ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปค่ำคืนคืบคลานเข้ามา แสงจันทร์เปล่งประกายเจิดจ้า ปกคลุมทุกสิ่งประหนึ่งม่านสีทองลานฝึกฝน ‘เนี่ยหลี’เดินไปยังบริเวณที่มันพบ’เซียวหนิงเอ๋อร์’เป็นครั้งแรก เงาร่างใต้แสงจันทร์นั้นยืนอยู่เงียบๆ เห็นได้แต่ไกลว่าเป็น’เซียวหนิงเอ๋อร์’เอง นางแต่งกายประณีตยิ่ง ผมยาวสีดำขลับ ผูกไว้ด้วยด้ายสีเงิน ใบหน้าขาว คิ้วเรียว สง่างามประหนึ่งภาพฝัน
ความงามของนางนั้นควรแก่การหยิบยกมาเปรียบเทียบกับ’เหย่จื่อหวิน’ได้จริงๆ
“คิดว่าเจ้าจะไม่มาเสียแล้ว”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’จับจ้อง’เนี่ยหลี’
“เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าเป็นคนรักษาสัญญาเสมอมา”
‘เนี่ยหลี’ยิ้มน้อยๆกล่าววว่า
“ไม่ว่าจะยุ่งวุ่นวายเพียงไหน ข้าต้องรักษาอาการป่วยของเจ้าก่อนเป็นอย่างแรก”
“ขอบคุณ”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’พูดเบาๆ ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ดวงใจของนางเต็มไปด้วยความสำนึกในบุญคุณ
‘เนี่ยหลี’ก้มหน้าลงมอง’เซียวหนิงเอ๋อร์’ ชุดของนางวันนี้ยิ่งดูน่าดึงดูดใจเมื่อเทียบกับปกติ ชุดยาวไหมสีขาว เผยสัดส่วนชวนหลงใหล จากอกตูมตั้งไปจนถึงหัวเข่า ต้นขาเรียวแฝงแรงดีดสะท้อนนั้นเป็นหลักฐานของการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง
“ควรจะดีขึ้นบ้างแล้ว”
‘เนี่ยหลี’ประคองเท้าของ’เซียวหนิงเอ๋อร์’ ข้อเท้าเรียวงามนั้นเปล่งประกายประดุจเครื่องแก้วชั้นดี เนียนนุ่มไร้ราคี จ้ำเลือดที่นั่นดูจะจางลงเล็กน้อย
“ดีขึ้นจริง”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’พยักหน้า ในใจของนางเห็นว่า’เนี่ยหลี’นี้มีพระคุณ สองสามคืนนี้นางหลับสบายอย่างยิ่ง แตกต่างกับกาลก่อนที่การข่มตาหลับเป็นเหมือนทัณฑ์ทรมานอย่างหนึ่ง
แม้นางจะเคยได้รับการบีบนวดจาก’เนี่ยหลี’มาก่อน แต่เมื่อเท้าของนางถูกประคองไว้อย่างนิ่มนวล ดวงพักตร์งามนั้นก็ยังแสดงท่าทีเขินอายออกมาอยู่นั่นเอง ขณะทำการช่วยเหลือ ‘เนี่ยหลี’ถามว่า
“ข้ามีบางสิ่งจะขอร้อง ไม่ทราบท่านจะช่วยเหลือข้าได้หรือไม่?”
“ไม่ว่าสิ่งใด หากกระทำได้ข้าจะทำให้”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ตอบตามตรง
“ข้ามีเงินอยู่หนึ่งหมื่นเหรียญจิตมาร ข้าต้องการให้ท่านส่งคนไปตามร้านสมุนไพร กว้านซื้อหญ้าหมอกม่วง(จื่อหลันเฉ่า)”
‘เนี่ยหลี’กล่าว
“หญ้าหมอกม่วง?”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’งงงัน
“เจ้าจะเอาหญ้าหมอกม่วงไปทำไม?”
หญ้าหมอกม่วงเป็นสมุนไพรที่ราคาถูกมาก ผู้คนใช้เพียงควันของมันเผาไหม้เพื่อขับไล่แมลงเท่านั้น หญ้าหมอกม่วงมีอยู่มากมาย ราคาก็ถูกจนเหมือนได้เปล่า หนึ่งเหรียญก็สามารถซื้อหญ้าได้จำนวนมาก ตระกูลใหญ่ในนครเรืองโรจน์ต้องเผาหญ้านี้ทิ้งเป็นปริมาณมหาศาลอยู่ทุกปี
นอกเหนือจากนี้ หญ้าหมอกม่วงไม่มีประโยชน์อันใดอีก แล้ว’เนี่ยหลี’จะต้องการหญ้าหมอกม่วงไปด้วยเหตุอันใด?
“ข้ามีวิธีใช้งานมัน”
‘เนี่ยหลี’กล่าว เหตุที่’เนี่ยหลี’ต้องการให้’เซียวหนิงเอ๋อร์’ช่วยเหลือมันในเรื่องนี้ เป็นเพราะหากนางเป็นผู้ออกหน้ากว้านซื้อสินค้าย่อมไม่เป็นที่สนใจของผู้คนนัก ‘เนี่ยหลี’ขณะนี้ดึงความสนใจจากผู้คนมามากเกินไป มันต้องเก็บเนื้อเก็บตัวสักพัก
“ต้องการหญ้าหมอกม่วงแค่ไหน?”
“ยิ่งมากยิ่งดี ข้าต้องการกว้านซื้อหญ้าหมอกม่วงทั้งตลาด”
‘เนี่ยหลี’กล่าว
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ยิ่งฟังยิ่งไม่เข้าใจ หญ้าหมอกม่วงปริมาณมากเพียงนี้สามารถใช้ทำอันใดได้?
“เรื่องนี้ปล่อยเป็นหน้าที่ของข้า เงินแค่หมื่นเหรียญจิตมารไม่ถือว่ามากมายนักหรอก”
แม้ตระกูลของ’เซียวหนิงเอ๋อร์’กำลังตกต่ำ แต่ยังเป็นตระกูลยศฐา ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ยิ่งเป็นสมาชิกรุ่นหลังที่โดดเด่น ย่อมไม่ขาดแคลนเงินทอง ปกตินางเองไม่ได้ใช้เงินมากนัก ดังนั้นนางจึงมีเงินเก็บอยู่หลายล้านเหรียญทีเดียว
‘เนี่ยหลี’ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้ากล่าวว่า
“ได้ ท่านช่วยข้าซื้อหามาก่อน ยิ่งมากยิ่งดี ท่านจ่ายออกไปเท่าไหร่ ข้าจะคืนให้สองเท่า”
“ไม่จำเป็น เงินเพียงเท่านี้ไม่นับว่ามากมายอันใด”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’รีบตอบ นางยินดียิ่งที่ได้ช่วยเหลือ’เนี่ยหลี’ บุญคุณของ’เนี่ยหลี’นั้นท่วมท้นจนนางไม่อาจตอบแทนได้หมดสิ้น เงินเพียงไม่กี่เหรียญนี้ไม่อาจทดแทนคุณได้
หลังการนวดคลึงขาของนางเสร็จสิ้น ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ก็หน้าแดงขึ้นในพลัน แม้จะเคยผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว การนวดคลึงในส่วนสงวนยังคงทำให้นางอับอายอยู่นั่นเอง เด็กหญิงก้มหน้าลง ปลดกระดุมออกทีละเม็ดเงียบๆ
วันนี้ ‘เซียวหนิงเอ๋อร์’ใช้ผ้าแถบสีชมพูพันรอบอก ทำให้นางยิ่งดึงดูดใจยิ่งกว่าเดิม ส่วนสัดเนินนูนกับผิวขาวเนียนนั้นเผยให้เห็นอยู่รำไร ใต้ผ้าแถบสีชมพูที่เย้ายวน เผยให้เห็นร่องลึกรำไร
‘เนี่ยหลี’รีบเบนสายตาไปมองที่อื่น มือยังคงนวดคลึงให้แก่นางไม่หยุดยั้ง
“กลับไปแล้วได้ทานยาอย่างที่บอกหรือไม่?”
‘เนี่ยหลี’ถาม สองมือของมันนวดคลึงจ้ำเลือดอย่างนุ่มนวล จ้ำเลือดนั้นค่อยๆแผ่ออกเป็นวงกว้างสีจางก่อนจะหายไป สัมผัสเนียมนุ่มที่เย้ายวนค่อยๆกลับมือ
“อ๊ะ”
ใบหน้าของ’เซียวหนิงเอ๋อร์’แดงซ่าน ทั้งทรงเสน่ห์ทั้งเย้ายวน เพียงนึกว่า’เนี่ยหลี’ช่วยนางปรับปรุงวิชาเพาะสร้างพลังเมื่อครั้งก่อน นางก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ถามว่า
“เนี่ยหลี ตั้งแต่วิชาเพาะสร้างพลังของข้าได้รับการปรับปรุง พลังวิญญาณของข้าก็แกร่งขึ้นมาก ข้ารู้ว่าเจ้านั้นเป็นยอดอัจฉริยะ แม้ว่าคนอื่นๆจะยังไม่เห็นพรสวรรค์ของเจ้า แต่วันใดที่ทุกคนเห็นมัน เจ้าจะเปล่งประกายยิ่งกว่าคนใด”
‘เซียวหนิงเอ๋อร์’จ้องมองใบหน้าอันหล่อเหลาของ’เนี่ยหลี’ด้วยความหลงใหลทีละน้อย ในใจนางนั้นปรากฏรอยของความเดียวดายและเศร้าเสียใจ ด้วยวันที่เนี่ยหลีเปล่งประกายเจิดจ้า นางคงมิอาจยืนเคียงข้าง ความอึดอัดใจเช่นนี้ทำให้’เซียวหนิงเอ๋อร์’ยิ่งฝึกหนักขึ้น
ฟังคำของนาง ‘เนี่ยหลี’พลันคลี่ยิ้มออก มันรู้ดีว่า’เซียวหนิงเอ๋อร์’กล่าวเพียงให้กำลังใจ ตั้งแต่ถือกำเนิดเกิดใหม่ในชาติภพนี้ พลังใจของ’เนี่ยหลี’เข้มแข็งยิ่งกว่าคนใด มันไม่สงสัยใจเลยว่าวันหนึ่งมันจะยืนอยู่ ณ ยอดสูงสุดของวิทยายุทธ์ ความมุ่งหมายอันแรงกล้านี้เกินกว่าที่’เซียวหนิงเอ๋อร์’หรือใครคนใดจะคาดคิด
แต่อย่างไร’เนี่ยหลี’ก็ยังยินดีในความห่วงใยของ’เซียวหนิงเอ๋อร์’ยิ่งบ้านสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์ หอผู้เฒ่าชำระเรื่องราว
ผู้เฒ่าชำระเรื่องราวของตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์มีนามว่าเสิ่นหมิง มันผู้นี้เป็นจอมภูติชั้นเงินขาว แม้พลังการฝึกปรือจะไม่เข้มแข็ง แต่เหตุที่มันได้รับตำแหน่งแห่งที่ในตระกูลนี้เป็นเพราะความสามารถในการสะสางเรื่องราวอย่างยอดเยี่ยม
ฟังคำรายงาน ใบหน้าของ’เสิ่นหมิง’บิดเบี้ยวด้วยความเคืองแค้น
“ศิษย์ชั้นนักสู้ฝึกหัดเหิมหาญท้าทายสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์เรา!”
ใบหน้าของ’เสิ่นหมิง’ดุร้ายยิ่ง การที่’เนี่ยหลี’เปิดโปงความลับของ <<ระเบิดเพลิงสีชาด(ชี่เอี้ยนเหยียนเป้า)>> สร้างความรู้สึกไม่ดีแก่หลายตระกูล
เพื่อจัดการเหตุนั้น ‘เสิ่นหมิง’ต้องใช้ความพยายามมากหลายในการส่งคนไปอธิบายกับตระกูลเหล่านั้น ไม่กี่วันก่อน คำรายงานอีกชิ้นเพิ่งแจ้งว่า’เนี่ยหลี’เอาชัยแก่’เสิ่นเยว่’ ทายาทสายตรงของตระกูล
“เด็กน้อยเสิ่นเยว่ใกล้บรรลุชั้นสำริดหนึ่งดารา เหตุใดมันไม่สามารถเอาชัยแก่ศัตรู?”
‘เสิ่นหมิง’ก้มลงมองลิ่วล้อด้านล่างด้วยความสงสัย ลูกน้องของ’เสิ่นหมิง’รู้สึกความยะเยือกไปตามไขสันหลัง ก่อนกล่าว
“ข้าไม่มั่นใจนัก หากแต่นายน้อยเสิ่นเยว่นั้นกล่าวว่าพลังความสามารถของเขาเหนือกว่าเนี่ยหลีทุกด้าน แต่ไม่ทราบด้วยวิชามารอันใดที่เนี่ยหลีใช้เอาชัยแก่นายน้อย”
ฟังคำรายงาน ‘เสิ่นหมิง’ขมวดคิ้ว กล่าวว่า
“วิชามารอันใด? เด็กผีสางนั่นอ่อนด้วยกว่าเขาจึงหาข้อแก้ตัวหรอก เด็กจากชั้นเรียนนักสู้ฝึกหักคนหนึ่งจะแข็งแกร่งได้แค่ไหน? ไม่เกินชั้นสำริดหนึ่งดารากระมัง”
“ท่านผู้เฒ่า เราควรแจ้งเรื่องแก่ท่านประมุขหรือไม่?”
“ไม่จำเป็น เรื่องนี้ไม่อาจบอกต่อท่านประมุขได้เด็ดขาด ท่านกำลังพยายามทะลวงลำดับชั้นตำนาน หากไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตาย ไม่จำเป็นต้องแจ้งต่อท่านประมุข”
ในความเห็นของ’เสิ่นหมิง’ ‘เนี่ยหลี’หรือจะคุกคามสกุลเทพศักดิ์สิทธิ์ได้
“รู้หรือไม่ว่าเด็กคนนี้มาจากสกุลใด?”
“ทราบขอรับท่านผู้เฒ่า เป็นสกุลรอยฟ้า(เทียนเหิน)เอง”
“สกุลรอยฟ้า? หึๆ สกุลยศฐาดาดๆกลับเหิมเกริมเพียงนี้ เด็กบัดซบนั่นอาจจะพบต้นกำเนิดของ <<ระเบิดเพลิงสีชาด(ชี่เอี้ยนเหยียนเป้า)>> โดยบังเอิญ ทั้งอดใจจะบอกให้คนรู้ไม่ไหว”
‘เสิ่นหมิง’คิด สกุลเทพศักดิ์สิทธิ์ไม่เห็นสกุลยศฐาเล็กๆอยู่ในสายตาอยู่แล้ว หากมันส่งคนไปจัดการกับสกุลเล็กๆเช่นนี้ สกุลอื่นจะมองตระกูลเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างไร?
“ให้เสิ่นเฟยจัดการเถอะ เด็กหนุ่มเลือดร้อนอารมณ์รุนแรง การต่อยตีกันเล็กๆน้อยๆในสำนักไม่นับเป็นอย่างไรได้”
ฟังคำของ’เสิ่นหมิง’ ลูกน้องของมันเข้าใจความหมายในทันควัน ‘เสิ่นเฟย’เป็นจอมภูติชั้นเงินขาว พลังของมันมากเกินพอจะรับมือ’เนี่ยหลี’ ‘เสิ่นหมิง’หมายความว่าให้’เสิ่นเฟย’จัดการกับ’เนี่ยหลี’ในสำนักเอง
‘เสิ่นหมิง’กล่าวต่อว่า
“ช่วงนี้ลมรุนแรง เรื่องราวไม่จางหาย ปล่อยเวลาผ่านไปสักพักค่อยบอกกล่าวต่อเสิ่นเฟย ให้เรื่องราวเงียบลงสักน้อย ค่อยให้เสิ่นเฟยออกหน้าจัดการ!”
ในฐานะของผู้เฒ่าชำระเรื่องราว ‘เสิ่นหมิง’ทำหน้าที่ได้ดียิ่ง ไม่ปล่อยให้ผู้คนนินทา
“ขอรับ!”
ณ เคหาสน์เจ้านคร ในห้องของ’เหย่จื่อหวิน’ ห้องนั้นถูกตกแต่งไว้อย่างหรูหรา
หน้าโต๊ะทำงาน ศีรษะของ’เหย่จื่อหวิน’ค้อมลงเพื่อค้นหาบางสิ่ง นางหยุดเป็นระยะ ขมวดมุ่นครุ่นคิด นางพยายามค้นหาลายอาคม <<ลมหนาวหิมะพลัน>> (หลิ่นเฟิงโจ่วเสวีย) ในตำราเก่าแก่ แต่นางไม่พบอันใดเลยแม้แต่น้อย
‘เนี่ยหลี’พบลายอาคมนี้จากไหน?
ชั่วขณะ หญิงสาวใต้ผ้าคลุมโปร่งสีน้ำเงินก็มาถึง
“คุณหนู ตามข้ามามีอันใดหรือ?”
หญิงผู้งดงามนั่นกล่าวด้วยรอยยิ้มอันจริงใจ
“ท่านป้าเสวีย ท่านเป็นจอมอาคม ท่านรู้จักต้นกำเนิดของอาคมนี้หรือไม่?”
‘เหย่จื่อหวิน’เงยหน้ามองหญิงผู้งามงดนั้นพร้อมตั้งคำถาม ‘เสวียอิน’ทอดตามองกระดาษเบื้องหน้า’เหย่จื่อหวิน’ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความสงสัย ถามว่า
“คุณหนูได้ลายอาคมนี้มาจากไหน ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน?”
“แม้แต่ป้าเสวียยังไม่เคยเห็นลายอาคมนี้หรือ?”
‘เหย่จื่อหวิน’ตะลึง ‘เสวียอิน’เป็นจอมอาคม หากนางไม่เคยเห็นมาก่อน เป็น’เนี่ยหลี’วาดขึ้นมั่วซั่วหรือไม่?
“ดูคล้าย <<ลมหนาวหิมะพลัน>> (หลิ่นเฟิงโจ่วเสวีย) แต่ก็ไม่คล้ายเสียทีเดียว ดูเหมือนจะทรงพลังกว่า”
‘เสวียอิน’วาดมือไม้อยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า
“ลายเส้นได้ส่วนสัดสมบูรณ์ ไม่ทราบเป็นผลงานของปรมาจารย์ท่านใด เสวียอินยอมรับนับถือทั้งกายใจ คุณหนูได้พบกับปรมาจารย์อาคมกระมัง?”
“เนี่ยหลีเป็นปรมาจารย์อาคม? เป็นไปได้อย่างไร? เนี่ยหลีไม่มีทางเป็นปรมาจารย์อาคมด้วยอายุเท่านี้ได้หรอก”
เพียงคิดว่า’เนี่ยหลี’ตวัดข้อมือวาดลายพู่กันไม่กี่เส้นก็ได้ลายอาคมนี้มา ดวงใจของ’เหย่จื่อหวิน’ยิ่งสับสน!
ที่มา: