ตอนที่แล้วเหล่าศิษย์ทุกคนหันไปมองพร้อมคิดในใจ
ฉินหนานเป็นคนกล้าหาญมากเขากล้าที่จะท้าทายอาวุโส
ในนิกาย ตอนนี้เขาถูกเรียกว่าขยะโดย ฮูหวังหลง เขาจะมีปฏิกิริยาแบบไหนกันนะ?ฉินหนานไม่แสดงออกหลังจากได้ยินสิ่งที่ได้กล่าวในขณะที่เขาตอบอย่างไม่แยแส “ขยะ? มันเพิ่งจะแค่ยี่สิบวันนับตั้งแต่ที่ จิตวิญญาณของข้าตื่นขึ้นมา แม้แต่เจ้า ฮูหวังหลง ก็ไม่สามารถเทียบกับข้าได้ใช่มั้ย? “
ขณะที่ฉินหนานกล่าวออกมา เจตนากระบี่ ที่รุนแรงก็พุ่งทะยานออกมาจากร่างของเขาพุ่งไปสู่ท้องฟ้าและกวาดไปทั่วพื้นที่ทั้งหมด
ในตอนนี้ศิษย์ทั้งหมดก็แข็งค้าง ผู้คนทั้งหมดที่เยาะเย้ยและส่งสายตาดูถูกของพวกเขาถูกแทนที่ด้วยความสยดสยองน่ากลัว
“ยี่สิบวัน? การบ่มเพาะของเขาก็มาถึงระดับนี้แล้ว? ยิ่งไปกว่านั้น เจตนากระบี่?”
“ตามที่คิดไว้เลยฉินหนานมีความสามารถไม่ธรรมดาเลย ความสามารถฝึกฝนไปถึงขอบเขตชำระล้างร่างกาย ขั้นที่ 5 ได้ในเวลาสั้นๆ
จิตวิญญาณขแห่งการต่อสู้ของเขาต้องมีอย่างน้อยเท่ากับ ขั้นก่อเกิดระดับ 8 นอกจากนี้เขาประสบความสำเร็จอย่างมากในการฝึกฝน
หนึ่งเดียวกับกระบี่ เขาถึงจะสามารถปลดปล่อย เจตนากระบี่ ออกมาได้ …“ไม่น่าแปลกใจที่เขามาพร้อมกับผู้อาวุโส เซี่ยวฉินซู”
“ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าทำไมฉินหนานกล้าท้าทายโมหลี่!”
“……”
ศิษย์ทั้งหมดที่ประหลาดใจก่อนหน้านี้ค่อยๆฟื้นตัวและวิเคราะห์สถานการณ์อย่างรอบคอบ
เพราะพวกเขาเป็นอัจฉริยะที่ถูกพามาโดย นิกายจิตวิญญาณ
จากเมืองต่างๆของอาณาจักรนี้ พวกเขามีความรู้และประสบการณ์มากมาย หลังจากคำพูดของฉินหนานฮูหวังหลง กระพิบตา
เขามองดูฉินหนานตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอีกครั้งและด้วยรอยยิ้มพร้อมกล่าวว่า “ไม่เลว ระดับความสามารถนี้เกินกว่าอัจฉริยะอื่น ๆ
ในระดับ 8 ขั้นก่อเกิด จริงๆ ข้าจะกลับคำพูดก่อนหน้านี้ จริงๆแล้วเจ้าไม่ใช่ขยะ เจ้ามีความสามารถอยู่บ้าง”ฉินหนานพยักหน้า ในขณะที่ความเป็นปรปักษ์ที่อยู่ในหัวใจของเขา
เริ่มหายไปแม้ว่า ฮูหวังหลง ถูกใช้โดย หลินซิ่งเจียว เพื่อ พยายามคุกคามเขา
แต่เมื่อสิ่งต่างๆจบลงและเขาคืนคำพูดแล้วเมื่อ ฮูหวังหลง ได้รับการสนับสนุนก่อนแล้วความรู้สึกของ เขาในเรื่องของ ฉินหนาน ก็ดีขึ้น
อย่างน้อย ฮูหวังหลง ก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบเหยียดหยามผู้อื่นนัก
เมื่อ หลินซิ่งเจียว รู้ว่าแผนการล้มเหลว เขาพูดออกมาว่า
“แล้วยังไงถึงเขาจะอยู่ขั้นที่ 5 ขอบเขตชำระล้างร่างกาย มี
เจตนากระบี่แล้วไง? เขายังเป็นแค่ขยะอยู่ดีกับขยะเช่นนี้ข้าก็ฆ่าเขาได้ “ศิษย์ใหม่ทุกคนพยักหน้าอย่างไม่ลังเล และรู้ดีเกี่ยวกับเรื่องนี้
แม้ว่า หลินซิ่งเจียว จะไม่ดีเท่า ฮูหวังหลง แต่การบ่มเพาะของเขาก็เข้าสู่ขแบเขตชำระล้างร่างกายระดับ 8 ไม่พูดถึงยังมีเรื่องที่เขามี
จิตวิญญาณขั้นก่อเกิด ระดับ 9 อีกด้วยโดย การสนทนาก่อนหน้านี้เขายังคง ยืนยันว่าฉินหนานคือขยะอยู่ดี แม้จะมี จิตวิญญาณการต่อสู้ ขั้นก่อเกิด ระดับ 8
ถ้าฉินหนานกำลังจะสู้กับ หลินซิ่งเจียว เป็นไปได้ว่าฉินหนาน
จะไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่น้อย“หลินซิ่งเจียว ที่นี้คือ ที่พื้นหยกสีขาวของสำนัก ไม่ใช่สถานที่สำหรับเจ้าที่จะดูถูกคนอื่น ๆ ” เซี่ยวฉินซู พูดด้วยความโกรธ
“ในเมื่อเจ้าคิดว่าเก่งมากที่ มี จิตวิญญาณการต่อสู้ ขั้นก่อเกิด ระดับ 9? แต่ในสายตาของข้า เจ้าเป็นขยะที่ข้าเอาชนะได้ในการโจมตีครั้งเดียว “ทันทีที่ เซี่ยวฉินซู พูดจบ จิตสังหาร ได้ล่องลอยไปทั่วร่างของเธอ
และบรรยากาศในสนาม ฝึก ก็กลายเป็นความหนาวเย็นอย่างฉับพลันในตอนนี้เหล่าศิษย์ทุกเบิกตากว้าง ตอนแรกพวกเขาไม่คิดว่า
คนที่สวยงามเช่นเซี่ยวฉินซู จะมีอารมณ์โกรธได้ง่ายเช่นนี้การแสดงออกทางสีหน้าของ หลินซิ่งเจียว แข็งค้าง เขาไม่เคยคิดว่า
เพื่อประโยชน์ของฉินหนาน เซี่ยวฉินซู จะหักหน้าเขาเช่นนนี้แต่เขาก็ไม่สามารถ โต้เถียง เซี่ยวฉินซู ได้เพราะมันเป็นความจริงแน่นอน แม้ว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาคือจิตวิญญาณระดับ 9 แต่การจะแข็งแกร่งกว่าเซี่ยวฉินซู ภายในปีหรือสองปีนั้นมันเป็นไปไม่ได้
“ได้” หลินซิ่งเจียว ถอยหลังให้เซี่ยวฉินซู และพูดกับฉินหนาน
“ระวังตัวเจ้าไว้ให้ดีเถอะ”หลินซิ่งเจียว หันหลังออกไปหลังพูดจบ เขาสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ หรือทำอะไรก็ได้ ถ้าเขาไม่ถูกคุกคามโดยเซี่ยวฉินซู
ฮูหวังหลง นั่งลง เพื่อบ่มเพาะ จากที่เขานั่งและภายใน 10 เมตร
รอบ ๆ ตัวเขาไม่มีใครกล้าที่จะรบกวนเขาเซี่ยวฉินซู ถอนหายใจ เธอค่อยๆสลายออร่าของเธอลง และหันหลังมาคุยกับฉินหนานด้วยเสียงต่ำ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องภัยคุกคามของหลินซิ่งเจียวเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะข้าเอง ถ้าเขากล้าที่จะมารบกวนเจ้าอีกครั้งบอกข้า ข้าจะจัดการมันให้เจ้าเอง”
(เป็นผู้หญิงที่ดีอะไรเช่นนี้ นางเอกแน่นอนคนนี้)
เซี่ยวฉินซู กล่าวว่าอย่างจริงจัง เพื่อให้ฉินหนานสบายใจ
ไม่ว่าจะ ด้วย จิตวิญญาณ หรือการบ่มเพาะตอนนี้ ฉินหนาน ไม่ได้อยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับ หลินซิ่งเจียว เลย
ฉินหนาน ผู้ที่เพิ่งเข้าร่วม นิกายจิตวิญญาณ จะแข่งขันกับ โมหลี่ ได้อย่างไร?
ฉินหนานเข้าใจว่าเซี่ยวฉินซูหมายถึงอะไร เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจเขา
ในขณะที่เขากล่าวด้วยรอยยิ้มแสง “ฉินซู ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับข้า
ไม่มีอะไรที่ข้า ฉินหนาน กลัวในโลกนี้ นอกจากนี้ข้าไม่ได้เป็นคน
ที่จะ หลีกหนีปัญหาครั้งนี้ง่ายดายนักดังนั้นเจ้าต้องไม่กังวล”ในตอนที่เป็นฉินหนานกล่าวน้ำเสียงของเขากลายเป็นเยือกเย็น
“อีกไม่นาน หลินซิ่งเจียว จะสำนึกเสียใจเอง”ตาของเซี่ยวฉินซูเบิกบานกว้าง เธอจ้องไปที่ฉินหนาน ด้วยความไม่เชื่อ
ผู้ชายคนนี้ีเขาเอาความเชื่อมั่นมาจากไหนเขาจะทำให้หลินซิ่งเจียวยังต้องสำนึกเสียใจ?
อย่างไรก็ตามโดยไม่ทราบสาเหตุที่ เซี่ยวฉินซู เชื่อเขา
(จังหวะนี้ผู้ชายพูดเชืออะไรเชื่อหมดนั้นละเธออะ)
ตอนนี้ บรรยากาศของในสำนัก พื้นที่หยกสีขาว ดูวุ่นวาย
เหล่าศิษย์ใหม่ ๆ พูดคุยและทำความรู้จักกันบางทีอาจเป็นเพราะฉินหนานได้สร้างความโกรธเคืองแก่
โมหลี่และหลินซิ่งเจียว เขาจึงไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้เขา
อย่างไรก็ตามที่ สำหรับ ฉินหนาน เป็นเรื่องดีเพราะทำให้เขามีพื้นส่วนตัวสำหรับพูดคุยเรื่องราวต่างๆจากเซี่ยวฉินซูในตอนนี้ฉินหนานเริ่มเข้าใจ นิกายวิญญาณนิกาย ขึ้นมาบ้าง
หลังจาก ใช้ระยะเวลา ประมาณ 3 ชั่วโมง ก็มีการเผาไหม้กระแสของอากาศที่สิ้นสุดออกมาอย่างกระทันหันจากที่ห่างไกล
ทำให้การระเบิดของลมที่รุนแรงทั้วไปทั้ง พื้นที่หยกขาวของสำนัก(บางครั้งมันใช่คำว่าสำนัก บ้างครั้งใช่คำว่านิกายนะครับ)
ศิษย์ใหม่ทั้งหมดมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ขณะที่พวกเขา
ยกหัวของพวกเขาขึ้นมาหนึ่งในนั้นคือฉินหนานฉินหนานต้องชะลอลมหายใจลงสองครั้ง เพราะแรงกดดันที่ยิ่งใหญ่นี้เป็นแรงกดดันที่มาจากขอบเขตจักรพรรดิ!!!
ขณะนี้เซี่ยวฉินซู บ่นอยู่ในเสียงต่ำ “ทำไมเขาถึงมาที่นี้ได้…”
ร่างกายของฉินหนานตึงเครียดขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น ก็เจอผู้อาวุโสที่
มีผมสีขาวในเสื้อคลุมสีดำลอยอยู่กลางอากาศ ก้าวเดินอย่างช้าๆราวกับพวกเขาตั้งใจว่าจะมาเดินเล่นผู้อาวุโสคนนี้ได้มาสำรวจพื้นที่ฝึกการบ่มเพาะและสังเกตเห็น
ฮูหวังหลง และ หลินซิ่งเจียว โดยทันที เขาพยักหน้าเล็กน้อย ในขณะที่เขาพูดเสียงดังและชัดเจน
“ไม่เลวขั้นก่อเกิด ระดับ 9 ในการจัดอันดับจิตวิญญาณ เจ้าสองคนต้องพยายามให้ดีที่สุด ข้าจะเฝ้าดูการเติบโตของเจ้าอย่างใกล้ชิด “
(มองข้ามพระเอกอีกละสรุปพวกนี้มันมีตาไหมเนี้ย)
ในขณะที่ผู้อาวุโสพูดความรู้สึกของ ฮูหวังหลง ไม่ได้เปลี่ยนไป
แต่ จิตวิญญาณของเขา พุ่งเข้าหา ใบหน้าของ หลินซิ่งเจียวศิษย์คนอื่นในตอนนี้ แสดงความรู้สึกอิจฉา แต่ก็แค่ภายในใจของเขาพวกเข้ารู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรม
หลังจากที่พูดจบเขาก็ไม่ได้ให้ความสนใจใด ๆ กับเหล่าศิษย์อื่น ๆ เขาก็ไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็น
“ข้าคิดว่าพวกเจ้าทุกคนในปัจจุบันรู้เกี่ยวกับ การทดสอบความเก่งกาจแล้ว มันจะเริ่มขึ้นในอีก 10 วัน ตอนรุ่งเช้าทุกคนจะมาชุมนุมกันที่นี่ใน สำนัก พื้นที่หยกสีขาวแล้วรอคำสั่ง ““ศิษย์ใหม่ทุกคนจะได้รับอนุญาตให้เข้าสู่ หอทักษะ เพื่อรับโอกาส
ครั้งเดียวใน การเลือกใช้ทักษะการต่อสู้แต่ ฮูหวังหลง และ หลินซิ่งเจียว จะมีโอกาสสองครั้ง หลังจากเลือกทักษะแล้วจะมีการ กำหนด ศิษย์ให้ทักทายกันเองและจัดที่พักของเจ้าเพื่อเริ่มต้นการบ่มเพาะของเจ้า “
เมื่อผู้อาวุโสจบประโยค ไม่ต้องรอให้พวกเขาฟื้นตัวจากข้อมูลที่ได้รับ จิตสังหารได้ทะยานออกมาและเขากล่าวด้วยเสียงเย็นชาว่า
“นอกเหนือจากนี้ทุกคนต้องจำไว้ว่าถ้าใครกล้าที่จะต่อสู้กันเอง
หรือความท้าทายเพื่อจะต่อสู้กันก็ จะถือว่าเป็นละเมิดกฎและ พวกเจ้าจะถูก เนรเทศออกจากนิกาย”ทันทีที่เขาพูดเสร็จเขาก็ลอยห่างออกไปโดยไม่กล่าวอันใดอีก
เป็นพิเศษ ถ้าไม่มีจิตวิญญาณที่ดีกว่าหลินซิ่งเจียว และ ฮูหวังหลง
พวกเขาก็ไม่มีค่าที่จะได้รับความสนใจจากตัวเขา