ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เสิ่นหมิง’ พยักหน้า..
‘เนี่ย หลี่’ เป็นคนที่เปิดเผยความจริงของอาคมระเบิดเพลงสีชาติจึงทำให้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์นั้นได้รับความเสื่อมเสีย พวกมันตั้งใจที่จะสั่งสอนบทเรียนให้แก่’เนี่ย หลี่’
การประลองยุทธ์ครั้งนี้เป็นหน้าเป็นตาของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ คนของตระกูลเทพพระเจ้า และลมหิมะเหมันต์นั้นไม่ได้เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของ’เสวิ่น หนิง’ และ ‘เสวิ่น เสี้ยว’ แม้ว่าจะมี ‘เสวิ่น เฟ่ย’อยู่ในทีมก็ไม่เป็นอุปสรรค์ใดๆเลยที่จะเอาชนะการประลองในครั้งนี้
“การประลองครั้งนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงตระกูลเรา ดังนั้นการที่ราจะพนัน ผู้นำของตระกูลต่างๆ จะร่วมพนันกับเราด้วย”
‘เสวิ่น หมิง’ กล่าว เกี่ยวกับเรื่องนี้มันเสี่ยงมาก มันจะต้องไม่มีการผิดพลาด ไม่เช่นนั้นแล้วหากท่านผู้นำตระกูลกลับมาจากการฝึกวรยุทธ์แล้ว พวกแกทั้ง 2 คน คงรู้ผลที่จะตามมานะ
สายตาของ ‘เสวิ่น หมิง’ มองไปยัง’เสวิ่น หนิง’ และ ‘เสวิ่น เสี้ยว’ เขาจะไม่สนใจเลยถ้า ‘เสวิ่น เฟ่ย’เป็นล้มเหลวในการประลอง แต่หาก’เสวิ่น หนิง’ และ ‘เสวิ่น เสี้ยว’ ประสบความพ่ายแพ้แล้ว พวกเขาจะถูกลงโทษอย่างหนัก
‘เสวิ่น หนิง’ และ ‘เสวิ่น เสี้ยว’เกิดความกังวนเล็กน้อย พวกเขารีบโค้งตัวคำนับ และพูดว่า
“ ครับหัวหน้า เราจะทำให้ดีที่สุด”
สายตาของ ‘เสวิ่น เฟ่ย’มองไปยัง ‘เสวิ่นหนิง’ และ ‘เสวิ่น เสี้ยว’ อย่างดูถูก แม้ว่า’เสวิ่น หนิง’ และ ‘เสวิ่น เสี้ยว’ จะไม่พอใจ ‘เสวิ่น
เฟ่ย’แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป พวกเขารู้ว่าระดับพลังของพวกเขานั้นสูงกว่า ‘เสวิ่น เฟ่ย’แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขากลับไม่ได้รับการปฏิบัติตามที่ควรจะเป็นที่ผ่านมาตระกูลบันทึกสวรรค์ได้รับการปกป้องจากสมาคมนักปรุงยา มันจึงไม่เห็นเราอยู่ในสายตา แต่เมื่อท่านผู้นำตระกูลกลับมา เราจะแสดงให้มันได้เห็นอะไรดีๆ ‘เสวิ่น หมิง’ คิด ผู้นำของตระกูลศักดิ์ ‘เสวิ่น ฮอง’ มีพลังอยู่ในระดับ แบล็คโกดล์ขั้นสุดท้าย เขาสงสัยว่าเมื่อไหร่กันที่ผู้นำตระกูลจะบรรลุไปถึงขั้นพลังในระดับตำนาน
เมื่อ ‘เสวิ่น ฮอง’บรรลุขั้นพลังระดับตำนานได้แล้ว ฐานะของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป พวกเขาจะสามารถมีสิทธิ์ในการตัดสินใจต่างๆของเมืองกลอรี่ กลายเป็นตระกูลหลัก แม้แต่เจ้าเมืองเองก็ยังต้องรับฟังความคิดเห็นของตระกูลศักดิ์สิทธิ์ เมื่อถึงตอนนั้น เพียงระลอกคลื่นเล็กน้อยก็สามารถสั่นคลอนตระกูลบันทึกสวรรค์ได้
“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลบันทึกสวรรค์ได้รับสมัครผู้เชี่ยวชาญเป็นจำนวนมากและใช้เงินไปหลายสิบล้านในเรื่องนี้”
พวกมันไปเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากไหน…. ดูเหมือนว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับสมาคมนักปรุงยาแน่ สามาคมนักปรุงยาตั้งใจจะปกป้องตระกูลบันทึกสวรรค์หรือ ‘เสวิ่น หมิง’ คิด
สมาคมนักปรุงยาได้ช่วยเหลือตระกูลบันทึกสวรรค์จากตระกูลศักดิ์สิทธิ์ครั้งแล้วครั้งเล่า นอกจากนี้พวกเขายังแอบส่งคนมาสำรวจตระกูลศักดิ์สิทธิ์อย่างลับๆ มันอาจจะเป็นไปได้ว่าสมาคมนักปรุงยาค้นพบบางสิ่ง ?
การร่วมมือกันระหว่างตระกูลศักดิ์สิทธิ์กับสมาคมทมิฬไม่ได้ช่วยให้เขาได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ‘เสวิ่น หมิง’ จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อจะจัดการกับเรื่องนี้ เขาจะไม่ยอมให้สามคมนักปรุงยาจับได้แน่ เมื่อ ‘เสวิ่น ฮอง’กลับมาจากการฝึก เขาจะรายงานกับ ‘เสวิ่น ฮอง’ เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นแล้วสมาคมนักปรุงยาก็ไม่สามารถป้องป้องตระกูลบันทึกสวรรค์ได้อีกต่อไป
เวลานี้เขาจะต้องแสดงให้ตระกูลบันทึกสวรรค์เห็นถึงศักดิ์ศรีของตระกูลศักดิ์สิทธิ์บ้าง หรืออีกนัยหนึ่งคือการรักษาศักดิ์ศรีของตระกูล
ภายในอาณาเขตของตระกูลบันทึกสวรรค์
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ‘เนี่ย หลี่’ ได้ขังตัวเขาเองอยู่ภายในห้อง เพื่อฝึนฝนอย่างหนักไปพร้อมกับการหลอมรวมจิตอสูรเพื่อมอบให้เพื่อน ๆ ของเขา ในตอนนี้ ‘เนี้ยหลี่’ ได้หลอมรวมเสร็จแล้วซึ่งจิตอสูรลมหิมะเหมันต์ระดับพระเจ้า และจิตอสูรสายฟ้าระดับพระเจ้า สำหับ ‘เอียจืออวิ้น’ และ ‘เสี้ยวหนิงเอ๋อ’ นอกจากนี้เขายังมีจิตอสูรระดับพระเจ้าอีก 3 จิตวิญญาณ ซึ่งเป็นประเภทเทพเจ้า, เพลิงศักดิ์สิทธิ์ และ ประเภทศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเตรียมไว้ให้กับ
และในช่วงที่ผ่านมา’เนี่ยหลี่’ยุ่งอยู่กับการผสานพลังเข้ากับอสูรแพนด้าหยินหยาง ? และเพิ่มระดับพลัง ทำให้เขาไม่มีโอกาสที่จะเข้าไปในคลังสมบัติของตระกูลจนกระทั่ง’เนี่ยไห่’ได้ชวนเขาในขณะนี้ พวกเขาเดินเข้าในทางลับที่อยู่ด้านหลังคฤหาสน์ของผู้นำตระกูล พอผ่านจากชั้นที่มีการป้องกันแน่นหนาพวกเขาก็มาถึงคลังสมบัติของตระกูลบันทึกสวรรค์
ภายในคลังสมบัติของตระกูลบันทึกสวรรค์
‘เนี่ยไห่’รู้สึกอายในขณะที่เขาชี้ไปที่ห้องศิลา และกล่าวว่า
“นี่คือห้องเก็บสมบัติของตระกูลบันทึกสวรรค์”
หลังจากได้ยินคำพูดของ’เนี่ยไห่’ ‘เนี่ยหลี่’ได้กวาดตามองดูห้องศิลาดังกล่าว ผนังของห้องนั้นเต็มไปด้วยตะขอซึ่งมีประมาณ
100-200 อัน …. ‘เนี่ยหลี่’จ้องไปที่เนี่ยไห่จนตาลุกเป็นไฟ และพูดอย่างเดือดดาล“ตาเฒ่าแน่ใจหรือว่านี่คือห้องเก็บสมบัติของตระกูล ?”
“ใช่แล้ว”
ใบหน้าของ’เนี่ยไห่’ รู้สึกร้อนผ่าวในขณะที่เขาพยักหน้าตอบ
“ทำไมถึงมีสิ่งของเพียงไม่กี่ชิ้นในคลังสมบัติกัน”
“สมบัติเหล่านี้ท่านคงไม่ได้เอาออกไปขายหมดใช่ไหม ?”
“ไม่ใช่เลย”
หน้าของเนี่ยไห่กลายเป็นสีแดงขณะกล่าว
“สิ่งของทุกอย่างในคลังสมบัติถูกลงทะเบียนไว้หมดแล้ว หากมีใครต้องการสิ่งใดในนี้จะต้องได้รับการยินยอมจากผู้อาวุโสทั้งหมด”
ในช่วงปีที่ผ่านมาตระกูลบันทึกสวรรค์ไม่มีเงิน เพื่อที่จะพัฒนาตระกูลพวกเราจึงไม่มีทางเลือกที่จะขายสมบัติบางส่วนออกไป การทำเช่นนั้นก็เพื่อพยายามที่จะดูแลรักษาตระกูลไว้จนถึงตอนนี้
“ข้าก็พูดลวก ๆ ไปตามที่เห็น เหตุใดท่านต้องกระวนกระวายเกินเหตุไปด้วยเล่า”
‘เนี่ยหลี่’พยักไหล่ขณะเดินไปข้างหน้าขณะที่จ้องดูแผ่นหลังของ’เนี่ยหลี่’ ‘เนี่ยไห่’รู้สึกงุนงง สมองของเขามันเป็นแบบไหนกัน ? ความสามารถของเขาไม่ได้แตกต่างไปจากผู้ใหญ่เลย การล้อเล่นของ’เนี่ยหลี่’ทำให้’เนี่ยไห่’รู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอ
“สมบัติที่เราขายไป มันสามารถหาซื้อได้ตามท้องตลาด ที่นี่ยังคงมีสมบัติดีๆอยู่ซึ่งพวกเราไม่แน่ใจถึงวิธีการใช้พวกเราจึงไม่กล้าที่จะขายมันออกไป”
‘เนี่ยไห่’กล่าวอย่างต่อเนื่อง
“บางที่สมบัติที่ไม่รู้จักวิธีใช้เหล่านี้คงไม่สามารถเรียกราคาสูงๆได้ใช่ไหม”
‘เนี่ยหลี่’ชายตามองไปที่เนี่ยไห่
“เจ้า…….เสี่ยวหลี่ไว้หน้าฉันบ้างได้ไหม ?”
“ตอนนี้เราอยู่กันเพียงสองคนจะทำตัวตามสบายก็ได้แต่เมื่อเราออกไปข้างนอกนั้น….ต้องไม่ลืมว่าข้าก็ยังเป็นผู้นำตระกูลอยู่”
‘เนี่ยไห้’รู้สึกเศร้าใจยิ่งนัก ทั้งที่ตัวเขาเป็นถึงผู้นำตระกูลแต่ตัวเขากลับถูกต้อนจนมุมโดย’เนี้ยหลี่’จนไม่สามารถพูดสิ่งใดออกมาได้
แต่อย่างไรก็ตามตัวเขาก็ไม่สามารถมีความรู้สึกโกรธ’เนี่ยหลี่’ได้เพราะการยกระดับของตระกูลนั้นต้องพึ่ง’เนี่ยหลี่’มากทีเดียว
“แน่นอนเมื่อพวกเราอยู่ข้างนอกข้าจะให้ความนับถือท่านบ้าง”
‘เนี่ยหลี่’พูดพร้อมพยักหน้า
เมื่อได้ยินคำพูดของ’เนี่ยหลี่’ ‘เนี่ยไห่’ตะลึงไปชั่วขณะนึง แล้วฝืนยิ้มอย่างข่มขืน สิ่งที่’เนี่ยหลี่’กล่าวออกมานั้นหมายความว่า เมื่อไม่มีคนอื่นๆอยู่ใกล้แล้ว’เนี้ยหลี่’ก็จะไม่รักษาหน้าเขาเลย
‘เนี่ยหลี่’มองสมบัติต่างๆ ที่แขวนอยู่บนผนัง แม้ว่าตระกูลบันทึกสวรรค์จะตกต่ำลง แต่ก็ยังคงเป็นตระกูลใหญ่ซึ่งมีการสืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคจักรวรรดิลมหิมะ และยังคงมีสมบัติดีๆเหลืออยู่บ้าง สมบัติที่เนี่ยไห่ขายออกไปนั้นเป็นเพียงแค่สมบัติธรรมดา อย่างไรก็ตามสมบัติที่เหลืออยู่คือสิ่งที่ควรจะเรียกได้ว่าเป็นสมบัติจริงๆ
“ในที่นี้มีสมบัติอยู่ประมาณ 200 ชิ้น ซึ่งข้าก็ไม่รู้จักวิธีใช้ หรืออานุภาพของมันเลย”
‘เนี่ยไห่’กล่าว แล้วยิ้มอย่างขมขื่นขณะมองดูสมบัติที่ส่องแสงระยิบระยับมันเป็นเรื่องปกติสำหรับ ‘เนี่ย ไห่’ ที่จะไม่รู้ว่าสมบัติพวกนี้ใช้ทำอะไร สมบัติส่วนใหญ่ในนี้เกิดขึ้นก่อนยุคศักดิ์สิทธิ์เสียอีกกว่า 90 % สำหรับอีก 10 %ที่เหลือของสมบัตินั้นแม้แต่ ‘เนี่ย หลี่’ ก็ยังไม่รู้จักวิธีใช้มัน..
จบตอน
แปลโดย
ตรวจทานโดย
ที่มา: