ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลังจากที่ประตูปิดสนิท ‘ชูเฟิง’สัมผัสได้ที่ ออร่า ภายในถ้ำ หลังจากที่เค้ายืนยันได้ว่า’ซูเหม่ย’และคนอื่นๆ ไปแล้ว เขาเดินไปยังขอบหน้าผา โดยไร้ซึ่งความกังวัลใดๆ
‘ชูเฟิง’ เริ่มไต่ลงมาตามเถาวัล เข้าสู่ทะเลหมอก เมื่อเค้าเข้ามาภายในหมอก ‘ชูเฟิง’ ก็เริ่มส่งพลังวิญญาณของเขาตรวจสอบภายใน เขาพบกับควันประหลาดที่รบกวนพลังวิญญาณของเขา ทำให้’ชูเฟิง’ไม่สามารถตรวจสอบอะไรได้เลย
หลังจากเค้าเข้ามาภายในหมอก ม่านหมอกสีขาวทึบ บดบังวิสัยทัศน์ของเขา ด้วยความเเข็งแกร่งของ’ชูเฟิง’ในขณะนี้ เค้ามองเห็นแค่ในระยะไม่ถึง 10 เมตร
แต่ด้วยความโชคดีในการมองเห็นของเค้าเพียงแค่นั้นก็สามารถทำให้’ชูเฟิง’ลงมาถึงด้านล่างได้ แม้ว่ามันยังคงมีหมอกหลงเหลือก็ตาม ความรู้สึกที่ได้เหยียบพื้นด้านล่างก็สามารถทำให้เค้าคลายความกังวล
*หวือ หวือ *
‘ชูเฟิง’ หยิบเอาเข็มทิศโลกวิญญาณออกมา หลังจากนั้นเค้าก็กระจายพลังวิญญาณออกไป ในช่วงเวลานั้นวิสัยทัศน์ของเค้าก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าจากตอนแรก พลังที่เจาะผ่านหมอกมันสว่างราวกับว่าเค้าเห็นทุกสิ่งซึ่งเหมาะสำหรับการค้นหาสมบัติจริงๆ
” แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีอันตรายซ่อนอยู่ทุกที่ภายในนี้”
ด้วยพลังของเข็มทิศโลกวิญญาณ ‘ชูเฟิง’สามารถใช้มันไปยังที่เค้าต้องการได้ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกถึงกับอันตรายที่ซ่อนอยู่ที่นี่ หากเค้าประมาทเพียงนิดเดียว ก็อาจนำไปสู่ความตาย
โชคดีจริงๆที่เค้ามีเข็มทิศโลกวิญญาณไว้ในมือ ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเพียงคนเดียว ที่เข้ามายังสถานที่แบบนี้ หากโชคไม่ดีต่อให้มีสัก เก้า ชีวิตก็คงไม่พอ
เค้าถือเข็มทิศโลกวิญญาณ เดินเข้าไปยังภายในหมอกหนา ‘ชูเฟิง’ รู้สึกเหมือนกับว่าเค้าได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรมาจากที่ไกลๆ นอกจากเสียงเหล่านั้นยังมีเสียงตะโกนแปลกๆดังแซกอยู่ เหมือนกับเสียงร้องของมนุษย์ขอความช่วยเหลือ
ลึกลงไป เสียงนั้นดังขึ้นเลื่อยๆ จนเค้าพบกับ ศพของคนที่เคยถูกกินในขณะนั้น
เขาสัมผัสได้ถึงอ่อร่ามหาศาลและเสียงคำรามของสัตว์อสูร บริเวณใกล้เคียง มันดูแข็งแกร่งกว่ามนุษย์ผู้เชี่ยวชาญระดับ 9 ห้วงวิญญาณซะอีก
” สัตว์อสูร ระดับ 9 ห้วงวิญญาณ “
จากข่าวลือ สัตว์อสูรระดับ 9 นั้น แข็งแกร่งกว่าสัตว์ร้ายซะอีก คนที่จะเอาชนะมันได้จะได้รับพลังวิญญาณมหาศาล
สัตว์อสูรนั้นเลือกศัตรูที่จะจู่โจม เพราะพลังวิญญาณโดยธรรมชาติของพวกมันจะมีมากกว่าสัตว์ร้าย อีกทั้งยังมีความคิดความอ่าน แต่ที่สำคัญก็คือ มันมีขนาดที่ใหญ่กว่าปกติ และด้วยความแข็งแกร่งโดยกำเนิด เหมือนกับว่ามีสายเลือดของสัตว์ชั้นสูง จากข่าวลือสัตว์อสูรมหึมามีความแกร่งเทียบเท่ากับระดับ กำเนิดวิญญาณ
ด้วยความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรมหึมามันสามารถพูดภาษามนุษย์และยังสามารถแปลงกายในรูปร่างของมนุษย์ได้อีกด้วย สัตว์อสูรบางตัวไม่ชอบอาศัยอยู่ในภูเขาหรือในป่า มันจะแปลงกายเข้ามาอาศัยอยู่กับมนุษย์และใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วๆไป พวกมันเหล่านั้นจะถูกเรียกว่า
” ปีศาจ “
สถานที่ที่อันตรายเช่นนี้ ด้วยความสามารถของ ‘จักรพรรดิ์ปราชญ์นภา’ ‘ชูเฟิง’ คิดว่า เค้านำ สัตว์อสูร เหล่านี้มาไว้เพื่อกำจัดผู้บุกรุก สุสานส่วนลึก
หลังจากที่’ชูเฟิง’ค่อยๆเดินไปเลื่อยๆ เป็นเวลา 1 ชั่วยาม หมอกตรงหน้าค่อยๆจางลงไป
” จนในที่สุดเค้าก็เหมือนกับว่าได้พบกับเมฆและดวงตะวัน “
จากนั้นเค้าก็เดินออกมาจากหมอก
” เฮ้ออ . . . . . . . ในที่สุดข้าก็พ้นจากหมอกได้สักที “
ตอนนั้น ‘ชูเฟิง’ได้แต่ถอนหายใจออกมา หมอกภายในถ้ำเหมือนกับอยู่ในนรก ยากที่จะรู้สึกผ่อนคลาย
” บัดซบ!!! สุสานจักรพรรดิปราชญ์นภานี้ทำถึงขนาดนี้เชียว ? “
เค้าก้มหัวลง ดูเหมือนกับว่า ‘ชูเฟิง’รู้สึกท้อแท้และหมดหนทาง ภายในดวงตาของเค้าไม่ได้หวังที่จะพบกับสมบัติแล้วในตอนนี้ เค้ายังต้องเดินลึกเข้าไปภายในถ้ำอีก
เค้ารู้สึกว่าถ้ำมันกว้างและสว่างมากกว่าเดิม เป็นบรรยากาศที่บอกไม่ถูก เมื่อเค้าเดินเข้ามาตามทางได้สักพัก ‘ชูเฟิง’สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่โชยมาเตะจมูก
กลิ่นของมันรุนแรงยิ่งนัก ดังนั้นเค้าจึงส่งพลังวิญญาณเค้าไปตรวจสอบ แต่ไม่พบสิ่งใดๆ ‘ชูเฟิง’จึงใช้เข็มทิศโลกวิญญาณทำนาย แต่มันก็ไม่ได้ทำนายว่ามีอันตราย เค้าจึงเดินไปข้างหน้าอย่างไร้กังวล
ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ๆกลิ่นของมันยิ่งชัดเจน ทำให้คนขี้เล่นเช่นเค้าขำไม่ออก เมื่อ ‘ชูเฟิง’ เข้าไปภายในห้อง เขาต้องตกตะลึง กับฉากด้านหน้า
มีหลายอุโมงค์อยู่ด้านบน ยอดอุโมงค์มีเท่ากับจำนวนของทางขึ้น หมายความว่าที่ผ่านๆมา นั้นเป็นแค่จุดเริ่มต้น เค้ายังคงต้องเลือกเส้นทางภายในนี้ ตราบใดที่ยังอยู่ที่นี้เค้าก็จะไม่มีวันออกไปได้
แต่ภายในอุโมงค์เหล่านั้นเป็นบันไดขึ้นไป เค้าตัดสินใจเลือกตรงกลาง เมื่อขึ้นบันได แต่สุดท้ายก็ไม่พบกับอะไร ดังนั่นเค้าจำเป็นต้องเลือกเส้นทางอื่นๆต่อไป
ที่สำคัญคือภายในห้องนั้น เต็มไปด้วยศพของคนมากมายที่ถูกกิน เห็นได้ชัดว่าคนที่ถูกกินไม่ใช้คนธรรมดาคงจะเป็นผู้เชี่ยวชาญอาณาจักร กำเนิดวิญญาณ จำนวนศพส่วนใหญ่สวมชุดของโรงเรียนพันลม เห็นได้ชัดว่าพวกเค้าเอาชีวิตมาทิ้งเปล่าๆ
ภายในศพเหล่านั้น มีหนึ่งคนที่เป็นคนจากโรงเรียนมังกรฟ้า ด้วยลักษณะการตายที่อนาถดูไม่เหมือนว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างพวกเค้า
กลิ่นคาวเลือดของศพลอยฟุ้ง ‘ชูเฟิง’ แทบไม่อยากจะอยู่ที่นี้ ดังนั้นเค้าจึงใช้เข็มทิศโลกวิญญาณในมือทำนาย ตราบใดที่มันขึ้นมาว่า ปลอดภัย ส่วนใหญ่เค้าจะไม่พบกับอันตราย ดังนั้น ‘ชูเฟิง’ จึงเดินข้ามศพพวกนั้นและเริ่มปีนขึ้นบันได
แต่ ก่อนที่จะถึงยอดบนสุด ‘ชูเฟิง’ ได้ยินเสียง คน สอง คน แต่สิ่งที่เขาพูดกัน’ชูเฟิง’จับใจความไม่ได้ แต่มันทำให้เค้ารู้สึกมีความสุขอย่างมาก
เมื่อขึ้นไปถึงยอด มันมีห้องแปลกๆ เหตุผลที่เขาบอกว่ามันแปลก คงเป็นเพราะโครงสร้างภายในห้องที่พิเศษ มันมีควันลอยอยู่รอบๆสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า
ตรงกลางห้อง มีคนสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นชายชราผมขาวดวงตาสดใสเหมือนกับเด็ก ร่างของเค้าปกคลุมด้วยแรงกดดันที่น่ากลัวพุ่งออกมารอบๆตัว เขาน่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาวอาณาจักรแก่นแท้วิญญาณ
อีกคนสวมชุดคลุมยาวสีขาว เสื้อคลุมที่เค้าใส่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์อักขระปักไว้บนนั้น เสื้อคลุมของเขาปกปิดใบหน้า สายตาของเค้าราวกับเหยี่ยว เค้าคือ ผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณ ของโรงเรียนมังกรฟ้า ท่านผู้เฒ่า ‘จูเก่อ’
ในตอนนั้น ทั้งคู่ยังคงไม่ขยับเขยื้อน ฝ่ามือพวกเขายกขึ้นมาตั้งท่า ใบหน้าพวกเค้าแสนจะวิตกบนศีรษะพวกเค้ามีแผ่นเหล็กหล่นลงมาทับ
แผ่นเหล็กนั้นมีสีทองอร่าม รอบๆมีบรรกาศที่เยือกเย็น ดูเหมือนว่ามันจะหนักมาก หากพวกเค้าทั้งคู่ไม่ร่วมมือกันคงจะกลายเป็นเนื้อบดติดพื้นแน่ๆ
” ท่านช่างสมกับเป็นผู้นำของโรงเรียนพันลม หากท่านไม่อยู่ที่นี้ ข้าเกรงว่าจะไม่มีทางต้านมันไว้ได้ “
ผู้เฒ่า ‘จูเก่อ’ยิ้มและกล่าวอย่างเย็นชา
” เจ้า . . . . เจ้าเป็นใคร ? ถึงได้มีความคิดร้ายกาจเยี่ยงนี้ ข้าเป็นถึงผู้นำโรงเรียนพันลมมีหรอจะดูแผนของเจ้าไม่ออก “
ผู้นำโรงเรียนพันลมเต็มไปด้วยความโกรธ เมื่อเห็นว่าเค้าปิดบังตัวตน
” มันไม่สำคัญล่ะมั้ง ว่าข้าเป็นใคร สิ่งที่สำคัญคือการที่ท่านและข้าร่วมมือกัน หาทางที่จะทำลายแผ่นเหล็กแผ่นนี้หลังจากนั้นสมบัติในสุสานแห่งนี้ก็จะเป็นของเรา “
ผู้เฒ่า ‘จูเก่อ’ยิ้มและกล่าว
” ท่านต้องการให้ข้าร่วมมืองั้นหรอ อย่าฝันไปหน่อยเลย “
ผู้นำโรงเรียนพันลมกล่าว เค้าไม่คิดว่าคนๆนี้จะยอมร่วมมือกับเค้าโดยดี
” ข้าคิดว่า เหตุผลที่ท่านมาที่นี้ก็เพื่อสมบัติ หากตอนนี้เราขัดแย้งกันตอนนี้ก็คงไม่ดีใช่ไม๊ ? ตอนนี้ ทักษะ ท่องนภา อยู่ตรงหน้าเราแล้ว เจ้าไม่อยากจะได้มันหรือไง ? “
เมื่อ’จูเก่อ’ พูด เขามองไปยังอีกมุมหนึ่งภายในห้อง มันมีศิลาหยกขนาดใหญ่ตั้งอยู่ บนฐานขาตั้งหยกมี คริสตัน ลอยอยู่ในอากาศ
ถึงแม้ว่ามันโปร่งใส แต่มันก็มีส่องแสงอ่อนๆออกมา มันมีอักษรสลักระบุไว้ภายในนั้น ว่า
” ทักษะ ท่องนภา “
โปรดติดตามตอนต่อไป . . . . . . . . . . . .
ที่มา: