ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปทำเช่นนี้มันมากเกินไปแล้ว ข้ายังเป็นเจ้าเมืองนะ และ ที่จริงแล้ว ข้ายังมี…………….
‘เอียเซิ่ง’ ไม่สามารถทนมันได้แล้ว
“ ว๊ากกกก”
เสียงคำรามดังกึกก้องทั่วนาภา ร่างกายของเขาขยายตัวใหญ่ขึ้นจนเป็นอิสระหลุดพ้นจากพันธนาการของอสรพิษที่แผดเผา และประเคนหมัดใส่ไม่ยั้งไปยังหมีโลกันตร์ จนพิชิตเหล่าหมีโลกันตร์ได้เป็นสิบ จากนับร้อย
‘เนี้ยหลี่’ สั่งการเหล่าดวงจิตอสูรอื่นๆ ให้โจมตี’เอียเซิ่ง’ในทันที ถึงแม้ว่า’เอียเซิ่ง’จะใช้วิทยายุทธ์ลับบางอย่างทำให้เขามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
แต่ถ้าต้องการฆ่าดวงจิตอสูรจำนวนมากยังเป็นเรื่องที่ยากมากอยู่ดี นอกเสียจากว่าเอียเซิ่งสามารถข้ามผ่านทะลุไปเป็นระดับตำนานได้ เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำลายอาณาเขตย่อยนี้
‘เอียซิว’ เดินเข้าไปหา’เนี้ยหลี่’ ด้วยความอายเล็กน้อยและกล่าวว่า
“ เนี้ยหลี่ทำไมเจ้าไม่ยอมปล่อยวาง? ถ้าเจ้ายังปล่อยให้การกระทำเช่นนี้ดำเนินการต่อไปอีกเรื่อยๆ ท่านเจ้าเมืองจะเสียหน้ามาก ทำไมเจ้าไม่ยอมเลิกราเพียงเท่านี้หละ?”
“จะสามารถทำเช่นนั้นได้อย่างไรเล่า ข้าได้พนันไว้กับเขา ถ้าเขาสามารถทำลายอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูรย่อยแห่งนี้ได้ ข้าจะไม่สามารถพบเจอกับเอียจืออวิ้นได้อีกต่อไปในอนาคต! ถ้าข้ายอมหยุดตอนนี้ข้าจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้”
‘เนี้ยหลี่’กล่าวพร้อมกับดัดริมฝีปากของเขา ทำไมพวกเจ้าจึงปากแข็งกันนักนะ?
แม้ไม่ต้องการจะยุ่งวุ่นวายกับเรื่องเหล่านี้นัก แต่จะต้องไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้น ถ้ายังปล่อยให้ทั้งสองคนเป็นเช่นนี้ มีแต่จะสูญเสียอย่างหนักหนาสาหัสในอนาคตเป็นแน่
ในขณะที่’เอียซิว’ พยายามเกลี้ยกล่อมอยู่นั้น ‘เนี้ยหลี่’ก็กล่าวขึ้นมาว่า
“ อย่าใช้ความพยายามหว่านล้อมข้าเลย ลูกเขยกับพ่อตามันโดยปกติมักจะเป็นศัตรูกันเสมออยู่แล้ว”
เมื่อได้ยิน’เนี้ยหลี่’กล่าว ‘เอียซิว’ นั้นก็ซวนเซจนเกือบล้มคว่ำไปเลยทีเดียว อะไรทำให้เจ้าคิดเช่นนี้? ‘เอียเซิ่ง’ตบปากรับคำยอมรับการแต่งงานของ’เอียจืออวิ้น’กับเจ้าแล้วหรือ? ถ้า’เอียเซิ่ง’ยอมตกลง ‘จืออวิ้นคง’ไม่ปฏิเสธ
มันช่างไร้ยางอายได้มากถึงเพียงนี้
‘เอียเซิ่ง’ ใช้พลังของเขาอย่างเต็มที่ เป็นเหตุให้มังกรโลกาเกล็ดทมิฬเกรี้ยวกราดเต็มที่ โจมตีจนสามารถสร้างหลุมอุกาบาตขนาดใหญ่บนพื้นรอบๆตัว แต่มันยังไม่สามารถทำอันตรายใดๆ ให้แก่เหล่า ดวงจิตอสูรระดับแบล็คโกลด์ได้ ไม่ต้องสนใจเลยว่ามันจะทำลายอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูรย่อยนี้ลงได้
‘เอียเซิ่ง’นั้นแข็งแกร่งถึงระดับจุดสูงสุดของร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์ ก้าวต่อไปเขาก็จะเข้าสู่ระดับตำนานในอนาคต นอกจากนี้เนี้ยหลี่ยังไม่ได้ใช้เทคนิคสังหารใดๆออกมาเลย
ถ้ามันเป็นการต่อสู้กับศัตรูระดับแบล็คโกลด์ทั่วไป ถ้ามีประมาณ ห้าถึงหกคน พวกเขาจะต้องถูกฆ่าไปแล้ว โดยพวกเขาจะต้องถูกทำให้จมหายไปในทะเลโคลนพิษและน้ำกรดเป็นแน่
เวลาได้ผ่านล่วงเลยมาแล้วสองชั่วโมงเต็ม ‘เอียเซิ่ง’ได้มาถึงขีดจำกัดในการต่อสู้แล้ว
ณ ตอนนี้นั้น ‘เอียเซิ่ง’เข้าใจแจ่มแจ้งในพลังที่แท้จริงของอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูรสังหารย่อยแห่งนี้แล้ว และรู้ว่า’เนี้ยหลี่’นั้นยังคงออมมือให้แก่เขา ถ้าเป็นการต่อสู้แบบชี้เป็นชี้ตายหละก็ เขาคงจะโดนสังหารไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เมื่อเขายอมรับความพ่ายแพ้ เขาจะไม่สามารถแทรกแซง เรื่องราวต่างๆของ’เนี้ยหลี่’และ’จืออวิ้น’ได้ ถ้าเขาให้’หยุนเอ๋ออ’ยู่ให้ห่างจาก’เนี้ยหลี่’ จะได้สามารถป้องกัน ‘เนี้ยหลี่’ จากกลวิธีโกงอันแยบยลของเขาได้? ขนาดเขายังต้องตกอยู่ในความยากลำบากภายใต้ฝีมือของ’เนี้ยหลี่’ จะปล่อยให้คนด้อยประสบการณ์อย่าง’หยุนเอ๋อ’ไปได้อย่างไร
ใครจะรู้ว่าเมื่อ’หยุนเอ๋อ’ โดน’เนี้ยหลี่’เกลี้ยกล่อมแล้วผลจะจบลงเช่นไร
เมื่อครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน ‘เอียเซิ่ง’รู้สึกรันทด เขารู้อย่างแจ่มแจ้งว่า’เนี้ยหลี่’นั้นมีความตั้งใจที่ชั่วร้ายต่อลูกสาวของเขา แต่เขาไม่สามารถทำสิ่งใดแต่’เนี้ยหลี่’ได้เลย
*บูม*
‘เอียเซิ่ง’ถูกกระแทกปลิวล่องลอยถอยหลังจากพลังหมัดของหมีโลกันตร์ กระแทกลงกับพื้นอย่างรุนแรงเกิดฝุ่นตลบคละคลุ้งไปทั่ว นับตั้งแต่เขาเพิ่มพลังวิญญาณมาเป็นร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์
เขาไม่เคยพ่ายแพ้อย่างเลวร้ายขนาดนี้มาก่อน? ร่างกายของเขาค่อยๆหดตัวลง ความสามารถพิเศษของมังกรโลกาเกล็ดทมิฬเริ่มค่อยๆเลือนหายไปอย่างช้าๆ เริ่มย้อนกลับคืนสู่สภาพปกติของเขาตอนเป็นมนุษย์
เขาพ่ายแพ้
“มันอย่างไรบ้าง? เจ้าเมือง ท่านพ่ายแล้ว”
‘เนี้ยหลี่’เอามือทั้งสองข้างเท้าสะเอวพร้อมจ้องมองลงมายังเอียเซิ่งที่กองอยู่กับพื้น
ฮึ ฮึ อะไรกันท่านเจ้านครรุ่งโรจน์ ยังอีกนานนักจึงจะสามารถมาเล่นกับข้าได้!
‘เอียเซิ่ง’ เกรี้ยวโกรธขึ้นมาจากการมอง’เนี้ยหลี่’ ที่มีท่าทางอิ่มเอมใจ จากตอนเริ่มต้อน เด็กคนนี้วางแผน ปล่อยให้เขากระโจนเข้าไปในกับดัก ชนิดที่สมบูรณ์แบบ หลังจากชนะยังมาถามเช่นนี้อีก!
‘เอียเซิ่ง’ กระโจนเข้ามาในทันที คว้าเอาขาของ’เนี้ยหลี่’ จับยกชูขึ้นพร้อมกลับหัว’เนี้ยหลี่’ลงมาด้านล่าง
“ ไอ้เจ้าเด็กบ้า ไม่เพียงแต่เจ้าตั้งในที่จะได้ลูกสาวข้า เจ้ายังหลอกลวงข้าให้ตกลงไปในกับดักของเจ้า เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถสู้กับเจ้าได้หรือ? เอียเซิ่งเกรี้ยวโกรธอย่างมากมาย นับเป็นครั้งแรก เขาไม่เคยโกรธเช่นวันนี้มาก่อน”
“เลวยิ่งนัก ท่านเป็นถึงเจ้าเมือง ทำไมจึงตระบัดสัดกลับคำเช่นนี้ ท่านช่างน่าละอายนัก!”
แม้ว่า’เนี้ยหลี่’จะเป็นเพียงร่างทรงอสูรระดับซิวเวอร์ขั้น ห้าดาว เมื่อต้องเผชิญหน้ากับร่างทรงอสูรระดับแบล็คโกลด์ ซึ่งมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากมายนัก เขายังจะมีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะปราบเขาลงได้
‘เนี้ยหลี่’ อาจไม่สามารถที่จะใช้วิชาลับที่จะทำให้พินาศไปพร้อมกันกับเขา?
“ เจ้ายังกล้าก่นด่าข้าอีกหรือ? จะเป็นอะไรถ้าข้าทำเรื่องน่าอาย? ข้าพึ่งจะรู้ว่า ข้าไม่สามารถสู้กับเจ้าได้ถ้าไม่กระทำเรื่องน่าอายเช่นนี้!”
เอียเซิ่งฟาดเข้าไปที่ก้น’เนี้ยหลี่’ทันทีมีเสียงดัง
“ป๊าปปปปป”
ออกมา
“มารดาท่านเถอะ! จะฆ่าก็เอาเลย แต่ไม่ต้องทำน่าละอายเช่นนี้! เรื่องอะไรเจ้าถึงมาตีก้นข้า?!”
‘เนี้ยหลี่’กล่าว
“เรื่องอะไรงั้นรึเจ้าเด็กเวร? เรื่องมันมีอยู่ว่าข้าคือพ่อของเอียจืออวิ้นนะซิ คงไม่ยอมปล่อยเจ้า ถ้าเจ้ายังคงกล้าตั้งใจกระทำการใดๆกับหยุนเอ๋อให้เห็น ข้าจะจัดการกับเจ้า!”
วาจาอันหยาบคายออกมาจากปาก’เอียเซิ่ง’ ขณะที่ฟาดฝ่ามือลงบนก้นของ’เนี้ยหลี่’อย่างหนักหน่วง
“อวัยวะสืบพันธ์ ของท่านเถอะ ท่านก็รู้ว่ากำลังตีข้าอยู่? ถ้าข้าโกรธผลที่ตามมาจะต้องหนักแน่!”
‘เนี้ยหลี่’พยายามที่จะทำลายพันธนาการเพื่อจะได้เป็นอิสระจาก’เอียเซิ่ง’อย่างไรก็ตาม’เอียเซิ่ง’นั้นมีมือที่เหมือนดั่งเช่นตะขอเหล็กกล้ากำลังร้อยรัดที่บริเวณน่องขาของ’เนี้ยหลี่’อยู่
“ยังโกรธเหรอ และผลลัพธ์จะหนักอย่างไร? เจ้าสุนัขตัวเมีย บิดาของเจ้าเถอะ ทำข้าโกรธมากนัก! เจ้ายังมีเหตุผลอะไรอีกเหรอ?”
‘เอียเซิ่ง’ฟาดฝ่ามือลงบนก้นของ’เนี้ยหลี่’ด้วยเสียงอันดังฟังชัดเจน
“เล่นกับคนพาลเมื่อเจ้าไม่สามารถชนะข้าได้? เจ้าแก่สกปรก!”
“อะไรนะถ้าข้าเป็นชายแก่สกปรกแล้วไง?
‘เอียเซิ่ง’ ตีก้น’เนี้ยหลี่’ เป็นเหตุให้’เนี้ยหลี่’ต้องกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
เมื่อเห็นฉากนี้’เอียซิ’ว ไม่รู้ว่าจะทำตัวเช่นไร จะร้องไห้หรือว่าหัวเราะดี เกิดอะไรขึ้นสถานการณ์จึงเป็นเช่นนี้
‘เอียเซิ่ง’ในตอนนี้แตกต่างจากปกตินัก โดยปกติ’เอียเซิ่ง’จะไม่แสดงอากัปกิริยาอาการบนใบหน้าของเขา แต่ตอนนี้เขาไม่เหมือนเจ้าเมืองที่มีสง่าราศีใดๆเลย กลับกำลังแสดงท่าทางไร้เหตุผล เหมือนกับพ่อที่กำลังสอนบทเรียนให้แก่ลูกนอกสมรสของเขาอยู่
เมื่อแลอากัปกิริยาสีหน้าเต็มๆของ’เนี้ยหลี่’ ‘เอียซิว’รู้ได้เลยว่า ‘เอียเซิ่ง’นั้นไม่ได้ลงมือหนักแต่อย่างใด และเขาจึงมั่นใจได้
“เด็กน้อย เจ้าจะยอมแพ้ไหม?”
‘เอียเซิ่ง’ขมวดคิ้วของเขาเพิ่มขึ้น
“เจ้ากำลังเล่นขี้โกง ข้าจะไม่ยอมแพ้”
‘เนี้ยหลี่’กล่าว
“ถ้าเจ้าไม่ยอมแพ้ ข้าจะตีเจ้าต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าเจ้ายอมแพ้ ข้าจะดูว่าเจ้ายังกล้าตั้งใจจัดการกับลูกสาวข้าอีกครั้ง!”
‘เอียเซิ่ง’กล่าว
“เจ้าตระบัดสัดกลับคำพูดของตัวเอง! ยังคิดว่าเป็นเจ้าเมืองอยู่อีกไหม? เจ้าเป็นแค่คนแก่อันธพาลเท่านั้น!”
“จะเป็นอะไรถ้าข้าเป็นคนแก่อันธพาลหรือไม่? เอียเซิ่งพอใจหลังจากตีเนี้ยหลี่ ทำให้อารมณ์ที่ถูกอัดอั้นมาก่อนหน้านี้ของเขาได้ถูกปลดปล่อยไป เด็กคนนี้ต้องได้รับการตบสีสั่งสอนเสียบ้าง”
ท้องฟ้ากำลังมืดค่ำแล้ว วันเวลาก็ผ่านไปแล้วเช่นกัน
‘เนี้ยหลี่’เดินกละโพลกกระเพลกกลับไปยังสวนของ’จืออวิ้น’ด้วยอาการหงอย เขาขบคิดเกี่ยวกับ’เอียเซิ่ง’ ซึ่งโดนหมีโลกันตร์ใช้ก้นนั่งทับบนใบหน้าของ’เอียเซิ่ง’ ทำให้เขาได้แก้แค้นก่อนที่จะชนะเดิมพัน แต่ท้ายที่สุดคนแก่ขี้โกง’เอียเซิ่ง’ ก็ตระบัดสัดกลับคำพูดของตัวเองและยังมาตีก้นเขาอีกด้วย
“เจ้าเมืองทำเกินไปแล้วมารดาท่านเถอะ”
‘เนี้ยหลี่’ เปล่งเสียงจากความเจ็บปวดและจับลงบนก้นของเขาอย่างรวดเร็ว การถูกตีอย่างอนาถในครั้งนี้
“ข้าจะเอาคืนให้เจ้าในไม่ช้าหลังจากนี้”
ณ ส่วนหนึ่ง ของตำหนักเจ้าเมือง
‘เอียซิว’ มีสีหน้าประหลาดใจ เมื่อเขาเดินตามหลัง’เอียเซิ่ง’
“ท่านเจ้าเมือง อาณาเขตหมื่นสัตว์อสูรสังหารย่อยแห่งนี้…..”
เพียงเมื่อ’เอียซิว’ พูดเรื่องราวเกี่ยวกับอาณาเขตหมื่นสัตว์อสูรสังหารย่อยแห่งนี้ เขาก็ระเบิดเสียงหัวเราะแทรกขึ้นมาทันใด
“ฮ่าๆๆๆ…….”
‘เอียเซิ่ง’ ไม่สามารถที่จะหยุดหัวเราะอย่างบ้าคลั่งได้ เป็นสาเหตุให้กำแพงผนังโดยรอบสั่นไหว ความคิดเกี่ยวกับฉากที่’เนี้ยหลี่’เดินกระโพลกกระเพลกจากก่อนหน้านี้ ในใจเขาก็รู้สึกดีมากขึ้นมาทันที!
“อุก……”
‘เอียซิว’ แลไปยัง ‘เอียเซิ่ง’ ทำไม’เอียเซิ่ง’จึงสูญเสียความเยือกเย็นไป เขาไม่สามารถเข้าใจเกี่ยวกับมันได้ ในอดีตที่ผ่านมา’เอียเซิ่ง’เป็นคนที่สงบเยือกเย็นมาก แต่ว่าเขาเป็นอะไร ในวันนี้นะ?
‘เอียเซิ่ง’เก็บเสียงหัวเราะกลับ และโบกมือขอโทษพร้อมทั้งกล่าว
“ข้าขอโทษ ท่านเอียซิวพูดต่อเถอะ”
“นีคืออาณาเขตหมื่นสัตว์อสูรสังหารย่อย……..”
แค่เพียงเมื่อ’เอียซิว’กำลังพูดต่อ ‘เอียเซิ่ง’ก็ระเบิดเสียงหัวเราะแทรกขึ้นอีกครั้ง
“ ฮ่าฮ่าฮ่า…………เสียงหัวเราะนี้มันกำลังจะฆ่าข้า เด็กคนนี้จริงๆแล้วต้องการจะยั่วยุให้ข้าขาดสติ ถ้าข้าไม่ทุบตีเขา….”
‘เอียเซิ่ง’ไม่สามารถจะหยุดการหัวเราะอันบ้าคลั่งได้ จึงนำมือของเขาไปวางลงบนท้อง ใบหน้าของเขาตอนนี้นั้นแดงก่ำขึ้นมาเลย
‘เอียซิว’ มองอย่างมึนงง ที่’เอียเซิ่ง’นั้นสูญเสียการวางตัวไปโดยสิ้นเชิง เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ แต่ยังไม่ลืมตั้งคำถาม ‘เอียซิว’กล่าวขึ้นว่า
“ท่านเจ้าเมือง ให้ท่านหัวเราะจบก่อนแล้วเราค่อยเริ่มสนทนากันทีหลัง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า……ตำหนักเจ้าเมืองแห่งนี้คือดินแดนของข้า ถ้าข้ากลับคำพูดของตัวเอง ใครจะสามารถทำอะไรข้าได้?”
ทั่วทั้งตำหนักเจ้าเมืองมีเสียงสะท้อนเกิดขึ้นมากมาย
หมายเหตุ เสียงสะท้อนเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติของเสียงที่เกิดจาก การที่เสียงเดินทางไปตกกระทบสิ่งกีดขวางแล้วสะท้อนกลับมายังหูของผู้ฟัง เมื่อเราได้ยินเสียงเดียวกันในเวลาที่แตกต่างกันเกิน 0.1 วินาทีจะทำให้ได้ยินเสียงนั้นหลายครั้ง (อัตราเร็วเสียงในอากาศประมาณ 340 เมตร/วินาที)เหล่าองครักษ์ยอดฝีมือต่างๆ ที่คอยทำหน้าที่ตรวจตราดูแลบริเวณต่างๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของ’เอียเซิ่ง’ ก็รู้สึกประหลาดใจเป็นยิ่งนัก เกิดอะไรขึ้นกับท่านเจ้าเมืองของเราในวันนี้ พวกเขาไม่เคยเห็นเอียเซิ่งสูญเสียความสงบเยือกเย็นเหมือนเช่นนี้มาก่อน มันอาจเป็นข่าวดีจึงเป็นสาเหตุให้เขามีความสุขเช่นนี้?
ทุกๆปีที่ผ่านมานี้ พวกเขาไม่เคยเห็น’เอียเซิ่ง’ยิ้มมาก่อนเลย ‘เอียเซิ่ง’นั้นเป็นผู้สูงศักดิ์สำหรับทุกๆคน อำนาจและสง่าราศี แผ่ออกมาจากร่างกายของเขา เป็นสาเหตุให้ พวกเขาเหล่านั้นกังกลเวลาจ้องมองไปยังเอียเซิ่ง มีสาเหตุอันใดกันที่ทำให้’เอียเซิ่ง’หัวเราะอย่างอหังการเช่นนี้ มันทำให้น่าแปลกใจเล็กน้อย
‘เอียซิว’ และคนอื่นๆเข้าใจว่า’เอียเซิ่ง’นั้นไม่ได้เป็นเหมือนเช่นตอนนี้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเพื่อความปลอดภัยของนครรุ่งโรจน์ ‘เอียเซิ่ง’ในฐานะที่เป็นเจ้าเมืองนั้นต้องเสียสละอย่างมากมายนัก เขาโดยปกติจะมีใบหน้าที่เคร่งขรึมตลอดทั้งวัน แม้แต่ลูกสาวของเขาก็ไม่ได้ติดต่อพูดคุยเท่าใดนัก เมื่อครั้งเอียเซิ่งยังเป็นหนุ่มเขาก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้
เพียงถูกยุแหย่จาก’เนี้ยหลี่’ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า ในที่สุดเขาก็ปลดปล่อยธรรมชาติที่แท้จริงของตัวเองออกมา
บางทีอาจเป็นสถานการณ์ที่ดีสำหรับตัว’เอียเซิ่ง’ ‘เอียซิว’แอบคิดกับตัวเอง
ณ ลานหน้าตึก’เอียจืออวิ้น’
‘เนี้ยหลี่’เข้าไปในลานกว้างทันใดนั้นก็มีเงาที่น่ารักและบอบบางวิ่งเข้ามาหาเขา มันคือน้องสาวของ’เนี้ยหลี่’ ‘เสี่ยวหยู’ นั่นเอง
“พี่ใหญ่ เนี้ยหลี่ ท่านไปไหนมา? ข้าไม่สามารถหาท่านพบมาครึ่งค่อนวันแล้ว?”
‘เนี้ยหยู’กระพริบดวงตาอันสดใสของนาง ผมเปียทั้งสองข้างของนางทำให้แลดูน่ารักยิ่งนัก
‘เนี้ยหลี่’ลูบศีรษะ’เนี้ยหยู’เบาๆ พร้อมกับยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า“ข้าออกไปข้างนอกมานิดหน่อย”
“ เนี้ยหลี่”
เสียงที่แจ่มใสฟังแล้วมีชีวิตชีวา มาจากด้านข้าง
‘เนี้ยหลี่’ หันหน้ามาเห็นภาพ ‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ กำลังยืนสวยสง่าอยู่ด้านข้าง ในขณะนี้นางนั้นสวมชุดฝึกที่รัดรูป แลให้เห็นถึงโครงสร้างของเรือนร่างของนาง ที่ช่างสวยงามน่าหลงใหลใฝ่ฝันเป็นยิ่งนัก เสน่ห์อันสุดลึกล้ำชวนกระตุ้นอารมณ์นั้นแผ่พุ่งออกมาจากกายของนาง
“หนิงเอ๋อ ทำไมเจ้ามาที่นี่?”
‘เนี้ยหลี่’กล่าว พร้อมทั้งยิ้ม
‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ทำหน้ามุ้ย ดวงตาของนางนั้นบอกถึงความไม่พึงพอใจพร้อมทั้งกล่าว
“ ข้าได้ไปหาเจ้าที่สวนแห่งเดิม มองเท่าไหร่ก็ไม่สามารถที่จะหาเจ้าพบได้ เข้ากังวลว่าจะเกิดสิ่งใดกันขึ้นกับเจ้า และเมื่อข้ามาหาเอียจืออวิ้น ข้าก็ได้รู้ว่าเจ้านั้นได้ย้ายมาอยู่ที่นี่”
‘เสี่ยวหนิงเอ๋อ’ ยังคงรู้สึกเสียใจเล็กๆ นางนั้นไม่รู้ว่าเมื่อตอนไหนที่ภาพ’เนี้ยหลี่’นั้นฝังตราตรึงเข้าไปในกลางดวงใจของนางเรียบร้อยแล้ว มันไม่สามารถที่จะถอนความรู้สึกนี้ออกไปได้ ทุกวันทุกคืนนางนั้นจะคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ฝึกที่เกิดขึ้นแม้ว่านางจะรู้สึกอายแต่ยังคงละลึกถึงอดีตนั้นเสมอ
นางนั้นหวังว่าอาการเจ็บป่วยของนางไม่สามารถที่จะรักษาได้เร็ว วิธีนี้จะทำให้นางสามารถปล่อยให้’เนี้ยหลี่’ช่วยเหลือรักษานางได้ต่อไป
อย่างไรก็ตามเมื่อนางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็กลับรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและไม่พอใจเท่าใดนัก เพราะว่า’เนี้ยหลี่’นั้นชอบเพียง’เอียจืออวิ้น’เท่านั้น จากนั้นผู้น้อยขอแนะนำให้ท่านเหล่าอสูรนักอ่านลองย้อนกลับไปแลในมังงะตอนที่ 8และ 9 จะนึกภาพออกนะครับ
ที่มา: