ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ท่านบรรพชน เทคนิคการบ่มเพาะพลังทั้งห้าเหล่านี้มันอ่อนด้อยเกินไป ท่านเรียนรู้เทคนิคพวกนี้หรือ? ไม่น่าแปลกใจที่การบ่มเพาะพลังของท่านเป็นไปอย่างยากลำบากยามเมื่อท่านมีชีวิตอยู่ กว่าจะสามารถก้าวไปถึงระดับตำนานได้ ทำไมไม่ให้ให้ข้าสอนสุดยอดการบ่มเพาะพลังให้แก่ท่านหละ? ข้ารับประกันได้ว่าการเพาะปลูกของท่านจะก้าวหน้ากว่านี้แน่!”
‘เนี่ยหลี่’ กล่าวพร้อมบอก
“ตัวข้านั้นมีเทคนิคการการบ่มเพาะพลังที่มีประสิทธิภาพถึง 3600 วิธีแม้วิธีที่จะให้ผลน้อยที่สุดยังดีมากกว่าห้าเทคนิคของท่าน ถ้ามันไม่ดีจริงข้าคงไม่กล้าสอนให้ท่าน”
“พอแล้ว!!”
‘เอี้ยหยาน’ตัดบทพูดของเนี่ยหลี่ด้วยอารมณ์ที่โมโหสุดๆ เนี่ยหลี่ไม่ไว้ข้าเลยแม้แต่น้อย เจ้าไม่รู้รึไงว่าข้าเป็นถึงบรรพชนผู้ก่อตั้งนครรุ่งโรจน์เชียวนะ?
“เจ้าเด็กเหลือขอ ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าไปได้เทคนิคการบ่มเพาะเหล่านี้มาจากไหน อาจจะได้มาจากทรัพย์สมบัติบางส่วน อย่างไรก็ตามแม้ว่าเจ้าจะมีสุดยอดเทคนิคการบ่มเพาะพลังอยู่ แต่ข้านั้นสามารถเป็นร่างทรงอสูรระดับตำนานได้ด้วยตัวข้าเองเชียวนะ ข้าสามารถแนะแนวทางที่ดีให้แก่เจ้าได้ ความรู้ที่กว้างใหญ่ของข้า เกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการได้เสียอีก!”
“โอ้ว…ขนาดนั้นเชียวรึ ท่านบรรพชนผู้มีภูมิความรู้มากมาย ข้าอยากจะถามท่านเสียยิ่งนักเหตุใดต้องผสานวิญญาณอสูรเข้ากับจิตวิญญาณ?”
‘เนี่ยหลี่’ มองไปที่ ‘เอี้ยหยาน’ และกล่าวถาม หึ หึ
“บรรพชนผู้ก่อตั้งต้องการจะต่อสู้กับข้าด้วยความรู้งั้นรึ?”
“นี่เจ้าไม่มีอาจารย์สอนความรู้พื้นฐานหรือไงกัน? วิญญาณอสูรนั้นอยู่ในรูปแบบของจิตอสูร เปรียบได้เสมือนน้ำ จิตวิญญาณของเรานั้นก็เปรียบดังภาชนะถ้วยที่มีไว้เพื่อรองรับจิตอสูร จึงเกิดการผสานรวมร่างเข้าด้วยกัน!”
‘เอี้ยหยาน’ตอบ พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“แม้ว่าความสามารถของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียว แต่ความรู้พื้นฐานของเจ้ายังเด็กนัก”
“หากท่านบอกว่า จิตวิญญาณของคนเราเปรียบได้ดังภาชนะถ้วย แล้วจิตอสูรเปรียบได้ราวกับน้ำ แล้วเหตุใดบางคนที่สามารถบ่มเพาะพลังของตนมาถึงระดับเงินแล้วไม่สามารถจะรวมร่างกับจิตอสูรได้?”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้มแล้วถามกลับ
“ถ้ามันเป็นถ้วยจริงมันก็ควรจะใส่น้ำได้!”
“นั่นมัน….นั่นมันเป็นความเป็นไปได้แค่เล็กน้อยถึงน้อยมากเท่านั้นที่จะล้มเหลว ดังนั้นปัญหานี้จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ใจ!”
‘เอี้ยหยาน’ชะงักไปชั่วครู่แล้วกล่าวด้วยเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ‘เอี้ยหยาน’ไม่สามารถที่จะตอบคำถามของ’เนี่ยหลี่’ได้
“กรณีผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้เล็กน้อยที่ท่านว่านั้น มักจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะไขไปสู่ความลับที่ทำให้มันเกิดขึ้นไม่ได้ หากแม้แต่ร่างทรงอสูรระดับตำนานไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ ข้าไม่รู้เลยจริงๆว่าอาจารย์ท่านสอนอะไรให้แก่ท่านกันแน่! หากข้ามีโอกาสเป็นศิษย์เขาหละก็ข้าคงจะเอามือตบเขาให้ตายคาฝาผนังเป็นแน่”
เนี่ยหลี่ ส่ายหัวด้วยสีหน้าเศร้าโศก
“ถ้างั้น…เจ้าบอกข้าได้รึไม่?”
‘เอี้ยหยาน’ถึงกับตัวสั่น ตั้งแต่ได้เป็นร่างทรงอสูรระดับตำนานเอี้ยหยานไม่เคยได้รับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนหน้านี้เลย
“จิตวิญญาณของคนเรานั้นมีรูปแบบและกำหนดความเข้ากันได้ของจิตอสูรที่จะทำการผสานจิตอสูร หากความแตกต่างคุณลักษณะของจิตอสูรกับจิตวิญญาณนั้นมีความแตกต่างกันมากเกินไปก็จะไม่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับที่ไฟกับน้ำที่ไม่สามารถเข้ากันได้”
“คุณลักษณะที่แตกต่าง?”
‘เอี้ยหยาน’ พึมพำกับตัวเอง ที่ผ่านมา’เอี้ยหยาน’ไม่ได้ตระหนักในเรื่องนี้ คำตอบของเนี่ยหลี่ได้เปิดหน้าต่างแห่งความรู้ใหม่ให้กับหัวใจของ’เอี้ยหยาน’
“นอกเหนือจากคุณลักษณะ ที่แตกต่างกันแล้ว จิตวิญญาณของมนุษย์เรายังมีความลึกซึ้งอีกด้วย ร่างทรงอสูรปกติก็ไม่ทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้ หากท่านเต็มใจให้ข้าเป็นอาจารย์แล้วหละก็ ข้าก็จะอธิบายมันให้แก่ท่าน จิตวิญญาณของท่านเองก็ยังไม่ได้สลายไป การจะช่วยให้ท่านกลับมามีร่างเนื้อก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”
‘เนี่ยหลี่’นั่งขัดสมาธิ เผยให้เห็นรอยยิ้มปรากฏบนหน้า
“สร้างร่างเนื้อให้แก่ข้า ทำได้ด้วยรึ?เรื่องแบบนี้มันเป็นไปด้วย?”
‘เอี้ยหยาน’ถึงกับตกตะลึง เรื่องนี้มันเกินกว่าสิ่งที่จะจินตนาการได้ ทำไมเจ้าเด็กนี่ถึงได้มีความรู้มากมายยิ่งนัก? ในญานะที่ข้าเป็นถึงบรรพชนผู้ก่อตั้งนครรุ่งโรจน์หากเป็นเด็กคนอื่นคงแทบจะหมอบคลานมาเสนอตัวเป็นศิษย์แก่ข้าแล้ว มีเพียง’เนี่ยหลี่’เท่านั้นที่เสนอตัวสอนข้าแทน
แม้ว่า’เอี้ยหยาน’จะโกรธจนแทบอาเจียนออกมาเป็นเลือด แต่สิ่งที่’เนี่ยหลี่’กล่าวออกมากับเป็นเสมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดตัวเขาเอาไว้
สิ่งใดก็ตามที่เนี่ยหลี่กล่าวออกมาล้วนอยู่เหนือความเข้าใจของตัว’เอี้ยหยาน’อย่างสิ้นเชิง“ไอ้เด็กเวรนี่เจ้าต้องการให้ข้ายอมรับเจ้าเป็นอาจารย์ข้างั้นรึ?”
“จะให้ข้าเป็นอาจารย์ของท่าน เฮ่อ ข้าว่า ท่านลืมมันไปเสียเถิด ข้าไม่อยากจะสอนคนที่ไร้ความสามารถเช่นท่าน!”เนี่ยหลี่ ดูหมิ่น เย้ยหยัน”ถ้าศิษย์ของข้าใช้เวลากว่า800ปีเพื่อเป็นร่างทรงระดับตำนานแล้วยังภูมิใจกับมันอยู่หละก็ ข้าคงใช้แส้เฆี่ยนตีมันผู้นั้นจนตาย!”
‘เอี้ยหยาน’ชี้นิ้วไปยัง’เนี่ยหลี่’ตัวของ’เอี้ยหยาน’เองสั่นสะท้านไม่ยอมหยุด
“เจ้า นี่เจ้า…ไอ้ ลูกหลานอกตัญญู!”
‘เอี้ยหยาน’แม้กระทั่งหนวดเครายังสั่นสะท้านไปเพราะความโกรธ ถ้า’เอี้ยหยาน’ฟื้นมาตอนนี้ ก็คงตายเพราะความโกรธที่มีต่อ’เนี่ยหลี่’อีกครั้งเป็นแน่
“ข้ามิได้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลของท่านเสียหน่อย ข้าสืบเชื้อสายมาจากตระกูลบันทึกสวรรค์ ในแง่ของการเกิดของตระกูลข้านั้นก็นับว่าเกิดนานกว่าตระกูลเอี้ยของท่าน หากแม้ว่าท่านไม่ได้เกี่ยวข้องกับ จืออวิ้นแล้วหละก็ข้าจะไม่ใส่ใจท่านแม่แต่นิดเดียว!”
‘เนี่ยหลี่’เบ้ปากเหยียดหยาม
‘เอี้ยหยาน’โกรธอย่างที่สุด แต่’เอี้ยหยาน’ในตอนนี้เป็นเพียงรูปจิตวิญญาณเอี้ยหยานไม่สามารถทำอันใดแก่’เนี่ยหลี่’ได้“ตระกูลบันทึกสวรรค์ ข้าจำได้ละเมื่อยามตอนที่ข้าก่อตั้งนครรุ่งโรจน์ตระกูลบันทึกสวรรค์เป็นเพียงตระกูลเล็กๆเท่านั้น ข้ายอมรับว่าบรรพชนของเจ้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก ดูเหมือนว่าเจ้าจะได้รับมรดกตกทอดมาจากตระกูลของเจ้า!แต่เพียงมรดกเล็กน้อยเจ้ากล้าจะมาหยิ่งยโสกับข้าผู้นี้เชียวรึ?”
แม้ว่า’เอี้ยหยาน’จะยอมรับว่า’เนี่ยหลี่’มีความรู้มากกว่า ‘เอี้ยหยาน’ก็ยังไม่เต็มใจจะยอมรับความพ่ายแพ้เช่นนี้ หาก’เอี้ยหยาน’ยอมรับความพ่ายแพ้ให้แก่ เด็กที่มีอายุเพียง 13-14 ปี เขายังจะมีหน้าเป็นร่างทรงอสูรระดับตำนานได้อยู่หรือ?
“ฮื้มม..!!”
‘เอี้ยหยาน’ไม่ได้พูดนานนักเนื่องมาจากการที่เขาพยายามระงับความโกรธเอาไว้
ตั้งแต่นั้นมา’เนี่ยหลี่’ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะพูดคุยกับ’เอี้ยหยาน’ต่อ ‘เนี่ยหลี’ทำการฝึกฝนด้วยตัวของเขาเอง คลื่นจิตวิญญาณอันงดงามหมุนเวียนรอบตัว’เนี่ยหลี่’อย่างไม่ขาดสายหลังจากเริ่มฝึก [พลังเทพวิถีฟ้า] จิตอสูรทั้งสองที่อยู่ในตัวเขาก็ทำหน้าที่ดูดซับแรงจิตวิญญาณอย่างต่อเนื่องคล้ายกับฟองน้ำวิญญาณของ’เอี้ยหยาน’ยังคงอยู่รอบๆ’เนี่ยห’ลี่ แม้ว่า’เอี้ยหยาน’จะโกรธเนี่ยหลี่แต่เมื่อได้เห็นวิธีการฝึกฝนของ’เนี่ยหลี่’มันทำให้’เอี้ยหยาน’ละสายตาไปจากมันไม่ได้เลย
คลื่นแรงวิญญาณที่แผ่ออก รูปแบบของการฝึกดังกล่าวไม่เหมือนกับสิ่งที่ร่างทรงอสูรระดับเงินจะฝึกได้ มันเหมือนกับเป็นการฝึกของร่างทรงอสูรระดับตำนานเสียมากกว่า
เมื่อมองไปยัง’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘เอี้ยหยาน’ก็คิดกับตัวเองว่า ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเด็กเหลือขอนี่หรือเจ้าเด็กตุ๊กตานี่ก็มีเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่น่ากลัวมากราวกกับสัตว์ประหลาดที่กำลังอยู่ในช่วงวัยเยาว์นี่เป็นเพราะข้าไม่ได้ออกไปเห็นโลกภายนอกมาหลายปีหรือย่างไรกันนะจึงได้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้?
เมื่อเทียบกับเทคนิค [พลังเทพวิถีฟ้า]ของ’เนี่ยหลี่’ เทคนิคการบ่มเพาะพลังทั้งห้าของ ‘เอี้ยหยาน’เป็นขยะไปเลย
แม้ว่าความเร็วของเทคนิค[พลังเทพวิถีฟ้า]จะช้ากว่าเทคนิค[มังกรเหินวายุอัสนี]และ[การหมุนเวียนทั้งเก้าฟินิกส์น้ำแข็ง] แต่ก็มีความเร็วมากกว่าเทคนิคทั้งห้าที่เอี้ยหยานนำเสนอก่อนหน้านี้ เป็นสิบเท่าความคิดของ’เอี้ยหยาน’ย้ายไปยัง’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’
“เจ้าเด็กตุ๊กตา ความสามารถของเจ้าไม่เลวเลยทีเดียวเจ้าอยากจะมาเป็นศิษย์ของข้าไหม?”
เมื่อได้ยินเสียงของ’เอี้ยหยาน’ ‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’สะดุ้งเล็กน้อยแล้วถามกลับไปว่า
“ท่านเป็นใครกัน?”
“ข้าเป็นบรรพชนผู้ก่อตั้งนครรุ่งโรจน์ ผู้ก่อตั้งตระกูลลมหิมะ เอี้ยหยาน!”
‘เอี้ยหยาน’ตอบอย่างภูมิใจ
“ท่านบรรพชนผู้ก่อตั้ง! ข้าเสี่ยวหนิงเอ๋อ จากตระกูลปีกมังกรคาราวะท่านบรรพชน!”
‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’แสดงความเคารพทันที นางมีความเคารพอย่างเต็มเปี่ยมให้กับบรรพชนผู้ก่อตั้งของประวัติศาสตร์
‘เอี้ยหยาย’ยิ้มและกล่าวว่า
“ไม่เลว ไม่เลว เจ้ามีคุณค่าเพียงพอที่จะให้ข้าสอน!”
นี่มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว เจ้า’เนี่ยหลี่’ต่างหากที่ผิดปกติ
“ข้าอยู่ในเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์มาเป็นพันปีแล้ว ข้าสงสัยว่าโลกภายนอกตอนนี้เป็นเช่นไร?”
“ท่านบรรพชน นครรุ่งโรจน์ตอนนี้ยังปลอดภัยอยู่ค่ะ”
“มีร่างทรงอสูรระดับตำนานที่คอยเฝ้าปกป้องนครรุ่งโรจน์อยู่ ณ ตอนนี้หรือไม่?”
“นับตั้งแต่บรรพชนผู้ก่อตั้ง ตอนนี้มีเพียงท่านเอี้ยมัว เท่านั้นที่เป็นร่างทรงอสูรระดับตำนาน”
‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ตอบ
“เป็นไปได้เยี่ยงไร?”
‘เอี้ยหยาน’ขมวดคิ้ว แปลกมากไม่ว่าจะเป็นเจ้าเด็ก’เนี่ยหลี่’นั่นหรือ’เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ ทั้งสองต่างมีเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่มีประสิทธิภาพมาก เป็นเรื่องที่น่าตกใจ ด้วยเทคนิคการบ่มเพาะพลังที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่มีร่างทรงอสูรระดับตำนานเพียงคนเดียว
“มีปัญหาอะไรหรือค่ะ?”
‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ไม่มีอะไรหรอก เจ้าฝึกฝนต่อไปเถิดใครจะรู้ตอนนั้นข้าอาจจะสามารถแนะนำให้เจ้าได้บางอย่าง!”
‘เอี้ยหยาน’กล่าว หลังจากนั้นใบหน้าของเอี้ยหยานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงราวกับมะเขือเทศ
“นี่…..”
‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ลังเลอยู่พักนึง…
ที่มา: