I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Martial God Asura ตอนที่ 202 – กลับสู่ อาณาจักรมังกรฟ้า

| Martial God Asura | 2540 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
                

“อาณาจักรมังกรฟ้า? อืม~~ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ทราบว่าชูเฟิงนั้นมาจากที่แห่งหนใด แต่อัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพเช่นเขาไม่ควรที่จะมาจากอาณาจักมังกรฟ้าใช่ไหม? ”

“ใช่ จะเป็นไปได้ยังใงที่อัจฉริยะเช่นชูเฟิงจะปรากฏออกมาจากสถานที่เช่นอาณาจักฟ้า ข้าว่ามัน บ่ใช่ น่า”

พวกเขาทั้งหมดมองไปที่ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ พร้อมส่ายหัวของพวกเขา

“แล้ว…ชูเฟิงที่พวกท่านพูดถึงใช่คนที่ใส่เสื้อคลุมยาวสีฟ้า ใบหน้าขาวคิ้วหนาตาโตจมูกโด่งและยังมีลักษณะเป็นเด็กอยู่ใช่หรือไม่”

“นอกขากนี้เขายังมีความชำนาญในใช้ทักษะการต่อสู้ที่แปลก เขาสามารถที่จะควบคุมการใช้พลังงานแหล่งกำเนิดวิญญาณของเขาความแน่นรูปแบบสีทองประเภทต่างๆออกมาเป็นอาวุธได้ดั่งใจนึกและเขายังใงใช้มันได้เป็นอย่างดีจนหน้าประทับใจ”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขายังมีคันธนูสีทอง,และลูกษรที่ยิงไม่เคยพลาดแม้แต่ผู้ที่อยู่ในระดับ 5 แดนกำเนิดวิญญาณยังต้องล่ำไห้”

‘จูเกอ หลิวหยุน’ ยังคงที่จะถาม

“เอิ่ม…เรื่องนี้นั้น ข้าไม่ค่อยแน่ใจนักเกี่ยวกับทักษะที่เขาใช้หรือการปรากฏตัวของเขา แต่เขาดูไม่เหมือนคนที่จะเข้าใจแค่ทักษะการต่อสู้ระดับ 5 และการกลั่นอาวุธต่างๆแค่นั้นนะ เพราะสิ่งที่ข้าได้ยินมานั้นคือเขามีทักษะการต่อสู้ทางร่างกายที่โดดเด่น และยังมีสายฟ้าที่ปรากฏภายใต้ฝ่าเท้าของเขามันเป็นสิ่งที่แปลกมากแต่มันยังทำให้เขามีความเร็วอย่างหน้าเหลือเชื่อ”

หนึ่งในพวกเขาตอบอย่างสรรเสริญ หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น ‘จูเกอ หลิวหยุน’ ชื่นชมยินดีและหลังจากมือของเขาก็กำแน่นพร้อม กล่าวว่า

“ใช่บักเฟิงแน่นอน!”

“อืม? พี่ชายเฒ่าฟังจากน้ำเสียงของท่านแล้วดูเหมือนว่าท่านจะรู้จักชูเฟิงงั้นรึ?”

พอเห็นว่าหลายคนถามอย่างมีพิรุธ ในขณะที่มองไปยังท่าทางของเขา ‘จูเกอ หลิวหยุน’ ได้ยกมือของตนขึ้นมาตบลงที่หน้าอกพร้อมกล่าว

“ไม่เพียงแต่รู้จัก เขายังเป็นศิษย์รักเพียงคนเดียวของข้าอีกด้วย”

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ … “

คำพูดของ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ นั้นได้เรียกเสียงหัวเราะจากผู้คนโดยรอบดั่งเหมือนกับว่าพวกเขาได้ยินเรื่องที่ตลกที่สุดในโลก จะเห็นได้ชัดว่าใบหน้าของ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ นั้นเริ่มดูน่าเกียด แต่เขาก็ไม่ทราบว่าจะอธิบายยังใง แม้ว่าเขาจะเป็นบุคคลที่น่ากลัวในสำนักมังกรฟ้า แต่ในสถานที่ตรงนี้เป็นจริงเขาไม่ได้มีความน่ากลัวอะไรเลยสักนิด

ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ แม้แต่กระทั่งคนที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ตรงนี้ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังวิญญาณแดนแก่นแท้ทั้งหมด เขาไม่สามารถที่จะรู้สึกได้เลยว่าเขานั้นเหนือกว่า เพราะในที่นี้นั้นน้อยมากที่จะมีคนที่อยู่ในรุ่นราวคราวเดียวกันกลับเขานอกจากนั้นเป็นคนที่อายุน้อยกว่าทั้งหมด

*** ประมาณว่าอายุน้อยกว่าแต่พลังวิญญาณใกล้เคียงกันอะไรประมาณนี้แหละครับ***

“เฮ่! ดูนั้น คนของนิกายโลกวิญญาณ!”

แต่เพียงในเวลานั้นได้มีคนชี้ออกไปและตะโกนด้วยความประหลาดใจ หลังจากที่ได้ตรวจสอบดูแล้ว แน่นอนว่ามีกำลังคนถึง 100 คน จากนิกายโลกวิญญาณกำลังเดินมาที่นี่ในขณะนี้ แม้แต่ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ เปิดเผยการแสดงออกของความเคารพ ในฐานะที่เป็นผู้เชื่อมต่อโลกวิญญาณนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาเหล่านั้นต้องการที่จะเข้าร่วมกับนิกายโลกวิญญาณเป็นอย่างมาก?

แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่จะสามารถเข้าร่วมนิกายโลกวิญญาณได้นั้นจะต้องผ่านกฎที่เข้มงวด เพราะต่อให้ผู้ที่มีพลังวิญญาณที่สูงและโดดเด่นมากแค่ไหนแต่ถ้าอำนาจพลังวิญญาณไม่ได้เรื่องก็ไม่สามารถที่จะเข้าร่วมนิกายได้ เพราะฉะนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถทางโลกวิญญาณที่โดดเด่นเท่านั้นถึงจะสามารถเข้าร่วมได้ และก็จะได้เซ็นสัญญาพิเศษอีกด้วยเช่นกัน

ซึ่งสัญญาพิเศษนั้นก็เทียบได้ว่าเป็นเหมือนกับการขายตัวเอง ไม่เพียงแค่นั้น มันยังต้องขายเลือดเนื้อและวิญญาณของพวกเขาเพื่อที่จะต้องรับใช้นิกายโลกวิญญาณซึ่งมันยังมีข้อจำกัดอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นสัญญาที่ให้โอกาศที่จะกลายเป็นสมาชิกของนิกายโลกวิญญาณนั้นเยอะมาก

แต่มันก็ยังทำให้ผู้คนจำนวนมากมีความสุขและยินยอมในข้อตกลงและเงือนไขสัญญา แต่สิ่งที่ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ นั้นไม่ได้คาดคิดคือกลุ่มของเหล่าผู้คนจากนิกายโลกวิญญาณได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าของ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ และในขณะเดี้ยวกันได้มีชายวัยกลางคนได้มองไปที่ภาพในมือของเขาและกล่าวอย่างสุภาพกลับ ‘จูเกอ หลิวหยุน’

“ขออภัยด้วยข้าอยากจะทราบว่าท่านคือ จูเกอ หลิวหยุน ใช่หรือไม่”

“ใช่นั้นคือข้าเอง”

‘จูเกอ หลิวหยุน’ ตอบอย่างระมัดระวังในเรื่องของเสียงเพราะเขาไม่กล้าที่จะมีร่องรอยใดแม้แต่นิดเดียวของการไม่เคารพต่อนิกายโลกวิญญาณ แม้ว่าพลังวิญญาณของพวกเขาเหล่านั้นจะด่อยกว่าเขาก็ตาม

“งั้นข้าขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ศิษย์ของท่านชูเฟิงได้ผ่านการทดสอบเป็นเสื้อคลุมสีขาวเรียบร้อยแล้ว ตามคำสั่งของผู้อาวุโสข้าขอเชิญท่านไปพักผ่อนที่นิกายโลกวิญญาณด้วยกันก่อน”

หลังจากยืนยัน ตัวตนขอ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ ได้แล้วทัศนคติของพวกเขาก็กลายเป็นเคารพในทันที

“เขาเขาเขา….นี่เขาพูดจริงรึเนี่ย…!!”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดเหล่านั้นก่อนที่จะเดินออกห่างจาก ‘จูเกอ หลิวหยุน’ การตอบสนองของพวกเขาเหล่านั้นเปรียบได้ดังหม้อระเบิด ใบหน้าของพวกเขา ตะลึง อึง ตกใจ เพราะพวกเขาได้บรรลุ แล้วว่าในเวลานี้นั้นจริงๆ พวกเขามีตา แต่หามีแววไม่ สำหรับ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ หัวใจของเขาตอนนี้นั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและรู้สึกตื่นเต้นมาก

เพราะเขาไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร เขาไม่เคยคิดเลยว่านิกายโลกวิญญาณจะเชิญเขาในลักษณะของแขกผู้เกียรติ มันเลยทำให้เขารู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูก และแน่นอนว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เขามีความสุขมากยิ่งขึ้นเพราะการที่นิกายโลกวิญญาณปรนิบัติกลับเขาเช่นนี้นั้น มันเป็นผลมาจากศิษย์ของเขา

และที่สำคัญอย่างแท้จริงเขายังได้ผ่านการสอบเป็นเสื้อคลุมสีขาว ในครั้งแรกที่เข้าสอบ มันสามารถยืนยันอนาคตของเขาได้เลยว่าจะเป็นสิ่งที่รุ่งโรจน์เป็นอย่างมาก หลังจากนั้น ‘จูเกอ หลิวหยุน’ ก็ได้เดินเข้าไปในนิกายโลกวิญญาณและ’ผู้เฒ่าหลี’โดยส่วนตัวเขาได้แสดงความยินดีกลับ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จูเกอ หลิวหยุน’

และยังได้รับเชิญ ‘ชูเฟิง’ และ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ เข้าร่วมกับนิกายโลกวิญญาณอีกด้วย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่พวกเขาได้รับป้ายสถานะ ซึ่งมันเป็นชนิดที่พิเศษมากเพราะมันเป็นอะไรที่คล้ายคลึงกลับสถานะของผู้อาวุโสผู้เข้าพัก พวกเขาจะไม่ถูกกำจัดเสรีภาพใดๆ

และ พวกเขายังได้รับประโยชน์ทั้งหมดจากนิกายโลกวิญญาณทั้งยังได้รับการดูแลรักษาความปลอดภัยที่ดียิ่งกว่า ที่ทำให้’ชูเฟิง’และ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ นั้นดีใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘จูเกอ หลิวหยุน’ เพราะนั้นเท่ากับว่าความปรารถนาที่เขาได้ตั้งเป้าเอาไว้ได้สำเร็จลุล่วงแล้ว

และในขณะนี้เขาก็ยังได้เป็นสมาชิกของนิกายโลกวิญญาณอีกด้วย หลังจากได้รับคำเชิญเป็นสมาชิกนิกายโลกวิญญาณ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ จึงตัดสินใจที่จะอยู่ในนิกายโลกวิญญาณแค่อีกไม่กี่วันเท่านั้น เพราะ’ชูเฟิง’นั้นยังมีเรื่องบางเรื่องที่จะต้องไปสะสางอย่างรวดเร็วที่อาณาจักมังกรฟ้า

ก่อนที่จะออก’ชูเฟิง’ได้ให้ผลไม้วิญญาณที่เขาหล่อเลี้ยงมันในหอคอยอสูรฟ้าให้กับ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ นี่จึงทำให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจและยังชื่นชมออกมาจากใจของ’ผู้เฒ่าหลี’เพราะผลไม้วิญญาณที่สุกแล้วนั้นมีคุณค่ามากมายมหาศาลและมันยังช่วยเพิ่มอำนาจโลกวิญญาณเป็นอย่างมากอีกด้วย

สำหรับ ‘จูเกอ หลิวหยุน’ ในตอนนี้นั้นเขาได้รู้ซึ้งแล้วว่าเขาได้เลือกศิษย์ที่วิเศษศิษย์ที่เขารอคอยมาเป็นเวลาหลายปีนั้นไม่ได้สูญเสียไปอย่างป่าวประโยชน์เขาในตอนนี้ได้ยอมรับแล้วว่า ‘ชูเฟิง’ เป็นศิษย์ที่เขานั้นภาคภูมิใจ

หลังจากนั้น’ชูเฟิง’ก็ได้ออกจากนิกายโลกวิญญาณและมุ่งหน้าสู่อาณาจักมังกรฟ้า เพราะหลังจากที่เขาคำนวณเวลาดูแล้วมันก็ใกล้จะถึงงานแต่งงานของ’ซูเหมย’แล้ว……

จบจ้า

###########################################################################################

ช่วงสาระเร้าใจท้ายบท : นายกระทิข้น แอบสปอยนิดๆแต่เร้าใจจริงๆนะ

ปล.ที่ 1. เอาล่ะครับเป็นไงกันบ้าง ในส่วนของตอนนี้นั้น ก็เป็นฉากจบแล้วของเรื่องในหอคอยอสูรฟ้าจริงๆมันก็จบตั้งแต่บทที่ 201 แล้ว ส่วน 202 นี้จะเป็นการปูเนื้อเรื่องสู่ภาคงานแต่งงานซึ่งงานแต่งานนี้นั้นจะเริ่มตั้งแต่บทที่ 202-210 ซึ่งตรงนี้นั้นมันจะทำให้ผู้อ่านทุกคนหายข้องใจกัน ว่า ชูเฟิงนั้นพลังวิญญาณอยู่ระดับไหน? แล้วจะใส่เสื้อคลุมสีอะไร? แล้วตอนนี้ชูเฟิงเก่งกว่าอาจารจูเกอ หลิวหยุน ของมันไหม? ซึ่งใน 8 ตอนนี้จะเปิดเผยทุกอย่างที่ท่านสงสัย

ปล.ที่ 2. อ่อแล้วก็ใน 8 ตอนนี้ยังมีเก็ดความรู้เล็กๆน้อยๆอีกด้วย เพราะตั้งแต่ในตอนที่ 176 ที่ชูเฟิงได้กล่าวกลับซูรู่เอาไว้ในตอนท้ายบทนั้น ชูเฟิงได้เริ่มทำการวางแผนต่างๆเอาไว้แล้วว่าจะบุกงานแต่งยังใง ซึ่งตรงนี้บอกได้เลยว่าเด็ดเพราะมันเป็น คีเวิร์ดที่ทำให้ชูเฟิงได้ทักษะใหม่มาแบบบังเอิญอีก 1ทักษะ ซึ่งเป็นทักษะระดับ 7 แต่ถ้าบรรลุจนแตกฉานก็จะสามารถเทียบ ได้กับระดับ 8 ซึ่งเรื่องราวตรงนี้จะเป็นยังใงนั้นต้องติดตามกันนะครับ

ปล.ที่ 3.อ่อแล้วก็หลายคนคงสงสัยซินะว่าแผนที่ที่ชูเฟิงได้มานั้นมันคืออะไร ซึ่งผมจะบอกให้ก็ได้ว่ามันคือ แผนที่ที่จะทำให้พระเอกได้ยอดยุทธ์ภัณฑ์ครับ แต่!! เจ้ายุทธ์ภัณฑ์ตัวนี้นั้นมีที่มาที่ไปนะขอบอกเพราะว่ามันคือคีย์เวิร์ดอีกเช่นกัน มันเป็นตัวจุดชนวนของสงคราม 9 อาณาจักนั้นเองซึงจะมาปรากฏในเล่มหน้า ที่มีชื่อว่า ชูเฟิงตะลุย 9 อาณาจัก ซึ่งยอดยุทธ์ภัณฑ์นี้จะมีความสามารถยังใงกันแน่ถึงกลับเป็นตัวจุดฉนวนส่งครามครั้งนี้ได้กันนั้น ก็คงต้องติดตามกันต่อไปครับอ่อแถมมันยังเชื่อมโยงไปยัง บุคคลลึกลับในหอคอยอสูรฟ้าอีกด้วยนะ 55555

ปล.ที่ 4.สงคราม 9 อาณาจักนั้นมีสองตอนครับ ตอนแรก คือจะเริ่มตั้งแต่ตอนที่ 389-484 ซึ่งในรายละเอียดตรงนี้นั้นจะลงลึกมากแต่รับลอง 100 เปอเซ็นครับว่ามันแน่นอน แต่สงครามตอนที่สองนั้นจะเป็นช่วงท้ายๆของบทซึ่งผมจะยังไม่บอกว่าตอนไหนถึงตอนไหนแต่ถ้าใกล้ถึงเมื่อไหร่ผมจะบอกอีกทีนะครับ

#################################################################################################

…..####เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ : นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน…..

ที่มา:

ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป
comments