ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป*บูมๆๆ*
ภาพของเงาขนาดเท่าภูเขา กระหน่ำใส่ ‘กุยชา’ จนตกลงมาสู่พื้น ‘กุยชา’ สามารถรู้สึกได้ว่า แต่ละการโจมตีที่เข้ามานั้นรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า ด้วยพลังขนาดนี้ ไม่ใช่อะไรที่ ‘กุยชา’ จะสามารถรับมือได้ด้วยพลังกายของเขา ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังกายของสัตว์อสูร อสูรปีศาจกระหายเลือด ก็ตาม
พลังค่อยๆเพิ่มขึ้นจนเลยจุดที่เขาสามารถรับไหว ‘กุยชา’ รู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อที่แขนของเขานั้นเริ่มฉีกขาดออกเรื่อยๆ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อ ร่ายกายของเขาต้องแหลกละเอียดแน่นอนด้วยพลังขนาดนี้ นี่คือพลังของค่ายกลหมื่นอสูร
พลังของค่ายกลนั้นมาจากวิญญาณสัตว์อสูรระดับแบล็คโกลถึงหมื่นตัว ‘เนี่ยหลี่’ใช้แค่10เปอเซนของพลังของมันก็เพียงพอที่จะฆ่า ‘กุยชา’ได้แล้ว
เมื่อเห็นภาพตรงหน้านี้ ‘เสิ่นฮอง’ ตกใจกลัวจนขวัญกระเจิง ร่างของเขากลายเป็นแสงยาวๆและพยายามที่จะหนี ชั่วขณะนั้น เขาคิดแค่จะหนีและออกจากเมืองกลอรี่อย่างเดียว
‘เอียเซิ่ง’จะลืม’เสิ่นฮอง’ได้อย่างไร?
เมื่อเห็น’เสิ่นฮอง’กำลังหนีอย่างน่าทุเรศ เขาถอนหายใจ ถ้าเขาต้องมามีสภาพแบบนี้ แล้วทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงตัดสินใจอย่างนั้นหละ? ดาบในมือของเขากลายเป็นแสงยาว แล้วพุ่งเข้าหาเสิ่นฮองที่กำลังหนี
“ในเมื่อแกเลือกที่จะทรยศเรา เราก็จะไม่เอาแกไว้อีกต่อไป”
‘เอียเซิ่ง’นั้นอยู่ระดับตำนานแล้วในตอนนี้ ไม่ใช่ใครที่’เสิ่นฮอง’จะสามารถรับมือได้
ฉึก!!!!
ดาบแทงทะลุอกของ’เสิ่นฮอง’
‘เสิ่นฮอง’ไม่เชื่อสายตาตัวเองเมื่อมองที่ดาบที่แทงทะลุอกของเขา เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเขาจะมามีจุดจบที่น่าอนาถอย่างนี้ ความทะเยอทะยานที่ยิ่งใหญ่ของเขาและทุกๆสิ่ง หายไปในอากาศเหมือนหมอกควัน มันกลายเป็นว่าทั้งหมดนั้นไม่ใช่อะไรเลยนอกจากความฝัน เขาตาย ตระกูลศักดิ์สิทธิ์อันเก่าแก่หลายร้อยปีนั้น ได้จบลงด้วยมือของเขา
‘เสิ่นฮอง’ถอนหายใจ ค่อยๆหลับตาลง มันอาจจะเป็นเพราะการกระทำทั้งหมดของเขานั้นมันผิดใช่ไหม? เห็นที นี่คงเป็นจุดจบของเขา พลังงานค่อยๆออกจากร่างของเขา ในขณะที่มันตกลงมาจากฟ้า
ผู้นำตระกูลคนอื่นๆเห็นร่างของ’เสิ่นฮอง’ตกลงมา เหลือแค่ ‘กุยชา’ เท่านั้นที่ยังรอด ซึ่งกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดจากการถูกโจมตี เขาพยายามฝ่าเงาที่เหมือนภูเขานั้นที่กำลังกดทับเขาอยู่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเขาจะพยายามเท่าไหร่ เงาที่เหมือนภูเขานั้นมันเต็มไปด้วยพลังที่ไม่สามารถประเมิณได้ ทำให้เขาขยับไม่ได้เลยซักนิดเดียว
ถ้าฆ่า ‘กุยชา’ได้ เมืองกลอรี่ก็จะปลอดภัย ‘เนี่ยหลี่’ถอนหายใจอย่างเย็นชา ขณะที่เขาเพิ่มพลังของค่ายกลหมื่นอสูร ถ้าพลังนี้ปะทะลงไปแค่ครั้งเดียว ‘กุยชา’ นั้นต้องตายอย่างแน่นอน
ทันใดนั้น! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น เงาขนาดเท่าภูเขาได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ปรากฏคนๆหนึ่ง ได้บินอย่างรวดเร็วไปที่ ‘กุยชา’ คว้าตัวเขาไว้และคำรามไปยังท้องฟ้า เขาสามารถทำลายภูเขานับพันชั้นของค่ายกลหมื่นอสูรได้จริงๆ เป็นไปได้ว่าชายคนนี้ อย่างน้อยต้องอยู่นะดับตำนาน
‘เนี่ยหลี่’เพ่งมองไปที่ชายที่ใส่เสื้อคลุมบางๆสีขาว เป็นหนุ่มหล่อมากๆคนหนึ่ง ภายในสมาคมทมิฬ นั้น มีเพียงสองคนที่มีระดับพลังเหนือ ‘กุยชา’เขาไม่คิดเลยว่าหนึ่งในนั้นจะปรากฏตัวจริงๆ
เมื่อ ‘กุยชา’ ถูกช่วยไว้แล้ว ‘เอียเซิ่ง’ถอนหายใจอย่างเย็นชา
“คิดจะหนีรึ มันไม่ง่ายหรอก”
เขารีบรวมร่างกับวานรวายุเหมันต์ทันที และสร้างพายุหิมะไรสิ้นสุดขึ้น มันหมุนเข้าหาชายหนุ่มคนนั้น และในเวลาเดียวกัน วิญญาณเทพวายุเหมันต์ ที่ตั้งท่ารออยู่แล้ว ก็คำรามอย่างบ้าคลั่งทันที และจับชายเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้
เมื่อ ‘กุยชา’ ลืมตาขึ้นอย่างงุนงง และเห็นชายหนุ่มชุดขาว เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
” หลงชา ทำไมแกถึงมาที่นี่”
ชายหนุ่มชุดขาวไม่ตอบ แต่สายตาที่เฉียบคมของเขา จับจ้องไปที่ศูนย์กลางของเขตอาคมหนื่นอสูรสังหาร ที่มุมปากของเขา ปรากฏรอยยิ้มลึกๆ
“นอกจากเอียมัวแล้ว ที่นี่ยังมีคนน่าสนใจอยู่อีก ข้าเชื่อว่า จอมมาร ต้องสนใจคนๆนี้อย่างแน่นอน”
ขณะที่มอง’เอิยเซิ่ง’และวิญญาณเทพวายุเหมันต์ กำลังโจมตีเข้ามา ชายหนุ่มในชุดขาวก็สะบัดแขนเสื้อของเขา แล้วหินลึกลับสองก้อนก็หล่นออกมา หินลึกลับสองก้อนนั้นสร้างพลังงานที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างขึ้น และระเบิดในทันที คลื่นกระแทกเหวี่ยงวิญญาณเทพวายุเหมันต์กระเด็นถอยหลังไป ทำให้มันต้องทรงตัวเพื่อรักษาสมดุล สำหรับเอิยเซิ่งนั้น ถูงส่งลอยออกไป และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ไม่มีใครรู้ว่าหินสองก้อนนั้นคืออะไร แต่มันมีพลังทำลายมหาศาล ชายหนุ่มชุดขาวยังคงสงบนิ่งเมื่อมองมาทางเนี่ยหลี่ และถามว่า
“ข้าสงสัย เจ้าชื่ออะไร ผ่านการย้ายวิญญาณมากี่ครั้งแล้ว? จากมุมมองของข้า ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันอีกแล้ว ถ้าเจ้าสนใจ เจ้าสามารถไปเที่ยวชมสมาคมทมิฬของข้าได้ และไปบพกับ ท่านจอมมาร พร้อมกับข้า เราจะรอคอยการไปเยี่ยมของแก “
เมื่อได้ยินคำนั้น ย้ายวิญญาณ ‘เนี่ยหลี่’ผู้ซึ่งยืนอยู่ตรงกลางของค่ายกลหมื่นอสูร เปลือกตากระตุกทันที เคล็ดย้ายวิญญาณ นั้นเป็นเทคนิคลับที่น่ากลัวมาก ในขั้นตอนการใช้เทคนิคนี้นั้น ต้องสังเวยชีวิตเด็กนับไม่ถ้วน เพื่อใส่วิญญาณของตัวเองลงไปในร่างของเด็กแค่คนเดียวได้รับชีวิตใหม่ ตราบใดที่วิญญาณยังไม่ถูกทำลาย ก็ยังสามารถมีวิตอยู่ได้หลายชั่วอายุคน แน่นอน มันมีผลข้างเคียงมากมายในการใช้เทคนิคนี้ วิญญาณจะได้รับความเจ็บปวดจากการถูกเผา และร่างใหม่จะได้รับความเสียหายอย่างรวดเร็วจากผลข้างเคียงนี้
ในเมื่อเด็กอย่าง’เนี่ยหลี่’ครอบครองความรู้มากมายเกินจินตนาการได้ขนาดนี้ และยังสร้างเขตอาคมขนาดใหญ่อย่างค่ายกลหมื่นอสูรได้ ในมุมมองของหนุ่มชุดขาวนี้ เขาต้องใช้เคล็ดย้ายวิญญาณอย่างแน่นอน มิฉะนั้น เขาคงไม่มีความสามารถมากขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม ที่เขาไม่รู้ก็คือ ‘เนี่ยหลี่’นั้นกลับมาในชีวิตนี้เพราะ หนังสือจิตอสูรท่องเวลา ไม่ใช่เพราะเคล็ดย้ายวิญญาณ
เคล็ดย้ายวิญญาณนั้นลึกลับซับซ้อนมาก นอกจากไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยได้ยินเกี่ยวกับมัน แล้วพวกเขาก็ยังไม่คิดว่ามันมีอยู่จริงๆ
หลังจากที่มนุษย์ไปถึงจุดสูงสุดของระดับตำนานแล้วพวกเขาจะบพว่ามันยากมากในการบ่มเพาะพลังของพวกเขาเพื่อเข้าสู้ระดับพลังขั้นต่อไป ร่างกายของเขาจะเริ่มเสื่อมถอย และเข้าสู่สภาพที่เขาไม่สามารถเพิ่มระดับพลังได้อีกต่อไป
ยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วน ได้ตายลงไปพร้อมกับความเสียใจนี้ ผลที่ตามมาคือ มียอดอัจฉริยะคนหนึ่ง ค้นพบวิธีที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดของเขา ซึ่งก็คือเคล็ดย้ายวิญญาณนั่นเอง เพื่อรักษาวิญญาณไว้และได้ครอบครองร่างใหม่ หลังจากนั้น เขาจะสามารถเริ่มต้นบ่มเพาะพลังได้ใหม่จากจุดเริ่มต้น (ก็จะบ่มเพาะพลังได้เร็วกว่าเดิมเพราะเซียนแล้ว)
ทุกครั้งที่เขาไปถึงจุดสูงสุดของระดับตำนาน และพบว่าเขาไม่สามารถพัฒนาระดับพลังได้อีกต่อไป และร่างของเราเริ่มเสื่อมถอย เขาจะใช้เคล็ดย้ายวิญญาณอีกครั้ง ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถขยับเข้าใกล้ระดับพลังขั้นต่อไปได้ที่ละนิดๆระดับรองหัวหน้าสมาคมทมิฬนี้ประกาศเองว่าเป็นลูกน้อง จอมมารเป็นไปได้ไหมว่า จอมมาร เองก็ใช้เคล็ดย้ายวิญญาณเช่นเดียวกัน
ชายหนุ่มชุดขาวน่าจะเป็นหมายเลขสองของสมาคมทมิฬ หลงชา ‘เนี่ยหลี่’ไม่ปล่อยให้ศัตรูคนนี้หนีไปแน่นอนมิฉะนั้น ปัญหาก็จะตามมาไม่สิ้นสุด! ระดับของหนุ่มชุดขาวคนนี้ อย่างน้อยก็น่าจะระดับตำนาน
“อยากจะคุยกับข้าเหรอ? ได้เลย! ยังไงก็ตาม ลองรับมือการโจมตีของข้าให้ได้ก่อน ถ้าเจ้ามีคุณสมบัติพอ”
‘เนี่ยหลี่’พูดอย่างใจเย็นขณะที่เขาเริ่มการทำงานของค่ายกลหมื่นอสูรอย่างรวดเร็ว เขาไม่หุนหันพลันแล่นในเวลาแบบนี้ ดังนั้น เขาจึงใช้พลังสูงสุดของค่ายกลหมื่นอสูร
ค่ายกลหมื่นอสูรเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว แล้ววิญญาณอสูรระดับแบล็คโกลหมื่นตัวก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พลังงานของพวกมันไปรวมกันที่จุดๆเดียว
“ฮ่าๆ แน่นอน สุดยอดฝีมือนั้นไม่ได้แค่คุยเป็นอย่างเดียว”
ชายหนุ่มชุดขาวนั้นยิ้มอย่างภูมิใจจุดสนใจของเขานั้นอยู่บนฟ้า เขามั่นใจในพลังของเขาอย่างมาก เขากำลังจะถึงจุดสูงสุดของระดับตำนานในเร็วๆนี้ ทำไมเขาจะต้องกลัวกับแค่เขตอาคมนี้ ?
ชายหนุ่มชุดขาวนั้นยืนอยู่บนพื้นอย่างภูมิใจ เสื้อผ้าของเขาสะบัดไปตามลม เขามีใบหน้าขาวสะอาด ตาสีดำของเขามีประกายคมลึก คิ้วหนา จมูกโด่ง และริมฝีปากที่ละเอียดอ่อน เผยให้เห็นความมีสง่าราศี ถ้าไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา และดูแค่ภายนอกอย่างเดียวนั้น มันสามารถยั่วยวนผู้หญิงได้นับไม่ถ้วน
‘เนี่ยหลี่’จ้องมองอย่างเย็นชาไปที่เขา ถ้า’เนี่ยหลี่’เห็นเขาบนถนนของเมืองกลอรี่ เขาต้องไม่คิดแน่นอนว่านี่คือ ‘หลงชา’ ที่ทำให้เปลี่ยนสีหน้าทันทีที่ได้ยินชื่อเขา
ถ้า ‘หลงชา’ ต้องการจะหนี ถึงแม้ว่า’เนี่ยหลี่’สามารถใช้ค่ายกลหมื่นอสูรหยุดเขา มันก็คงจะไม่ได้ผล ในเมื่อฝั่งตรงข้ามมีความมั่นใจมาก ‘เนี่ยหลี่’ก็จะไม่ปราณี เขาจะใช้พลังทั้งหมดของค่ายกลหมื่นอสูร วิญญาณสัตว์อสูรหมื่นตัว เปลี่ยนเป็นพลังงานที่น่ากลัว กลายเป็นฝ่ามือสีทองเลือดหมูขนาดใหญ่ และพุ่งเข้าหา ‘หลงชา’
“หลงชา ระวัง อย่าประมาทค่ายกลหมื่นอสูรนี้”
‘กุยชา’รีบเตือนเขา
หลงชา พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา(ต่อไปนี้จะใช้คำว่า ” หึ “กับคำนี้)และพูดว่า
” ข้าไม่เชื่อว่าค่ายกลนั่นจะทำอะไรข้าได้”
เขากำลังจะก้าวสู่จุดสูงสุดของระดับตำนานในเร็วๆนี้ เขามีร่างกายที่เป็นเลือดมังกรบริสุทธิ์ และเขามีสมบัติมากมายหลายชนิดที่จะปกป้องเขาได้ ทำไมเขาจะต้องมากลัวค่ายกลนี่ ? เขาแค่อยากจะทดสอบพลังของค่ายกลนี่เท่านั้น
ทุกคนที่เลื่อนระดับสู่ระดับตำนานนั้นจะรู้สึกว่าเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกนี้แล้ว ในมุมมองของพวกเขา ระดับตำนานนั้นเปรียบเสมือนเทพ จากเลเวลต่ำสุดของมนุษย์ พวกเขากลายมาเป็นสุดยอดฝีมือ ความภาคภูมิใจของการอยู่บนจุดสูงสุดแบบนี้ ไม่ใช่สิ่งที่จะสั่นคลอนได้ด้วย ค่ายกลหมื่นอสูร
‘เนี่ยหลี่’เข้าใจความคิดของยอดฝีมือระดับตำนานคนนี้ เมื่อเจอกับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลัง พวกเขาอยากจะลองทดสอบฝีมือของพวกเขา เมื่อเห็น’หลงชา’จ้องมองไปยังพลังมหาศาลที่หาอะไรมาเทียบไม่ได้ภายใต้ท้องฟ้านั้น ‘เนี่ยหลี่’ก็ยิ้มที่มุมปาก ‘หลงชา’นี้ ก็เหมือนกับเขา ตอนที่เขาก้าวสู่ระดับตำนาน
ณ เวลานั้น เขาดูถูกทุกสิ่งภายใต้ท้องฟ้านี้ รู้สึกเหมือนเขาคือยอดฝีมือที่ไม่มีใครมาเทียบเทียมได้ และสร้างปัญหาไปทุกที่ อย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดฝันเลยว่าเขาจะถูกไล่ล่าโดยสัตว์อสูรหลายสิบตัว วิ่งหนีไปทั่วโลก และโดยบังเอิญ เขาเข้าไปในมิติของหนังสือจิตอสูรท่องเวลา หลังจากเหตุการณ์นั้น เขาเข้าใจความหมายของคำว่าความรู้นั้นไม่มีที่สิ้นสุด และมีคนที่แข็งแกร่งกว่าตัวเองอยู่เสมอ
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ลองรับการโจมตีของข้าดู!”
มีประกายแสงพุ่งออกมาจากดวงตาของ’เนี่ยหลี่’ ควบคุมค่ายกลและผลักฝ่ามือของเขาพร้อมกับคำรามเสียงต่ำ
ฝ่ามือนั้นเต็มไปด้วยพลังของค่ายกลหมื่นอสูร ขณะที่ผลักฝ่ามือออกไป ท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยความโกลาหล และพื้นดินก็ถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิด บดบังดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ ความกดดันที่น่ากลัวนี้เหมือนกับคลื่นที่ถาโถมเข้าใส่ ‘หลงชา’
เมื่อเห็นพลังที่น่ากลัวนี้ ‘หลงชา’ ขมวดคิ้วทันที นี่เป็นพลังที่รุนแรงที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา ตั้งแต่เข้าสู่ระดับตำนาน
“ดีเลย เข้ามา “
‘หลงชา’ก็ยังคงไม่มีความกลัวใดๆ และรวบรวมพลังภายในร่างทั้งหมดของเขา กล้ามเนื้อของเขาโป่งพอง ทำให้ขนาดของเขานั้นใหญ่ขึ้นหลายเท่า หางขนาดใหญ่งอกขึ้นที่หลังของเขา หัวไหล่นั้นแยกออกจากกันเหมือนปีกของเขาที่เติบโตขึ้นบนหลัง
และเขาก็ผลักฝ่ามือไปข้างหน้า ก็เหมือนระดับตำนานทั่วไป ถ้าเขาถอยหลังเพราะคู่ต่อสู้แข็งแกร่ง ถ้าอย่างนั้น เขาก็จะไม่สามารถ พัฒนาการบ่มเพาะพลังของเขาในชีวิตนี้ได้อีกต่อไป
สัตว์อสูรที่ หลงชา รวมร่างด้วยนั้น คือวิญญาณอสูร มังกรปีกทอง เป็นสัตว์อสูรเชื้อสายมังกรอย่างแท้จริง แข็งแกร่งกว่ามังกรเกล็ดทมิฬของ’เอียเซิ่ง’
“ข้าขอดูพลังที่แท้จริงของค่ายกลหมื่นอสูรของแกหน่อยซิ “
‘หลงชา’พูด เขามีร่างกายที่แข็งแรงของเผ่ามังกร ด้วยธรรมชาติของเขาแแล้ว เขาไม่คิดว่าค่ายกลหมื่นอสูรจะทำอะไรเขาได้
ที่มา: