ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปเมื่อตระกูลหวู่กุ้ยลับไปแล้ว เมืองกลอรี่ก็กลับคืนสู่ความสงบ
อย่างไรก็ตามไม่มีใครกล้าวางใจเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อไรตระกูลหวู่กุ้ยจะกลับมาอีก การโจมตีของตระกูลหวู่กุ้ยทำให้ชาวเมืองกลอรี่ทำอะไรไม่ถูก พวกเขาเพิ่งรู้ว่ามีเส้นทางที่เชื่อมต่อระหว่างโลกใต้ดินอยู่ในส่วนลึกของเทือกเขาบรรพกาล โลกใต้ดินที่มีหลายตระกูลและตระกูลเหล่านี้ต่างก็มีผู้ช่ำชองระดับเซียนอยู่หลายคน
ตระกูลหวู่กุ้ยเป็นเพียงแค่หนึ่งในกองกำลังจำนวนมาก ในอนาคตเมืองกลอรี่อาจจะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม พวกเขาเพิ่งถูกกองทัพสัตว์อสูรโจมตี นี่หมายถึงพวกเขามีศัตรูที่ต้องรับมือเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเนื้อร้ายอย่างตระกูลศักดิ์สิทธิ์ได้ถูกกำจัดไปแล้ว ตระกูลที่เหลือต่างก็ร่วมกันทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
อยู่มาวันหนึ่ง ขบวนคนอันยาวเหยียดขบวนหนึ่งกำลังเดินอย่างช้า ๆ บนถนนของเมืองกลอรี่ ขบวนนี้มีคนอยู่หลายร้อยคน ห้าสิบถึงหกสิบคนในจำนวนนั้นเป็นกลุ่มคนที่มีความแข็งแกร่งเป็นเลิศ คนเหล่านี้แบกหามหีบที่มีของบรรจุอยู่เต็มมาด้วย
คนเหล่านี้ต่างก็สวมใส่เสื้อผ้าสีสันสดใสมองดูคล้ายงานเฉลิมฉลอง
ขบวนนี้เคลื่อนไปอย่างช้า ๆ มันดึงดูดความสนใจและเป็นที่สนทนากันในหมู่คนนับไม่ถ้วน
“พวกเขาเป็นใครน่ะ?”
“เจ้าไม่รู้หรอกหรือ? พวกเขามาจากตระกูลบันทึกสวรรค์! พวกเขาเตรียมตัวมุ่งหน้าที่ไปที่จวนของท่านเจ้าเมืองเพื่อส่งของหมั้น!”
“ของหมั้น?”
“ใช่แล้ว เนี่ยจากตระกูลบันทึกสวรรค์และลูกสาวของท่านเจ้าเมือง เอียจืออวิ้นได้หมั้นหมายกันแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้น ข้ารู้จักเนี่ยหลี่ ได้ยินว่าค่ายกลหมื่นอสูรที่ปกป้องเมืองกลอรี่นั้นเป็นเขาเองที่เป็นคนวางเอาไว้ พวกเขาช่างเป็นคู่ที่สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก!”
ความจริงแล้วตระกูลบันทึกสวรรค์ย่อมไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นทองแผ่นเดียวกับตระกูลวายุเหมันต์ อย่างไรก็ตามด้วยพรสวรรค์อันล้ำเลิศของ’เนี่ยหลี่’ทำให้เขาผงาดขึ้นมาดุจดาวหาง
ดังนั้นจึงไม่มีใครในเมืองกลอรี่รู้สึกว่าการแต่งงานครั้งนี้ไม่เหมาะสม พวกเขารู้สึกตื่นเต้นที่เนี่ยหลี่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของเมืองกลอรี่ เขาเป็นความหวังของนครแห่งนี้!
“เจ้าได้ยินรึเปล่า? ตระกูลบันทึกสวรรค์นี้ช่างร่ำรวยยิ่งนัก! สามวันก่อนที่จะส่งของหมั้นนั้น ตระกูลบันทึกสวรรค์ใช้เงินมหาศาลในการซื้อสมบัติล้ำค่าและดวงจิตอสูรเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นของหมั้น! โรงประมูลสองสามแห่งในเมืองกลอรี่ถูกพวกเขากว้านซื้อของไปจนหมดเกลี้ยง!”
“จวนของท่านเจ้าเมืองขาดแคลนอะไรอย่างนั้นรึ?”
“พวกเขาไม่ได้ขาดแคลนอะไร อย่างไรก็ตามเมื่อตระกูลบันทึกสวรรค์สามารถจะซื้อของขวัญจำนวนมากเหล่าได้ มันก็เท่ากับว่าเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงสถานะทางการเงินของพวกเขาแล้ว!”
ขบวนเคลื่อนที่ไปตามทางอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเด็กหนุ่มจากหลายตระกูลเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ พวกเขาอดอิจฉาริษยาและโกรธไม่ได้ ‘เอียจืออวิ้น’เป็นเทพธิดาในดวงใจของพวกเขา พวกเขาต่างก็รักเธอ อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เข้าใจว่าพวกเขาไม่มีโอกาสเช่นนั้น ในอดีตที่ผ่านมา
พวกเขาไม่กล้าช่วงชิงกับตระกูลศักดิ์สิทธิ์ แต่ตอนนี้ตระกูลศักดิ์สิทธิ์ก็ล่มสลายไปแล้ว พวกเขาคิดว่าในที่สุดโอกาสก็ตกมาถึงพวกเขา แต่อย่างไรก็ตามโอกาสนั้นก็ถูกเนี่ยหลี่ช่วงชิงไปอย่างกระทันหัน
‘เนี่ยหลี่’เป็นคนที่ปกป้องเมืองกลอรี่เอาไว้! พวกเขาจะสู้’เนี่ยหลี่’ได้อย่างไร? พวกเขาได้แต่มองดูเทพธิดาในดวงใจพวกเขาถูกแย่งชิงไปต่อหน้าต่อตา
ขณะที่มองดูขบวนของตระกูลบันทึกสวรรค์เคลื่อนผ่านไป เด็กหนุ่มผู้สูงศักดิ์ยืนขึ้นและพูดด้วยความรันทด
“ไม่ต้องมาสนใจข้า ข้าไม่มีอารมณ์กินอะไรต่อไปอีกแล้ว”
“ไม่ต้องสนใจข้าด้วย!”
เด็กหนุ่มหลายคนต่างก็ยืนขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งเหลือคนแค่สองคนที่กำลังนั่งดื่มอยู่อย่างหงอยเหงา
“แค่เทพธิดานางหนึ่งถูกช่วงชิงไปเท่านั้น ยังคงมีเซี่ยวหนิงเอ๋ออยู่อีกคน!”
“ถ้าหากเป็นตระกูลปีกมังกร อย่างนั้นก็ไม่ไกลเกินเอื้อม!”
“เจ้าบ้า เจ้าไม่เห็นเหตุการณ์ในงานเลี้ยงครั้งก่อนที่เซี่ยวหนิงเอ๋อยืนอยู่ข้างหลังเนี่ยหลี่อย่างนั้นรึ? เขาพูดกันก่อนที่ตระกูลศักดิ์สิทธิ์จะถูกทำลายว่าที่เนี่ยหลี่ทุบตีเสิ่นเฟยก็เพราะเซี่ยวหนิงเอ๋อนั่นแหละ”
“บัดซบที่สุด ช่วงชิงเอียจืออวิ้นไปก็ว่าแย่พอแล้ว ตอนนี้ยังช่วงชิงกระทั่งเซี่ยวหนิงเอ๋อไปอีก! ข้าจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางเขา”
เสียงแห่งความรันทดดังระงมไปทั่วนคร อย่างไรก็ตาม หลังจากคิดถึงเรื่องของ’เนี่ยหลี่’ พวกเขาก็ได้แต่คอตกด้วยความเศร้าและเลิกคิดที่ต่อสู้ช่วงชิงกับเขา
ในขณะนี้ ที่ตระกูลปีกมังกร
‘เซี่ยวซุ่ย’วิ่งไปยังห้องของ’หนิงเอ๋อ’ด้วยความรีบร้อนและมองเห็นนางกำลังนั่งฝึกฝนอยู่บนเตียง หลังจากขอบเขตวิญญาณของนางเชื่อมต่อกับพลังแห่งสัจธรรม ขอบเขตวิญญาณของนางก็ได้รับการเปลี่ยนแปลงและนางก็ได้บรรลุระดับแบล็คโกลด์ นางกำลังสานต่อการฝึกฝนของนางอยู่
“หนิงเอ๋อ เจ้ายังมีแก่ใจฝึกฝนอยู่อีกรึ?”
เซี่ยวซุ่ยถามอย่างกระวนกระวายใจ
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ถามในขณะที่นางลืมตาขึ้นมาด้วยความงุนงง
ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ พวกเขาได้เป็นสหายสนิทกันแล้ว
“เขาพูดกันว่าตระกูลบันทึกสวรรค์เดินทางไปที่จวนของท่านเจ้าเมืองเพื่อส่งของหมั้น เนี่ยหลี่และเอียจืออวิ้นกำลังจะหมั้นกัน!”
‘เซี่ยวซุ่ย’พูดอย่างมีอารมณ์เล็กน้อย นางรู้ว่า’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ตกหลุมรัก’เนี่ยหลี่’
“แต่ถึงข้าจะรู้ ข้าจะทำอะไรได้ล่ะ?”
ร่องรอยแห่งความเศร้าโศกทอประกายในดวงตาของ’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’
“หนิงเอ๋อ เจ้าจะยอมแพ้เช่นนี้ไม่ได้นะ!”
‘เซี่ยวซุ่ย’พูดด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรน
“ไม่ใช่ว่าเจ้าจะสู้เอียจืออวิ้นไม่ได้ มันเป็นเพียงเพราะว่าตระกูลของจืออวิ้นสูงส่งกว่าตระกูลของเจ้า เจ้าอย่าเพิ่งหมดกำลังใจสิ เอานี่ไป!”
‘เซี่ยวซุ่ย’หยิบถุงยาออกมาและส่งให้’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’
“นี่มันอะไรน่ะ?”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ถามด้วยความสงสัย
“ถุงนี่บรรจุยาที่เรียกว่าผงหลงเสน่ห์อยู่ เมื่อเอียจืออวิ้นช่วงชิงชายคนรักของเจ้าไป เจ้าก็ต้องฝืนทำเรื่องนี้กับเนี่ยหลี่ก่อนที่เรื่องราวจะถูกพูดออกมา! เมื่อถึงเวลานั้นข้าวสารก็หุงเป็นข้าวสุกไปแล้ว เอียจืออวิ้นจะต่อสู้แย่งชิงกับเจ้าได้อย่างไร?”
‘เซี่ยวซุ่ย’พ่นลมหายใจและพูด
“เราไม่รู้ว่าเมืองกลอรี่จะล่มสลายเมื่อไร ไม่ต้องไม่ไปสนใจกับเรื่องอะไรโง่ ๆ คิดแต่เพียงว่าการที่ได้อยู่ด้วยกันกับคนที่เจ้ารักถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งวินาที หนึ่งนาทีหรือนานกว่านั้นก็พอแล้ว!”
(ข้าวสารหุงเป็นข้าวสุกหมายถึงเหตุการณ์ที่ผ่านไปแล้วไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก)
ได้ยินคำพูดของ’เซี่ยวซุ่ย’ ‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’ก็ร้องออกมาด้วยความตกใจพวงแกมทั้งสองข้างของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง นางรีบขว้างถุงยาลงบนพื้น นี่คือสิ่งที่’เซี่ยวซุ่ย’คิดหรือ? นางทำสิ่งที่ไร้ยางอายเช่นนั้นได้อย่างไร? คิดถึงเรื่องราวระหว่าง’เซี่ยวซุ่ย’กับ’ลู่เพียว’ นี่คือวิธีจัดการกับเรื่องแบบนี้ของ’เซี่ยวซุ่ย’หรือ อย่างไรก็ตามเซี่ยวหนิงเอ๋อจะสามารถทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนั้นได้อย่างไร?
‘เซี่ยวซุ่ย’ยักไหล่
“ข้าสามารถทำได้เพียงแค่เสนอความคิดบางอย่างช่วยเจ้า เจ้าจะทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับตัวเจ้า เมื่อเจ้ารักเนี่ยหลี่มากขนาดนั้น เมื่อเนี่ยหลี่กับเอียจืออวิ้นแต่งงานกัน เจ้าจะไม่โดดเดียวรึ?”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’เงยหน้าขึ้นมองเซี่ยวซุ่ย ดวงตาทั้งสองของนางคลอไปด้วยน้ำตา เมื่อมองดู’เซี่ยวหนิงเอ๋อ’จิตใจของ’เซี่ยวซุ่ย’ก็อ่อนลง นางรีบตบหลังปลอบโยนและพูด
“ตกลง ตกลง หนิงเอ๋อ หยุดร้องไห้ซะ”
‘เซี่ยวหนิงเอ๋อ’แอบถอนหายใจขณะที่นางมองถุงยาที่เพิ่งขว้างลงไปบนพื้น นางอดร้อนผ่าวขึ้นที่แก้มไม่ได้ หัวใจของนางเต้นเร็วเหมือนกับกระต่ายที่กำลังกระโดดอย่างตื่นเต้น
จวนท่านเจ้าเมือง ณ ลานบ้านของ’เอียจืออวิ้น’
‘เอียจืออวิ้น’กำลังนั่งขัดสมาธิ อย่างไรก็ตามในตอนนี้นางไม่ได้ฝึกฝนอยู่ หัวใจของนางอดตื่นตระหนกไม่ได้ นางไม่เคยคิดว่านางจะถูกหมั้นหมายกับเนี่ยหลี่ ในเรื่องนี้ ปู่ของนาง พ่อกับผู้อาวุโสและคนในตระกูลวายุเหมันต์ต่างก็ตกลง นางไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้
ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตามที่ได้ตัดสินใจลงไปแล้วจะต้องมีเสียงคัดค้านอยู่บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องการแต่งงานครั้งนี้มติของตระกูลวายุเหมันต์ทั้งหมดเป็นเอกฉันท์
ในอนาคตเธอจะต้องเผชิญหน้ากับ’เนี่ยหลี่’ในฐานะคู่หมั้นของเขาอย่างนั้นหรือ?
นางยังไม่ได้เตรียมใจยอมรับสถานะภาพใหม่ เมื่อคิดถึงข้อเท็จจริงที่เธอถูกหมั้นหมายกับ’เนี่ยหลี่’แล้ว จิตใจของ’เอียจืออวิ้น’ก็ไม่สามารถที่จะสงบลงได้เลย นางไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับเขาอย่างไร
ในลานกว้าง’เนี่ยหลี่’รู้ว่า’เนี่ยไฮ่’กับ’เนี่ยอิ๋น’ไปพบกับ’เอียมัว’และ’เอียซ่ง’ ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่มีความจำเป็นที่เขาและ’เอียจืออวิ้น’จะต้องปรากฏตัว ถึงตอนนี้’เอียจืออวิ้น’ขังตัวเองอยู่ในห้องเป็นเวลานานแล้ว ‘เนี่ยหลี่’เองก็เข้าใจความรู้สึกของนางดี คิดถึงเมื่อครั้งที่พวกเขามีความสุขในชาติที่แล้วมันทำให้เขาอดที่จะยิ้มไม่ได้
เขากำลังฝึกฝนบ่มเพาะพลังอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งกว่าเดิมและแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีกเพื่อที่จะปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างได้
ทันใดนั้น เขาก็นึกถึงอะไรบางอย่างและค้นหามัน จนกระทั่งเขาพบไข่ปริศนาที่ได้มาจากคลังสมบัติของจวนท่านเจ้าเมือง
‘เนี่ยหลี่’ยังไม่รู้ว่าสัตว์อสูรชนิดไหนกันที่อยู่ในไข่ใบนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาจะประจุพลังวิญญาณเข้าไปบางส่วน เขาก็เกิดความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับมัน
‘ยู่หยาน’ที่กำลังลอยตัวอยู่เหนือ’เนี่ยหลี่’มองดูไข่ใบนั้น ท่าทีของความตกใจปรากฏบนใบหน้าของนางทำให้นางไม่สามารถละสายตาไปจากมันได้
“เนี่ยหลี่นั่นเป็นไข่ของสัตว์อสูรชนิดไหนกันน่ะ?”
‘ยู่หยาน’ถาม นางสัมผัสได้ถึงปริศนาและพลังออร่าที่แข็งแกร่งกระจายออกมาจากไข่ใบนั้น
“ข้าก็ไม่รู้”
‘เนี่ยหลี่’พูดในขณะที่นางเขย่าหัวของเขา เขาค้นความทรงจำของเขาแต่ก็ไม่สามารถรู้อะไรที่เกี่ยวกับไข่ใบนี้ได้เลย
‘ยู่หยาน’ขมวดคิ้ว นางไม่รู้ว่าเนี่ยลี่ไปได้ไข่ใบนี้มาจากไหน แต่นางรู้สึกไม่สบายใจเกี่ยวกับมัน มันเหมือนกับว่าถ้าไข่ใบนี้ฟักออกมา มันอาจจะมีสิ่งมีชีวิตอะไรบางอย่างที่น่ากลัวมาก ๆ โผล่ออกมา
“เนี่ยหลี่ เจ้าคิดจะเตรียมตัวทำอะไรกับมันน่ะ?”
‘ยู่หยาน’ถาม
“ก็ย่อมต้องฟักมันอย่างแน่นอน”
‘เนี่ย’หลี่ยิ้ม
“ข้าแนะนำว่าเจ้าไม่ควรจะทำสิ่งที่อันตรายเช่นนั้น”
‘ยู่หยาน’พูดในขณะที่นางพยักหน้าของนาง
“ทำไมล่ะ?”
‘เนี่ยหลี่’ยิ้ม ‘ยู่หยาน’ยังคงระมัดระวังตัวอยู่เล็กน้อย ‘เนี่ยหลี่’ยังไม่เคยเห็นสิ่งมีชีวิตอะไรเริ่มฆ่าคนในตอนที่มันฟักออกมา ถ้าหากว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นอันตราย เขาก็จะฆ่ามันหลังจากที่มันฟักออกมาทันที
ด้วยการที่มีผู้ช่ำชองระดับตำนานอยู่ที่นี่มากมาย พวกเขาจะฆ่าสิ่งมีชีวิตที่เพิ่งฟักออกมาไม่ได้ได้อย่างไรกัน?
นอกจากนี้ ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกได้ว่าเขาได้สร้างความสัมพันธ์อะไรบางอย่างกับไข่ใบนั้นขึ้นมาแล้ว ใครจะรู้ บางทีไข่ใบนั้นอาจจะมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอยู่
เมื่อ’เนี่ยหลี่’ตกลงใจที่จะฟักมัน ยู่หยานผงกหัวของนาง บางครั้งมันก็ไม่สามารถจะห้ามความอยากรู้อยากเห็นในใจมนุษย์ได้
“เจ้าจะฟักมันอย่างไร?”
‘อยู่หยาน’มองและถาม’เนี่ยหลี่’
‘เนี่ยหลี่’นิ่งคิดไปครู่หนึ่งและทันใดนั้นเองเขาก็เกิดความคิดขึ้นมา ที่ผ่านมาเขาได้ประจุพลังวิญญาณเข้าไปในไข่ใบนั้น ในครั้งนี้เขาจะลองประจุพลังแห่งสัจธรรมเข้าไปดู!
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น ‘เนี่ยหลี่’รวบรวมพลังแห่งสัจธรรมและประจุเข้าไปยังไข่ปริศนาใบนั้น เมื่อพลังแห่งสัจธรรมถูกประจุเข้าไป ไข่ใบนั้นก็เปล่งแสงแวววาวออกมาทันที วังน้ำวนก่อตัวขึ้นในไข่ใบนั้นและดูดซับพลังแห่งสัจธรรมของ’เนี่ยหลี่’เข้าไป
“ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะดูดซับมันไปได้แค่ไหน!”
‘เนี่ยหลี่’รวบรวมพลังแห่งสัจธรรมรอบ ๆ และประจุเข้าไปในไข่ใบนั้น
วังน้ำวนข้างในนั้นดูดซับพลังแห่งสัจธรรมอย่างต่อเนื่อง ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นบนไข่ใบนั้น ดูเหมือนว่าจะมีพลังงานอะไรบางอย่างพยายามจะดันเปลือกไข่ออกมา และรอยแตกก็ปรากฏอยู่บนพื้นผิวของเปลือกไข่
จบตอน
แปลโดย XXX
ที่มา: