ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เนียหลี่’ส่งกระแสพลังวิญญาณให้ไหลเวียนเข้าไป เขาใช้เทคนิคเต๊าหยินค่อยๆขับพิษในหัวใจของ’เอี้ยเซิง’ออกอย่างช้าๆ เริ่มจากที่หัวใจ เขาค่อยๆกดไล่แล้วเคลื่อนให้พิษมารวมไว้นิ้วมือซ้ายนิ้วนึง จากนั้น’เนียหลี่’ก็ใข้เข็มปักลงไป ส่งผลให้เลือดสีดำเข้มจำนวนไม่น้อยไหลออกมาจากแผล(ที่เจาะ)
(เทคนิคเต๊าหยิน: เป็นศาสตร์การฝังเข็มแบบนึงที่ใช้การนวดตามร่างกายและกดจุดสะท้อนต่างๆ เพื่อกระตุ้นการรักษา โดยใช้พลังวิญญาณแผ่เข้าไปบำบัด และขจัดปัญหาในร่างกายของผู้ป่วย)
เมื่อได้เห็นภาพเบื้องหน้า ทั้ง’เอียจือหวิน’และ’เอียซิ่ว’ก็รู้สึกตกตะลึง นี่มันเวทมนต์อะไรกันเนี่ย? ‘เอียซิ่ว’พูดอะไรไม่ออก นี่’เนียหลี่’สามารถขับพิษออกจากร่างท่าน’เอียเซิง’ได้จริงๆหรือนี่?
นี่พวกเรามีหวังที่จะเห็นท่าน’เอียเซิ่ง’รอดปลอดภัยใช่ไหม? เมื่อนึกถึงเรื่องนี้, ก็ช่วยไม่ได้เลยที่จะทำให้เอียซิ่วรู้สึกปิติยินดีขึ้น ‘เนียหลี่’ช่างสร้างความประหลาดใจให้เขาได้ครั้งใหญ่ซะจริงๆ
‘เนี่ยหลี’เดินหน้าใช้เทคนิคเต๊าหยินขับพิษ เป็นเวลาต่อเนื่องกันหลายชั่วโมง เขาสามารถนำพิษสมุนไพรลิ้นมังกร ขับออกจากร่างเอียเซิงได้ทีละนิดๆ แม้ว่าการเพาะบ่มพลังของ’เนียหลี่’จะไปถึงระดับโกลด์แล้ว แต่หลังจากใช้เทคนิคเต๊าหยินติดต่อกันเป็นเวลานาน เขาก็แทบจะหมดลมจากความเหนื่อยล้า
แต่อย่างไรก็ตาม ผลของการรักษาก็ประสบความสำเร็จจนเป็นที่ประจักษ์ได้ ถึงแม้ว่า’เอียเซิง’จะยังไม่รู้สึกตัว แต่การหายใจและอัตราการเต้นของหัวใจของเขาก็อยู่ในระดับคงที่อย่างมาก ได้เห็น’เนียหลี่’ดูอ่อนเปลี้ยเพลียแรง เอียจือหวินก็รีบนำน้ำใส่ถังพร้อมผ้าบิดหมาดมาเช็ดหน้าปาดเหงื่อให้แก่’เนียหลี่’
นางซาบซึ้งใจอย่างยิ่งสำหรับสิ่งที่’เนียหลี่’ทำให้ นั้นคือเขากำลังดึงยื้อชีวิต’เอียเซิง’พ่อของนางกลับมาจากประตูมรณะ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะ’เนียหลี่’ นางคงจะต้องเสียท่านไปตลอดกาล เมื่อวันก่อนหน้านั้น นางเพิ่งใช้ถ้อยคำทำ’เนียหลี่’ต้องเจ็บปวดใจ แต่’เนียหลี่’ก็ยังเสียสละตัวมาช่วยเหลือเธอ
‘เอียจือหวิน’เงยหน้าขึ้นมามอง’เนียหลี่’ ขณะที่มองดูท่าทีที่ตั้งใจของเขา ความคิดของนางก็คิดย้อนไกลออกไป ตอนแรกนางตั้งใจว่าจะยก’เนียหลี่’ให้แก่’เซียวหนิงเอ๋อ’ แต่ตอนนี้ ใจของนางตกอยู่ในห้วงความขัดแย้งสับสนและฝืนใจ ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ‘เนียหลี่’ได้ก้าวข้าวผ่านเข้ามาอยู่ในโลกของนาง การเป็นคนที่เธอขาดไม่ได้แลไม่สามารถมีใครมาแทนที่ ถ้าไม่ใช่เพราะ’เนียหลี่ ท่านพ่อคงจะจากเธอไปแล้ว
เมื่อเห็นว่า’เอียเซิง’อาการดีขึ้นแล้ว ‘เอียซิ่ว’ก็ส่งคนออกตามหาตัว’เอียฮัน’ในทันที การที่’เอียฮัน’ลงมือลอบสังหารเอียเซิงทำให้เขาเดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง เขาสาบานว่าจะฉีก’เอียฮัน’ออกเป็นพันๆชิ้น
“ฮูวววว….”
หลังจากใช้เวลาเยียวยามานาน ‘เนียหลี่’ก็ถอนหายใจยาว ‘เอียเซิง’ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ เขามองไปที’เอียจือหวิน’ที่อยู่ข้างๆ นางกำลังนั่งเท้าคางและจ้องมองเขาอยู่ ท่าทีที่ดูอ่อนโยนและสงบของนางช่างทำให้หัวใจของ’เนียหลี่’สั่นไหวยิ่งนัก
เมื่อ’เนียหลี่’หันมา ‘เอียจื้ออวิ้น’รู้สึกได้ว่า กริยาท่าทางที่นางแสดงออกกำลังถูกจ้องมอง ดังนั้นใบหน้าของนางก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที เนียหลี่หลุดขำออกมาเบาๆ
“พ่อของเจ้าไม่เป็นอะไรแล้วล่ะตอนนี้ เขาจะรู้สึกตัวในไม่ช้า!”
“ขอบคุณเจ้ามากนะเนี่ยหลี่”
ดวงตาของ’เอียจือหวิน’เริ่มมีน้ำตาเอ่อขึ้นมา
“ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าก็ไม่รู้เหมือนว่าข้าจะทำเช่นไร” “
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไร หากทำเพื่อเจ้า เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก ข้ายินดีทำเพื่อเจ้า”
‘เนียหลี่’ระลึกอะไรบางอย่างจากชีวิตที่แล้วของเขาได้ นั้นคือฉากเหตุการณ์ที่’เอียจือหวิน’เอาตัวเข้าขวางเขาจากการโจมตีของสัตว์สูตร เขาถอนหายใจ มันคือหนี้ชีวิตที่เขาติดค้าง’เอียจือหวิน’จากชีวิตครั้งก่อน ซึ่งถึงใช้เวลาทั้งชีวิตในภพนี้เขาก็หาตอบแทนมันได้หมดไม่
สำหรับ’เอียจือหวิน’ แม้ว่ามันจะหมายถึงความตายของเขา ‘เนียหลี่’ก็ไม่ลังเลใดๆแม้แต่น้อย สำหรับเรื่องระหองระแหงกันเมื่อวันก่อนนั้น เขาก็หานำมันมาใส่ใจใดๆไม่ ‘เอียจือหวิน’ก้มหัวลง ขบริมฝีปากและกล่าวขึ้นว่า
“เนียหลี่ ข้าขอโทษกับเรื่องก่อนหน้านี้ สำหรับเจ้า เจ้าอาจจะไม่คิดถือเป็นบุญคุณอะไรแต่สำหรับข้า เจ้าคือคนที่ช่วยชีวิตท่านพ่อของข้า ไม่ว่าเจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด ข้าก็จะตกลงทำมัน”
ได้ยินคำของ’เอียจือหวิน’ หัวใจของเขาก็โบยบิน มันทำให้เขาจดจำฉากในชีวิตที่แล้วได้ นางคนนี้ ‘เอียจือหวิน’นางข่างมีเสน่ห์มากขึ้นเรื่อยๆเสียจริงๆ ใบหน้าของ’เอียจือหวิ่น’แดงระเรือขึ้นนิดๆ พร้อมกับที่นางเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้เนียหลี่ แล้วมอบจูบบนใบหน้า’เนียหลี่’ไป1จุ๊บ จากนั้นหน้านางก็แดงแป๊ดด…
‘เนียหลี่’ตะลึงเล็กๆไปช่วงขณะนึงแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาดึง’เอียจือหวิน’เข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนของเขา นางเอนกายเข้าไปแนบอกของ’เนียหลี่’แต่โดยดี จนสามารถรู้สึกถึงเสียงหัวใจเต้นของเขา ความรู้สึกของนางตอนนี้รู้สึกปลอดภัยอย่างแสนสุด อกของ’เนียหลี่’ให้ความรู้สึกแก่นางว่านางสามารถเชื่อและไว้วางใจเขาได้
แม้ว่านางยังคงรู้สึกผิดต่อ’เซียวหนิงเอ๋อ’ แต่’เอียจือหวิ๋น’ก็ตัดสินใจแล้ว ความเงียบดั่งหยุดนิ่ง แต่เวลาดำเนินเดินต่อไป ‘เนียหลี่’ได้ดื่มด่ำประสบสัมผัสความสุข จากช่วงเวลาอันสุขแสน…~ ในภพที่แล้ว ความเหงามันเจ็บปวดซะเหลือเกืน มันโดดเดี่ยวจนเหมือนฝังเข้ากระดูกดำ แทรกซึมแทนที่ความสุขใดที่เขาควรจะพึงมี **ช่างรวดร้าวทรมาณ**
กลิ่นไอพรหมจรรย์สาวแรกแย้มของ’เอียจือหวิน’ช่างจรุงใจ ‘เนียหลี่’ลูบเล้นโลมเล้าแผ่นหลัง’เอียจือหวิน’อย่างอ่อนโยน เขารู้สึกถึงสัมผัสอันนุ่มเรียบละเอียดอ่อนกลมเกลาของผิวกายนาง เขารับรู้ได้ถึงการเต้นของหัวใจนางที่ระส่ำเผยิบผยาบและการหายใจที่ค่อนข้างผิดปรกติไม่สม่ำเสมอ
นี่มันต้องไม่ใช่ความฝันแน่ๆ ข้ากลับมาแล้วจริงๆ ‘จือหวิน’อยู่ข้างๆข้า อยู่ใกล้มากๆ จากนั้นซักพัก ‘เอียเซิง’เปิดตาของเขาขึ้น และเห็นฉากเข้าพระเข้านางตรงหน้า เขาลุกขึ้นทันทีและตบกระบาล’เนียหลี่’ไปหนึ่งดอก (Critical hit!!! 7268damage)
ทันที่ทีโดนโบกกระบาลไป ‘เนียหลี่’ก็น้ำตาเล็ดออกมาทันทีเพราะความเจ็บปวดแล้วพูดขึ้นอย่างหัวเสีย
“เฮ้ย นี่ท่านตีข้าทำไมเนี่ย?”
“นี่เจ้ายังหน้าด้านมาถามอีก?”
ข้ายังไม่ทันจะตาย เจ้าก็กล้ามารังแกลูกสาวข้าต่อหน้าต่อตาซะแล้วเรอะ! ใบหน้า’เอียเซิง’ดำทมึงตึงในขณะที่เขาดึงหู’เนียหลี่’จนหัวสั่นหัวคลอน
“เฮ้เอียเซิง ท่านนี่ไม่รู้จักแยกแยะและไม่รู้คุณคนซะจริง เพราะข้าคนนี้นะเฮ้ยที่ช่วยชีวิตท่านไว้ แล้วรู้ยังงี้ท่านยังมาตีข้าอีกเรอะ!”
‘เนี่ยหลี่’พูดอย่างผิดหวัง
“แกสมควรที่จะโดนตีแล้ว โทษฐานที่แกมาข่มเหงลูกสาวข้า!”
‘เอียเซิง’พ่นลมหายใจออกอย่างเย็นชาแสดงความโกรธกริ้ว
“เฮ้ย ท่านมองยังไงว่าข้าข่มเหงลูกสาวท่าน?”
‘เนียหลี่’มอง’เอียเซิง’ด้วยความไม่พอใจ
“งั้น ไหนตอบมาสิว่าเจ้าวางมือของเจ้าไว้ตรงไหน?”
‘เอียเซิง’พ่นลมออกจมูกแล้วหยิบฉวยหมอนที่อยู่ใกล้ๆ
“เจ้ากล้าข่มเหงลูกสาวข้า, แกคิดว่าข้าไม่กล้าเอาแกถึงตายใช่ไหม!”
ในขณะที่ดูฉากการเถียงกันระหว่าง’เอียเซิง’และ’เนียหลี่’ไม่รู้ทำไม ‘เอียจือหวิน’ถึงรู้สึกว่าในหัวใจของนางช่างเต็มไปด้วยความอบอุ่น นางเอามือปิดปากแล้วหัวเราะคิกคัก ชุดไหมสีขาวที่เธอสวมใส่อยู่ยิ่งทำให้เธอดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้นเมื่อเธอยิ้ม ความอ่อนโยนนั้นและรูปลักษณ์อันสวยสดใสน่ารักงดงามมันทำให้เนียหลี่ตกตะลึงงันและประหลาดใจ
“นี่แกยังกล้ามองอีกหรอ?!”
‘เอียเซิง’ปาหมอนใส่’เนียหลี่’
‘เนียหลี่’กระโดดเหย๋งและมอง’เอียเซิง’ฉุนเฉียวตาเขียวแป๊ด!!
“เอียเซิงท่านช่างไม่มีเหตุผลซะจริงๆ แค่มองนางท่านก็ไม่ยอมเลยเรอ, นี่มันยุติธรรมตรงไหนกันเนี่ย!”
“อืม…อืมในจวนเจ้าเมืองแห่งนี้ ข้านี่แหละความยุติธรรม!”
‘เอียเซิง’กล่าวขึ้นอย่างภูมิใจ
“นี่ท่าน… จือหวินเราไปกันเถอะ อย่าไปห่วงโจรเฒ่าคนนี้เลย”
‘เนียหลี่’พูดและมองที่’เอียจือหวิน’ ‘เอียจือหวิน’มอบรอยยิ้มอย่างสันติให้’เนียหลี่’และพูดขึ้น
“เนียหลี่ ท่านพ่อของข้าร่างกายยังไม่ฟื้นตัวดี ข้าต้องอยู่ที่นี่เพื่อดูแลนะจ้ะ”
‘เนียหลี่’ทำได้แค่นั่งลงอย่างหงอยๆที่เก้าอี้ข้างๆ (ไงล่ะเมิง..เลือดย่อมเจ้มจ้มกว่าน้ำ) เห็นสีหน้าของ’เนียหลี่’ มุมปากของ’เอียเซิง’ก็ปริรอยยิ้มที่แทบจะไม่สังเกตุเห็นได้ออกมาเล็กๆ มือของเขากำหมัดเบาๆ ในตอนก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขาคงต้องตายแล้วเป็นแน่ แสงไฟคือสิ่งสุดท้ายที่เขาได้เห็น
ก่อนที่แววตาเขาจะเลือนลางมืดมัวหมดสติไป และเขาก็ได้’จือหวิน’ร่ำไห้ เขาพยายามอย่างมากที่จะฝืนฝ่าฟันดิ้นรนปรารถนาที่จะกลับมา เขาพยายามที่จะลืมตาอีกครั้งแต่ไม่ว่าจะทำยังไงเขาก็ไม่สามารถเบิกตาลืมขึ้นกลับมาอีกได้ เขาเป็นห่วง’หวิ๋นเอ๋อ’ เมื่อเขาตายจากไป’หวิ๋นเอ๋อ’คงต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายเป็นแน่
เขาภาวนาสุดขั้วหัวใจ แม้ว่าจะได้อีกแค่เพียงวันเดียวก็ตาม เขาก็แค่ต้องการมองหน้า’หวิ๋นเอ๋อ’ชัดๆอีกซักครั้งเท่านั้น แต่ยังไงก็ตามเขาหมดหนทางไร้หวังเสียแล้ว เขาค่อยจมดิ่งลงสู่ความมืดมิดอันเวิ้งว้างแสนน่ากลัว หัวใจของเขายังคงเป็นห่วงเป็นกังวลในตัวลูกสาวสุดที่รัก
จากนั้นทั้งหมดเกิดขึ้นในทันทีทันใด เหมือนสวรรค์จะตอบสนองคำขอของเขา พละกำลังหวนกลับคืนมาสู่ร่างกายเขาในที่สุด เขาค่อยๆกลับมาจากประตูมรณะ เมื่อเขาตื่นขึ้นเขาก็แอบปาดน้ำตาที่ออกมาจากมุมดวงตาเขา เขารู้ได้ว่ามันต้องเป็นเนียหลี่แน่ๆที่ช่วยชีวิตเขาไว้ อย่างไรก็ตาม
เมื่อ’เอียเซิง’กำลังจะตะโกนดังๆระบายถึงความดีใจสุขแสนออกมา เขาก็ได้เห็น’เนียหลี่’กอด’เอียจือหวิน’ไว้อย่างอ่อนโยนแสนทะนุทนอม เขารู้สึกได้ทันทีว่าตระกูลเขามีที่พึ่งพาแล้ว คนที่เขาจะหวังฝากฝังลูกสาวเอาไว้ได้ แต่ความสุขสงบจนน่าหมั่นไส้แบบนี้ แม้แต่เขาก็อดมิได้ที่จะก่อกวนทำลายมันทิ้ง เขาจึงโบกกระบาล’เนียหลี่’ไป
แต่ก็เป็นเพราะเขาต้องการแสดงความปิติสุขในใจออกมาเท่านั้น ‘เอียเซิง’เขาค่อยๆดูเหมือนเป็นพวกพ้องเดียวกันกับ’เนียหลี่’เข้าไปทุกที มีน้อยคนนักที่จะกล้าจะโต้เถียงปีนเกลียวเขาเหมือนที่’เนี่ยหลี่’ทำได้ การกระทำเหล่านั้นกลับยิ่งทำให้เขาทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมกันมากขึ้น
“ตอนนี้ท่านรู้แล้วหรือยังไงล่ะว่าความสัมพันธ์ของมนุษย์เป็นยังไง มันน่าประหลาดใจจริงๆที่ท่านเป็นเจ้าเมืองมาตั้งหลายปี แต่กลับดันดูคนไม่ออกซะได้ เอางูเห่ามาเลี้ยงแท้ๆ ไงล่ะ…นี่โดยแว้งกัดเกือบสิ้นชีพแล้วไหมล่ะ”
‘เนียหลี่’บุ้ยปาก ได้ยินถ้อยคำของ’เนียหลี่’ ‘เอียเซิง’ก็ดูหงอยลง ‘เอียฮัน’เป็นแผลในใจที่ไร้ทางเยียวยาของเขายิ่งนัก
“เนียหลี่ท่านพ่อข้าเศร้าใจกับเรื่องนี้มากแล้วนะ”
แววตาของ’เอียจือหวิน’ที่เติมเต็มไปด้วยการอ้อนวอนจ้องมองมาที่’เนียหลี่’ ‘เอียเซิง’ฟื้นคืนบุคลิคนิ่งสงบใจเย็นกลับมา ทั้งหมดก็เพราะเขาเป็นเจ้าเมือง บางครั้งเขาก็จำเป็นวางความรู้สึกส่วนตัวเอาไว้เฉกเช่นในตอนนี้ เขาพูดขึ้นอย่างเคร่งครึม
“เอียฮันสมรู้ร่วมคิดกับสมาคมทมิฬและทรยศเมืองกลอรี่ ความผิดของเขาร้ายแรงเกินจะรับไหวฟ้าดินให้อภัยได้ เขาต้องถูกจับตาย ในภายภาคหน้าไม่ว่าใครได้เจอเขาที่ไหนจงประหารเขาทันทีโดยมิต้องไตร่สวนใดๆ!”
แม้ว่า’เอียเซิง’จะปวดร้าวในใจเพียงใดแต่เขาก็ยังคงกล่าวออกไปโดยไม่ลังเล
‘เนียหลี่’ช่วยไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา หลังจากเหตุการที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ‘เอียฮัน’ไม่มีทางเลือกใดอีก เขาจำต้องหลบหนีออกจากเมืองกลอรี่เพื่อเอาตัวรอด ในอนาคต’เนียหลี่’ทำได้เพียงจับตามองและคอยระแวดระวัง’เอียฮัน’เอาไว้
“เอียฮันรู้จักทุกซอกทุกมุมของจวนเจ้าเมืองเป็นอย่างดี บางทีแทนที่เขาจะหลบหนี เขาอาจจะหลบซุ่มซุกซ่อนอยู่แถวๆนี้ก็ได้ เจ้าทั้งสองคนต้องระวังตัวให้ดีนะ อวิ๋นเอ๋อเจ้าจงนำเนียหลี่ไป พาเขาไปยังคลังสมบัติจวนเจ้าเมืองแล้วเลือกหาบางสิ่งเอาไว้ป้องกันตัว”
‘เอียเซิง’พูด
“ท่านพ่อ… แต่ร่างกายของท่านยัง..”
‘เอียจืออวิ๋น’กล่าวอย่างเป็นห่วงเป็นกังวล
“ข้าไม่เป็นไรพิษจากสมุนไพรลิ้นมังกรถูกขับออกมาหมดแล้ว”
‘เอีนเซิง’พูดตอบพร้อมพยักหน้า ห้องของ’เอียเซิง’มีผู้เชี่ยวชาญระดับแบล๊กโกลด์คอยคุ้มกันอยู่รอบๆถึง6คน ความปลอดภัยของเขาไม่น่ามีปัญหาใดๆ
คลังสมบัติจวนเจ้าเมืองรึ?! ‘เนียหลี่’ตื่นเต้นตั้งตาคอยที่จะได้ไปเยือนคลังสมบัติจวนเจ้าเมืองอย่างช่วยไม่ได้ เขาจินตนาการว่าสิ่งต่างๆที่เก็บในคลังสมบัติจวนเจ้าเมืองต้องเป็น อะไรที่ของในคลังสมบัติตระกูลบันทึกสวรรค์ของเขาไม่สามารถเทียบชั้นได้เป็นแน่ หลังจากคิดอยู่ซักพัก ‘เอียจืออวิ๋น’ก็พูดขึ้น
“ไปกันเถอะจ้ะเนียหลี่ ข้าจำนำเจ้าไปที่นั้น”
จากเรื่องครั้งนี้,เพื่อเป็นการขอบคุณแก่’เนียหลี่’ ที่ทำให้พ่อของนางได้ข้ามผ่านพ้นพยันอันตรายมาได้ ‘เอียจืออวิ๋น’เข้าใจได้ ถึงความหมายที่ท่านพ่อของนางพูดกล่าวออกมา เป็นเพราะความรู้อันมากมายของ’เนียหลี่’
เขาน่าจะค้นพบอะไรบางสิ่งในคลังสมบัติจวนเจ้าเมืองที่เขาเอามาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่หากพวกมันยังถูกเก็บในคลังสมบัติ มันก็คงเป็นของไร้ค่าเสียเท่านั้น ขณะที่มองดู’เอียจืออวิ๋น’และ’เนียหลี่’ออกไปพร้อมๆกัน ‘เอียเซิง’ก็จ้องดูพวกเขาจากทางเบื้องหลัง หลังจากนั้นอีกพักใหญ่เขาก็ถอนหายใจออกมา
ดวงตาทั้งคู่ของเขาเคลื่อนที่ไปจ้องมองไปที่เพดาน ไม่ว่ายังไง’เอียฮัน’ก็เป็นคนที่เขานำพามาเลี้ยงด้วยตัวเอง การทรยศของ’เอียฮัน’ทิ้งไว้ซึ่งแผลลึกในใจของ’เอียเซิง’ ความเจ็บปวดครั้งนี้ไม่ใช่อะไรที่คนสามัญทั่วไปจะมาเข้าใจอะไรได้
คลังสมบัติจวนเจ้าเมืองการกลับมาเยือนความทรงจำครั้งเก่า ครั้งที่’เนียหลี่’ได้มาที่คลังสมบัติแห่งนี้ในชีวิตที่แล้วของเขา ที่แห่งนี้ว่างเปล่า เพราะมันได้ถูกทำลายจนย่อยยับสิ้นซากไม่มีชิ้นดี
แต่ ณ ตอนนี้ มันคือห้องโถงที่มีขอบเขตโดยรอบยาวหลายเมตร สมบัติล้ำค่ามากมายหลากหลายถูกวางเอาไว้จนเต็มทั่วสถานที่ สิ่งของมีค่าชิ้นใดที่เงาแววาวก็ส่องแสงวิ๊งๆเจิดจ้าไปทั่ว จากการประเมินด้วยสายตาน่าจะมีสมบัติไม่หย่อนไปกว่าหมื่นชิ้นถูกเก็บเอาไว้ที่นี่ ‘เอียจืออวิ๋น’ที่เดินนำหน้าไปหันหน้าของนางกลับมาและพูดกับ’เนียหลี่’
“ที่นี่เป็นหนึ่งในคลังสมบัติสิบแปดแห่งของจวนเจ้าเมือง สิ่งของที่เก็บไว้ที่นี่เป็นสมบัติที่ล้ำค่าที่สุด ซึ่งพวกมันถูกส่งต่อสืบมาตั้งแต่สมัยยุคโบราณ”
เมื่อครั้งยุคมืดมาถึง ผู้คนมากมายเคลือคณานับระเห็จหลบหนีเข้ามายังจวนเจ้าเมือง อะไรๆที่พวกเขานำติดตัวพวกเขามาด้วย มันก็ล้วนเป็นสมบัติมีค่าที่มาจากทั่วทวีป ในบรรดาพวกมัน, มีของอยู่มากมายหลายชิ้นถูกสืบทอดส่งต่อมาตั้งแต่ยุคโบราณ ซึ่งในที่สุดมันก็มาจบ ถูกเก็บเอาไว้ในคลังสมบัติของจวนเจ้าเมืองแห่งนี้ (To Be Continue)
มหรสพ….จบแล้วจ้า ถึงผู้อ่านลูกเพจที่น่ารักทุกท่าน ขอบคุณด้วยใจจริงอย่างยิ่งสำหรับทุกคอมเม้นที่เป็นห่วงนักแปลคนนี้ ผมไปไล่อ่านมาคอมเม้นมา รู้สึกตื้นตันจริงๆ T.T 3 เม.ย ผมเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝัน จนเป็นเหตุให้นักอ่านได้อ่านตอนนี้ช้าลงไป1วัน ผมกราบของอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ เด่วจะอะไรมาชดเชยให้นะ(ไปตกลงกับแอดมินก่อน ฮี่..ฮี่) สภาพตอนนี้ก็ยังไม่หายดี นิ้วปวดบวมเลยทีเดียว แต่คาดว่าจะหายในเร็ววันครับ ยังไงติดตามผลงานแปลกันด้วยนะ เยิฟ….เยิฟ แปลโดย: IDeaPaeTonG…นะแจ๊ะ
ที่มา: