I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Re: Master Magic ตอนที่ 33 — ค่ำคืนใต้แสงจันทร์ ตอนกลาง

| Re: Master Magic | 852 | 2360 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว

แปลโดย Mikky

Edit โดย check2534

Re: Master Magic – ย้อนเวลาเพื่อเป็นจ้าวแห่งจอมเวทย์

 

ตอนที่ 33 — ค่ำคืนใต้แสงจันทร์ ตอนกลาง

 

ผมยืนอยู่หน้าโต๊ะที่เคนนั่งอยู่แล้วมองลงไปที่เขา ส่วนพวกเขาก็จ้องขึ้นมาที่ผม

 

ในตอนที่เหล่าลูกน้องกำลังจะลุกขึ้น เคนก็เอ่ยปากขึ้นมา

 

“เธอคือ…เพื่อนของโคล้ดใช่ไหม?”

 

“ใช้เงินน้องสาวตัวเองมาเลี้ยงเหล้าทุกคนแบบนี้ ดูเหมือนว่านายจะใช้ชีวิตสุขสำราญมากเลยนี่นา”

 

อัศวินที่ดูเหมือนจะเป็นลูกน้องต่างก็เริ่มซุบซิบกันเสียงดัง จนเคนหยุดดื่ม

 

“….นั่นไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย ช่วยหยุดกระจายข่าวลือที่มันไม่จริงนี่ซะ…..”

 

เคนเอนหลังพิงโซฟาอย่างช้าๆ แล้วกระดกแก้วขึ้นอีกครั้ง

 

แล้วเขาก็ถอนหายใจออกมาดัง *ฟู่~*

 

เมื่อได้ยินเรื่องโกหกคำโตกับท่าทีผ่อนคลายของเขา นั่นก็ทำให้บางอย่างในตัวผมขาดสะบั้นลง

 

“นายไม่ยอมพูดออกมาดีๆสินะ”

 

ผมยกมือขึ้นแล้วร่ายเรดแครชออกมา

 

ก้อนเปลวเพลิงได้ก่อตัวขึ้นด้านหน้าฝ่ามือผม มันหมุนวนด้วยความรุนแรงและรวดเร็วพร้อมกับที่ผมเล็งไปที่เคน

 

บรรดาลูกน้องกับพวกผู้หญิงที่ตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก็รีบวิ่งหนีพร้อมกับกรีดร้องออกมาทันที นั่นทำให้แก้วที่อยู่ในมือของเคนสั่นไหว

 

นี่มันรู้สึกดีจริงๆ

 

ที่ได้ปลดปล่อยอารมณ์ออกมาแบบนี้

 

-เรดแครช!

 

ภายในร้านเหล้ากระหึ่มไปด้วยเสียงระเบิดที่รุนแรง ทั้งขวดเหล้า โต๊ะ และโซฟา ต่างก็กระเด็นไปคนละทิศคนละทาง

 

ก้อนเพลิงที่กระจายออกได้เผาผนังกับพื้นของร้านเหล้า

 

ควันที่ฟุ้งกระจายออกมาได้เข้าปกคลุมทุกอย่างที่อยู่ด้านใน

 

-ในตอนนั้นเอง

 

ผมก็ขยับร่างกายหลบไปด้านข้าง แล้วดาบที่ส่องประกายเล่มหนึ่งก็ฟังลงมายังที่ที่ผมเคยยืนอยู่

 

จะบอกว่าตัวเองสามารถหลบเรดแครชของผมแล้วโต้กลับได้อย่างงั้นหรอ?

 

ตอนนี้หัวที่ร้อนระอุของผมพอจะเย็นลงบ้างแล้ว ผมจึงรีบใช้สเกาท์สโคปทันที

 

ไม่มีอะไรเกิดขั้น!?

 

เป็นไปไม่ได้…

 

เขากวัดแกว่งดาบอย่างต่อเนื่องจนควันที่อยู่รอบๆพัดออกไป

 

ควันก็ลอยออกไปครู่หนึ่งจนทำให้อีกฝ่ายมองเห็นผม ดาบที่เคยกวัดแกว่งมั่วซั่ว….จู่ๆก็กลับแม่นยำขึ้น!

 

“ชิ!?”

 

ผมโดนฟังเข้าอย่างจังจนเซฟโปรเทคชั่นสลายไป

 

ผมถอยออกไปด้านหลังแล้วยิงแบล็คช็อตเข้าไปในควัน

 

แรงอัดอากาศของกระสุนเวทย์ได้พัดเอาควันกระจายออกไปจนผมมองเห็นเคน แต่ทว่าเวทย์ของผมกลับสลายไปก่อนที่จะถึงตัวเคน

 

(แบบนี้นี่เอง…..!)

 

ในเวลาเดียวกัน เคนก็เข้ามาใกล้ผมแล้ววาดดาบลงมา

 

ผมพยายามเทเลพอร์ตหลบ แต่จู่ๆความเจ็บปวดก็แล่นขึ้นมาจากเท้า

 

“อึก…!”

 

เคนเหยียบเท้าของผมอย่างแรง

 

เคนสวมบูทเหล็กส่วนผมใส่แค่รองเท้าหนังเท่านั้น

 

รองเท้าของผมจึงเปลี่ยนรูปไปโดยไร้แรงต้าน ผมล่ะสงสัยว่ากระดูกเท้าของผมจะแตกรึเปล่า

 

(ขัดขวางการเทเลพอร์ต….ไอ้หมอนี่รู้วิธีสู้กับนักเวทย์!)

 

ในตอนที่กำลังจะเทเลพอร์ต หากคุณไปสัมผัสกับสิ่งของหรือใครเข้าล่ะก็ ของสิ่งนั้นก็จะตายคุณไปด้วย (แต่สำหรับพวกพื้นหรือผนังที่ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ก็ไม่สามารถนำไปได้ด้วย)

 

เพราะหากคุณเทเลพอร์ทไม่ว่าใครที่คุณสัมผัสก็จะตามไปกับคุณ ตราบเท่าที่คู่ต่อสู้ของคุณยังสัมผัสคุณอยู่ คุณก็ไม่สามารถหนีไปได้และเทคนิคนั้นก็จะถูกขัดขวางอย่างชะงัดเพราะหากคุณเทเลพอร์ทไม่ว่าใครที่คุณสัมผัสก็จะตามไปกับคุณ ตราบเท่าที่คู่ต่อสู้ของคุณยังสัมผัสคุณอยู่ คุณก็ไม่สามารถหนีไปได้และเทคนิคนั้นก็จะถูกขัดขวางอย่างชะงัด

 

เคนเหยียบที่เท้าผมจากนั้นเตรียมดาบของเขาทันที แล้วฟันลงมา

แคล้งงง!!!

ดาบที่ฟันลงมาถูกหยุดโดยเด็กสาวผมบลอนด์

 

ดาบของพวกเขาทั้งสองปะทะเข้าด้วยกันส่องแสงประกายลอยออกมาในขณะที่ทั้งสองจ้องกันอย่างคุ่นเคืองใจ

 

“ถอยออกไปซะ….โคล้ด”

 

“ไม่ค่ะ….ท่านพี่”

 

เป็นโคล้ดที่หยุดการโจมตีของเคน

 

แม้ว่าเธอใส่ลงไปด้วยกำลังทั้งหมดของเธอ ดาบของโคล้ดก็ยังถูกผลักกลับมา

 

“เซฟคุง! ข้องร้องล่ะหนีไปเถอะ! เวทมนต์ใช้ไม่ได้ผลกับพี่หรอก”

 

อย่างที่คาดนั่นเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ด้วย

 

ทั้งเคนและโคล้ดมีทักษะสกรีนพ้อยท์ที่เป็นเวทมนต์ติดตัว สกิลนี้อาจมีความสามารถที่ลบล้างผลของเวทมนต์ที่อยู่ในขอบเขต

 

เพียงแค่ก่อนหน้านี้สักครู่หนึ่งที่เวทมนต์ของผมถูกหักล้าง และแม้กระทั่งสเกาสโคปก็ใช้ไม่ได้ผลอย่างที่ควร เพราะเหตุนี้ผมเริ่มที่จะสงสัยเรื่องนี้อาจเป็นอย่างในกรณีนั้น

 

เวทมนต์ของผู้ใช้เวทมนต์ถูกทำให้ไม่เป็นผลเปรียบเหมือนการที่มือของเขาได้ถูกมันและปล่อยให้ถึงเวลาสำหรับการจับ

 

‘ทักษะการฆ่าจอมเวทย์’

 

ผมได้รู้ความจริงแล้วว่ามีการดำรงอยู่ของเวทมนต์ชนิดนี้ แต่ผมไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นมันในเร็ว ๆ นี้

 

“โคล้ด แกตั้งใจที่พูดเท่านี้สินะ? ซักกี่ครั้งที่แกตั้งใจทรยศตระกูลเลออนฮาร์ทก่อนที่แกจะพอใจ!!”

 

ใบหน้าของเคนขมวดและขึงตึงด้วยความความโกรธ โคล้ดถูกไล่ต้อนมากยิ่งขึ้น ในขณะที่เธอฝืนทน เคนได้ป้องกันการโจมตีที่เจตนาทำให้เขาล่าถอยไปได้อย่างง่ายดาย

 

ดาบส่งเสียงอีกเมื่อมันกระทบกัน ร่ากายของโคล้อค่อย ๆ ถอยกลับหลัง

 

มันชัดเจนแล้วว่าเคนชำนาญมากกว่า ทั้งในเทคนิคและพลังของดาบ

 

มันชัดเจนแล้วว่าเป็นการต่อสู้เพียงฝ่ายเดียว ดูเหมือนจะใช้เวลาไม่นานที่จะจบเรื่อง

 

“เซฟคุง! รีบหนีไปจากที่นี่! ผมไม่อาจต้านไว้ได้นาน…!”

 

“ยัยบ้า! ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยมันไป! มันได้ทำให้ตระกูลเลออนฮารทเสียชื่อเสียง และมันรู้ความลับของพวกเราอีกด้วยแล้วที่แย่ที่สุดไอ้เด็กเวรนี่มันทำให้ฉันอับอายในที่สาธารณะ!!”

 

ดาบหนักของเคนโจมตีมายังโคล้ดและกระทบกับดาบของเธอ

 

ดาบของเธอสั่นและโค้งงอ มันดูเหมือนว่ามันอาจหักได้โดยทันที

 

“จบกันเสียที!!”

 

เขาตะโกนและเหวี่ยงดาบลงอย่างรุนแรง

 

ใบดาบหมุนขว้างผ่านอากาศและแทงเข้าไปในกำแพงลึกลงไป เคนหัวเราะราวกับแน่ใจในชัยชนะของตนเอง

 

“อึก…!”

 

“พอแล้ว การต่อสู้จบลงแล้ว แต่ เพราะแกเป็นญาติทางสายเลือดของชั้น ชั้นไม่คิดจะยกโทษให้แกหรอกนะ……เสียแต่ว่าแกต้องฆ่าไอ้สารเลวนี้ซะตอนนี้”

 

การต่อสู้จบลงแล้ว

 

ในการต่อสู้ครั้งนี้ ความสามารถแท้จริงของพวกเขาอยู่ในระดับที่แตกต่าง อย่างมาก เพราะอย่างนั้นไม่ว่ากี่ครั้งก็ตามที่เธอพยายามต่อสู้ มันอาจจะจบลงด้วยผลเหมือน ๆ กัน

 

ถ้าหากคนนอกอย่างผมสามารถเข้าใจเรื่องนี้ โคล้ดก็ต้องรู้เรื่องเหล่านี้ทั้งหมดเหมือนกัน

 

แม้ด้วยเรื่องเหล่านี้…

 

โคล้ดไม่ได้ผ่อนคลายท่าทางของเธอเลย

 

เธอยืนอยู่ตรงนั้นอย่างสั่นเครือ กำดาบหักอย่างหมดท่าไว้ในมือของเธอ

 

“ทำไมแกถึงทำอย่างนี้ล่ะโคล้ด? ไอ้สารเลวนั่นโดยพื้นฐานแล้วเกือบเป็นคนแปลกหน้าอย่างโดยสิ้นเชิงต่อแกใช่มั้ย?”

 

“เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าต่อหนูเลย…เขาเป็นเพื่อร่วมกิลด์และสหายอันมีค่า”

 

“ไม่ใช่ว่ามันก็เหมือนกันหมด?”

 

“ไม่ค่ะ มันต่างกัน”

 

เคนมองไปที่เธอด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ขณะที่โคล้ดมองกลับไปที่เขาขณะที่มองดูเหมือนว่าเธอจะร้องไห้

 

เสียงของเธอสั่นสำลัก ขณะที่ดวงตาเต็มไปด้วยน้ำตาที่ล้นออกมา

 

“หนูมักจะอยู่คนเดียวเสมอ….แม่แต่ในบ้าน แม้หลังจากที่ถูกขับไล่ออกจากบ้านมา…ในฐานผู้หญิงคนหนึ่ง ถึงแม้พวกเขาได้ปฏิบัติกับหนูอ่อยโยนในตอนแรก สุดท้ายหนูมักจะถูกหักหลังเสมอ…”

 

เคนฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ บางทีเขาอาจรู้สึกผิด?

 

“นั่นเป็นเหตุผลว่าตอนนั้นหนูคิดว่าบางทีหากหนูดูเหมือนผู้ชายมันอาจดีกว่า…หนูแต่งตัวเป็นผู้ชาย และเมื่อหนูเริ่มออกเดินทางโดยไม่มีใครโจมตีหรือทรยศหนู…แต่หนูไม่ได้ติดต่อกับใครอื่นเลย…”

 

ฮิมม ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว เพราะงั้นเธอเลยแต่งตัวเหมือนผู้ชายเพราะเหตุผลอย่างนั้น?

 

“เพื่อที่จะทำให้ตัวเองไขว้เขวจากความเด็ดเดี่ยวได้อย่างเด็ดขาดหนูถึงได้สู้ สู้ แล้วก็สู้ จนมอนสเตอร์ได้ล้อมรอบตัวหนู และเมื่อหนูคิดว่าคงไม่สามารถจัดการได้อีกต่อไปและได้ยอมแพ้ไปแล้ว มิลลี่ซังก็ได้เข้ามาช่วยหนู….มิลลี่ซังโจมตีเหล่ามอนสเตอร์กลับขณะที่ยิ้มอยู่…หนูไม่เคยลืมสิ่งนั้นที่ได้เห็นสำหรับชีวิตที่เหลือของหนู”

 

เทพธิดาแห่งสงคราม

 

ผมผิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

คุณสามารถบอกได้ว่านี่เป็นอีกสิ่ง ที่เป็นความทรงจำที่สำคัญสำหรับโคล้ดสินะ?

 

“เซฟคุงกับมิลลี่ซัง หลังจากที่ได้พบหนูทันที ก็ปฏิบัติกับหนูด้วยความอ่อนโยนและอบอุ่น….มันเป็นครั้งแรกในชีวิตทั้งหมดของหนูที่ได้ถูกเรียกว่าสหายหรือเพื่อนโดยใครบางคนดังนั้นเพื่อประโยชน์ของพวกเขา…หนูจะเสี่ยงชีวิตของหนูและทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้…”

 

โคล้ดแผดเสียงออกมา

 

“โฮวว~แกมีสีหน้าที่ดูดีนี่โคล้ด แม้ว่าแกมักจะมองลงต่ำอย่างอดสูที่บ้าน…นี่แกตกหลุมรักกับไอ้สารเลวนี่?”

 

“เซฟตุงเป็นคนแรกที่ได้โกรธเพื่อประโยชน์ของหนู”

 

เคนและโคล้ดจ้องซึ่งกันและกัน

 

ดวงตาของโคล้ดไม่มีน้ำตาอีกต่อไป

 

บนใบหน้าของเธอเผยให้เห็นสีหน้าที่พร้อมจะเผชิญกับความตาย

 

“นั่นแหละคือเหตุผล….เซฟคุงได้โปรดวิ่งหนีไป…”

 

แน่นอนว่าไม่มีทางที่ผมจะสามารถทิ้งเด็กสาวแบบนี้ไปได้

 

“โคล้ด…”

 

“ผมไม่เป็นไรหรอกฮะเพราะงั้น…!”

 

ดูเหมือนว่ายัยเด็กนี่จะเข้าใจผิด

 

ผมกุมมือของโคล้ดที่กำลังกำดาบอยู่

 

“นายจะทำอะไร…”

 

ผมร่ายไทม์สแควร์จากนั้นร่ายเรดบลาสเตอร์กับเรดเวพอนในเวลาเดียวกัน ด้ามจับดาบที่หักของโคล้ดมีแสงของเวทมนต์ที่แพร่ออกมาจากมันได้สร้างใบมีดของดาบ….โคล้ดตกใจ เธอพูดกับผมในน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและไม่อยากเชื่อ

 

“นี่คือ…???”

 

“ผมจะให้ชื่อเวทย์นี้ว่า คริมสันเบลด?”

 

==========

 

อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร

 

==========

 

ติดตามข่าวสารและตอนใหม่ๆได้ก่อนใครที่

ตอนที่แล้ว
comments