ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปนครรุ่งโรจน์ คฤหาสน์เจ้าเมือง ลานกว้างขนาดใหญ่กว้างสุดลูกหูลูกตาราวกับไม่มีที่สิ้นสุดช่างเป็นมุมมองที่งดงามเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นเสาหลักที่ตั้งรวมไปถึงตัวของสะพานยังงดงามไปด้วย
ในขณะเดียวกันสถานที่แห่งนี้ได้รับการคุ้มกันอย่างหนาแน่น แต่ก็ไม่ทำให้อึดเท่าไหร่นัก เหล่านักรบของที่นี่จะได้รับการบ่มเพาะพลังจาก นักรบระดับเงิน และขณะเดียวกันก็มีนักรับระดับทองคอยลาดตระเวนให้ ซึ่งสามารบอกได้ว่าภายในลานกว้างแห่งนี้มีนักรบระดับทองคำดำ และ ร่างทรงอสูรได้พำนักอยู่ที่นี่
ที่นี่เป็นใจกลางของนครรุ่งโรจน์แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย’เนี่ยหลี่’และ’เนี่ยหยู’ ได้ถูกจัดให้อยู่ภายในสวนแห่งนี้ด้วย ตราบใดที่ไม่มีผู้เชี่ยวชาญระดับทองคำดำเข้าโจมตีสถานที่แห่งนี้นั้นย่อมมีความปลอดภัย จะเห็นได้ว่า’เนี่ยหลี่’ได้รับการใส่ใจดูแล ป้องกันเป็นอย่างยิ่งเมื่ออยู่สถานที่แห่งนี้
“พี่ใหญ่ เหตุใดพวกเราต้องเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ของเจ้าเมืองด้วย?”
‘เนี่ยหยู’ ถาม’เนี่ยหลี่’ อย่างหวาดหวั่น นับตั้งแต่นางได้เข้ามายังคฤหาสน์ของเจ้าเมืองนางก็ได้รับความกดดันเป็นอย่างมาก
“เพราะว่าสถานที่ที่พวกเราเข้ามานี้นั้นปลอดภัย!”
‘เนี่ยหลี่’ตบไหล่ของ’เสี่ยวหยู’พร้อมบอกว่า
“เจ้าไม่มีความจำเป็นอันใดที่ต้องหวาดกลัวในสถานที่แห่งนี้ ตราบใดที่พี่ใหญ่ของเจ้าอยู่ที่นี่เจ้าสบายใจหายห่วงได้ นอกจากนั้นแล้วลูกสาวของท่านเจ้าเมืองยังเป็นพี่สะใภ้ของเจ้าเสียด้วย หากครั้งต่อไปเมื่อเจ้าเห็นนางเจ้าต้องไม่ลืมเรียกนางว่า พี่-สะ-ใภ้ ตกลงไหม?”
“พี่สะใภ้?ตกลงข้าจะเรียกนางว่าพี่สะใภ้”
‘เนี่ยหยู’มองไปที่’เนี่ยหลี่’อย่างประหลาดใจ นางไม่คิดว่า’เนี่ยหลี่’ จะหาพี่สะใภ้ให้นางได้ไวขนาดนี้มิหนำซ้ำนางยังเป็นลูกสาวของท่านเจ้าเมืองอีกด้วย
ภายในหัวของ’เนี่ยหยู’ตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความสงสัย แต่’เนี่ยหลี่’ก็ไม่ได้อธิบายใดๆเพิ่มเติมให้แก่นางเลย คฤหาสน์เจ้าเมืองที่ทำการปกป้องอัจฉริยะนั้นไม่คาดคิดว่าการกระทำดังกล่าวจะเป็นการนำหมาป่าร้ายเข้ามาภายในบ้านเสียแล้ว ‘เนี่ยหลี่’มีความคิดที่อกุศลตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียวเชียว
หึ หึ
การที่ได้เข้ามายังคฤหาสน์ของเจ้าเมืองนั้นนอกเหนือจากการฝึกฝนบ่มเพาะพลังแล้วข้ายังสามารถหยอกล้อกับ’เอี้ยจืออวิ้น’ได้ เมื่อยามข้ารู้สึกเบื่อหน่าย ช่างเป็นชีวิตที่สมบูรณ์แบบยิ่งนัก ถ้าไม่มีพวกตระกูลศักดิ์สิทธิ์หรือสมาคมทมิฬ และการบุกจู่โจมของพวกสัตว์อสูรแล้วละก็ ชีวิตข้าคงจะมีความสุขไม่น้อย’ (ดีไม่ได้แดก เลวชั่วโหด แดกก่อน)
สำหรับอนาคตภายภาคหน้านั้น ‘เนี่ยหลี่’ได้คิดหาวิธีที่จะโค่นล้มตระกูลศักดิ์สิทธิ์ไว้แล้ว ในชีวิตก่อนหน้านี้ของ’เนี่ยหลี่’ ถ้าตระกูลศักดิ์สิทธิ์ไม่ทรยศต่อนครรุ่งโรจน์ หากรากฐานของปัญหานี้ไม่เกิดจากภายใน นครรุ่งโรจน์จักไม่พ่ายแพ้ให้แก่เหล่าอสูรปีศาจอย่างง่ายดายเช่นนี้แน่
ตอนนี้’เนี่ยหลี่’ยังอยู่ที่ระดับ 2 ดาวเงิน อย่างไรก็ตามความแข็งแกร่งของ’เนี่ยหลี่’หากปะทะกับ ระดับปกติ 1-2ดาวทองยังไม่เป็นปัญหาสักเท่าไหร่นัก แต่เท่านี้ยังห่างไกลกับสิ่งที่’เนี่ยหลี่’คาดหวังเอาไว้ ‘เนี่ยหลี่’จึงรีบฝึกฝนการบ่มเพาะพลังให้รวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
“จะมีอะไรอีกนะที่สามารถเพิ่มความรวดเร็วของการบ่มเพาะพลังของข้าให้ไปถึงขั้นที่รวดเร็วที่สุดได้?”
‘เนี่ยหลี่’เคาะหัวไปพร้อมกับนึกคิด
“นี่ข้าลืมเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ไปได้เยี่ยงไรกัน?”
ภายในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์สิ่งเดียวที่สามารถกระตุ้นความสนใจให้แก่’เนี่ยหลี่’ได้คือเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์
อันดับแรกข้าต้องเตรียมความพร้อมของข้าก่อนแล้วค่อยหาโอกาสเดินทางไปยังเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์! ‘เนี่ยหลี่’ครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง
‘เนี่ยหลี่’เริ่มต้นฝึกฝนโดยที่’เนี่ยหยู’จึงปฏิบัติตามการฝึกของ’เนี่ยหลี่’ นางมีความเหมาะสมกับการฝึกมากดังนั้นนางจักไม่ปล่อยแม้แต่สิ่งรบกวนเล็กน้อยที่จะทำให้กระทบต่อการฝึกฝนใดๆของ’เนี่ยหลี่’เลยแม้แต่นิดเดียว
วันที่หนึ่ง วันที่สอง….
วันเวลาได้ผ่านไปการใช้ชีวิตของ’เนี่ยหลี่’และ’เนี่ยหยู’ที่นี่ก็ไม่เลวเลยทีเดียว นอกเหนือที่ไม่ได้รับการอนุญาติให้ไปยังใจกลางของคฤหาสน์ท่านเจ้าเมือง ก็ไม่มีข้อจำกัดอื่นใดอีก อาหารสามมื้อต่อวันถูกจัดส่งจากคนรับใช้นำมาให้อย่างดี คนนอกยังสามารถแวะมาเยี่ยมเยียนได้ตลอดเวลา
มีข่าวลือลอยมาว่าในเวลาไม่กี่วันมานี้ท่านเจ้าเมืองและร่างทรงอสูรระดับตำนานเอี้ยมัวจะพบกับเนี่ยหลี่เป็นการส่วนตัวเป็นสาเหตุให้ทหารยามโดยรอบและบรรดาสาวใช้ทั้งหลายปฏิบัติตนอย่างสุภาพกับ พี่น้องคู่นี้
‘เนี่ยหลี่’ได้ทำการบ่มเพาะพลังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในวันที่ห้าของการบ่มเพาะพลัง พลังของเขาได้ยกระดับเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นในที่สุดพลังวิญญาณของ’เนี่ยหลี่’ก็ได้บรรลุระดับ 3ดาวเงิน
หลังจากที่พลังบรรลุไปที่ระดับ 3ดาวเงินแล้ว’เนี่ยหลี่’ได้ระงับการฝึกฝนของเขาเอาไว้ก่อนแทนที่จะดำเนินการฝึกขั้นถัดไป จะเป็นการดีที่สุดถ้าไม่รีบร้อนบ่มเพาะพลังจนเร็วเกินไปเพื่อให้เวลาปรับตัวเข้ากับความต่างระหว่างระดับแต่ละระดับ ‘เนี่ยหลี่’กระพริบตาลง หลังจากที่ได้เข้ามายังคฤหาสน์ของเจ้าเมืองเป็นเวลาหลายวันแล้ว ‘เอี้ยจืออวิ้น’ยังคงไม่ได้แวะมาเยี่ยมเขาเลย
ในยามที่อาทิตย์อัสดง ฉายให้แสงให้เห็นถึงความงามประดุจดั่งทองของคฤหาสน์ท่านเจ้าเมืองยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ดูสวยงามราวกับวิมานบนสรวงสวรรค์ยิ่งขึ้นไปอีก
อาจจะเป็นเพราะเจ้าเขินอายขาดความกล้าที่จะแวะมาเยี่ยมเยียนข้า ดูเหมือนว่าข้าจะต้องไปหาเจ้าเองเสียแล้ว! ‘เนี่ยหลี่’พึมพำกับตัวเอง
“เสี่ยวหยูข้าจะไปหา พี่สะใภ้ของเจ้า เจ้าอยู่ที่นี่และฝึกฝนต่อไปเถิด”
“ตกลงคะพี่ใหญ่”
‘เสี่ยวหยู’เบิกตาออกกว้างมองไปที่’เนี่ยหลี่’ด้วยความสับสน พี่ใหญ่เตรียมวิธีการอันใดที่จะไปหาพี่สะใภ้กันนะ?
แม้ว่านางจะมีความอยากรู้อยากเห็นแต่นางก็ไม่ได้สอบถามสิ่งใดกับ’เนี่ยหลี่’มาก นางยังคงเชื่อฟัง’เนี่ยหลี่’และอยู่ในลานปฏิบัติเพื่อฝึกฝนต่อไป
หลังจาก’เนี่ยหลี่’ออกมาจากลานกว้างแล้ว ‘เนี่ยหลี่’ได้เรียกจิตอสูรปีศาจเงาและหายตัวไป ผู้เชี่ยวชาญที่มีระดับยศทองสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายจางๆ พวกเขามองไปที่สภาพแวดล้อมโดยรวมแต่กลับไม่พบอะไรผิดปกติจึงถอนสายตากลับ พวกเขาได้แต่คิดกันไปว่ารู้สึกผิดไปเอง
ความสามารถล่องหนของข้ายังไม่สมบูรณ์มากพอ การซ่อนกลิ่นอายยังไม่แข็งแกร่งมากเพียงพอเมื่อเผชิญกับร่างทรงอสูรระดับทอง ในตอนนี้ข้ายังสามารถผ่านพ้นไปได้อยู่ แต่ถ้าหากพบกับร่างทรงสูรระดับทองคำดำขึ้นไปข้าต้องถูกสังเกตุเห็นตัวอย่างแน่นอน
‘เนี่ยหลี่’คิดกับตัวเอง ‘เนี่ยห’ลี่ถือวิสาสะมุ่งไปที่’เอี้ยจืออวิ้น’พักอาศัยอยู่(ผิดกฏที่ว่าห้ามเข้ามายังส่วนหลักของคฤหาสน์) แม้นว่า’เนี่ยหลี่’จะไม่เคยได้เข้ามายังสถานที่นี้มาก่อน แต่’เนี่ยหลี่’เคยได้ยินทั้งหมดเกี่ยวกับคฤหาสน์ของเจ้าเมือง ดังนั้นมิใช่เรื่องยากเลยที่’เนี่ยหลี่’จะรู้ว่า ‘เอี้ยจืออวิ้น’นั้นพักอยู่ที่ใดในสถานที่แห่งนี้
ลูกสาวของท่านเจ้าเมือง อุคิ๊อุคิ๊ น่าสนใจจริงๆ’เนี่ยหลี่’คิดกับตัวเองขณะเดียวกับเขาก็ไม่สามารถที่จะอดกลั้นรอยยิ้มของเขาได้
‘เนี่ยหลี่’ผ่านเข้าไปยังคฤหาสน์เจ้าเมืองได้แบบง่ายๆ โดยไม่มีใครขัดขวาง ร่างทรงอสูรระดับทองไม่ได้เป็นปัญหาให้’เนี่ยหลี่’แต่อย่างใดลานเล็กๆที่ปรากฏผ่านสายตาของ’เนี่ยหลี่’ มันเป็นลานที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ภายในเต็มไปด้วยพืชพันธ์ไม้ดอก นานาชนิด คอยส่งกลิ่นหอมรุนแรงราวกับระเบิดออกมา เมื่อมองไกลไปอีกหน่อย พบกับอาคารที่ถูกทำขึ้นมาอย่างปราณีตภายในชั้นที่สอง ‘เอี้ยจืออวิ้น’อยู่ที่นั่น
‘เนี่ยหลี่’ผ่านประตูเล็กๆเข้ามา ด้วยการใช้ความสามารถล่องหน หลังจากที่เข้ามาได้สำเร็จ’เนี่ยหลี่’ปลดความสามารถของตัวเองลง ‘เนี่ยหลี่’ได้เดินเข้ามาข้างใน แล้ววววววว
บนหินที่อยู่มุมสุดของคฤหาสน์ ‘เอี้ยจืออวิ้น’ได้นั่งขัดสมาธิ ขณะที่นางฝึกฝนอยู่พลังวิญญาณของนางขดโดยรอบอยู่บริเวณด้านหลังของนาง ปรากฏรูปสีขาวที่ยังไม่ชัดเจนอยู่
ราชินีเหมันต์หายากยิ่ง นอกจากนี้มันยังทรงพลังอย่างมากด้วยความสามารถการต่อสู้กับสัตว์อสูรลมหิมะ ช่างเป็นภาพที่น่าชื่นชมจริงๆ ขณะที่เอี้ยจืออวิ้นฝึก[เก้าพลังหมุนเวียนฟินิกส์น้ำแข็ง]
เพียงเมื่อ’เนี่ยหลี่’จ้องมองไปยังเรือนร่างของ’เอี้ยจืออวิ้น’ บริเวณจมูกรู้สึกอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย เลือดกำเดาเกือบจะไหลออกมา ‘เอี้ยจืออวิ้นนางเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ’ ผมของนางยังคงไม่แห้งสนิทดี นางสวมเพียงผ้าคลุมบางๆเผยให้เห็นหน้าอกรางๆ(โรคจิต อายุ13 เองพ่อหนุ่ม)
ฉากที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในขณะนี้ทำให้’เนี่ยหลี่’ระลึกถึงชาติที่แล้ว คืนนั้นภายใต้แสงจันทร์ ‘เอี้ยจืออวิ้น’ที่งดงามราวกับเทพธิดามอบบริสุทธิ์ให้แก่’เนี่ยหลี่’ พวกเขาทั้งสองโอบกอดกันสัมผัสได้ถึงลมหายใจซึ่งกันและกัน ‘เนี่ยหลี่’ใช้มือนวดสัมผัสอย่างบางเบา บางคนถึงกับบอกว่าเป็นช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของชายคนหนึ่ง เมื่อเขาได้สตรีที่รักดั่งยอดดวงใจมาไว้ครอบครอง
‘เนี่ยหลี่’สูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงแม้ว่าปัจจุบัน ‘เอี้ยจืออวิ้น’ยังไม่ได้เติบโตเต็มที่ แต่เท่านี้นางก็งดงามมากแล้ว หลังจากที่ฝึก[เก้าพลังหมุนเวียนฟินิกส์น้ำแข็ง] นางก็ยิ่งมีเสน่ห์ดึงดูดมาเพิ่มขึ้นไปอีก
ในขณะที่สติของ’เอี้ยจืออวิ้น’ดำดิ่งลึกของการฝึกฝน นางตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างนางเปิดตาขึ้นอย่างไม่เป็นมิตรกล่าวว่า
“ใครกัน?”
เมื่อนางเห็น’เนี่ยหลี่’นางรู้สึกโล่งใจ นาง งงงวย เป็นอย่างมากจึงถามว่า
“ทำไมเป็นเจ้า? เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน?”
(แรดนะ โดนเห็นตอนโป๊ตอนอายุ 13 แต่ดันโล่งใจ)
ถ้าเป็นคนอื่นที่จู่ๆปรากฏตัวขึ้นในลานแห่งนี้ ‘เอี้ยจืออวิ้น’จะต้องสงสัยในเหตุจูงใจของพวกเขาแน่นอน ถึงแม้จะเป็นคนที่คุ้ยเคยกับ’เอี้ยจืออวิ้น’ ก็ไม่สามารถทำให้นางลดการป้องกันตัวเองลงอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่รู้ว่าทำไม’เอี้ยจืออวิ้น’เห็น’เนี่ยหลี่’ ถึงรู้สึกสบายใจอย่างไม่รู้ตัว
“ข้ามาที่นี่เพื่อดู ที่พักอาศัยของเจ้า ดูเหมือนว่ามันจะมีเอกลักษณ์มากเป็นพิเศษ แต่อย่างไรก็ตามการที่เจ้าอยู่ที่นีเพียงผู้เดียวไม่เป็นเรื่องที่น่าเบื่อหรอกหรือ จะเป็นยังไงน้าถ้าข้าจะย้ายมาอยู่กับเจ้า?”
‘เนี่ยหลี่’มองรอบไปทุกด้านขณะที่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ(สำหรับที่อยู่อาศัยใหม่ เนียนนะแก) ‘เอี้ยจืออวิ้น’มองไปยัง’เนี่ยหลี่’ ช่างน่าอายจริง ‘เนี่ยหลี่’…. ความไร้ยางอายของหมอนี่มีระดับกับคนเขาบ้างมั้ยเนี่ย?
“ข้ายอมรับเลยว่าที่ผ่านมามันน่าเบื่อมาก แม้ว่าข้าจะเบื่อขนาดไหนก็เหอะข้าจะไม่ยอมให้เจ้าย้ายมาอยู่ที่นี่เป็นแน่!”
จบตอน….
แปลมาแบบดำน้ำ ขอความเห็นใจจากผู้อ่านด้วยครับ
ที่มา: