ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปที่ฐานฝึกอบรมมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ ภายในห้องทำงานของหัวหน้าแผนกฝึกอบรม ชายวัยกลางคนและชายหนุ่มอายุ 17 หรือ 18 ปีกำลังพูดคุยกันอยู่
“นี่ก็สองวันมาแล้ว ประสบการณ์ที่ได้รับในเซเว่นไลท์ของเธอเป็นอย่างไรบ้าง ไนท์?” ชายวัยกลางคนถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขา เขาสวมรอยยิ้มของความเป็นผู้อาวุโสกว่าที่คอยห่วงใยรุ่นน้องของเขาและแม้ว่าเขาจะนั่งอย่างเรียบๆ แต่การเคลื่อนไหวทุกครั้งก็แสดงให้เห็นถึงคุณลักษณะของเขาในฐานะทหาร
ร่องรอยแห่งความเหลืออดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มที่ชื่อ ’ไนท์’ แต่เขาก็กำลังเผชิญหน้าอยู่กับผู้อาวุโสกว่า เพราะฉะนั้นเสียงของเขาจึงไม่ได้แสดงออกถึงความหยาบกระด้างและมีแค่เพียงหนึ่งคำสั้นๆหลุดออกมาว่า “น่าเบื่อ!”
“เซเว่นไลท์ไม่ใช่สถาบันการทหารเลย ไม่มีทางที่พวกเขาจะให้นักเรียนได้สัมผัสกับอาวุธปืนและกลไกต่างๆมากพอ แต่แม้จะทำเช่นนั้นได้ อาวุธยุทโธปกรณ์กำลังสูงก็มีไม่มากนักและการจำลองสู้รบขนาดใหญ่ก็ไม่มี อย่างไรก็ตามการฝึกอบรมออนไลน์ของเซเว่นไลท์ก็ยังถือเป็นเรื่องที่ดีทีเดียว” ชายวัยกลางคนแสดงให้เห็นถึงความไร้อำนาจของเขาในเรื่องบางเรื่อง
“แต่ท้ายที่สุดแล้วการจำลองนั่นก็ไม่ใช่สถานการณ์จริง มีความแตกต่างระหว่างการเผชิญหน้ากับปืนจริงและปืนปลอม คนที่นี่มีรากฐานที่ห่วยแตก!” ใบหน้าของไนท์เต็มไปด้วยความรังเกียจ ในช่วงสองวันที่ผ่านมานี้เขาได้ต่อสู้กับนักศึกษาระดับสูงบางส่วนมาแล้วสองสามรอบและบางคนก็พอจะยอมรับได้อยู่บ้าง พวกเขาทั้งหมดไม่ได้มีค่าอะไรสำหรับเขาเลย ถ้าเขาต้องการที่จะพัฒนาความสามารถในการต่อสู้ของเขา เขาก็สามารถหาคู่ต่อสู้เช่นนั้นได้จากแผนกฝึกอบรมเท่านั้น บางคนในแผนกตำรวจและแผนกฝึกอบรมย้ายออกไปที่กองทัพกาแลคซี พวกเขาแตกต่างจากคนในสถาบันการศึกษา จิตสังหารของทหารในการต่อสู้นั้นทำให้ไนท์ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“ที่นี่ไม่ใช่สถาบันการทหาร…” ชายคนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เขาจำไม่ได้ว่าเขาทำสิ่งซ้ำซากน่าเบื่อต่างๆไปแล้วกี่ครั้งในช่วงสองวันที่ผ่านมา “แล้วนายจะขอโทษพ่อของนายยังไง ใช้โอกาสนี้พูดคุยกับเขาและให้เขาส่งนายไปที่สถานศึกษาทางทหารของอาณาเขต C ดีหรือเปล่า? นายยังไม่ได้ลงทะเบียนที่นี่เลยนี่”
“ไม่มีทาง! ผมยอมทนเบื่อจนกว่าจะสำเร็จการศึกษาดีกว่าที่จะไปขอโทษต่อหน้าเขา! ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก ผมจะไม่ยอมผิดพลาดเด็ดขาด! พวกสารเลวเหล่านั้นสมควรถูกทุบตี! พวกมันควรโดนเตะก้นถีบส่ง!” ขณะที่ไนท์พูดเรื่องนี้ขึ้นมา ท่าทีต่อต้านที่อยู่ในตัวของเขาก็แสดงออกมาทันที มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆหากฟังจากน้ำเสียงที่ดังขึ้นมา เด็กสารเลวนิสัยเสียที่ชอบอวดดี? ครั้งต่อไปที่เขาเจอพวกมัน เขาก็จะทุบตีพวกมันเหมือนกัน
ชายวัยกลางคนยิ้มแย้ม พ่อลูกคู่นี้ช่างคล้ายคลึงกันจริงๆ ช่วงเวลาที่พวกเขาอารมณ์ไม่ดีจะค่อนข้างดื้อรั้นและเป็นอะไรที่รับมือได้ลำบาก มันเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนความคิดของพวกเขา ขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เครื่องมือสื่อสารองเขาก็ดังขึ้นและเขาก็บอกให้ไนท์รอเขาสักครู่ เขามองลงไปบนตัวเลขที่หน้าจอซึ่งเขาไม่รู้จักและมันก็ไม่ใช่การสื่อสารผ่านวีดีโอเ มันเป็นพียงแค่การโทรเข้าธรรมดา เขาสงสัยว่าผู้ที่โทรมาคือใครและหยิบเครื่องมือสื่อสารของเขาขึ้นมาและพูดอย่างแข็งขันด้วยความเป็นหัวหน้าแผนกฝึกอบรมว่า “นี่คือ ‘ฮั่ว นีล’”
“อ่า เจ้าหนูนีล…”
ช่วงเวลาที่เขาได้ยินเสียงปลายทางนั้น ฮั่วนีลก็โผล่พรวดขึ้นมาจากที่นั่งของเขา เขากดเท้าโดยอัตโนมัติและลำตัวตั้งตรงยืนอยู่ในท่าทางมาตรฐานของทหารพร้อมกับตอบกลับไปด้วยเสียงที่ทรงพลังว่า “ครับท่าน!”
คลื่นเสียงดังกล่าวเกือบจะทำให้ไนท์ที่นั่งอยู่ข้างๆแก้วหูเกือบแตก เขาถึงกับอ้าปากค้างเมื่อได้เห็นพฤติกรรมของนีลให้ตอนนี้ ท่าทีของความเป็นผู้อาวุโสกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ได้หายตัวไปอย่างสิ้นเชิง ชายวัยกลางคนยืนอย่างแน่วแน่และตั้งใจขณะที่รอฟังเสียงตอบกลับจากปลายสายอีกด้านหนึ่ง
“ครับท่าน… ครับท่าน ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจะแจ้งให้แผนกตำรวจทำหน้าที่ทันที… ครับท่าน ผมทราบ ไม่ต้องเป็นห่วงครับ… ครับ ดูแลตัวเองนะครับ!”
เมื่อการโทรติดต่อสิ้นสุดลงร่างกายของฮั่วนีลก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย การแสดงออกของเขาเป็นอะไรที่ขมขื่น มันห่างไกลจากท่าทีที่เขาแสดงออกเมื่อพูดกับไนท์ก่อนหน้านี้ “ทำไมท่าน ‘โม่ เชน’ เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ของเขาอีกแล้ว? ท่านโม่เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ของเขาไปแล้วหลายเบอร์และเริ่มเปลี่ยนบ่อยขึ้นในหลังๆที่ผ่านมานี้ อาจจะเป็นเพราะจำนวนของผู้ที่มาติดต่อเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งเหล่าลูกศิษย์ใหม่ที่ท่วมท้นอย่างกับสายน้ำหลาก…”
“ท่านลุงฮั่ว เกิดอะไรขึ้น?”
“ไว้ค่อยคุยกันภายหลัง!” เขาไม่ได้อธิบายอะไรให้ไนท์ทราบมากนัก ฮั่วนีลหันไปและโทรหาแผนกตำรวจ มันใช้เวลาในการติดต่อไม่นาน
“ฮะ? ทำไมนายถึงโทรมาหาฉันในเวลานี้ล่ะนีล? นายรู้สึกเบื่อและอยากจะรับการฝึกอะไรบ้างใน…?” อีกฝ่ายพูดล้อเล่นกับเขา
ฮั่วนีลไม่สนใจคำพูดล้อเล่นของเขาและพูดอย่างจริงจังว่า “เจอร์ราร์ด ฉันเพิ่งได้รับรายงานเกี่ยวกับการโจรกรรมที่สถานีรถไฟทัวร์รอบดาวเคราะห์ที่เขตการค้า รถบินสองคันได้ปล้นกระเป๋าเป้สะพายหลังของนักศึกษาที่กำลังรอรถไฟอยู่…”
ในอีกด้านหนึ่งเจอร์ราร์ดไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรและเอามือกุมขมับของเขา โดยปกติพวกเขาไม่ค่อยใส่ใจเรื่องเล็กๆอะไรแบบนี้ มันเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อยของนักศึกษาและแทบจะไม่มีสาระสำคัญอะไรเลย ความยุ่งเหยิงเกิดขึ้นในสายตาของเขา นอกจากนี้กระเป๋าเป้สะพายหลังที่ขโมยไปก็น่าจะแทบไม่มีอะไรที่สำคัญให้ต้องกังวลและไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเด็กเหล่านั้นล้วนเป็นคนรวย แต่ถึงกระนั้น ใครบางคนที่สามารถขอระดมกองกำลังของแผนกตำรวจผ่านทางฮั่วนีลได้นั้นจะต้องเป็นบุคคลที่มีอำนาจไม่น้อย สิ่งที่ทำให้เจอร์ราร์ดรำคาญก็คือมันน่าจะเป็นเรื่องที่น่ารำคาญอย่างมากหากได้มีการเปิดเผยว่าตำรวจถูกลากเข้าไปในทะเลาะกันระหว่างลูกหลานของเหล่าครอบครัวใหญ่โต
“นีล บอกฉันมาหน่อยว่าใครเป็นคนรายงาน?”
“หัวหน้าเก่าของพวกเรานายพลโม่ รองอาจารย์ใหญ่ของมหาวิทยาลัยเซเว่นไลท์ ท่านโม่…”
ก่อนที่ฮั่วนีลจะพูดจบ เจอร์ราร์ดก็ตอบกลับด้วยความขึงขังอย่างเต็มเปี่ยมทันทีว่า “พวกมันกล้าทำอะไรบางอย่างที่เลวร้ายเช่นการโจรกรรมด้วยรถบินในตอนกลางวันเช่นนี้เนี้ยนะ? นี่เป็นเรื่องที่ชั่วร้ายจริงๆ!”
ฮั่วนีล : “………….”
เจอร์ราร์ดหันไปทางหน้าต่างและปล่อยเสียงคำรามไปที่ลูกน้องของเขาซึ่งกำลังฝึกซ้อมอยู่ข้างนอก “เอาล่ะ! เรียกระดมพล! ใครที่ช้าจะต้องแก้ผ้าและถูกบังคับให้วิ่งเปลือยเปล่าไปทั่วทั้งเมือง!” เสร็จแล้วเขาก็หันกลับมาตอบคู่สนทนา “ฮั่วนีลบอกท่านโม่ว่าไม่ต้องกังวลไป พวกเราจะรีบระดมพลและไปจัดการดูแลไอพวกสารเลวที่ชอบสร้างปัญหาทันที!”
หลังจากที่เขาวางสายแล้ว ฮั่วนีลก็กดปุ่มควบคุมบนมือและป้อนพิกัดตำแหน่งลงไป มีหน้าจอเลื่อนลงมาและภาพฉายขึ้น มันเป็นภาพจากดาวเทียมที่กำลังฉายภาพของรถบินทั้งสองคันและชิลลินซึ่งขี่โฮเวอร์บอร์ดอยู่ทั้งจากมุมด้านบน ด้านข้าง และด้านหน้า ไนท์ขยับตัวเข้ามาดูใกล้ๆอย่างสนใจ
ที่เขตแดนระหว่างเขตการค้าและเมืองที่ไม่เคยหลับไหลของโซนย่านบันเทิง เกิดระลอกคลื่นลมสามสีได้แก่ แดง เหลือง และน้ำเงินจากพาหนะทั้งสามที่วิ่งผ่านไปทางแนวป่าที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“แม่งเอ้ย ในกระเป๋านี่มันมีบ้าอะไรกันวะ? เด็กหนุ่มคนนั้นถึงได้ไล่ตามพวกเรามาไกลด้วยโฮเวอร์บอร์ดของเขา!” ชายในรถบินสีเหลืองสดใสคร่ำครวญ
“ในประเป๋ามีอาหารซะเป็นส่วนใหญ่ แล้วก็หนังสือพิมพ์ แท็บเล็ต และเสื้อผ้านิดหน่อย พวกเสื้อผ้าดูเหมือนจะพอมีราคา แต่นอกเหนือจากนี้ก็ไม่มีอะไรที่มีค่าอีกเลย” ชายอีกคนในรถบินสีแดงเข้มเปิดกระเป๋าของชิลลินดูและตอบชายอีกคนไป
“โอ้พระเจ้า มันไล่ตามพวกเรามาถึงนี่กับอีแค่ของพวกนี้เนี้ยนะ? มันเป็นพวกโมโหง่ายหรือยังไง พระเจ้า! มันน่าจะใช้แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูงมากขนาดไหนกัน!”
พวกเขาสันนิษฐานถึงเหตุผลที่ชิลลินสามารถไล่ตามรถบินของพวกเขามาได้ไกลถึงขนาดนี้ว่า เขาคงจะใช้แบตเตอรี่ที่มีประสิทธิภาพสูง
“แน่นอน? ชิ… แค่ขยะอย่างโฮเวอร์บอร์ดกล้าดียังไงมาไล่ตามรถบิน? คอยดูซิว่าแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงมันจะเพียงพอรึเปล่า! เด็กนั่นมันจะต้องงงแน่ๆ!”
“ลืมมันไปซะ แล้วเร่งเครื่องให้เร็วขึ้น เด็กคนนั้นอาจจะตามมาได้อีกไม่นาน โฮเวอร์บอร์ดขยะๆนั่นของมันคงจะทนกับแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงได้อีกไม่นาน หวังว่ามันคงระเบิดไปกลางทางหรอกนะ!”
“ฮ่าๆ นั่นฟังดูน่าสนุกนะ ลองดูกันซิว่าไอเด็กโฮเวอร์บอร์ดมันจะระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหรือเปล่า! วู้ฮูๆๆๆๆๆ~~”
ชายหนุ่มสองคนนั้นโห่ร้องอวดดีขณะที่พวกเขาเร่งเครื่องขึ้น
ตาของชิลลินหรี่เล็กลง เขาเพิ่มพลังงานด้วยการกดลงไปที่ใต้เท้าและปรับสมดุลท่าทางการยืนให้เหลี่ยมและมุมถูกต้องเพื่อลดแรงกระชาก เกิดออร่ารูปทรงกรวยแหลมที่มองไม่เห็นล้อมรอบตัวของชิลลินไว้ ช่วยให้เขาฝ่าแรงลมที่เข้ามาปะทะได้ เขาไม่ได้สวมแว่นตากันลม แต่ความเร็วระดับนี้กลับไม่ได้ส่งผลกระทบต่อวิสัยทัศน์การมองเห็นของชิลลินเลยแม้แต่น้อย
เสียงเท้าของเขายังคงกดลงไปอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเร่งความเร็ว โฮเวอร์บอร์ดพุ่งผ่านแรงลมไปอีกครั้งและอีกครั้ง ราวกับว่าชิลลินผสานรวมเข้ากับโฮเวอร์บอร์ดแล้วในตอนนี้ เขาเหมือนลูกกระสุนสีฟ้าที่บินด้วยความเร็วและมีความยืดหยุ่น
ชิลลินกำลังคำนวณความเร็วรถบินอีกผ่าย แรงผลักดันที่เขาและความอดทนของโฮเวอร์บอร์ด โฮเวอร์บอร์ดนี้ไม่สามารถไล่ตามรถบินทั้งสองคันข้างหน้าได้ทัน แม้ว่าจะใช้พลังงานและความเร็วสูงสุด นั่นคือเหตุผลที่ชิลลินได้ลดกำลังขับเคลื่อนลงและใช้กำลังของตัวเองเพื่อดันไปข้างหน้าแทน
ภายในสำนักงานแผนกฝึกอบรม ฮั่วนีลและไนท์กำลังจ้องมองไปที่หน้าจออย่างตั้งใจ
“เด็กคนนี้ค่อนข้างผิดปกติหรือเปล่า?” ฮั่วนีลถาม
“เขาไม่ได้ใช้แรงจากหางเสือและยังสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยตัวเอง จากความชำนาญในการหลบอุปสรรคกีดขวางต่างๆ คุณลุงจะเห็นได้ว่าการควบคุมจิตใจของเขานั้นสูงมาก ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อประหยัดพลังงาน เขายังได้สงวนพลังงานหางเสือไว้ตั้งแต่แรกเพื่อใช้สำหรับบินโฮเวอร์บอร์ดอีกด้วย ถ้าเขาเริ่มไล่ตามพวกนั้นจากสถานีรถไฟบริเวณเขตการค้าและยังสามารถไล่ตามมาได้โดยที่ไม่ถูกรถบินทิ้งห่าง นั่นหมายความว่าพละกำลังทางด้านร่างกายของเขาดีมาก จากคลื่นกระแทกที่เขาสร้างขึ้นเมื่อกดลงไปบนโฮเวอร์บอร์ด คุณลุงจะเห็นได้ว่าชายหนุ่มคนนี้แข็งแรงมาก” ในตอนนี้ดวงตาของไนท์นั้นเต็มไปด้วยแรงกระหายในการต่อสู้ที่รุนแรง “เขาเป็นใครครับ?” ไนท์ถามด้วยความสงสัย เนื่องจากชิลลินยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของผู้อื่นมากนัก
ฮั่วนีลป้อนชุดรหัสผ่านและพิกัดบนหน้าจออื่น ผ่านการระบุตัวตนและล็อคตำแหน่งของการ์ดเซเว่นไลท์ เขาสามารถยืนยันตัวตนของผู้ถือบัตรได้แล้ว
ชิลลิน ดูแลนซ์? เขามาจากตระกูลดูแลนซ์?”
อีกด้านหนึ่ง มีรถโดยสารที่กำลังบินจากเขตการค้าไปยังเขตบันเทิงบนอากาศ นักศึกษาบางคนที่กำลังนั่งว่างๆอยู่ในรถมองออกไปที่หมู่ต้นไม้อันไม่มีที่สิ้นสุดนอกหน้าต่าง
ทันใดนั้นดวงตาของนักศึกษาคนหนึ่งก็เบิกกว้างขึ้นและกว้างขึ้น “โอ้พระเจ้า ดูหมอนั่นที่กำลังขี่โฮเวอร์บอร์ดสิ!”
คนที่อยู่ข้างๆเขาต่างก็มองออกไปนอกหน้าต่างและเห็นฉากการไล่ล่าอย่างไม่หยุดยั้งของโฮเวอร์บอร์ดกับรถบินสองคน ในความเป็นจริง พวกเขารวดเร็วขนาดที่สามารถแซงรถโดยสารได้สบายๆ
“นายแน่ใจหรอว่านั่นคือโฮเวอร์บอร์ดไม่ใช่เครื่องบิน?”
“เยี่ยม นายถามว่าได้ยังไง มีเครื่องบินที่มีรูปร่างเหมือนโฮเวอร์บอร์ดด้วยหรอ?”
“จริงๆแล้ว… ฉันคิดว่าพวกเขาอาจจะกำลังโฆษณาโฮเวอร์บอร์ดอยู่หรือเปล่า?” เป็นอีกครั้งหนึ่งที่มีคนแสดงความคิดเห็น
มีใครบางคนมองไปรอบๆแล้วก็พูดว่า “แต่ฉันไม่เห็นว่าจะมีทีมงานถ่ายทำอยู่ตรงไหนเลยนะ?”
“ถ้าจริงๆแล้วมันเป็นโฮเวอร์บอร์ด ฉันก็อยากจะซื้อมันไว้สักอัน แต่ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นของยี่ห้อไหน”
“ไม่ต้องกังวล ฉันจะถ่ายภาพเอาไว้!”
โดยไม่คำนึงถึงการพูดคุยของผู้คนบนรถโดยสาร ตอนนี้ชิลลินอยากจะจัดการกับพวกโจรทั้งสองคน มีความเป็นไปได้สูงที่หลังจากนี้โฮเวอร์บอร์ดของเขาจะไม่สามารถใช้บินได้อีก
รถบินทั้งสองคันที่อยู่ข้างหน้ายังคงเร่งความเร็วขึ้นและชิลลินเองก็ใส่แรงผลักดันและความถี่เพิ่มขึ้นด้วยเท้าของเขา ทำให้เกิดเสียงดังขึ้นในอากาศที่แม้แต่ผู้โดยสารบนรถก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
ไม่นานนัก แสงสีแดง เหลือง และน้ำเงินก็หายวับไปจากสายตาของผู้โดยสาร
‘ไม่ดีแน่ โฮเวอร์บอร์ดกำลังจะถึงขีดจำกัด’ ชิลลินคิดอย่างรวดเร็วภายในใจ
ทันใดนั้นโจรทั้งสองคนที่คุยกันอยู่ในรถของพวกเขาก็ได้ยินเสียงระเบิดจากด้านหลัง
“เฮ้ มันระเบิด! โฮเวอร์บอร์ดของไอเด็กนั้นระเบิด!”
ชายหนุ่มในรถสีแดงเข้มรู้สึกดีใจมาก ในขณะที่เขาเริ่มหันศีรษะไปรอบๆและสนุกต่อความน่าสังเวชของเด็กข้างหลังที่ไล่ตามมา แต่หลังจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงดังขึ้นอย่างฉับพลัน ตาของเขาเบลอและรถบินก็เสียการควบคุมพร้อมกับกระแทกลงไปบนพื้นดิน
ครู่ต่อมามันก็เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งกับรถสีเหลืองสดใสที่ลอยหมุนควงขึ้นไปบนอากาศ
ฮั่วนีลและไนท์จ้องมองไปที่หน้าจอภายในสำนักงานฝึกอบรมและรู้สึกตะลึง
ฝากกดไลค์ กดติดตามเพจ ให้กำลังใจ และติดตามข่าวสารกันด้วยนะครับ :
*หากมีคำติชมใดๆสามารถเสนอแนะเข้ามาได้ครับ ผิดพลาดประการใดผู้แปลต้องขออภัยผู้อ่านมา ณ ที่นี้ด้วย
*ถ้าอยากอ่านและให้ลงบ่อยๆช่วยกันคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยนะคร๊าบบบบบบบ