ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปหลังผ่านเวลาอันยาวนาน ในที่สุด’เนี่ยหลี่’ก็รู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดลดน้อยลง แม้เรื่องพลังแห่งสัจธรรมทั้งสองจะยังไม่ถูกแก้ไขให้เรียบร้อย
เขาจะรับมือเรื่องนี้อย่างไร?
‘เนี่ยหลี่’พลันนึกถึงเถาเลื้อยลึกลับที่ก้นบึ้งห้วงวิญญาณของตนขึ้นมา เถาเลื้อยนั้นลึกลับยิ่ง ใครจะรู้ มันอาจจะแก้ไขพลังแห่งสัจธรรมที่กำลังอาละวาดอยู่ก็ได้ หลังจากใคร่ครวญครู่หนึ่ง ‘เนี่ยหลี่’ก็ถ่ายเทพลังแห่งสัจธรรมทั้งสองไปยังเถาเลื้อย ตอนแรกเถาเลื้อยยังคงนิ่งอยู่ แต่ผ่านไปไม่นาน มันก็เริ่มดูดซับพลังแห่งสัจธรรมทั้งสองชนิด
ยิ่งเถาเลื้อยดูดกลืนพลังแห่งสัจธรรมไปมาเท่าไหร่ มันก็ยิ่งเติบโตขึ้นเท่านั้น พลังแห่งสัจธรรมไหลไปตามกิ่งก้านสาขาของเถาเลื้อย ไปจนถึงแพนด้าเขี้ยวอสูรแล้วเรื่องที่น่าตกตะลึงก็บังเกิด ยิ่งมันได้รับพลังแห่งแสงและความมืดมากเท่าไหร่ขนของมันเริ่มเปร่งประกายมากขึ้นเท่านั้น
พลังของแพนด้าเขี้ยวอสูรเติบโตขึ้นอีกระดับ จากการดูดซับพลังแห่งแสงและความมืด
ด้านอสูรเงาพรายก็ดูดซับพลังแห่งความมืดไปบางส่วนและเติบโตขึ้นไปอีกระดับเช่นกัน ร่างของมันกลายเป็นเพียงรูปเลือนรางทำให้ยากจะถูกพบเห็น
พอเถาเลื้อยดูดซับไปพลังสัจธรรมทั้งสองชนิดเรียบร้อย ‘เนี่ยหลี่’ค่อยระบายลมหายใจอย่างโล่งอก เขาแค่ทดลองดูแต่กลับพบว่าแม้พลังแห่งแสงและความมืดจะถูกเถาเลื้อยดูดซับไป แต่เขายังคงควบคุมพลังนั้นได้อยู่
เถาเลื้อยนี้สมควรเป็นส่วนหนึ่งของห้วงวิญญาณของเขา ทว่า’เนี่ยหลี่’ยังไม่อาจแน่ใจได้นัก จะอย่างไรการที่มีเถาเลื้อยเกิดขึ้นมา หมายความว่าเส้นทางแห่งบ่มเพาะพลังของ’เนี่ยหลี่’แตกต่างจากแนวทางที่ตนเคยผ่านมาในชาติก่อน
ขณะที่’เนี่ยหลี่’ฝึกฝนอยู่ ‘ยู่หยาน’ลอยอยู่เบื้องหน้าของเขาอย่างเงียบๆ แก้มอันงดงามไร้คู่เปรียบของนางยังมีร่องรอยของอารมณ์ตกตะลึงหลงเหลืออยู่ นางรับรู้ได้ว่าพลังสัจธรรมแห่งแสงและความมืดต่อต้านกันเองอยู่ร่างของ’เนี่ยหลี่’ แต่พอนางเริ่มจะรู้สึกเป็นห่วง นางก็พบกับพลังลึกลับอีกชนิดหนึ่งที่ทรงพลังกว่าพลังสัจธรรมดูดกลืนพลังแห่งสัจธรรมทั้งสองชนิดไปดื้อๆ
เขายังมีความลับซ่อนอยู่อีกเท่าไหร่กัน? ความสงสัยนี้ก่อตัวขึ้นในใจของนาง ในฐานะเทพวิญญาณ สามารถพูดได้ว่านางมีความรู้เกี่ยวกับทุกสิ่งในโลก ทว่า นางไม่คิดเลยว่าภูมิปัญหาของ’เนี่ยหลี่’จะสูงส่งกว่านาง
บางครั้ง เทพี’ยู่หยาน’เข้าใจได้เองว่าตัวนางย่อมไม่สามารถเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างได้ จึงยอมปล่อยวางเลิกคิดถึงมัน นางยืดเอวขึ้น เผยให้เห็นรูปร่างอันเย้ายวน นางคือผู้ควบคุมพลังแห่งสัจธรรม เพราะฉะนั้น แม้ว่านางจะไม่ฝึกฝนบ่มเพาะพลัง พลังของสัจธรรมแห่งอัคคีก็จะถูกดึงดูดเข้ามาในตัวนางเองอยู่ดี เมื่อดูดซับพลังเหล่านั้น ระดับพลังของ’ยู่หยาน’จึงจะเพิ่มขึ้น
ราวยี่สิบวันให้หลัง ‘เนี่ยลี่’ก็มาถึงจุดสูงสุดของชั้นโกลด์ห้าดาว ห่างจากชั้นแบล็กโกลด์อีกเพียงก้าวเดียว
เขาลืมตาขึ้นอย่างกะทันหันพร้อมกับมีประกายแสงอยู่ในนัยตา หลังจากฝึกฝนบ่มเพาะพลังมาช่วงเวลาหนึ่ง ระดับพลังของเขาก็เพิ่มระดับขึ้นอีกเล็กน้อย เมื่อเขาฝึกวิชา [เทพวิถีฟ้า] ความเร็วในการบ่มเพาะพลังก็เชื่องช้ายิ่ง ยากจะทลายขีดจำกัด เทียบกับพวก’ลู่เปียว’ ‘ตู่ซื่อ’และคนอื่นๆ ยังยากกว่าหลายเท่า
ทว่า ‘เนี่ยหลี่’ยังสามารถส่งระดับพลังของตัวเองให้สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดได้ ด้วยความเข้าใจในการบ่มเพาะพลังของเขาเอง
แล้วยิ่งการทลายขีดจำกัดแต่ละครั้งยิ่งยากเย็นเท่าไหร่ ประโยชน์ที่ได้รับก็ยิ่งน่าตื่นตะลึงเท่านั้น ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้สามารถขยี้คนที่มีพลังระดับเดียวกันได้อย่างง่ายได้ หรือแม้กระทั่งสามารถข้ามรุ่นไปสู้กับพวกชั้นแบล็คโกลด์ก็ยังได้
ด้านตลาดประมูลตราเทพนั้นกำลังเป็นไปตามแผน เมื่อตลาดประมูลตราเทพเริ่มขานราคาประมูลอาวุธแล้วเครื่องป้องกันที่’เนี่ยหลี่’สลัก ทั้งสิบห้าเมืองต่างก็ปะทุขึ้นมา ไม่มีใครคาดเลยว่างานของ’เนี่ยหลี่’จะก้าวข้ามอาจารย์’โหย่วเอี้ย’ไปมาก จนเกิดความปั่นป่วนขึ้นมา
ยอดฝีมือระดับสูงสุดในโลกนรกานต์ต่างก็ทุ่มเสนอราคากันสุดตัวเพื่อของที่’เนี่ยหลี่’ทำ ยิ่งได้อาวุธและเครื่องป้องกันที่ยอดเยี่ยมมากเท่าไหร่มาครอบครอง ก็จะช่วยเสริมพลังให้พวกเขาได้มากเท่านั้น ในโลกนี้ผู้อ่อนแอย่อมเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง พลังคือทุกสิ่ง
ยังไม่รวมเรื่องที่ก่อนหน้านี้ มีข่าวลือว่าเจ้าแห่งโลกนรกานต์เตรียมจะรับลูกศิษย์เพื่อสืบทอดวิชา
เจ้าแห่งโลกนรกานต์เป็นเทพวิญญาณชั้นสูงสุดเชียวนะ!
หากพวกเขาเป็นที่ต้องตาท่าน พวเขาก็เท่ากับก้าวเท้าเข้าไปในโลกแห่งเทพเจ้าแล้วครึ่งหนึ่ง ความเย้ายวนของมันยิ่งใหญ่เกินไป หากหนึ่งในพวกเขาสามารถเป็นศิษย์ของเจ้านรกานต์ได้ นอกจากจะเท่ากับกลายเป็นยอดฝีมืออันโดดเด่นแล้ว ยังเท่ากับว่าเขากลายเป็นเจ้าของนครนรกานต์ด้วย
นครนรกานต์นับว่าเป็นสถานที่ลึกลับ ตำนานกล่าวไว้ว่าสถานที่นั้นเต็มไปด้วยเศรษฐีและหญิงงามจากหลายเผ่าพันธุ์ทุกสารทิศ และยังมีวิญญาณผลาญจำนวนนับไม่ถ้วนด้วย วิญญาณผลาญคือสิ่งมีชีวิตลึกลับที่สามารถดูดกลืนแก่นของหินหลอมเหลวใต้พิภพ แล้วเปลี่ยนเขาเป็นพลังให้เจ้านครนรกานต์ใช้ในการบ่มเพาะพลังได้
เมื่อใดที่พวกเขาได้เป็นเจ้าของนครนรกานต์เมื่อนั้นพวกเขาก็เท่ากับได้รับความมั่งคั่งอันไร้ที่สิ้นสุด
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่เจ้านรกานต์จะคัดเลือกศิษย์ อาวุธและเครื่องป้องกันของ’เนี่ยหลี่’จึงเป็นสินค้าที่ไม่ว่าใครก็ต้องการ
เมื่อตระกูลตราหยกมีเจ้าอาคมชั้นสูงอยู่ด้วย ทั้งยังได้รับการปรามจากขุมกำลังที่หนุนหลังตลาดประมูลตราเทพ เผ่าภูติโลหิตจึงต้องประณีประนอมกับตระกูลตราหยก เวลานี้ เมื่อตระกูลตราหยกสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตมาได้ ก็ติดต่อขุมกำลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ทั้งหลายและเริ่มมีอิทธิพลเพิ่มมากขึ้น
วันนี้ ‘ลั่วเซี่ยว’มีรอยยิ้มประดับเต็มใบหน้าเดินอยู่ด้านข้าง’เนี่ยหลี่’ อำนาจของตระกูลตราหยกกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยการตกเป็นพันธมิตรกับขุมพลังหลายแห่ง และได้รับการคุ้มครองจากตลาดประมูลตราเทพ ยอดฝีมือจากภายนอกก็พยายามจะสืบหาที่มาของช่างจารึกอาคมผู้ลึกลับที่ซ่อนอยู่ในตระกูลตราสวรรค์ แต่ทั้งหมดได้แต่คว้าน้ำเหลว
เป็นที่ทราบได้ว่าในอนาคต อำนาจของตระกูลตราหยกจะพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมาก่อน
“หลานชาย คนของข้าไปสืบมาเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาสมาคมทมิฬยังคงเก็บตัวเงียบเชียบ ไม่มีความเคลื่อนไหวใด”
‘ลั่วเซี่ยว’แจ้ง เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใด’เนี่ยหลี่’จึงต้องการจับตาดูสมาคมทมิฬ
“นอกจากนี้ ข้ามีข่าวเกี่ยวกับเอี้ยฮั่นที่ท่านขอให้ช่วยตรวจสอบด้วย ข้าได้รับรายงานว่าเอี้ยฮั่นเข้าร่วมกับตระกูลอู่กุ้ยในฐานะช่างจารึกอาคมชั้นต้น”
ได้ฟังที่’ลั่วเซี่ยว’พูด ‘เนี่ยหลี่’ถึงกับขมวดคิ้ว อาจบางที’เอี้ยฮั่น’คงจะแยกตัวจากสมาคมทมิฬแล้วไปเข้าร่วมกับตระกูลอื่น?
“สภาพของตระกูลอู่กุ้ยเป็นอย่างไร?”
‘เนี่ยหลี่’ถามหลังจากนิ่งคิดไปครู่หนึ่ง
พอเรียบเรียงคำพูดได้ ‘ลั่วเซี่ยว’ก็กล่าวว่า
“ก่อนหน้านี้ดูเหมือนตระกูลอู่กุ้ยกำลังเรียกระดมคนของพวกเขา ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีแผนการบางอย่าง แต่เรื่องนี้เรายังไม่มีข้อมูลชัดเจนนัก”
‘เนี่ยหลี่’รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ตระกูลอู่กุ้ยนี้ยังรับมือยากกว่าสมาคมทมิฬเสียอีก
หลังจากห่างเมืองกลอรี่มานาน นี่น่าจะได้เวลากลับไปดูบ้างแล้ว
“ท่านลุงลั่ว ข้าคงต้องออกจากที่นี่ไปสักพัก”
“หลานชายเนี่ยหลี่จะไปที่ใดหรือ?”
‘ลั่วเซี่ยว’ถึงกับทำหน้าขมเมื่อได้ยินที่’เนี่ยหลี่’พูด เขาต้องยอมรับว่าในตอนนี้ ‘เนี่ยหลี่’มีความสำคัญมากเกินไป เขาจะแน่ใจได้อย่างไรว่า’เนี่ยหลี่’จะกลับมาหรือไม่
“ลุงลั่วท่านวางใจ ข้าจะรีบกลับ ช่วงที่ผ่านมานี้ข้าสร้างอาวุธและเครื่องป้องกันด้วยลายอาคมชั้นสูงไว้ให้ท่านแล้ว”
‘เนี่ยหลี่’พูด เขาจะกลับไปยังเมืองกลอรี่ และในเมื่องเมืองกลอรี่กับที่นี่ห่างกันไม่ไกล เขาย่อมสามารถกลับมาที่นี่ได้ภายในหนึ่งเดือน
“ข้าตัดสินใจแล้ว ท่านลุงลั่วอย่าห้ามเลย”
หลังจากนิ่งคิดอยู่หนึ่ง และเห็นว่า’เนี่ยหลี่’ยืนยันอย่างหนักแน่นแล้ว ‘ลั่วเซี่ยว’จึงพูดว่า
“หลานชายเนี่ยหลี่ ให้ข้าจัดคนคุ้มกันไปด้วยดีหรือไม่”
หากเขาบังคับให้’เนี่ยหลี่’รั้งอยู่ เขาคงจะต้องเจอกับแรงต้านกลับมาเท่าตัว แต่หากส่งคนไปช่วยดูแลความปลอดภัยด้วยสักหลายคน เขาจะได้สบายใจกว่าเดิม
“แน่นอน”
‘เนี่ยหลี่’พยักหน้า อย่างเห็นด้วย ตอนนี้ผลประโยชน์ของตระกูลตราหยกผูกติดอยู่กับเขา ทั้งจากการตรวจสอบของ’เนี่ยหลี่’ยังเห็นตระกูลตราหยกมีใจมุ่งมั่น สู้เพื่อขยายที่อยู่ให้เผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแท้จริง แสดงให้เห็นว่าพวกเขามีอุดมการณ์เดียวกันกับเมืองกลอรี่
ด้วยการพายอดฝีมือจากตระกูลตราสวรรค์ไปด้วยสักหลายคน จะได้หลักประกันความปลอดภัยเพิ่มขึ้น
“ดีแล้ว เช่นนั้น ข้าจะส่งลั่วหมิงและคนอื่นๆ อีกสองคนไปช่วยคุ้มครองความปลอดภัย”
‘ลั่วเซี่ยว’พูดพลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ‘ลั่วหมิง’กับอีกสองคนนั้นล้วนเป็นยอดฝีมือระดับตำนานทั้งสิ้น แม้ว่าจะยังไม่ถึงระดับสูงสุดของชั้นตำนานหรือชั้นเซียน แต่ก็สามารถรับมือกับเหตุทั่วไปได้
“ขอบคุณมากท่านลุงลั่ว” เนี่ยหลี่พูดพลางยิ้มเล็กน้อย มีนักสู้ชั้นตำนานสามคนมาคุ้มกันช่วยให้รู้สึกดีไม่น้อย
“นี่คือหินผลึกมารที่เราได้รับมาจากการขายเครื่องป้องกันและอาวุธในการประมูล”
‘ลั่วเซี่ยว’ส่งแหวนมิติให้’เนี่ยหลี่’ หินผลึกมารเป็นสกุลเงินที่ใช้กันที่นี่ การประมูลที่ผ่านมามีรายได้ประมาณหกร้อยล้านหินผลึกมาร แม้ว่าตระกูลตราหยกจะได้รับส่วนแบ่งเพียงสามส่วน ก็ยังได้มากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบล้านหินผลึกมาร จำนวนขนาดนี้เทียบได้กับรายได้ของตระกูลตราหยกหลายสิบปี เมื่อมีหินผลึกมารมากมายขนาดนี้ พวกเขาก็สามารถชุบเลี้ยงยอดฝีมือเพิ่มขึ้นเพื่อขยายอำนาจของตระกูลได้
‘เนี่ยหลี่’เก็บแหวนมิติไปเมื่อตรวจสอบของข้างในเรียบร้อย ใครจะรู้ มันอาจจะมีประโยชน์ภายหลังก็ได้ ดังนั้น’เนี่ยหลี่’จึงรับมันไว้
“หากหลานชายต้องการอะไรเพิ่มเติม ขอเพียงพูดออกมา ตราบเท่าที่ตระกูลตราหยกสามารถทำได้ พวกเราจะทุ่มเทกำลังทั้งหมดทำให้สำเร็จให้ได้”
‘ลั่วเซี่ยว’พูด
“ขอบคุณมาก ท่านลุงลั่ว”
‘เนี่ยหลี่’พูดพลางประสานมือคำนับ ด้วยการมีตระกูลตราหยกหนุนหลัง เขาก็สามารถลดแรงกดดันให้เมืองกลอรี่ได้มากโขทีเดียว
หลังจากอยู่ในโลกนรกานต์มาหลายวัน ก็ได้เวลากลับเสียที เขาต้องรายงานเรื่องที่เจอในโลกนรกานต์ให้’เอี้ยเซิ่ง’รู้ หากตำแหน่งของเมืองกลอรี่ถูกเปิดเผย นั่นหมายความว่าพวกมันจะต้องวางแผนรุกแน่
ได้เทพี’ยู่หยาน’มาเป็นกำลังงรบและยอดฝีมือชั้นตำนานสามคนมาคุ้มกัน นับว่าการเดินทางรอบนี้ได้ประโยชน์มหาศาลทีเดียว
หลังจากร่ำลา’ลั่วเซี่ยว’กับ’ลั่วเจี้ยน’ ‘เนี่ยหลี่’ก็ออกจากเมือศิลาดำภายใต้การคุ้มกันของยอดฝีมือชั้นตำนานทั้งสามคน
ณ เมืองกลอรี่
นับตั้งแต่’เอี้ยเซิ่ง’ก้าวขึ้นสู่ขอบเขตชั้นระดับตำนาน ระดับพลังของเขาก็มีคุณภาพดีขึ้น เขายังได้รับการชี้แนะด้านวิชาบ่มเพาะพลังจาก’เนี่ยหลี่’ เมื่อรวมกับข้อเท็จจริงที่ว่าเขาก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง คามเร็วในการบ่มเพาะพลังของเขาก็เกินกว่าใครจะจินตนาการถึง ในตอนนี้เขาก้าวไปถึงขั้นตำนานระดับสองดาวแล้ว
ยากนักที่เมืองกลอรี่จะมีเวลาสงบสุขเช่นนี้
ทว่า พวกทหารยามยังไม่กล้าละเลย หลังจากผ่านศึกอันยากลำบากมาหลายครั้ง ทั้งการตายของญาติมิตร จิตใจของทุกคนต่างก็หนักอึ้ง
ด้าน’เอี้ยจื่อหวิน’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ ‘ลู่เปียว’ ‘ตู่ซื่อ’ ‘ต้วนเจี้ยน’ ‘เว่ยหนาน’ และคนอื่นๆ ต่างก็เข้าปิดด่านฝึกตนกันหมด ระหว่างที่’เนี่ยหลี่’ไม่อยู่นี้ พวกเขาพากันไปฝึกแถบซากวิหารทมิฬ และที่อื่นๆ ทำให้ระดับพลังของพวกเขาพุ่งขึ้นสูงยิ่ง โดยเฉพาะ’ต้วนเจี้ยน’ ที่มีเชื้อสายมังกรในตัว บวกกับการชี้แนะของ’เนี่ยหลี่’ ระดับพลังของเขาตอนนี้อีกเพียงก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ชั้นตำนานแล้ว
ไม่นานมานี้ เมืองกลอรี่ได้พบกับแขกกลุ่มใหญ่ ทุกๆ คนที่อยู่บนที่ราบสูงชะตาสวรรค์ต่างก็อพยพมายังเมืองกลอรี่ และได้รับการจัดสรรที่พักให้ในจวนเจ้าเมือง
จำนวนประชากรในเมืองกลอรี่นั้นมีแต่จะลดลงทุกปี ทุกคนจึงยินดีต้อนรับแขกชุดใหม่นี้ แม้ระดับพลังโดยเฉลี่ยของผู้คนจากที่ราบสูงชะตาสวรรค์จะไม่สูงมาก นั่นก็เพราะพวกนั้นไม่มีวิชาบ่มเพาะพลังที่ดีพอ หากได้รับวิชาบ่มเพาะพลังที่เหมาะสม และให้พวกเด็กๆ ได้เข้าฝึกฝนในสถาบันกล้วยไม้ศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่งของพวกเขาย่อมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกัน ณ หุบเหวน้ำพุทมิฬแห่งที่ราบสูงชะตาสวรรค์อันรกร้าง
ที่ก้นบึ้งของหุบเหว ในน้ำพุสีดำไร้ก้น พลันบังเกิดระลอกคลื่นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้น คลื่นพลังอันโหดร้ายแผ่ออกไปทั่วพื้นที่ และเสียงแหบแห้งแสดงอายุก็ดังขึ้น จนทำให้ห้วงลึกแห่งน้ำพุทมิฬถึงกับสั่นสะเทือน
“พี่ใหญ่ ข้าจับสัมผัสพลังของนางเฒ่าตัวร้ายไม่ได้เลย!!”
“ถูกแล้ว ข้าก็เช่นกัน แม้ว่าผนึกของน้ำพุทมิฬจะยังอยู่ดี แต่นางเฒ่าตัวร้ายยู่หยานกลับหายไป!! นางเพิ่งจะไปวันนี้ กายาเทพของนางฟื้นคืนแล้วหรือ? ไม่…เป็นไปไม่ได้ จากการคำนวนของข้า นางยังต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกไม่ต่ำกว่าหมื่นปี!!”
หลังจากปล่อยพลังของ’ยู่หยาน’ออกมาเป็นเวลานาน ในที่สุดขอบข่ายลายอาคมของ’เนี่ยหลี่’ก็หมดพลังในวันนี้
“หากนางเฒ่าตัวร้ายนั่นหลบหนีไปและสามารถรวบรวมต้นกำเนิดพลังเทพของนางได้ ข้าเกรงว่าเราไม่อาจมีคำอธิบายต่อท่านเจ้า”
“ต้นพลังเทพของนางแตกกระจัดกระจายไปแล้ว ต่อให้นางสามารถรวบรวมต้นพลังเทพได้ส่วนหนึ่ง อย่างมากระดับพลังของนางก็เพียงชั้นตำนานเท่านั้น เมื่อนางเพิ่งหลบหนีออกไปวันนี้ นางย่อมยังไปได้ไม่ไกล เราต้องออกตามหานางเดี๋ยวนี้!”
“ดี! หากเราจับนางเฒ่าตัว้รายนั่นได้ ข้ามีวิธีการทรมานนางให้สาสมใจทีเดียว”
เมื่อเสียงนั้นเงียบลง ลำแสงสีดำสองสายก็พุ่งขึ้นจากหุบเหวแห่งน้ำพุทมิฬขึ้นฟ้า และหายไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้พื้นที่ของที่ราบชะตาสวรรค์ส่วนหนึ่งถูกทะลวง และถล่มลงไปฝังหุบเหวแห่งน้ำพุทมิฬเอาไว้
จบตอน
ที่มา :