ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป“ยาเม็ดบำรุงวิญญาณ, ยาเม็ดรวมวิญญาณ หรือแม้แต่ยาเม็ดในตำนานอย่าง ยาเม็ดเคลิ้มวิญญาณ ยาเม็ดเสริมกำลังกายสีชาด และยาเก้าแปลงด้วย เราสามารถมอบยาเหล่านี้ให้เจ้าได้เท่าที่ต้องการ ไม่ว่าวิชาฝึกพลังวิญญาณแขนงใด ตราบเท่าที่เจ้าต้องการ พวกเราก็สามารถมอบให้ได้…..”
‘อี้ซิว’กล่าวอย่างภาคภูมิใจ ในนครเรืองโรจน์ ด้วยขุมกำลังของจวนเจ้าเมือง มีสิ่งใดบ้างที่กระทำไมได้
พอได้ฟังที่’อี้ซิว’พูด หุ่นเชิดวิญญาณกลับมอง’อี้ซิว’ราวกับเป็นตัวตลก
ในฐานะบรรพชนผู้ก่อตั้งนครเรืองโรจน์ มันครอบครองวิชาฝึกพลังวิญญาณหลายแขนงที่คนทั่วไปไม่กล้าฝันถึง มันยังโดน’เนี่ยหลี่’ล้อเลียนจนเสียผู้เสียคน วิชาขยะที่หลงอยู่ในจวนเจ้าเมืองพรรณนั้นจะสามารถเทียบชั้นกับวิชาที่’เนี่ยหลี่’ใช้ได้อย่างไร? ‘อี้ซิว’คิดจริงๆ หรือว่าสามารถมอบวิชาฝึกพลังวิญญาณที่’เนี่ยหลี่’ต้องการได้?
“ผู้อาวุโสอี้ซิว ตอนที่ท่านกลับมาถึงท่านเจ้านครไม่ได้บอกท่านเหรอ ว่าข้าเป็นผู้ส่งมอบสูตรยาทั้งหมดที่ท่านว่ามานั้นออกไป หากท่านต้องการยาเม็ดเคลิ้มวิญญาณหรือยาใดก็ตามเพียงแค่ท่านบอกข้า ข้าสามารถจัดหาให้ได้ สามพันถึงห้าพันเม็ดได้ในทันที ถือเป็นของวัญให้ผู้อาวุโสอี้ซิว”
‘เนี่ยหลี่’พูดพลางสะบัดมือไปมา สูตรยาทิพย์ในนครเรืองโรจน์เหล่านั้น ‘เนี่ยหลี่’เป็นผู้ส่งมอบออกไป?
เนื่องด้วยเรื่องนี้ มีเพียงประธานสมาคมปรุงยา เจ้านคร’อี้ซ่ง’ และบุคคลที่เกี่ยวข้องไม่กี่คนเท่านั้นที่รับทราบ ‘อี้ซิว’รีบเร่งกลับมาด้วยเรื่องของหนังสือลึกลับ ย่อมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
“นี่….”
‘อี้ซิ่ว’ได้แต่อึกอักด้วยความอับอาย
“โปรดแจ้งต่อท่านเจ้าอี้ซ่งว่า ข้าจะช่วยจัดตั้งค่ายกลหมื่นสัตว์อสูรกายก็ได้ อย่างไรก็ตาม ข้ามีเงื่อนไข”
‘เนี่ยหลี่’พูดพร้อมกับยิ้มบาง
“เงื่อนไขอันใด?”
‘อี้ซิว’ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นรับฟัง
“ข้าต้องการให้ข้าและน้องสาวย้ายไปอยู่ในส่วนที่พักของอี้ซีหวิน และพักอาศัยด้วยกันกับนาง เงื่อนไขอื่นนอกจากนั้น ข้าไม่มีความสนใจ”
‘เนี่ยหลี่’พูดพร้อมด้วยมุมปากยกขึ้นสูง
“ว่ากระไร?”
‘อี้ซิว’เบิกตาจนกลมกว้าง มันคาดไม่ถึงว่า’เนี่ยหลี่’มีความต้องการเช่นนี้ ได้แต่เหม่อมอง’เนี่ยหลี่’อย่างยาวนาน สรุปว่า’เนี่ยหลี่’เล็งธิดาเจ้านครเอาไว้สินะ ไม่แปลกใจเลยเหตุใดเจ้านคร’อี้ซ่ง’ถึงได้โกรธเป็นฟืนเป็นเมื่อได้ยินชื่อ’เนี่ยหลี่’ ‘อี้ซิว’ใบหน้าหม่นหมองลง
‘เนี่ยหลี่’อายุเท่าใดแล้ว? อาจบางทีมันเติบโตเร็วกว่ากว่าผู้อื่น? มันเข้าใจเรื่องราวระหว่างบุรุษสตรีหรือ? แล้วยิ่งคำขอของมันไม่ใช่เรื่องแปลกเกินไปหรือ? ‘อี้ซิว’กลืนน้ำลายลงคอ หากมีคนอื่นได้ยินเงื่อนไขนี้ ‘อี้ซ่ง’ต้องฆ่ามันทิ้งแน่
‘อี้ซิว’เงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะยิ้มแห้งๆ แล้วพูดว่า
“ข้าไม่สามารถตัดสินใจในเรื่องนี้ได้ ข้าคงต้องไปขออนุญาตจากท่านเจ้าอี้ซ่งก่อน”
หัวใจของ’อี้ซิว’ราวกับพันอาชาห้อตะบึง มันจะกล้าพูดเรื่องนี้ต่อหน้า’อี้ซ่ง’ได้อย่างไร? มันจะบอก’อี้ซ่ง’อย่างไรว่า ให้มันแลกธิดารักกับค่ายกลหมื่นสัตว์อสูรกาย? ‘อี้ซิว’สามารถบอกได้เลยว่า’อี้ซ่ง’จะมีปฏิกิริยาอย่างไรหากได้ยินเรื่องนี้ หากไม่ยินยอม…..แต่ค่ายกลหมื่นสัตว์อสูรกายมีความสำคัญมากเกินไป
หากยินยอมก็ไม่ต่างกับส่ง’ซีหวิน’ถึงหน้าห้องหอ? ไอ้หนุ่มนี่โผล่มาจากไหน ด้วยอารมณ์หัวเราะมิออกหรือร้องไห้มิได้ ‘อี้ซิว’ได้แต่จากที่พักของ’เนี่ยหลี่’มาในลักษณะนี้
ณ ห้องโถงหลัก จวนเจ้าเมือง
“ว่ากระไร? เลวมาก!! ข้าจะฉีกมันเป็นชิ้นๆ!! อย่าหวังว่ามันจะมีชีวิตผ่านพ้นคืนนี้ไปได้เลย”
ฟังคำพูดของ’อี้ซิว’ ‘อี้ซ่ง’พลันเกิดโทสะพลุ่งขึ้น มือบีบเท้าแขนเก้าอี้แหลกสลายไป
เส้นเลือดปูดโปนออกจากแขนของ’อี้ซ่ง’ หากมันรู้ว่า’เนี่ยหลี่’จะเป็นคนได้คืบจะเอาศอกเช่นนี้ มันคงจะฟาด’เนี่ยหลี่’ให้ตายตั้งแต่ตอนอยู่ที่พักของ’ซี่หวิน’แล้ว
“เท่าเจ้านครโปรดระงับโทสะ เรื่องราวมีความสำคัญ เกี่ยวพันกับความปลอดภัยของประชาชนของนครเรืองโรจน์นับล้าน โปรดทบทวนด้วย”
‘อี้ซิว’รีบกล่าวปลอบ เพราะคาดไว้แล้วว่า’อี้ซ่ง’ต้องมีปรฏิกิริยาเช่นนี้
“ค่ายกลหมื่นสัตว์อสูรกายนี่อะไร? มันก็แค่เรื่องที่ไอ้เด็กนั่นแต่งขึ้น! ไอ้หนูนั่นหยอดคำหวานเพื่อหลอกลวงลูกสาวข้า แล้วคราวนี้ยังหลอกข้าด้วยสิ่งที่ไม่มีจริง คิดง่ายไปหรือเปล่า!”
โทสะ’อี้ซ่ง’พลุ่งพล่านจนถึงจุดสูงสุด ‘อี้ซิว’ส่ายศีรษะก่อนจะพูดว่า
“ท่านเจ้านคร ข้าคิดว่าเด็กเนี่ยหลี่นั่นมิได้โกหก หากมันต้องการโกหก มันควรจะบอกเวลาที่ใช้ในการตั้งค่ายกลนานกว่านี้ ไม่ใช่เพียงสองเดือน นั่นมันเร็วไปเกินไปมาก หากมันไม่สามารถตั้งค่ายกลได้ มันสมควรยืดเวลาออกไป จากสองเดือนเป็นสามปี ห้าปี หรือนานกว่านั้น”
ในหัวของ’อี้ซ่ง’ถูกความโกรธบดบังสติสัมปชัญญะ ในทางตรงข้าม ‘อี้ซิว’กลับเยือกเย็นจน่ากลัว
“ต่อให้มันสามารถตั้งค่ายกลหมื่นสัตว์อสูรกายได้ ก็ไม่มีทางที่ข้าจะยกลูกสาวให้!! รู้วิธีจัดตั้งค่ายกลหมื่นสัตว์อสูรกายแต่กลับมีเงื่อนไขกับข้างั้นหรือ ฝันไปเถอะ!! ข้าจะไปหามันที่ที่พัก หากมันไม่ยอมจัดวางค่ายกล อย่าได้โทษว่าข้าไม่เกรงใจ”
‘อี้ซ่ง’ตบโต๊ะคราหนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้องโถงหลักไป
เมื่อเห็นการกระทำของ’อี้ซ่ง’ ‘อี้ซิว’ได้แต่ตื่นตระหนก รีบไล่ตามไปกล่าวว่า
“ท่านเจ้านครโปรดทบทวนด้วย! ค่ายกลหมื่นสัตว์อสูรกายต้องใช้วิญญาณอสูรชั้นเหล็กนิลกว่าหมื่นตัว ค่ายกลนี้ต้องอาศัยฝีมือกันประณีตอย่างยิ่ง หากผู้ตั้งค่ายกลเล่นตุกติกวางค่ายกลไม่สมบูรณ์จนส่งผลขึ้นระหว่างต่อสู้ ผลสุดท้ายคงเลวร้ายสุดคาดคิด”
“อี้ซิว เจ้าหมายความว่าข้าควรส่งลูกสาวให้มันอย่างนั้นหรือ?”
‘อี้ซ่ง’ยามนี้ราวกับราชสีห์คลั่ง ‘อี้ซิว’พลันกล่าวว่า
“ย่อมมิใช่เช่นนั้น ข้าได้ยินว่าเนี่ยหลี่หมายตาหวินเอ๋อ ด้วยอายุของหวินเอ๋อขณะนี้ หากเป็นตระกูลอื่นคงแต่งออกไปแล้ว ถึงแม้ว่าเนี่ยหลี่จะไร้เส้นสายใด แต่ด้วยพรสวรรค์ของมันสามารถคาดหวังความสำเร็จได้ นับว่าเหมาะสมกับ
หวินเอ๋อ ผู้ใดจะทราบ อาจะบางทีหลายปีให้หลัง มันอาจกลายเป็นร่างทรงอสูรชั้นตำนานอีกคน เด็กนี้นับว่าเหมาะสมจะเคียงคู่หวินเอ๋อแล้ว”“เหมาะสม? น่าขำ! ด้วยอายุเพียงเท่านี้กลับรู้จักหลอกลวงผู้คน ใครจะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับหวินเอ๋อหากแต่งกับมันไป? ยิ่วไปกว่านั้น ข้ารู้นะว่าไอ้หนูนี่มันเสือผู้หญิง ข้างนอกนั่นยังมีมังกรเหินเซียวหนิงเอ๋อ กับ ฮู่หยานหลานโรว จากตระกูลฮู่หยานอีก ฮึ่ม..”
‘อี้ซ่ง’มอง’อี้ซิว’อย่างขุ่นเคือง ก่อนจะพูดด้วยความจริงจังว่า
“หากเจ้าพูดเรื่องนี้อีก อย่าหาว่าข้าไม่เตือนนะ”
‘อี้ซิว’อ้าปากค้าง กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา มันได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วปิดปากลง ดูเหมือน’อี้ซ่ง’จะมีอคติกับ’เนี่ยหลี่’ไปแล้ว ในสายตาของ’อี้ซิว’ ‘เนี่ยหลี่’นับว่าไม่เลว ต่อให้มันเป็นเสือผู้หญิง แล้วอย่างไรเล่า? ชายใดบ้างไม่เจ้าชู้ ในหมู่ชนชั้นสูงของนครเรืองโรจน์ ผู้ใดบ้างไม่มีสามภรรยาสี่นางบำเรอ? นี่เป็นเรื่องธรรมดามาก แม้แต่’อี้ซ่ง’เองยังมีภรรยาสองคน
อย่างไรก็ตาม ‘อี้ซ่ง’มี’อี้ซีหวิน’เป็นบุตรสาวคนเดียว จะเกลี้ยกล่อมมันย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย
ณ ที่พักของเนี่ยหลี่
ทันที่’อี้ซ่ง’ก้าวเข้าไปในสวน ก็ได้ยินเสียงทักทายจากด้านในสวนว่า
“โอ้ ท่านพ่อตา ลมอะไรพัดท่านมาถึงที่นี่ได้?”
ได้ยินประโยคนี้ ‘อี้ซ่ง’ถึงกับเสียศูนย์ แทบสะดุดธรณีประตู ตัวสั่นเทิ้มไปทั่วสรรพางกายด้วยความขุ่นเคือง
ปกติแล้ว ยอดฝีมือชั้นเหล็กนิลเช่น’อี้ซ่ง’ มีขีดความสามารถในการป่นหินยักษ์เป็นผุยผงด้วยการเตะครั้งเดียว ไม่ต้องพูดถึงเพียงธรณีประตูเล็กๆ นี้ เพียงแต่ยามนี้’อี้ซ่ง’ถูก’เนี่ยหลี่’ยั่วโทสะจริตจนบดบังสติไปหมด กลับลืมเลือนใช้พลังออก
ได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี่และสีหน้าของ’อี้ซ่ง’ ‘อี้ซิว’ได้แต่กลั้นหัวเราะเอาไว้อย่างยากเย็น นอกจาก’เนี่ยหลี่’แล้ว ไม่ว่าผู้ใดได้พบเจ้านครเรืองโรจน์ ต้องไม่กล้าแม้แต่ส่งเสียงสักคำ ด้วยฝีปากของ’เนี่ยหลี่’ยังสามารถมีชีวิตมาจนบัดนี้ได้นับว่าเป็นปราติหารย์แล้ว
ตูม!!
‘อี้ซ่ง’พลันระเบิดพลังวิญญาณออกมา ใบหน้าหมองคล้ำจนน่าตระหนก ทุกๆ ก้าวย่างของมันสร้างรอยเท้าลึกไว้บนพื้น ราวกับรอยเท้าปิศาจจากขุมนรก
แม้แต่’อี้ซิว’ยังรู้สึกตื่นตระหนกต่อแรงกดดันที่แผ่ออกมาจากตัว’อี้ซ่ง’ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์สูงสุดในหมู่ลูกหน้ารุ่นที่ห้าของตระกุลวายุเหมันต์ เพียงไม่กี่ปีก็ฝึกฝนตัวไปจนถึงจุดสูงสุดของชั้นเหล็กนิล แม้แต่’อี้ซิว’เองยังทำได้แค่มอง
“ท่านเจ้านคร….”
‘อี้ซิว’ร้องขึ้นอย่างรีบเร่ง มันเป็นห่วงว่า’อี้ซ่ง’จะไม่สามารถควบคุมอารมณ์พลั้งมือฆ่า’เนี่ยหลี่’ไป นั่นนับว่าสร้างความเสียหายให้กับนครเรืองโรจน์อย่างใหญ่หลวง
‘อี้ซ่ง’เพียงก้าวเท้าออกไปสองก้าว ‘เนี่ยหลี่’ก็รู้สึกนราวกับอยู่ท่ามกลางคลื่นยักษ์ที่ถาโถมเข้ามาแล้ว
พริบตาก่อนที่พลังกดดันของ’อี้ซ่ง’จะถึงตัว’เนี่ยหลี่’ พลันได้ยินคนผู้หนึ่งแค่นเสียงอย่างเย็นชา หุ่นเชิดวิญญาณที่เกาะอยู่บนไหล่ของ’เนี่ยหลี่’ ส่งเสียเป็นภาษามนุษย์ว่า
“ไอ้หนูอี้ซ่ง ข้าคือบรรพชนผู้ก่อตั้งอี้หยาน จงหยุดการกระทำของเจ้าเดี๋ยวนี้!!”
ได้ยินคำเหล่านี้ พลังวิญญาณของ’อี้ซ่ง’ก็หยุดชะงัก ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนเมื่อได้ยินเสียงคุ้นๆ
“ไอ้หนู้อี้ซ่ง เจ้าลืมข้าแล้วหรือ? จะให้ข้าติดสินว่าเจ้าล่วงเกินบรรพชนตัวเองก่อนหรือ?”
เสียงแค่นอันเย็นชาดังมาจากหุ่นเชิดวิญญาณ
“หากข้าไม่สอนวิชาเจ็ดหฤทัยให้ในเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ วันนี้เจ้าจะมาถึงจุดนี้ได้เหรอ?”
“ท่านบรรพชนผู้ก่อตั้ง อี้หยานหรือ?”
สายตา’อี้ซ่ง’ตกอยู่ที่หุ่นเชิดวิญญาณบนไหล่’เนี่ยหลี่’
ยามนี้ใบหน้าของ’เนี่ยหลี่’ปรากฏรอยยิ้มเหลวไหลขึ้น สร้างความขุ่นเคืองให้กับ’อี้ซ่ง’ ได้ยินเสียงบรรพชนก่อตั้ง’อี้หยาน’พูด
“ถูกแล้ว ข้าเอง”
ใบหน้า’อี้ซ่ง’หมองคล้ำกว่าเดิม หมองคล้ำจนน่ากลัว
“เนี่ยหลี่ เจ้าขวัญกล้ามากเกินไปแล้ว!! บังอาจผนึกวิญญาณท่านบรรพชนผู้ก่อตั้งอี้หยานไว้ในหุ่นเชิดวิญญาณ!!! เรื่องนี้อภัยไม่ได้!! หากวันนี้ไม่ห่าเจ้าทิ้งข้าไม่ขอใช้แซ่อี้!!”
“เหลวไหล!! หากเจ้าไม่แซ่อี้แล้วจะใช้แซ่อะไร!!”
‘อี้หยาน’แค่นเสียด้วยความขุ่นเคือง
“ข้ายอมให้มันผนึกข้าไว้ในหุ่นเชิดวิญญาณเอง”
“ท่านพ่อตาช่างจริงจังเหลือเกิน ข้าไม่รู้ว่าข้าทำอะไรให้ท่านพ่อตามีโทสะ หากข้าทำอะไรเช่นนั้นข้าก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย”
เห็นเหตุการณ์กลับกลาย ‘อี้ซิว’ถึงกับสับสนมึนงงไปหลายวินาที ท่านบรรพชนผู้ก่อตั้ง’อี้หยาน’?
‘อี้ซิว’ย่อมมิใช่ไม่รู้จักบรรพชนผู้ก่อตั้ง’อี้หยาน’ นี่เป็นความลับอันยิ่งใหญ่ของนครเรืองโรจน์ มีเพียงมันและผู้ที่ผ่านการทดสอบในเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ทราบ ว่ามีวิญญาณนิรันด์อยู่ในเขตแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ นั่นคือท่านบรรพชนผู้ก่อตั้งนคร’อี้หยาน’เรียกได้ว่าในบรรดายอดฝีมือชั้นเหล็กนิลนั้น ส่วนใหญ่ได้รับการชี้แนะจากท่าน
แต่ยามนี้บรรพชนผู้ก่อตั้งนคร’อี้หยาน’กลับออกมาจากแดนสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์และถูกผนึกอยู่ในหุ่นเชิดวิญญาณ นี่มันเรื่องอะไรกัน?
จบตอน…
ที่มา :