I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Stunning Edge (绝色锋芒) ตอนที่ 34 เจ้าออกมา

| Stunning Edge (绝色锋芒) | 934 | 2358 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้วตอนต่อไป

ทั่วทั้งเวทีเสียงดังครืนขึ้นทันที เสียงดังสะท้อนขึ้นไปถึงขอบฟ้า เสียงฟ้าร้อง และเสียงของคมน้ำแข็งประทะกัน ดังเจาะเข้าไปถึงแก้วหูของทุกคน

ในขณะที่ความมืดครึ้มของเมฆหมอกได้จางหายไป ภาพบนเวทีก็ทำให้ทุกคนต้องตกใจ

ลาเชียร์พยายามที่จะพยุงร่างกายของเธอ พยายามเต็มที่ที่จะยืนให้ตรง พร้อมกับหายใจหอบ ในขณะที่เธอพยายามที่จะป้องกันการโจมตีจากน้ำแข็งขนาดใหญ่ ลาเชียร์ได้สร้างโล่ป้องกันขึ้นมา แต่ผลกระทบจากการโจมตีของเหล่าน้ำแข็งนั้นรุนแรงเกินไป ที่สำคัญกว่านั้น ตอนนี้มีหลุมที่โดดเด่นอยู่ที่แขนซ้ายของเธอและมีเลือดท่วมออกมา เลือดสีแดงได้ย้อมสีแขนเสื้อของเธอให้กลายเป็นสีแดง และยังคงไหลลงมาตามแขนของเธออย่างต่อเนื่อง เลือดสีแดงสดได้หยดลงบนพื้น ราวกับเป็นการสร้างสรรค์ดอกไม้สีเลือดที่แปลกประหลาด

แต่ตอนนี้การแสดงออกของกงหยู๋ เฟิ่งก็ไม่สามารถอ่านได้ราวกับน้ำ เขารู้ดีกว่าผู้ใดทั้งนั้น ถ้ามันไม่ใช่การโจมตีทางจิตวิญญาณที่รุนแรงแล้ว ผู้หญิงคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ จะไม่ใช่แค่เลือดออกที่แขน แต่เป็นตรงตำแหน่งหัวใจ เป็นใครกัน

ลาเชียร์ถึงกับกัดฟันของเธอ ความเจ็บปวดทำให้แขนของเธอสั่นเทา มีน้ำแข็งอยู่ในเลือดของเธอ เพราะน้ำแข็งกำลังละลาย ยิ่งมันละลายมากขึ้นเท่าไหร่ ความเจ็บปวดระทมทุกข์ก็มากขึ้นเท่านั้น มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ามีมดล้านตัวกำลังแทะกระดูกของเธออยู่ในตอนนี้ และโครงกระดูกทั้งหมดของเธอถูกบดขยี้ ลาเชียร์คิดว่าเธอเกือบจะได้ยินเสียงกระดูกของเธอแตกออกจากกันแล้ว สายตาของเธอก็ยิ่งลืมเลือนมากขึ้น เธอรู้ว่าเธอเพิ่งจะถูกดึงออกมาจากประตูของของความตาย มันมีแววตาของความตกใจและความโกรธแค้นในดวงตาของชายหนุ่มผู้นั้น และรังสีของแสงที่ยิงไปที่หน้าอกของเธอ ก่อนที่จะหันไปมองที่แขนของเธอในทันทีนั้นผิดธรรมชาติ มันทำให้เธอได้เข้าใจว่าชายหนุ่มตรงหน้าของเธอนั้นต้องการที่จะสังหารเธอ แต่กลับมีใครบางคนแทรกแซง แต่เดิมแผลนี้ควรจะอยู่บนหน้าอกของเธอ

ใครกันที่เข้ามาแทรกแซงกับชายหนุ่มผู้เลือดเย็นคนนี้ ใครเป็นคนช่วยเธอไว้

สายตาของลาเชียร์เปลี่ยนเป็นฝ้ามัวมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เธอก็เห็นได้ชัดเจนว่าสายตาของชายหนุ่มผู้นั้นเปลี่ยนเป็นเยือกเย็นมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วชายหนุ่มผู้นั้นก็จ้องมองราวกับน้ำแข็งไปยังทิศทางที่เขามั่นใจ

ก่อนที่ลาเชียร์จะหมดสติไป เธอได้มองตามสายตาของชายหนุ่มผู้นั้นไปและเห็นใบหน้าที่ไม่แยแสของแคลร์ปรากฏขึ้น

ที่สนามกีฬาเปลี่ยนเป็นความเงียบเหมือนคนตาย แต่ละคนต่างตกตะลึงไปตามๆ กัน

ตอนนี้มันเป็นตอนที่คลิฟ ได้ละสายตาจากชุดกระโปรงของชาวใช้ไป

ผลของการแข่งขันก็ได้อธิบายด้วยตัวของมันเองแล้ว กับฉากบนเวที ลาเชียร์ คนที่ได้หมดสติไปแล้ว ได้พายแพ้ไป และชายหนุ่มคนที่ยังยืนอยู่อย่างมั่นคงบนเวทีในตอนนี้ กงหยู๋ เฟิ่งก็คือผู้ชนะ

นักเรียกของลากาค ต่างเต็มไปด้วยความยินดี ชัยชะ พวกเขาชนะแล้ว

นักเรียนของสถาบันซันไรส์ใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด พวกเขายังไม่กลับมาเป็นตัวของตัวเองด้วยซ้ำ ลาเชียร์ผู้ที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่บนเวที อาจจะตายก็ได้ เหล่าขุนนางทั้งหลายกลายเป็นใบ้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่มีใครคาดคิดว่าการแลกเปลี่ยนจะจบลงเช่นนี้ และก็ไม่มีใครสามารถที่จะยอมรับผลลัพธ์เช่นนี้ได้

แพ้ พวกเขาแพ้แล้ว

ลาเชียร์ผู้อัจฉริยะได้พายแพ้ และพายแพ้อย่างน่าอนาถเกินไป

บนที่นั่งพิเศษ เอกอัครราชทูตหรี่ตาของเขาลง ประกายแสงเบาบางปรากฏขึ้นอย่างเฉียบพลัน แล้วเขาก็เหลือบมองไปที่สมเด็จพระสันตะปาปาคนที่อยู่ข้างๆเขา แต่สมเด็จพระสันตะปาปากลับหลับตาของเขาอยู่ สมเด็จพระราชาก็ไม่ได้ยิ้ม แต่ก็ไม่ได้แสดงออกใดๆ เช่นกัน คลิฟยกคิ้วดูเหมือนว่าจะขบคิดเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างอยู่ สมเด็จพระราชินีขมวดคิ้วดูเหมือนว่าจะกังวลเล็กน้อย

ไม่นาน หน่วยพยาบาลก็รีบวิ่งขึ้นไปบนเวทีเพื่อยกร่างของลาเชียร์ที่หมดสติกลับไปรักษา นักเวทย์ผู้ทำหน้าที่ตัดสินได้ขึ้นไปบนเวทีเพื่อที่จะประกาศถึงชัยชนะของ กงหยู๋ เฟิ่ง

แต่กงหยู๋ เฟิ่งกลับไม่สนใจผู้ตัดสิน ตรงกันข้าม เขากับหันหลังกลับและจ้องมองด้วยสายตาแผดร้อนไปในทิศทางเดียว ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่น่าสนใจ จากนั้นเขาก็ยกมือของเขาขึ้นหยุดการประกาศในทันที

ผู้ตัดสินหยุดการประกาศไปชั่วคราว ไม่เข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มเยือกเย็นผู้นี้ต้องการที่จะทำ

เหวินโม่สุ่ยก็ยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ของเขา แต่ก้นของเขาก็เริ่มที่จะกระสับกระส่ายไปมา เขาขยับตัวไปรอบ ๆที่นั่งของเขาในขณะที่เขาเฝ้าดู กงหยู๋ เฟิ่งบนเวที มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่า กงหยู๋ เฟิ่ง มีประกายมืดมิดเกิดขึ้นในส่วนลึกของดวงตาของเขา และมันได้พิสูจน์แล้วว่ากงหยู๋ เฟิ่งกำลังตื่นเต้นอยู่ในตอนนี้ นั้นคือเขาได้พบกับสิ่งที่น่าสนใจให้แล้ว มันคืออะไร มันคืออะไรเหวินโม่สุ่ยก็เริ่มที่จะตื่นเต้นไปด้วยเช่นกัน

“รอบนี้ไม่นับ”คำแรกที่ออกมาจากปากกงหยู๋ เฟิ่งสร้างความโกลาหลอย่างมากในหมู่ผู้ชม

นักเรียนของสถาบันซันไรส์ที่กำลังโกรธเกือบจะระเบิดออกมา นี่คือการดูถูกราวกับว่าพวกเขากำลังเปลือยกาย เป็นการดูถูกซึ้งๆหน้าอย่างมาก

แต่นักเรียกทุกคนจากลากาคพวกเขาได้หุบปากลงทันที อาจารย์ที่ปรึกษาของกงหยู๋ เฟิ่งแทบอยากจะร้องไห้ เขารู้ว่าชายหนุ่มตัวปัญหาผู้นี้จะต้องทำเรื่องบ้าๆ เช่นนี้ขึ้นอีกครั้งอย่างแน่นอน เขาทิ้งชัยชนะที่พวกเขามีอยู่ในมือไป อาจารย์ที่ปรึกษาของกงหยู๋ เฟิ่ง ถึงกับทึ่งผมของตัวเอง มีเสียงโหยหวนอยู่ในใจว่าสักวันผมของเขาจะต้องถูกทำลายหมดไปเพราะ กงหยู๋ เฟิ่งอย่างแน่นอน สายตาที่เอกอัครราชทูตมองมาที่เขา ทำให้เขาอยากที่จะโขกหัวของเขาไปกับฝาผนังอย่างช่วยไม่ได้

“เจ้า ออกมา” นิ้วมือเรียวของกงหยู๋ เฟิ่งค่อยๆ ตรงขึ้นไปเรื่อยๆ ในขณะที่ชี้ออกไป และคายคำพูดที่เย็นชาไม่กี่คำออกมา

สายตาของทุกคนมองตามมือของกงหยู๋ เฟิ่งไป และพวกเขาทั้งหมดต่างแช่แข็ง

คนที่คล้ายกับลาเชียร์ผู้พายแพ้ผู้นั้น ก็คือแคลร์นั่นเอง

“ออกมา เจ้ารู้ว่าทำไมข้าถึงเรียกเจ้า”การแสดงของกงหยู๋ เฟิ่งราวกับน้ำแข็งอย่างสมบูรณ์แบบ เขามองอย่างเยือกเย็นไปที่แคลร์ก่อนจะพูดขึ้น

“เจ้าออกมาแทนผู้หญิงคนนั้น รอบที่แล้วไม่นับอยู่แล้ว”

คำพูดที่หยิ่งสโยของเขาทำให้ผู้คนของอัมพารค์แลนด์โกรธแค้นเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มผู้นี้จะหยิ่งสโยมากเกินไปแล้ว มากมายมโหฬารราวกับสวรรค์และโลก เขาปฏิบัติเช่นนี้กับการแข่งขันของสองประเทศได้อย่างไรกัน

การแสดงออกของเอกอัครราชทูตในที่สุดก็เปลี่ยนแปลง และกำลังจะลุกขึ้นยืนเพื่อพูดอะไรบางอย่าง

แต่ตอนนี้สมเด็จพระสันตะปาปาค่อยๆเปิดเปลือกตาของเขาขึ้น ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ กับสมเด็จพระราชา

“ใต้ฝ่าพระบาท ปล่อยให้พวกเขาได้ดำเนินการแข่งขันให้เสร็จสมบูรณ์เถิด อย่ากดดันความแข็งแกร่งของพวกเขาเลยพ่ะย่ะค่ะ”

เอกอัครราชทูตเปิดปากของเขากว้าง ก่อนจะกลืนกลับคำพูดของเขาทั้งหมดลงไปเช่นเดิม เขาไม่เข้าใจสิ่งที่อยู่ในความคิดของสมเด็จพระสันตะปาปาในตอนนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาพูดเชิงขอร้องขึ้นอย่างไม่คาดคิด

แม้แต่สมเด็จพระราชายังตกตะลึง แม้ว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่คาดคิดและน่าขัน แต่การตอบสนองของสมเด็จพระสันตะปาปาก็นึกไม่ถึงกันโดยสิ้นเชิง ทั้งหมดของผู้ชมบนอัฒจันทร์ราวกับกลายเป็นคนโง่งมไปแล้ว สมเด็จพระสันตะปาปาหมายความว่าอย่างไร ให้แคลร์แทนที่ ลาเชียร์ ในการแข่งขันนี้ และแข่งขันอีกรอบอย่างนั้นหรือ นี้เพื่อปกป้องความภาคภูมิใจของอัมพารค์แลนด์หรือเขาหมายถึงอย่างอื่น การแข่งขันที่จบลงแล้วกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้งหรือ

แต่สมเด็จพระสันตะปาปาได้พูดแล้ว สมเด็จพระราชามองไปที่แคลร์ เขาไม่ได้ต้องการที่จะทำอะไรผลีผลามเป็นการขัดใจต่อ คลิฟหรือสมเด็จพระสันตะปาปา แต่แคลร์กลับพยักหน้าของเธออย่างไม่ใส่ใจ เช่นนั้นสมเด็จพระราชาก็รู้สึกโล่งใจ แคลร์ได้ตกลงแล้ว ดังนั้นแม้ว่าคลิฟอยากจะตำหนิใครสักคน แต่มันจะไม่มีใครที่จะให้ตำหนิได้ นอกจากนี้ด้วยนิสัยของคลิฟ เขาจะไม่ยอมปล่อยให้ชีวิตของแคลร์ ต้องถูกคุกคามตลอดเวลาในการแข่งขัน หากสถานการณ์จะเปลี่ยนเป็นอันตรายอย่างแท้จริง คลิฟจะไม่สนใจกฎทั้งหมดและแทรกแซงเพื่อช่วยอย่างแน่นอน

สมเด็จพระราชาพยักหน้าของเขาไปทางผู้ตัดสิน เช่นนั้นผู้ตัดสินถึงกลับได้มาเป็นตัวของเขาอีกครั้ง และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันดัง

“รอบที่สามของการแข่งขัน เป็นแคลร์ต่อสู้กับกงหยู๋ เฟิ่ง”

ฝูงชนราวกับถูกต้ม

อย่างแน่นอน และโดยสิ้นเชิง พวกเขากำลังเดือด

การเปิดการแข่งขันที่ราวกับเยาะเย้ยนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึกและรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง

มันไม่สำคัญว่ามันเป็นเรื่องน่าทึ่งหรือเรื่องบ้าอะไร แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้พวกเขามีความหวังขึ้นมาบ้าง

มันจะมีโอกาสที่จะชนะจริงๆ หรือ มันจะมีโอกาสที่พวกเขากู้หน้าพวกเขากลับมาได้จริงๆหรือ

อย่างรวดเร็วมันมีสองปฏิกิริยาเกิดขึ้น

บางคนพูดว่าแคลร์คือนักไล่ล่าผู้ชายที่โง่เขลา เธอจะมีแต่ทำให้อัมพารค์แลนด์เสียหน้าเท่านั้น คนอื่นๆบอกว่าแคลร์ได้กลายเป็นลูกศิษย์ของคลิฟในตำนานแล้ว ดังนั้นเธออาจจะมีโอกาสอยู่บ้าง ตามธรรมชาติอดีตที่ดีคือคะแนนเสียงส่วนมากที่นำไปแล้ว ขุนนางที่รู้จักแคลร์มองเธอด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน รังเกียจ ดูถูกดูแคลน เยาะเย้ย หัวเราะเยาะ คาดหวัง….เจ้าหญิงมอริซมองไปที่แคลร์ด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าของดยุคกอร์ดอนนั้นดำมืดลงเรื่อยๆในตอนนี้

แคลร์ยืนขึ้นอย่างช้าๆ

เสียงต่ำและก้องลึกของการเป่าแตรยาวก็ดังขึ้น

ทุกสายตาจับจ้องไปยังเด็กสาวผมสีบลอนด์ ดวงตาสีฟ้าผู้นั้น

ภายใต้แสงแดดแคลร์ยิ้มอย่างแผ่วเบา และเริ่มเดินอย่างช้า ๆ ไปยังศูนย์กลางของสนาม

สายลมพัดมาเบา ๆ ทำให้ผมยาวของแคลร์ให้พลิ้วไหวอยู่ในอากาศ และในทันทีที่ทุกคนต่างเห็นเป็นภาพลวงตา ว่าผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่นักไล่ล่าผู้ชายผู้โง่เขลาในข่าวลืออีกต่อไป แต่กลับส่องแสงสวยงามราวกับอัญมณี

ตอนที่แล้วตอนต่อไป
comments