ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“เสียงนี้มัน……..!!”
‘ซูรู่’รู้สึกประหลาดใจทันที่เมื่อนางได้ยินเสียงนี้ เพราะนางไม่คุ้นเคยกับเสียงนี้มาก่อน แต่เมื่อนางคิดอย่างรวดเร็ว นางก็พบว่าอาจจะเป็นไปได้สำหรับเขา ที่จะสามารถพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นภายในเวลาอันสั้น
สำหรับ ‘ซางก้วน เยว่’ และ ‘ซางก้วน เทียน’ นั้น ก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน เพราะพวกเขาไม่สามารถระบุตัวตนของชายชุดคลุมสีเทาได้ แต่จากเสียงหัวเราะนั่น พวกเขาสามารถยืนยันได้ว่าชายคนนี้เป็นเพียงเด็กหนุ่ม ถึงแม้ความสามารถของเขาจะมากเพียงใด แต่เขาต้องเป็นเด็กหนุ่มอย่างแน่นอน
“วันนี้ข้าจะให้พวกเจ้าพบกับความตาย !!”
ภายใต้ความอยากรู้และความประหลาดใจของทุกคน ‘ชูเฟิง’ค่อยๆ ยกมือของเขาขึ้นเพื่อเอาฮู้ดที่คุมศรีษะออก เผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ต่อหน้าทั้งสามคน
“ชูเฟิง !! เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย”
ตอนนั้น ‘ซูรู่’ ไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจได้ นางตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้น แววตาของนางเต็มไปด้วยความหวัง
นางไม่คาดคิดว่า ชายชุดคลุมสีเทาที่สามารถเอาชนะ ‘ซางก้วน เยว่’ และสามารถวางรูปแบยอำนาจพลังวิญญาณนั้น จะเป็น ‘ชูเฟิง’ เมื่อความจริงปรากฏ มันเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ
“มันเป็นไปได้ยังไง !! เจ้า……..เจ้า…ตายไปแล้ว !!”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับความประหลาดใจของ ‘ซูรู่’ แล้วนั้น ใบหน้าของ ‘ซางก้วน เทียน’ ปร่กฏความหวาดกลัวฉายออกมา เพราะเขาจำได้ว่า ‘ชูเฟิง’ ยั้นถูกเขาบีบคั้นให้กระโดดลงไปยัง แม่น้ำสะบั้นมังกร มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะยังไม่ตาย และในตอนนี้เขายังกลับมาด้วยความแข็งแกร่งที่มากขึ้น ภายในเวลาอันสั้น
‘ชูเฟิง’ มองดูความตื่นตกใจและความหวานกลัว บนใบหน้าของ ‘ซางก้วน เยว่’ และ ‘ซางก้วน เทียน’ เขายิ้มอย่างเย็นชาพร้อมกล่าวกับ ‘ซางก้วน เทียน’ ว่า
“ยังจำคำที่ข้าบอกเจ้า บนหน้าผาที่ข้ากระโดดลงไปได้หรือไม่”
“ข้าบอกกับเจ้าว่า ให้เจ้าภาวนาขอให้ข้าตาย…….”
“หากวันใดข้ากลับมาหาเจ้า นั่นจะเป็นจุดจบของเจ้า และตระกูลของเจ้า ซางก้วน เทียน !!”
หลังจากได้ยินคำพูดของ ‘ชูเฟิง’ ใบหน้าของ ‘ซางก้วน เทียน’ ก็ซีดลงอย่างเห็นได้ชัด เขาเข้าใจได้ทันที ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกสังหรใจเมื่อตอนที่ ‘ชูเฟิง’ กระโดดลงไปในแม่น้ำ
“สหายน้อย !! นี่อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดระหว่างเรา”
‘ซางก้วน เยว่’ กล่าวอย่างเกรงๆ ขณะที่เขาเห็นว่า ‘ชูเฟิง’ กำลังจะโจมตี ‘ซางก้วน เทียน’
“เข้าใจผิดอย่างนั้นรึ !! จริงๆ แล้วข้าไม่ได้มีข้อข้องใจ หรือเกลียดชังใดๆ ต่อตระกระกูลของเจ้าซางก้วน แต่เพราะเจ้านี่ มันพยายามฆ่าข้า !! เพราะฉนั้น ข้าจึงถือว่าพวกเจ้านั้นติดหนี้ข้าอยู่ ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น พวกเจ้าต้องจ่ายหนี้ในครั้งนั้นที่พวกเจ้าติดค้างข้าอยู่ !! แต่พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป !! ข้าจะคิดดอกเบี้ยต่อพวกเจ้าอย่างสาสม !!”
หลังจากพูดจบ ‘ชูเฟิง’ นะเบิดพลังไปที่ ‘ซางก้วน เทียน’ พลันร่างกายของเขาก็กลายเป็นกองเลือดในทันที จากนั้น เขาสะบัดพลังของทักษะลับพยัฆค์สังหารมาที่ ‘ซางก้วน เยว่’ พลังของทักษะฉีกมวลอากาศออกจากกัน ปรากฏเสียงคำรามของสัตว์ร้ายก่อนจะพรากชีวิตของ ‘ซางก้วน เยว่’ ไป
หลังจากสังหารคนของตระกูลซางก้วนเสร็จ ‘ชูเฟิง’ เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมาที่ ‘ซูรู่’ จากนั้นเขาจึงมองไปที่ ‘ซูเหม่ย’ ในตอนนี้ใบหน้าของนางเป็นสีขาวซีด และพลังชีวิตของนางดูเหมือนกำลังอ่อนลง พลันความกังวลปรากฏบนใบหน้าที่เรียบเฉยของเขา
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาใช้พลังวิญญาณตรวจสอบนาง เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ถึงแม้นางจะได้รับบาดเจ็บ แต่มันไม่ได้มีอันตรายถึงชีวิต ถ้าหางนางได้พักรักษาตัวนางก็จะหายเป็นปกติได้ ภายในสิบวัน
แต่ถึงอย่างนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็เช้าไปสวมกอดนางที่อยู่ข้างๆ ‘ซูรู่’ เขาประคองนางขึ้นมา จากนั้นเขาหยิบสิ่งต่างๆ ที่ใช้ในการรักษาออกมา จากนั้นเขาก็ใช้พวกมันเพื่อพยาบาล ‘ซูเหม่ย’
“เจ้าจะไม่อธิบายอะไรหน่อยเหรอ !?”
หลังจากที่นิ่งเงียบมานาน ‘ซูรู่’ ก็เอ่ยถามขึ้น
‘ชูเฟิง’ เงยหน้าของเขาขึ้นมา เขาพบว่ามีความงามที่หมดจรดและดวงตาทั้งคู่ที่ทรงเสนห์กำลังมองเขาอยู่ ถึงแม้ว่าบนใบหน้าของนางจะมีความเศร้าปะปนอยู่บ้างก็ตาม
“ข้ามีปิศาจวิญญาณอยู่ภายในโลกวิญญาณของข้า และข้าได้ทำพันธะสัญญากับนางไว้แล้ว ข้าสามารถยืมพลังของนางเพื่อใช้ได้ พลังที่แท้จริงของข้านั้นอยู่ในระดับที่ 2 ของขั้นกำเนิดวิญญาณ ส่วนพลังที่ข้าแสดงออกในก่อนหน้านี้นั้น อยู่ในระดับที่ 1 ขั้นแก่นวิญญาณ นั่นเป็นพลังที่ข้ายืมมาจากโลกวิญญาณของข้า”
เนื่องจาก ‘ซูรู่’ เป็นผู้หญิงคนแรกของ ‘ชูเฟิง’ ดังนั้นเขาจึงบอกทุกอย่างกับนางด้วยความไว้ใจและเชื่อใจ
“ข้าไม่ได้ต้องการคำอธิบายในเรื่องนั้น !!”
ดวงตาของ ‘ซูรู่’ ฉายแววบางอย่าง แต่ไม่อาจทราบได้ว่านางคิดอะไร
“อ้าว !? โอ้…ข้ารู้ละ !!”
‘ชูเฟิง’ รู้สึกสับสนเล็กน้อย จากนั้นก็มีความคิดบางอย่างแล่นเข้ามาในหัว
“พวกเขาเป็นคนของนิกายไร้ตัวตน ข้าสัญญากับพวกเขาไว้ว่า ข้าจะวางรูปแบบพลังวิญญาณเพื่อปกป้องนิกายให้พวกเขา พวกเขาจึงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือข้า”
“ไม่ใช่ !!”
ใบหน้าของ ‘ซูรู่’ นั้นเริ่มที่จะปั้นยากขึ้นทุกที ในขณะนั่นคล้ายกับจะมีน้ำตาคลออยู่ในดวงตาที่สวยงามของนาง นางเม้มริมฝีปากของนางด้วยฟันที่ขาวสะอาด
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ??”
‘ชูเฟิง’เริ่มสับสน
“ชูเฟิง !! ไอ้คนสารเลว !!”
‘ซูรู่’ สะบัดมือของนาง และตบไปที่หน้าของ’ชูเฟิง’อย่างรุนแรง
“ข้า…………”
หลังจากโดนตบ ‘ชูเฟิง’ ยังคงสับสนเช่นเดิม
“ถ้าข้ารู้มาก่อน ว่าเจ้าเป็นคนแบบนี้ ข้าจะไม่เชื่อเจ้า !! คืนนั้นเจ้าบอกกับข้าว่า เจ้าจะแต่งงานกับข้าและน้องเหม่ย แต่นี่เจ้ากลับจัดงานแต่งเพียงแค่เจ้ากับน้องเหม่ยเท่านั้น เจ้าเอาข้าไปทิ้งไว้ที่ไหน….ฮึกๆ…ฮือออออ”
‘ซูรู่’ ลุกขึ้นยืนพร้อมทั่งชี้หน้าและบ่น ‘ชูเฟิง’ ถึงความคับของใจของนาง ในเวลานั้น ใบหน้าที่ทรงเสน่ห์ของนางอาบไปด้วยน้ำตาแห่งความน้อยใจ
ชั่วขณะนั้น ‘ชูเฟิง’ ก็เข้าใจถึงความน้อยใจของนาง ที่มีต่อ ‘ซูเหม่ย’
“ต้านต้าน !! ยืมพลังหน่อย”
‘ชูเฟิง’ ตะโกนเข้าไปในโลกวิญญาณของเขา
“เจ้าจะทำอะไร !?”
นางตอบอย่างตื่นเต้น ถึงแม้จะไม่เข้าใจในสิ่งที่ชูเฟิงกำลังจะทำก็ตาม
“เร็วเข้า !!”
‘ชูเฟิง’ เร่งเร้า
อย่างรวดเร็วฉับพลัน นางส่งพลังของนางให้แก่ ‘ชูเฟิง’ ในทันที เพราะนางเองก็อยากรู้ว่า ‘ชูเฟิง’ คิดที่จะทำอะไร แต่เมื่อ ‘ชูเฟิง’ เริ่มต้นการกระทำนั้น นางถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“อืมมมม…….”
‘ชูเฟิง’ ลุกขึ้นและใช้แขนโอบกอดไปที่เอวของหญิงงามที่ทรงเสน่ห์ ‘ซูรู่’ โดยที่เขาไม่เอ่ยวาจาใดๆ ออกมา เขาบรรจงจูบไปที่ริมฝีปากอันงดงามของนาง ในขณะเดียวกัน เขาก็ใช้มืออีกข้างลูบไล้สัมผัสไปที่ร่างง่ายที่ทรงเสน่ห์อย่างแผ่วเบา
“อื้อออออ……ไอ้บ้า !! ปล่อยข้านะ”
ในตอนแรกนั้น นางพยายามขัดขืน ‘ชูเฟิง’ แต่แล้วนางก็พบว่า นางไม่สามารถที่จะขัดขืนเขาได้
‘ชูเฟิง’ ค่อยๆ บรรจงจูบลงไปที่คออย่างแผ่วเบา แขนข้างที่โอบรัดเอวของนางอยู่ก็กระชับตัวนางเข้ามาแน่นขึ้น มืออีกข้างก็สัมผัสไปทั่วร่างกายของนางอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน
จากนั้นเขาค่อยๆ ประคองร่างกายที่อ่อนระทวยของนางลงกับพื้น ต่อมาเขาและนางถอดเสื้อผ้าทั้งหมดออก เหลือเพียงร่างที่เปลือยเปล่าของทั้งสองคน ทั้งคู่โอบรัดร่างกายของอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม จากนั้นร่างกายของทั้งสองก็คล้ายกับจะหลอมนวมกันเป็นหนึ่ง แม้ในครั้งแรกนั้นจะเกิดขึ้นจากการถูกบังคับ แต่นางก็ไม่รังเกียจ’ชูเฟิง’แต่อย่างใด
ในขณะนั้น ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ด้วยความเขิลอายและเสียวซ่าน ในดวงตาของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ในครั้งนี้นั้น ในจิตใจของนางนั้น นางยินยอมพร้อมใจที่จะมอบร่างกายของนางให้แก่’ชูเฟิง’
จากการกระทำของ ‘ชูเฟิง’ ในครั้งนี้ ‘ต้านต้าน’ ได้ให้คำนิยามสำหรับ ‘ชูเฟิง’ ไว้ว่า
“สัตว์ป่า !!”
ผู้แปล โดยคุณ#
ชูเฟิง มึงสองรอบแล้วนะ
ไม่คิดจะจัดให้ ซูเหม่ยบ้างหรอ . . . . . . . . .
ที่มา: