กล่าว เขายื่นมือมาเพื่อจะทำลายร้านของหลี่ฉิงชาน

 

 

ในตอนนั้นมีมือที่หยาบใหญ่คว้ามือของชายหนุ่มคนนี้ไว้ราวแน่นกับใสกุญแจมือเหล็ก และมีความเจ็บปวดขึ้นมาทันที

 

 

ชายหนุ่มประหลาดใจ”ชายคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ” แต่ปฏิกิริยาของเขาไม่ช้าอย่างน้อยหมัดซ้ายของเขาก็พุ่งตรงไปยังหน้าของหลี่ฉิงชานทันที

 

 

สหายของเขาไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขาเพียงยืนแค่มองอยู่ด้านข้างราวกับว่ามั่นใจมาก บางคนมีรอยยิ้มที่หยิ่งยะโส

 

นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฉิงชาน ได้ต่อสู้แบบหมัดต่อหมัดกับคนอื่นจริงๆ หัวล้านหลิวที่มึนเมาไม่มีแม้แต่แรงที่จะตอบโต้เขาในขณะที่แม่มดก็ถูกกัดแทะโดยหมอกควันของตนเอง

 

 

หมัดแรกแหวกอากาศเข้ามาอย่างรวดเร็วไม่มีเวลาให้คิดแม้แต่น้อย แต่การฝึกฝนหลายวันที่ผ่านมาก็แสดงผล จืตใต้สำนึกของหลี่ฉิงชานได้เบี่ยงหัวหลบเองตามสัญชาตญาณ เขาหลบหมัดนั้นได้ จากนั้นเท้าขวาของเขากระทืบลงบนพื้นและร่างของเขาโน้มตัวไปข้างหน้า

 

 

กระดูกสันหลังเป็นศูนย์กลางกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายสั่นสะเทือนและรวมเป็นหนึ่ง เขาพุ่งออกไปใช้ไหล่กระแทกชายหนุ่งคนนั้นกระเด็นออกไปด้วยแรงอันทรงพลัง

 

 

การใช้ไหล่กระแทกเป็นทักษะธรรมดามากในหมู่ทักษะหมัดต่างๆ หมัดวัวอสูร ยังมีการเคลื่อนไหวผสมผสานสามรูปแบบหลักในเวลาเดียวกัน

 

 

วัวอสูรย่ำปฐพี วางส้นเท้าลงให้หนักแน่นและรวบรวมความแข็งแกร่งจากพื้นดิน หนังวัวอสูรผันแปรทำให้ร่างกายทนทานเหนียวแน่นมั่นคงไม่สั่นคลอน เขาวัวอสูรขวิด ใช่ร่างกายราวกับเขาของวัวและขวิดออกไป ทั้งสามท่าจัดการได้อย่างราบรื่น

 

 

วัวสีเขียวที่หมอบอยู่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

 

 

ชายหนุ่มหันมาพร้อมกับสีหน้าที่ซีดเซียวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันเหมือนกับวัวที่บ้าคลั่งพุ่งเข้ามาขวิดเขาและเขามีอาการเจ็บปวดตรงหน้าอก เขากระเด็นลอยออกมาจากแรงกระแทกนั้นไปตกลงตรงกลางฝูงชน มันรู้สึกราวกับว่ากล้ามเนื้อและกระดูกของเขาทั่วทั้งร่างกำลังแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ

 

เสียงการพูดคุยของผู้คนรอบๆพลันเงียบสงัดลงทันที สหายชายหนุ่มคนนี้ก็ต่างจ้องมองด้วยความว่างเปล่า จากนั้นก็พุ่งออกไปด้วยความเกรี้ยวกราด

 

ท่าทีของหลี่ฉิงชาน พลันกลายเป็นตื่นตัวระมัดระวังยิ่งขึ้น หนึ่งต่อหนึ่ง กับหนึ่งต่อหลายคนทั้งสองนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เว้นแต่ว่าถ้าความแตกต่างในความแข็งแกร่งแตกต่างกันมากเกินไป มันเป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับฝูงชนที่มีเพียงหมัดเปล่าๆ หากเมื่อวัวที่แข็งแกร่งถูกล้อมด้วยกลุ่มหมาล่าเนื้อที่เต็มไปด้วยความอาฆาต มันอาจจบลงด้วยเนื้อของมันถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ จนกระทั่งมันตาย

 

 

ในช่วงอันตรายที่สำคัญนี้ เศษเสี้ยวของปราณที่แท้จริงมีชีวิตชีวาขึ้นมันไหลขึ้นไปสู่ดวงตาของ หลี่ฉิงชาน ที่กำลังพยายามเพ่งความสนใจทั้งหมด เขารู้สึกเพียงว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขามันช้าลง…ช้าลงถึงจุดที่แม้แต่การแสดงออกความโกรธบนใบหน้าของพวกเขาก็แตกต่างกันไปอย่างชัดเจน

 


 

เดียวโดนสกิลพระเอกตบเรียบ!!

 

ฝากไลคเพจด้วยนะค้าบบบ ครับ^^

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments