I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Re: Master Magic ตอนที่ 2 — เส้นมนตรา

| Re: Master Magic | 681 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ตอนที่ 2 —— เส้นมนตรา

 

“บาย ดูแลตัวเองดีๆล่ะ”

 

หลังจากกินอาหารเช้าที่แสนคิดถึงแล้ว ผมก็นึกถึงสิ่งที่แม่พูดว่า ผมต้องไปโรงเรียน

 

น่าเศร้าใจนัก ตอนนี้ผมต้องไปโรงเรียน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผมสงสัยว่าจะมีโรงเรียนในเมืองที่สอนเวทย์มนต์หรอ

 

อนึ่ง การสอนของที่นี่เป็นที่เกรงกลัวของเด็กๆด้วยเหตุผลบางอย่าง

 

ในตอนที่ผมกำลังออกจากบ้าน ทิวทัศน์ที่ชวนให้คิดถึงได้อยู่ตรงหน้าผม

 

ที่นี่ เมืองนานามิ เป็นเมืองที่พักอาศัยที่ดี ในประเทศที่ดี

 

แม้ว่าหลังจากที่ผมโตและออกเดินทางไป ผมก็ยังคงแวะกลับมาที่นี่หลายครั้งเพราะผมคิดถึงมัน

 

โอ้ ให้ตายสิ น้ำตาไหลอีกแล้ว

 

ยังไงก็ตาม ไปกันเถอะ!

 

-เพื่อปลดเส้นมนตรา

 

ด้านนอก ผมอยู่ในสถานที่บางแห่งที่อยู่ระหว่างเนินเขากับโรงเรียน

 

ในเมื่อการปลดเส้นมนตรา ต้องใช้สมาธิและเวลาเป็นอย่างมาก

 

เส้นมนตราแพร่กระจายไปทั่วภายในร่างของนักเวทย์ มันคือเส้นทางที่เวทย์มนต์ไหลผ่านอย่างแท้จริง

 

เวทย์มนต์ของนักเวทย์ที่มีพรสวรรค์มักจะหนา ดังนั้นมันต้องแพร่ออกไปทั่วทั้งร่างอย่างเท่าเทียมกัน

 

อย่างไรก็ตาม เส้นมนตราของผมในตอนนี้ยังอยู่ในสภาวะสงบนิ่ง จนเป็นไปไม่ได้ที่จะส่งพลังเวทย์ไหลผ่านมัน

 

สำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นนักเวทย์ ตามปกติแล้วจะขอให้นักเวทย์คนอื่นช่วยปลดเส้นมนตราให้ แต่ในขณะที่เข้าฌาณ ผมสามารถเปิดมันออกได้ด้วยจนเองหากผมต้องการ

 

อย่างไรก็ตาม มันเป็นครั้งที่สองที่ผมทำแบบนี้ มันจึงไม่มีปัญหาอะไร

 

ผมปีนขึ้นไปบนต้นไม้และสอดส่องบริเวณรอบๆ เพื่อให้มั่นใจว่าบริเวณชายฝั่งไม่มีใครอยู่

 

ผมนั่งลงบนกิ่งไม้ใหญ่และปิดตาลง เพ่งสมาธิไปที่จิตวิญญาณ

 

ด้วยการรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังไหลเข้ามาในร่างกายชองผม ผมสามารถรู้สึกได้ถึงเส้นมนตราที่กำลังเปิดออกที่ละเส้นๆ

 

นี่เป็นงานที่ละเอียดอ่อน ผมรู้สึกได้ว่าเม็ดเหงื่อบนหน้าผากของผมได้ไหลลงมาหยดลง ในขณะที่เพ่งสมาธิ

 

ผมเปิดเส้นมนตราอย่างต่อเนื่อง และในเวลาที่ผมทำสำเร็จ ตัวของผมก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ

 

ด้วยการถอนหายใจเฮือกใหญ่ พละกำลังทั่วร่างได้หายไป และผมเกือบจะลื่นตกลงไป

 

…..ผมลืมไปว่าผมอยู่บนต้นไม้

 

หลังจากที่ผมปรับลมหายใจ ผมเพ่งสมาธิไปที่เส้นมนตรา และพบว่าการไหลของพลังเวทย์เป็นไปอย่างราบรื่น

 

ตอนนี้ถึงเวลาที่จะลองใช้เวทย์มนต์แล้ว

 

ด้วยการยืดมืออกไปด้านหน้า ผมจินตนาการถึงลูกเรดบอล

 

จากนั้นบอลเวทย์แห่งเพลิงขนาดเล็กก็เกิดขึ้น มันดูนุ่มนิ่มและลอยอยู่ระดับสายตา

 

ส่วนเปลวไฟไหวอย่างแปลกประหลาด

 

หากผมหยุดส่งพลังเวทย์ไปหล่อเลี้ยง เรดบอลก็จะสลายไป

 

พลังเวทย์ที่ถูกใช้ไปประมาณสิบส่วนของพลังเวทย์ที่ผมมี

 

โดยปกติ นักเวทย์ฝึกหัด สามารถร่ายเรดบอลได้เพียงสามครั้ง อีกควายหมายหนึ่งนั่นคือถ้าเด็กที่สามารถทำได้ก็จะกลายเป็นนักเวทย์ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้น

 

“มันไม่ได้เปล่าประโยชน์สักหน่อย”

 

มันจะไม่เป็นเหมือนก่อนหน้านี้

 

ดวงอาทิตย์ได้ล่วงเลยจุดเที่ยงวันไปแล้ว

 

เมื่อนึกได้ ตอนนี้ผมรู้สึกหิวขึ้นมาจริงๆแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม มันถึงเวลากินอาหารเที่ยงที่แม่เตรียมไว้ให้

 

ตัวผมในอนาคตได้อ่านม้วนคัมภีร์เวทย์มากมาย ผมคิดว่าผมอ่านทุกอย่างที่ถูกตีพิมพ์ในเวลานั้นจนเกือบหมดแล้ว

 

แม้ว่าผมแทบจะไม่ได้ใช้เวทย์พวกนั้นเลย แต่ผมสามารถเรียนรู้เพื่อเพิ่มเลเวลได้

 

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้อร่อยมากแต่มันก็ยังสดอยู่ ท้องตุ้ยๆของร่างเด็กของผมรู้สึกอิ่ม

 

โอ้ใช่ ในเมื่อพลังเวทย์ของผมฟื้นฟูขึ้นมาบ้างแล้ว ทำไมผมถึงไม่ใช้สเกาท์สโคปละ

 

เซฟ ไอน์สไตน์

 

เลเวล 1

 

เวทย์ [สีแดง] เลเวล : 1

 

เวทย์ [สีน้ำเงิน] เลเวล : 1

 

เวทย์ [สีเขียว] เลเวล : 0

 

เวทย์ [ท้องฟ้า] เลเวล : 0

 

เวทย์ [วิญญาณ] เลเวล : 0

 

ดูเหมือนพลังเวทย์ที่ใช้สำหรับสเกาท์สโคปจะสูงกว่าเรดบอล

 

เวทย์สีแดงและเวทย์สีน้ำเงินมีเลเวล 1 เพราะผมใช้เวทย์ทั้งสองไป

 

ดูเหมือนผมจะไม่สามารถดูเพดานความสามารถแฝงได้ แต่มันน่าจะเป็นเพราะเลเวลของสเกาท์สโคปที่ผมใช้ต่ำเกินไป

 

เวทย์มนต์จะเพิ่มระดับทุกครั้งที่ใช้เวทย์นั้น ส่วนพลังเวทย์ที่ใช้ก็จะลดลง และความชำนาญก็จะเพิ่มขึ้นด้วย

 

เพื่อที่จะดูเพดานความสามารถแฝง บางทีผมไม่จำเป็นต้องเพิ่มเลเวลมากก็ได้

 

ยังไงก็ตาม ผมสามารถจำเวทย์ได้บ้าง

 

ผมยังคงห่างไกลจากตัวผมในอนาคตอยู่ดี ผมต้องเผชิญหน้ากับการท้าทายในอนาคตเพื่อที่จะเติบโต

 

เมื่อผมมองลงไป ผมเห็นกลุ่มเด็กที่กระจัดกระจายกันออกจากโรงเรียน

 

นี่…. ถือเป็นความท้าทายอีกอย่างหนึ่ง

 

นั่นคือสิ่งที่โรงเรียนเป็น

 

การใช้ชีวิตแบบนี้ ผมมีความรู้สึกว่าเรื่องไม่ดีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น

 

เมื่อผมปีนลงมาและเดินไปทางเมือง ผมเห็นคนที่กำลังเดินเข้ามา

 

ด้วยผมดำยาวที่กระเซอะกระเซิง เธอวิ่งมาที่ผมในขณะที่กำลังหายใจหอบเหนื่อย

 

เธอสวมแว่นตาและเสื้อสเวตเตอร์ซึ่งทำให้แต่ละก้าวที่เดิน โนตมๆของเธอเด้งไปมา

 

ผมรู้สึกหลงใหลไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะร้องไห้ออกมา

 

“เซฟคุง”

 

เอาล่ะ ถึงเวลาใช้ข้อแก้ตัวที่เตรียมเอาไว้แล้ว

 

แต่ในขณะที่ผมกำลังจะพูด เสียงของผมก็อุดอู้เมื่อเธอดึงผมเข้าไปกอดแน่น

 

ในขณะที่ทำเสียง *งึมงำงึมงำ* หน้าของผมก็ถูกกดด้วยแรงจากส่วนที่เป็นผู้ใหญ่

 

ในตอนที่ผมกำลังเพลิดเพลินอยู่กับตวามรู้สึกนี้ ผมสังเกตได้ว่าร่างของเธอกำลังสั่นเทา

 

“คะ-ครูเป็นห่วงเหลือเกิน…”

 

เธอพูดออกมาในขณะที่กดผมลงในหน้าอกที่เทียบได้กับแม่วัวของเธอ – รู้สึกดีชะมัด ดีจนผมสามารถตะโกนว่า ดีโคตรโคตรได้

 

โอ้ใช่ ผมพึ่งนึกอะไรได้บางอย่าง

 

นี่คือครูที่โรงเรียนประถมของผม ผมคิดว่าเธอชื่อ แคลร์เซนเซย์

 

เธอเป็นที่รู้จักทั้งนักเรียนชายและหญิง และมีผู้ชายมากมายมาสารภาพรักกับเธอ

 

สำหรับครูที่สวยขนาดนี้ ใบหน้าของผมซึ่งกำลังจมอยู่ในหน้าอกของเธอ

 

(เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อน….)

 

รอยยิ้มเล็กๆเล็ดลอดออกมาบนใบหน้าของผม

 

โรงเรียนคงจะวุ่นวายเมื่อผมไม่ได้ไป ดังนั้นแม่และแคลร์เซนเซย์คงจะกังวลมาก

 

แต่มันก็เป็นการเสียเวลาที่จะกังวลมากเกินไป ดังนั้นผมจะปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ

 

ผมจำเป็นจะต้องผ่านช่วงเวลานี้ให้เร็วที่สุด แต่มันอาจจะใช้เวลาอีกสักพัก

 

ท้ายที่สุด ผมยังสามารถฝึกฝนในขณะที่ไปโรงเรียนได้

 

ด้วยแผนที่อยู่ในหัว ผมเพลิดเพลินกับหน้าอกที่ถูกดันเข้ามาที่หน้า

 

==========

 

อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร

 

==========

 

ติดตามผลงานได้ที่

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments