I-Here.info [ไอ้-เหี้ย ดอท อินโฟ]

Stunning Edge (绝色锋芒) ตอนที่ 39 สัตว์เวทย์

| Stunning Edge (绝色锋芒) | 1045 | 2338 วันที่แล้ว
ตอนที่แล้ว

ชีวิตของแคลร์นั้นเงียบสงบอย่างมากในขณะนี้ แคลร์ไม่ได้เผชิญหน้ากับการแก้แค้นของกงหยู๋ เฟิ่ง และดูเหมือนว่ากงหยู่ เฟิ่งจะหายเงียบไป

“แปลก ทำไมคนประหลาดผู้นั้นถึงได้ไม่กลับมาแก้แค้น บางทีเขาอาจจะมีริดสีดวงทวารขนาดใหญ่ก็เป็นได้” วอลเตอร์งงงวยอย่างที่สุด เขามีความยินดีอยู่ลึกๆ ในเวลานั้น ที่เขาไม่ได้พูดมันออกมา ที่เขาสาบานว่าถ้าผู้ชายคนนั้นไม่กลับมาแก้แค้นปีศาจน้อยผู้นี้ เขาจะยอมเปลี่ยนนามสกุลของเขาเป็นแคลร์ โชคดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้พูดมันออกมาเสียงดัง โชคดีมาก มากจริงๆ

“เจ้าพึมพำอะไร” เสียงเยือกเย็นของแคลร์ดังขึ้นในหัวของวอลเตอร์ในทันที

วอลเตอร์เกือบจะร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ มันคงไม่ใช่ว่าปีศาจน้อยจะสามารถได้ยินสิ่งที่เขาคิดใช่ไหม มันเป็นไปไม่ได้ใช่ไหม

วอลเตอร์ลืมไปเสียสนิทว่าแคลร์จะสามารถคาดเดาบางสิ่งบางอย่างได้จากพื้นฐานของคลื่นพลังจิตวิญญาณของเขา ตัวอย่างเช่น ตอนนี้จิตวิญญาณของวอลเตอร์ไม่นิ่ง มันมีความหยาบคายออกมาให้เห็น โดยธรรมชาติแล้ว ชายผู้นี้จะต้องกำลังมีความคิดไม่ดีอยู่อย่างแน่นอน

“ไม่มี ไม่มีอะไร ข้าเพียงแค่คิดว่า เจ้ากำลังจะกลับไปยังสถาบันแล้ว” วอลเตอร์หัวเราะคิกคัก

แคลร์ถอนหายใจเสียงดัง แน่นอนคำพูดของวอลเตอร์นั้นเชื่อถือไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“แคลร์เจ้าจะยังทำต่อไหมวันนี้ เจ้าไม่รู้สึกเจ็บบ้างหรือที่ทำอยู่ทุกวันนี้” วอลเตอร์เฝ้าดูแคลร์ฝึกอย่างใกล้ชิด รู้สึกเป็นกังวลแทนแคลร์ เธอเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นทุกครั้ง ยามที่ต้องเผชิญกับอัศวินอย่างจีน

“อะไรรู้สึกดีกว่ากัน ความเจ็บปวดหรือความตาย” แคลร์ถามขึ้นอย่างเย็นชา

วอลเตอร์ถึงกับสั่น นั่นเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงเลย ความตาย ทำให้ไม่เหลืออะไรเลยสักอย่าง ความเจ็บปวดไม่ต้องพูดถึงด้วยซ้ำ

แคลร์หยิบดาบและเดินไปทางด้านหลังของการลานฝึกซ้อม พร้อมกับจีนที่เดินตามมาทางด้านหลัง

มันเป็นอีกวันของการฝึกซ้อมที่รุนแรง วอลเตอร์หาวขึ้นอย่างง่วงเหงา ไม่ว่าจะกรณีใด ๆ เขาก็ไม่ได้เป็นคนที่จะได้รับบาดเจ็บ แล้วใครจะไปสนใจในการต่อสู้ของปีศาจน้อยกัน

เสียงสะท้อนของอาวุธดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับการฝึกซ้อมภาคพื้นดินของแคลร์ยังถือว่ามีอุปสรรคอยู่ ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตอาจจะต้องมีหลายคนที่จะสะดุ้งตกใจกับต่อสู้ที่รุนแรงเช่นนี้

วอลเตอร์มองไปที่แขนและร่างกายของแคลร์ ทั้งสองอย่างต่างก็ได้รับบาดเจ็บและมีเลือดไหลซึมผ่านเสื้อผ้าของเธอออกมา เพียงแค่เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ทำให้เขาเหงื่อตก ปีศาจน้อยผู้นี้จะรุนแรงและใจหินเกินไปแล้ว เธอปฏิบัติกับตัวเองด้วยอย่างโหดร้าย การจ้องมองที่ลึกล้ำเยือกเย็น และแสดงออกที่โหดร้ายและป่าเถื่อน ทำให้ไม่มีใคนสามารถที่จะทนดูได้

จีนถึงกับขมวดคิ้ว การโจมตีของแคลร์นั้นสมบูรณ์แบบ แตกต่างจากนักรบโดยทั่วไป ทั้งเจ้าเล่ห์และรุนแรง ดังนั้นแม้ว่าเขาผู้ที่มีแข็งแกร่งมากกว่าแคลร์ ก็ไม่มีทางเลือก แต่ต้องคอยระวังเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเธอเท่านั้น

แคลร์ถอยออกไปตั้งหลัก ก่อนจะปล่อยพลังลมปรานให้ระเบิดออกมาขณะที่เธอกวัดแกว่งดาบไปที่จีน

จีนไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย เตรียมพร้อมป้องกันการโจมตีในครั้งนี้

ใครจะไปคาดคิดว่าในเวลาต่อมา สิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ก็เกิดขึ้น

“เจี๊ยบ เจี๊ยบ เจี๊ยบ เจี๊ยบ” บางสิ่งบางอย่างที่มีขนยาวที่ไม่รู้ที่มาที่ไป บินโฉบลงมาบนใบหน้าของแคลร์อย่างเหมาะเจาะ ด้วยความรวดเร็วอย่างมาก จนสายตาทั่วไปไม่สารถมาจับได้ว่ามันคือสิ่งใด มันจะไม่ฟังดูเกินจริงที่จะบอกว่ามันเร็วกว่าความเร็วของแสงด้วยซ้ำ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทุกคนถึงไม่สามารถที่จะตอบสนองในเวลานั้นได้

“ท่านหญิง” จีนเรียกขึ้นด้วยความเป็นห่วงอย่างมาก

แคลร์แข็งค้าง ไอ้ตัวประหลาดมีรูปร่างขนาดเล็กและขนยาวนุ่มและอบอุ่นนี่มันคืออะไร มันเป็นสัตว์ประเภทไหนกัน ไม่ถูกต้อง สัตว์ขนาดเล็กไม่สามารถผ่านเข้ามาในการต่อสู้โดยที่พวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ปราสาทของดยุคก็ไม่เคยมีสัตว์ขนาดเล็กนี้มาก่อน

มันคืออะไร

“เจี๊ยบ เจี๊ยบ เจี๊ยบ เจี๊ยบ”เจ้าตัวเล็กขนยาวปีนขึ้นไปบนศีรษะของแคลร์ด้วยความระมัดระวัง จับผมของเธอเอาไว้แน่นและไม่ยอมปล่อย

“นี่มันคืออะไร”แคลร์ขมวดคิ้ว

“มันดูเหมือนว่าน่าจะเป็นสัตว์ขนาดเล็กขอรับ”จีนจ้องมองไปด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆ สัตว์ตัวนี้ก็ได้ปรากฏขึ้น เขาจ้องมองอย่างว่างเปล่า ในขณะที่มันปีนขึ้นไปบนหัวของแคลร์อย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่กล้าที่จะดึงมันออก

“นี่มันตัวอะไรกัน”แคลร์ยื่นมือของเธอออกไปคว้าสัตว์บนหัวของเธอออก ใครจะได้คิดว่าเธอจะไม่สามารถดึงมันออกมาได้และตรงกันข้าม สัตว์ขนาดเล็กก็จับผมของแคลร์เอาไว้แน่น

วอลเตอร์จ้องมองอย่างงุนงงและสำรวจสัตว์ขนาดเล็ก ที่กล้าที่จะให้ทำสถานการณ์มันยุ่งยากขึ้น หูเล็กๆ หัวเล็กๆ อุ้งเท้าเล็กๆ ร่างกายเล็กกลม ดวงตากลมใหญ่สีดำ กำลังกลิ้งกรอกไปมา และหางสั้นๆขนาดเล็ก มันดูเหมือนลูกชิ้นขนาดเล็กๆ เขาไม่เคยเห็นสัตว์ชนิดไหนที่มีขนาดเล็กเท่านี้มาก่อน มันคืออะไร แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งนี้มันคืออะไร แต่ในหัวใจของวอลเตอร์มีความรู้สึกว่า เจ้าสิ่งเล็กๆ ตัวนี้ช่างน่ารัก น่ารัก น่ารักมากจริงๆ สำหรับผู้ชายเขาคิดว่ามันน่ารักมากขนาดนี้ เช่นนั้นสำหรับผู้หญิงแล้วสัตว์ขนาดเล็กตัวนี้คงจะยิ่งกว่าที่จะบรรยายได้เลยทีเดียว

ตอนนี้ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือ สิ่งที่น่ารักตัวนั้นมันกำลังปีนขึ้นไปด้านบนของหัวแคลร์ ปีศาจน้อยผู้นั้น

ช่างเป็นการรวมตัวกันที่สมบูรณ์แบบที่สุด กับการแสดงออกที่เยือกเย็นของปีศาจน้อยและรูปร่างที่น่ารักของสัตว์ขนาดเล็กนั้น จริง ๆมันคือการแดกดันของวอลเตอร์ มันเป็นฉากที่ดูตลกมากที่สุด เขาอยากจะหัวเราะ แต่เขาไม่ก็กล้า

“เจี๊ยบ เจี๊ยบ”เจ้าสัตว์ที่มีขนาดเล็กนั้น มองลงไปที่ผมสีบลอนด์ของแคลร์ และไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ให้เสียเวลา มันเลื่อนตัวลงมาตามเส้นผมของแคลร์ลงไปอยู่ที่ไหล่ของเธอแทน

“ท่านหญิง ระวังด้วยขอรับ”จีนเต็มไปด้วยความประหม่า เจ้าสัตว์ขนาดเล็กนี้จู่ๆ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมา ดูผิวเผินก็ไม่ได้ดูอันตรายแต่อย่างใด แต่ใครจะรับประกันได้ว่ามันจะไม่มีความคิดชั่วร้ายใดๆ และมันก็ปรากฏตัวขึ้นในลักษณะที่แปลอย่างมากอีกด้วย

แคลร์ขมวดคิ้ว เจ้าสัตว์นี่มันคือตัวอะไรกันแน่ เธอไม่เห็นมันในหนังสือภาพประกอบคู่มือสัตว์เวทย์ หรือภาพประกอบคู่มือร่างจำแลงมาก่อน

“เจี๊ยบ เจี๊ยบ”มันยิ่งจับแน่น เมื่อแคลร์ต้องการที่จะยื่นมือไปคว้าสัตว์ขนาดเล็กตรงไหล่ของเธอ จู่ๆ คอของเธอรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา ดูเหมือนว่าเจ้าสิ่งที่มีขนาดเล็กๆ ได้เปิดปากของมันเพื่อเลียแผลให้กับแคลร์เบาๆ

ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าเจ้าสัตว์ขนาดเล็กนี้ไม่มีอันตรายใดๆ แคลร์ก็เกิดรู้สึกปวดหัวราวกับมันจะระเบิดออกมา เกือบจะยืนไม่ไหวอีกต่อไป และในทันทีเธอได้เสียงดาบลงไปที่พื้นเพื่อช่วยพยุงตัวเองเอาไว้

“แคลร์” วอลเตอร์ร้องออกมาดัง ๆ อย่างหงุดหงิด

“ท่านหญิง”หัวใจของจีนถึงกับตื่นตระหนก หรือว่าเจ้าสัตว์เวทย์ตัวนั้นทำอะไรบางอย่างกับแคลร์

“อย่าแตะต้องข้า ให้ข้าพักสักครู่”การมองเห็นของแคลร์นั้นยังสลัวๆ อยู่เล็กน้อย บ้าจริง มันช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งอย่างมากที่วิ่งออกมาจากแผลที่สิ่งที่มีขนาดเล็กๆ นั้นเลีย นอกจากนี้มันยังโจมตีกระหน่ำราวกับพายุ แม้ว่าจิตวิญญาณของเธอนั้นจะแข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันยากที่จะต่อต้าน ถ้าเป็นคนปกติทั่วไป พวกเขาคงจะสำลักเลือดออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของพวกเขาและเสียชีวิตไปแล้ว

เจ้าสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กนี้กำลังบังคับให้เธอทำสัญญากับมัน และยังเป็นสัญญาต้นแบบทาสหรืออีกอย่างคือแบบเจ้านายและข้ารับใช้

แม้ว่าแคลร์เคยคิดเกี่ยวกับการค้นหาสัตว์เวทย์ หรือหาร่างจำแลงที่มีพลังแข็งแกร่งเพื่อทำสัญญาและกลายเป็นผู้ช่วยของเธอ แต่เธอก็ไม่คาดคิดว่าจะเป็นการทำสัญญาแบบนี้ แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าเจ้าขนปุยขนาดเล็กนี้คือตัวอะไร เพราะคนๆ หนึ่งจะสามารถทำสัญญาเพียงครั้งเดียวกับสัตว์เวทย์เพียงตัวเดียวเท่านั้น เธอจะต้องยกเลิกสัญญาของเธอก่อนที่จะทำสัญญาอีกครั้ง ตอนนี้ สัญญาแรกของเธอถูกก้อนลูกชิ้นที่เธอไม่รู้จักว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำขโมยไปแล้ว

วอลเตอร์และจีนเฝ้ามองแคลร์ คนที่ยืนอยู่ที่นั่น ด้วยความหงุดหงิดและไม่ไหวติง หัวใจของพวกเขาเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด แต่ในเวลาเดียวกัน ทั้งสองก็ไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวหรือทำอะไรทั้งสิ้น กลัวว่าถ้าส่งเสียงหรือทำอะไรลงไป จะทำให้แคลร์ต้องเจอกับสถานการณ์ที่แย่ไปกว่าเดิม

“ชื่อของข้าคือ ราชาสีขาว”เสียงเคร่งขรึมและสง่างามดังขึ้นเบาๆ ในหัวของแคลร์ แล้วก็หายไป

ราชาสีขาวหรือ

แคลร์ตกตะลึง เสียงนั้นอาจจะมาจากเจ้าลูกบอลขนปุยเล็กๆ นี้ก็ได้

มันเป็นไปไม่ได้

หลังจากนั้นใครจะรู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นิ้วมือของแคลร์ในที่สุดก็กระตุกขึ้น ในขณะเดียวกันร่างของเธอนั้นเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เธอพยายามที่จะต่อต้านอำนาจที่มีประสิทธิภาพสูงสุด มันได้ใช้พลังที่แข็งแกร่งของเธอไปมากจริงๆ

“แคลร์ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม ดีจริงๆ ที่เธอไม่เป็นอะไร”วอลเตอร์ถามขึ้นด้วยอารมณ์

“ท่านหญิง มันเกิดอะไรขึ้นขอรับ”จีนขมวดคิ้ว ก่อนจะมองไปที่ลูกบอลขนปุยขนาดเล็กที่หมอบอยู่บนไหล่ของแคลร์

“ข้าและมันได้ทำสัญญากันแล้ว และก็เป็นสัญญาต้นแบบทาสด้วย”แคลร์นำลูกบอลขนปุยขนาดเล็กออกมาจากไหล่ของเธอ และในทันทีลูกบอลขนปุยก็ได้เลียบาดแผลที่มือของแคลร์อย่างแผ่วเบา แคลร์ไม่ได้พูดออกมาเป็นเสียง ว่าเจ้าสัตว์เวทย์ที่มีขนาดเล็กและน่ารักดูไม่เป็นอันตรายใดๆ กลับเป็นฝ่ายที่บังคับให้เธอทำสัญญาและเป็นสัญญาในรูปแบบเช่นนั้นอีกด้วย

วอลเตอร์และจีนจ้องมองไปอย่างตกตะลึง รูปแบบของสัญญา เป็นสัญญาต้นแบบทาส

เจ้าตัวเล็กขนปุย เนื้อก็แทบจะไม่มี แสนจะน่ารัก ที่ดูไม่เป็นอันตรายและเป็นสิ่งเล็กๆ ที่ไร้มีประโยชน์ สามารถที่จะสะบัดมันออกด้วยนิ้วมือเดียวเท่านั้น

อีกอย่างถ้ามีคนรู้ว่าแคลร์ที่น่าอัศจรรย์และมีชื่อเสียงในการต่อสู้เพียงคนเดียว มีสัตว์เวทย์ที่น่ารักและไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อผู้ใดเช่นนี้ แล้วมันจะเป็นอย่างไร

วอลเตอร์กระตุก ฟุ้งซ่าน ผู้ที่กดขี่ข่มเหงคนอื่นอย่างแคลร์ ใบหน้าที่เย็นชา ตะโกนขึ้นเสียงดัง จนทำให้ทุกคนจ้องมองมาอย่างตกตะลึงไปตามๆ กัน จากนั้น เจ้าลูกบอลขนปุยก็ปีนขึ้นมาบนหัวของเธอ อย่างช้าๆ โบกอุ้งเท้าที่เต็มไปด้วยขนที่ยาวของมันไปมา และร้องขึ้น เจี๊ยบๆ ฮ่า ๆ ฮ่าๆ นี้มันจะตลกเกินไปแล้ว

“ข้าจะไปถามท่านอาจารย์ว่าสัตว์นี้คือตัวอะไร”แคลร์ส่ายหัวของเธอที่ยังคงมีอาการเวียนหัวอยู่ เธอหยิบราชาสีขาวขึ้นมาก่อนจะเดินออกไปจากลานฝึกซ้อม

แคลร์พบเอ็มเมอรี่ ภายในห้องปฏิบัติการของเขา

ดวงตาเอ็มเมอรี่เปิดกว้างขึ้นในขณะที่เขามองอย่างสำรวจไปยังลูกบอลขนปุย ที่เคลื่อนย้ายอย่างช้า ๆ ในอกของแคลร์อยู่เป็นเวลานาน เขาโบกมืออย่างช่วยไม่ได้ ไม่สามารถที่จะหาคำตอบนั้นได้

“แคลร์ เจ้าคงจะต้องไปถามท่านคลิฟ เขาต้องรู้อย่างแน่นอน” เอ็มเมอรี่นึกถึงคลิฟขึ้นมาทันที

“ตกลงค่ะ”แคลร์พยักหน้า ก่อนจะนึกไปถึงชายชราอารมณ์สั้นที่ดูเหมือนว่าจะยังโกรธอยู่ที่เธอไปเรียนพลังลมปราน และไม่ได้บอกเขา ครั้งนี้เมื่อเธอกลับไป เธอจะต้องเกลี้ยกล่อมเขาในขณะที่จะไปถามเรื่องนี้ด้วย ราชาสีขาว หลุดออกจากอกของแคลร์ และหมอบคลานอยู่บนไหล่ของเธอในตอนนี้ ลูกบอลขนปุยนี้ช่างเป็นอะไรที่น่ารักจริงๆ

“อีกอย่าง อย่าได้บอกใครเรื่องที่สิ่งเล็กๆ นี้ได้ทำสัญญากับเจ้า” เอ็มเมอรี่บอกเธออย่างเคร่งขรึม

“ค่ะท่านอาจารย์”แคลร์พยักหน้า เข้าใจในธรรมชาติของเอ็มเมอรี่ เขาต้องพิจารณามาก่อนแล้ว

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้า แคลร์เดินนำหน้าจีนไปยังรถม้า เพื่อไปยังสภาแห่งเวทมนต์

หลังจากที่ออกไปจากปราสาทของดยุค รถม้าได้วิ่งผ่านถนนไปไม่กี่เส้น แคลร์คนที่กำลังนั่งพักฟื้นพร้อมกับปิดดวงตาของเธอลง ในขณะที่เธอนั่งผิงผนังของรถม้าอยู่นั้น ทันใดนั้นเองดวงตาของเธอก็ได้เปิดขึ้นพร้อมกับมองไปที่ใบหน้าที่เยือกเย็นของจีน

“ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใจร้อนมาก เพราะในที่สุดท่านหญิงก็ได้ออกมาจากประตูปราสาทแล้ว พวกเขาคงจะรอโอกาสนี้และคันไม้คันมือจนบอกไม่ถูกแล้ว”จีนพูดขึ้นอย่างเยาะเย้ย การแสดงออกของเขาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

…………………………………………………………………………………………

ตอนที่ 40 ผมดำ ดวงตาสีดำ

“มันต้องเป็นชายหนุ่มที่แปลกประหลาดผู้พายแพ้ต่อเจ้าอย่างแน่นอน” วอลเตอร์สามารถรับรู้ได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

“ไม่น่าจะใช่” แคลร์สายหัวไปมาเบาๆ

“ดูเหมือนว่าจะเป็นมือสังหารที่เอกอัครราชทูตส่งมา ธรรมชาติที่ระมัดระวังที่มากเกินไปของเขา จะไม่ยอมให้ท่านหญิงได้มีโอกาสเติบโตต่อไปอย่างแน่นอน วันนั้นการต่อสู้ของท่านหญิงทำให้เจ้าหมูตอนผู้นั้นหวาดกลัว” จีนหัวเราะอย่างเงียบ ๆ มันเป็นเรื่องผิดปกติที่คำพูดเช่นนี้จะออกมาจากปากของเขา

แคลร์ถอนหายใจเบา ๆ ในวันนั้นชัยชนะของเธอมันคือความบังเอิญ คนอย่างสมเด็จพระสันตะปาปาอาจจะเข้าใจว่าทำไมเธอได้รับชัยชนะ นั่นคงจะเป็นเหตุผลที่สมเด็จพระสันตะปาปาไม่ได้ดูสนใจเลยแม้แต่น้อย แต่ดูเหมือนว่าเอกอัครราชทูตจะเชื่อจริงๆ ว่าเธอมีความแข็งแกร่งและพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ อนิจจา เป็นอย่างที่คาดไว้ เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย

ในขณะที่วอลเตอร์ได้ยินเสียงหายใจของแลคร์ เขาเข้าใจในทันทีว่าแคลร์กำลังคิดอะไรอยู่ แล้วก็อยากหัวเราะออกมาอีกครั้ง แต่ก็เหมือนก่อนหน้า เขาคงไม่กล้าที่จะทำเช่นนั้น

“ดูเหมือนว่าเจ้าไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรแล้ว” แคลร์หรี่ตาลง สัมผัสได้ถึงกิจกรรมด้านนอก กลุ่มคนด้านนอกดูเหมือนว่าจะมีอยู่สองกลุ่มด้วยกัน หนึ่งคือกลุ่มคนชุดดำ เป่าหมายของพวกเขาคือกลุ่มที่ใจร้อนที่อยู่ทางด้านหน้า แคลร์เข้าใจในทันทีว่ากลุ่มคนพวกนี้เป็นกลุ่มที่ท่านปู่ส่งมาเพื่อคอยปกป้องเธอ ท่านปู่ของเธอคงจะได้คาดเดาสถานการณ์เอาไว้แล้ว

“ขอรับ เช่นนั้นพวกเราก็ควรจะเดินทางต่อไป” จีนสัมผัสได้กลับการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านนอกพร้อมกับยกยิ้มขึ้น คนเหล่านั้นได้เฝ้ารอ รอจนกว่าพวกเขาจะออกมายังสถานที่ที่ปลอดคน แล้วถึงได้โจมตี แต่ในขณะที่พวกเขาได้มาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว ใครจะรู้ว่าใครจะโจมตีใครกันแน่

เมื่อเป็นเช่นนั้น รถม้าก็ได้เดินทางจนมาถึงหน้าสภาแห่งเวทมนต์อย่างไร้อุปสรรคใดๆ เมื่อนักเวทย์ฝึกงานเห็นว่าเป็นใครที่ก้าวลงมาจากรถม้า เขาก็ได้รีบเข้ามาตอนรับด้วยความยินดี แคลร์ ฮิลล์ ชื่อนี้ดังไปทั่วเมืองหลวงภายในชั่วข้ามคืน

แคลร์และจีนถูกพาขึ้นบันไดเวทย์ไปยังห้องทดลองของคลิฟ นักเวทย์ฝึกงานก้มหัวของเขาลงเป็นการกล่าวลา ก่อนจะกลับลงไปด้วยบันไดเวทย์เช่นเดิม

แคลร์เคาะตรงหน้าประตู

“ท่านอาจารย์”

“ไม่อยู่” เสียงดังที่ชัดเจนของคลิฟ ดังออกมาจากด้านในแฝงไปด้วยความโกรธเล็กน้อย

วอลเตอร์พยายามที่จะเก็บเสียงหัวเราะของเขาเอาไว้ ชายชราผู้นี้ช่างมีนิสัยราวกับเด็กจริงๆ เขาอยู่ด้านในแท้ๆ แต่เขาก็ยังบอกว่าไม่อยู่ เห็นได้ชัดว่าเขายังโกรธเรื่องที่แคลร์แอบไปเรียนพลังลมปรานโดนที่ไม่ได้บอกเขาก่อน แต่มันก็ถือว่าปกติทั่วไป ถ้านักรบแอบไปเรียนเวทมนต์หรือนักเวทย์แอบไปเรียนพลังลมปราน อาจารย์ของพวกเขาก็ต้องโกรธและอับอายเป็นธรรมดา

“ท่านอาจารย์ข้าขอโทษ ข้าจะทำทุกอย่างที่ท่านต้องการ” แคลร์พูดประโยคนี้ขึ้นอย่างช้าๆ และชัดเจนไปพร้อมกับรอยยิ้ม

“จริงๆ หรือ” ในวินาทีต่อมาประตูก็ถูกเปิดออก และใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้มของคลิฟก็โผล่ออกมา

ใบหน้าของวอลเตอร์ถึงกับกระตุก ปีศาจน้อย อ่าใช่ ปีศาจน้อย เธอกล้าที่จะพูดประโยคที่เด็ดเดี่ยวเช่นนี้ออกมา แล้ววอลเตอร์ก็มองไปยังคลิฟอย่างเห็นอกเห็นใจ ชายผู้น่าสงสารผู้นี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องถูกหลอก ถูกหลอกอย่างแน่นอนที่สุด เขาสาบานได้

“จริงๆ” แคลร์พยักหน้าและพูดขึ้นอย่างชัดเจน

“อะไรก็ตามที่ทำให้ท่านอาจรย์หายโกรธ ที่ข้าร่ำเรียนพลังลมปรานก็เพื่อเอาไว้ป้องกันตัวเท่านั้น ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉินและข้าก็ไม่มีเวลาพอที่จะสวดคาถาเวทย์ ข้ายังจะสามารถที่จะหลบหนีได้”

คลิฟเม้มริมฝีปากพร้อมกับทำหน้ามุ่ย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“ข้าได้พบกับนักฆ่าระหว่างทางมาที่นี่ ด้วยเอกลักษณ์ของข้า ข้ากลัวว่าข้าจะต้องได้พบกับสถานการณ์ดังกล่าวอีกแน่นอนในอนาคต ท่านอาจารย์ เทคนิคการใช้เวทมนต์ของท่านอาจารย์นั้นข้าถือเป็นหลักสำคัญ สำหรับพลังลมปรานข้าเอาไว้ใช้แค่หลบหนีเท่านั้น ท่านอาจารย์ข้าจะยังสามารถใช้เวทมนต์ได้อย่างไร ถ้ามีมีดแทงอยู่ตรงหน้าอกของข้า” แคลร์ถอนหายใจ กุเรื่องขึ้นมาอย่างน่าสงสาร

คลิฟเกาผมของเขา ด้วยความรู้สึกเจ็บแสบก่อนจะถามขึ้นด้วยความโกรธ

“ใครต้องการที่จะสังหารเจ้า ถ้าใครกล้าที่จะแตะต้องเจ้า ข้าจะไปลงคาถาต้องห้าม มันทั้งครอบครอบและระเบิดพวกมันทิ้งเสียให้หมด”

ทั้งจีนและวอลเตอร์ถึงกับมุมปากกระตุก ระเบิดทิ้งทั้งครอบครัวด้วยคาถาต้องห้ามหรือ พวกเขากลัวว่ามันจะไม่ใช่แค่ครอบครัวแต่จะเป็นทั้งเมืองซะมากกว่า

“เช่นนั้นท่านก็ไม่โกรธแล้วใช่ไหมท่านอาจารย์” แคลร์หัวเราะขึ้น

“ถ้าเจ้าทำอย่างที่พูด เช่นนั้นข้าก็จะไม่โกรธ” คลิฟพูดขึ้นในขณะที่เขาเปิดทางให้พวกเขาเข้ามา

“ตกลง แต่เพียงหนึ่งเงื่อนไขเท่านั้น” มันมีประกายของความชำนาญปรากฏขึ้นในสายตาที่เยือกเย็นของแคลร์

“ดีมากๆ หนึ่งเงื่อนไข หนึ่งเงื่อนไข”ดวงตาของคลิฟนั้นจับจ้องไปที่กระโปรงลายลูกไม้ที่สวยงามของแคลร์ไปทั่วทุกมุม

จีนและวอลเตอร์เข้าใจในความคิดของหม่าป่าเฒ่า ในสิ่งที่เขาต้องการที่จะทำในทันที เขาต้องการที่จะทำบางอย่างที่เขาไม่เคยจะทำมันสำเร็จเลยสักครั้ง นั้นก็คือถกกระโปรงของแคลร์ขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นแล้ว …..ถ้าข้าต้องการที่จะถกกระโปรงของเจ้า เจ้าก็จะไม่กระโดนทีบมาที่ใบหน้าของข้าใช่ไหม” คลิฟถูกขึ้นอย่างอายๆ

“ได้”จีนและวอลเตอร์นั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ แคลร์ตกลงรับเงื่อนไขนั้นจริงๆ

ในเวลาต่อมา วอลเตอร์ก็ได้รับการยืนยันอีกครั้งด้วยความมั่นใจ ความมั่นใจอย่างแน่นอนที่สุดว่าปีศาจน้อย ยังไงก็ยังคงเป็นปีศาจน้อยอยู่วันยังค่ำ และไม่ควรจะไปยุ่งกับเธอ และอย่าพยายามที่จะคิดว่าจะเอาเปรียบเธอได้เลยแม้แต่น้อย

คลิฟถกกระโปรงของแคลร์ขึ้นอย่างตื่นเต้น แล้วรอยยิ้มราวกับถูกแช่แข็งของเขาก็ได้ปรากฏขึ้น แคลร์ได้สวมใส่กางเกงที่เธอใส่เอาไว้ใส่สำหรับฝึกซ้อม กางเกงห่อหุ้มขาทั้งสองข้างของแคลร์อย่างแน่นหนาที่สุด

แคลร์ถึงกระโปรงของเธอลงอย่างช้าๆ และใจเย็น พูดขึ้นเบาๆ กับคลิฟผู้ที่ยังตกตะลึงอยู่ในตอนนี้

“ท่านอาจารย์ ข้าได้ทำตามที่ท่านเรียกร้องแล้ว ตอนนี้ท่านคงจะหายโกรธแล้วใช่หรือไม่”

ปากของคลิฟถึงกับกระตุกพร้อมกับใบหน้าที่ขาวซีดของเขา

“เอ่อใช่….ใช่”

วอลเตอร์นั้นหัวเราะไปหลายตลบแล้ว อย่างที่คาดการณ์เอาไว้ ชายแก่ผู้นี้ถูกหลอก แต่สำหรับแคลร์ ปีศาจน้อยผู้นี้ก็ช่างฉลาดเหลือเกิน คาดเดาได้อย่างถูกต้องว่าคลิฟจะต้องเรียกร้องเงื่อนไขที่น่าอับอายเช่นนี้ ถึงขนาดเตรียมมาตรการรับมือเอาไว้ก่อนแล้ว จีนกลั้นหัวเราะอยู่ทางด้านหลัง

“ท่านอาจารย์ ข้าอยากให้ท่านดูอะไรนี่” แคลร์หยิบเอาราชาสีขาวออกมาจากหน้าอกของเธอ

“นี้มันเป็นสัตว์เวทย์ประเภทไหนกันท่านอาจารย์”

“นี่มันอะไร”คลิฟมองไปยังลูกบอลขนปุยเล็กๆ ในมือของแคลร์ด้วยความประหลาดใจ

“ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่เจ้ามีสัตว์เลี้ยงน่ารักเช่นนี้”

“ท่านอาจารย์ ท่านไม่รู้จักมันหรือ” แคลร์ถามขึ้นอย่างงงๆ ถึงขนาดคลิฟปราชญ์พ่อมดในตำนานก็ยังไม่รู้จัก แล้วจะมีวิธีไหนที่จะรู้ว่าเจ้าสิ่งเล็กๆ นี้มันคืออะไรกันแน่

คลิฟขมวดคิ้วมองอย่างจริงจังไปยังเจ้าสิ่งเล็กๆ ในอ้อมแขนของแคลร์ จ้องมองซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“ข้าไม่เคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนเลย”

แคลร์ขมวดคิ้วและมองลงไปยังราชาสีขาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเธอ เจ้าสิ่งเล็กๆ นี้ได้ปรากฏตัวขึ้นในลักษณะที่แปลกๆ และการทำสัญญาของเขา เขาก็ได้ทำมันอย่างกล้าหาญและเข้มแข็ง ไม่ว่าเธอจะมองอย่างไร เธอก็มองเห็นเพียงเจ้าสิ่งเล็กๆ ตัวนี้ที่ช่างน่ารัก ดูไม่เหมือนสัตว์เวทย์ทั่วไป ที่จะมีพลังอำนาจมากพอที่จะมาบังคับให้เธอทำสัญญากับมันได้เช่นนี้

“แคลร์เมื่อการทดลองของข้าเสร็จ เจ้าต้องมาหาข้าเพื่อฝึกฝนและติดตามข้าอย่างใกล้ชิด”คลิฟส่งเสียงขึ้นจมูก ยังรู้สึกว่าตัวเองถูกโกงอย่างอยุติธรรมอยู่

“ได้ แต่ท่านอาจารย์ ดูเหมือนว่าท่านจะทำการทดลองนี้มานานแล้วนะค่ะ”แคลร์ถามงงงวย พักเรื่องของราชาสีขาวไปก่อนในขณะนี้

“วัสดุที่ต้องใช้นั้นเป็นของหายากและยากที่จะค้นหา”คลิฟขมวดคิ้วและถอนหายใจ

“ไหนๆ เจ้าก็มาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะสอนคาถาให้เจ้าในขณะที่เจ้ายังอยู่ที่นี่ เจ้าต้องจำมันด้วยตัวเอง”หลังจากที่คลิฟพูดจบเขาก็ยื่นมือออกมา เพียงแค่นั้น แสงสีอ่อนๆ ก็ได้วิ่งเข้าไปในหัวของแคลร์ และคาถาที่ไม่คุ้นเคยก็ได้วิ่งเข้ามาในจิตใต้สำนึกของแคลร์ในทันที

“เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เจ้าก็กลับไปเถอะ เมื่อไหร่ที่ข้าเสร็จกับทางนี้ ข้าจะไปหาเจ้าเอง”คลิฟพูดพร้อมกับโบกมือขึ้น

“ค่ะ”แคลร์พยักหน้ารับ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยที่มีราชาสีขาวอยู่ในอ้อมแขนเช่นเดิม

ในขณะที่เธอก้าวขึ้นไปยังรถม้าที่จอดอยู่หน้าทางเข้าของสภาแห่งเวทมนต์ เธอมองเห็นรถม้าอีกคันหนึ่งหยุดลง สัญลักษณ์บนรถม้านั้นแตกต่างออกไปไม่เหมือนใคร และมันก็เป็นสัญลักษณ์ของวิหารแห่งแสงนั้นเอง

คนของวิหารแห่งแสงมาทำอะไรอยู่ที่นี่

แคลร์มองออกไปจากทางหน้าต่างบนรถม้า และจำได้คนที่เธอเห็นนั้นก็คือลอว์เรนซ์ ซึ่งกำลังออกมาจากรถม้าอีกคัน เขาคือเพื่อนเก่าของท่านอาจารย์นั่นเอง แต่โดยปกติแล้ววิหารแห่งแสงและสภาแห่งเวทมนต์จะไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องของกันและกัน และทั้งสองต่างต่อสู้กันอย่างลับๆ เพื่อหลบเลี่ยงความสนใจ แล้วทำไมลอว์เรนซ์ถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่นี่วันนี้

“ท่านหญิง มันดูแปลกมาก” จีนยังรู้สึกได้ถึงความผิดปกตินี้

“ถ้าพวกคนหน้าซื่อใจคดจากวิหารแห่งแสงกล้ามาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ นั้นคงจะหมายถึงเวลาแห่งคำทำนายได้ใกล้เข้ามาแล้ว”เสียงของวอลเตอร์ดังขึ้น

“คำทำนายอะไร” แคลร์ถามขึ้นเบาๆ

“ก็แค่เรื่องไร้สาระที่โง่เขลา คำทำนายจากพันปีที่ผ่านมา บางสิ่งบางอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีสีดำคู่ได้ปรากฏตัวขึ้น และได้เปลี่ยนแปลงพลังแห่งแสง”วอลเตอร์ตอบขึ้นอย่างจริงจัง

“ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่จะมีทั้งดวงตาสีดำและผมสีดำ มันจึงเป็นเพียงเรื่องไร้สาระเท่านั้น ไปกันเถอะ”

แคลร์พยักหน้า

“ไปที่ห้องสมุดของเมืองหลวงกันเถอะ ข้าอยากจะไปดูว่ามีคู่มือภาพประกอบใด ๆ เกี่ยวกับสัตว์เวทย์ที่ข้ายังไม่ได้อ่านบ้างหรือไม่ และเจ้าตัวเล็กนี้จริงๆ แล้วมันคืออะไรกันแน่”แคลร์มองไปลงยังราชาสีขาวที่นอนอยู่อย่างเงียบๆ ในอ้อมแขนของเธอ

ห้องสมุดของเมืองหลวง ทั้งใหญ่และสูง ประตูทำด้วยหยกขาวและมีรูปปั้นขนาดใหญ่ของหนังสืออยู่ตรงทางเข้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งภูมิปัญญา

เมื่อก่อนแคลร์ก็เคยมาที่นี่บ่อยๆ แต่ไม่ได้มาอ่านหนังสือ แต่มาดูผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาทั้งหลายแทน

เมื่อร่างของแคลร์ได้ปรากฏขึ้นในประตูทางเข้า ความวุ่นวายเล็กๆ ก็ได้เกิดขึ้น ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างมองมาที่เธอและนินทาอย่างเงียบ ๆ

วลีที่แคลร์ได้ยินมากที่สุดก็คือ แคลร์ผู้มหัศจรรย์

“ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ข้ากลายเป็นคนมีชื่อเสียง”แคลร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“ตั้งแต่ตอนที่ท่านหญิงได้แสดงฝีมือทั้งเวทมนต์และพลังลมปรานและยังเอาชนะชายผู้นั้นได้อีก คนทั้งเมืองหลวงต่างเรียนท่านหญิงว่า ท่านหญิงแคลร์ผู้มหัศจรรย์ขอรับ”จีนตอบขึ้นเบาๆ พี่สาวของลาเชียร์ผู้อัจฉริยะ แคลร์ผู้มหัศจรรย์

น่าเบื่อ แคลร์สาปส่งขึ้นในหัวของเธอ ก่อนจะเดินตรงไปยังหมวดหนังสือเบ็ดเตล็ดทั่วไป

จู่ๆ ก็มีสายตาที่ไม่เป็นมิตรจับจ้องมาทางด้านหลังของแคลร์อย่างใกล้ชิด

ตอนที่แล้ว
comments