ตอนที่แล้ว ตอนต่อไปป้อมปราการอันธสูรตั้งอยู่ในแดนอันเวิ้งว้างที่ล้อมรอบไปด้วยศิลาสีแดงเพลิงซึ่งถูกเปลวไฟกระหน่ำแผดเผา
‘ชางหมิง’ ‘มู่เยี่ย’ และ’ฮวาฮัว’ ต่างหันมามองกันและกันเมื่อสังเกตเห็นป้อมปราการ ความไม่ยอมจำนนปรากฏบนใบหน้าทั้งสาม
นับตั้งแต่พวกเขาเป็นศิษย์สายตรงของตระกูล ก็เคยได้ยินเรื่องภาวะจิตอนัตตามาก่อน พวกเขาจึงเห็นว่ามันคงไม่เสี่ยงเท่าไหร่หากพยายามลองทำ
*วูม!* *วูม!* *วูม!*
ทั้งสามแยกจากฝูงชนและเหาะไปยังป้อมปราการอันธสูร
เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ตระกูลอื่นก็เหาะตามพวกเขาไปเช่นกัน
ความร้อนระอุพวยพุ่งจนไม่อาจทานทนเมื่อพวกเขาเข้าใกล้หอคอย พลังจากเพลิงอนธการตรงเข้าทะลวงอาณาเขตจิตวิญญาณทำลายการบ่มเพาะพลังของพวกเขา เหล่าผู้ทีจิตวิญญาณอ่อนแอแม้จะอยู่ในระดับเซียนก็มิอาจต่อต้านได้
บางผู้สำนึกได้ว่าเพลิงอนธการไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถฝืนกลั้นได้จนต้องถอยกลับไป
อย่างไรก็ยังมีผู้ที่พอจะยืนหยัดอยู่ได้และพุ่งเข้าไปในเปลวเพลิงสีดำ พวกเขาพลันกรีดร้องโหยหวนเมื่อทั่วทั้งร่างลุกไหม้ไปด้วยเพลิงอนธการ
‘เนี่ยหลี่’ซึ่งไม่อาจช่วยพวกเขาได้แต่ถอนหายใจให้กับสิ่งที่เห็น จิตวิญญาณของผู้เยี่ยมยุทธ์เหล่านั้นยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะดึงดันเข้าไปในป้อมปราการอันธสูรซึ่งมีแต่จะทำให้จิตวิญญาณของพวกเขาเสียหายและดับสูญไปตลอดกาล
“ไปกันเถอะ”
‘เนี่ยหลี่’กล่าวพลางเหลือบมองพรรคพวก
กลุ่มของ’เนี่ยหลี่’เริ่มมุ่งหน้าไปยังป้อมปราการอันธสูร
‘ชางหมิง’ ‘มู่เยี่ย’ และ’ฮวาฮัว’ เป็นพวกแรกที่เข้าไปข้างในพร้อมกับคนอื่นๆที่ติดตามอยู่เบื้องหลังไม่ห่าง ราวห้าหกร้อยผู้ที่ไม่อาจทนต่อเปลวเพลิงอนธการต่างพากันถอนตัวไป
ขณะที่กลุ่มของ’เนี่ยหลี่’เข้าใกล้ป้อมปราการอันธสูร ก็รู้สึกได้ถึงลมร้อนที่พัดตรงเข้ามา ยังผลกระทับโดยตรงต่ออาณาเขตจิตวิญญาณของพวกเขา
แม้แต่’เนี่ยหลี่’ยังรู้สึกเหมือนวิญญาณของเขากำลังลุกไหม้ เขาหันไปหาเพื่อนและถาม
“พวกเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
‘เอียจื่ออวิน’ส่ายหน้า
“ข้าสบายดี!”
‘เซียวหนิงเอ๋อ’ที่อยู่ถัดไปก็ตอบ
“ข้าก็เช่นกัน!”
ที่เหลือก็ตอบไม่ต่างกัน
แม้เพลิงอนธการจะลุกไหม้อย่างแรงกล้า ‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกก็ได้ฝึกเคล็ดการบ่มเพาะระดับสูงมาอย่างเข้มข้น
ในแง่ความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณ แต่ละคนในกลุ่มจึงถือเป็นอัจฉริยะหนึ่งในหมื่น พวกเขาสามารถยืนหยัดได้แม้จะถูกเปลวเพลิงเหล่านี้คุกคาม ต่างจากเหล่าผู้ที่เข้ามาก่อนหน้านี้แล้วอาณาเขตจิตวิญญาณมอดไหม้
พวก’เนี่ยหลี่’ค่อยๆเข้าใกล้ป้อมปราการอันสูงตระหง่าน มันถูกแบ่งออกเป็นทั้งหมดเจ็ดชั้น ยิ่งสูงสีของเปลวเพลิงยิ่งเข้มขึ้น เห็นได้ชัดว่าชั้นแรกเปลวเพลิงมีสีชาดสดใส แต่บนยอดหอคอยสีของมันกลับทึบมืดดั่งจะกลั่นออกมาเป็นหมึก
เปลวไฟบนยอดหอคอยช่างบริสุทธิ์เสียจนเนี่ยหลี่ยังตกตะลึง เขาไม่รู้ว่าผู้ใดทิ้งเปลวเพลิงสีดำพวกนี้ไว้ในป้อมปราการอันธสูร แต่ไม่ว่าจะเป็นใคร เขาหรือนางผู้นั้นย่อมทรงอำนาจอย่างแท้จริง
เบื้องหน้าที่คลื่นความร้อนตั้งเค้า กลุ่มพวกเขาได้เข้าสู่ป้อมปราการอันธสูร
บนชั้นแรกของป้อมปราการ เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ต่างเผ่าพันธุ์ล้วนกำลังนั่งขัดสมาธิ พวกเขาเหล่านั้นซึ่งเข้ามาถึงชั้นแรกรู้สึกเหมือนอาณาเขตจิตวิญญาณของตนจวนจะมอดไหม้ จึงไม่อาจเสี่ยงเดินหน้าและนั่งลงกับพื้นเพื่อบ่มเพาะพลังทันที
ถึงอย่างไร ก็มีอยู่บ้างที่เดินหน้าตรงไปยังชั้นสอง
พลันร่างของ’ต้วนเจี้ยน’ลุกไหม้ไปด้วยเพลิงอนธการ
“ต้วนเจี้ยน! เกิดอันใดขึ้น?!”
ทุกคนตกตะลึงขณะตะโกนออกมาอย่างเป็นห่วงผสมปนไปกับความตื่นตระหนก พวกเขาคิดว่า’ต้วนเจี้ยน’กำลังประสบเหตุแบบเดียวกับผู้ที่อาณาเขตจิตวิญญาณถูกเผาไหม้!
ขณะพวกเขามองร่างของต้วนเจี้ยนถูกเปลวเพลิงสีดำแผดเผา
เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ซึ่งกำลังนั่งในโถงใหญ่ล้วนส่งสายตาเห็นใจมาให้ อีกคนสินะที่ความตายเข้ากล้ำกรายไม่คาด ใบหน้าของ’ต้วนเจี้ยน’กลับไร้ซึ่งความเจ็บปวด ตรงข้าม ยังเต็มไปด้วยความปีติยินดี
เห็นดังนั้น ‘ลู่เพียว’และพวกที่เหลือต่างประหลาดใจ ผู้อื่นซึ่งถูกเผาล้วนทรมานจากการที่อาณาเขตจิตวิญญาณมอดไหม แล้วไย’ต้วนเจี้ยน’ถึงดูมีความสุข?
“ต้วนเจี้ยน เจ้ายังปกติดีอยู่.. ใช่ป่ะ?”
‘ลู่เพียว’คาใจ
‘ต้วนเจี้ยน’ชำเลืองไปยัง’ลู่เพียว’ก่อนจะหันไปหา’เนี่ยหลี่’และอธิบายอย่างตื่นเต้น
“นายท่าน ข้าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่เพลิงอนธการเหล่านี้เหมือนจะเป็นผลดีต่ออาณาเขตจิตวิญญาณของข้า ตั้งแต่เราเข้ามาที่นี่ ข้าได้ดูดซับเปลวเพลิงพวกนี้เข้าไปในในระดับที่เพิ่มพลังอาณาเขตวิญญาณของข้าได้อย่างรวดเร็ว!”
‘เนี่ยหลี่’พยักหน้า ‘ต้วนเจี้ยน’สืบสายโลหิตจากมังกรดำ ตั้งแต่พวกมันเป็นจ้าวแห่งเพลิงอนธการ ความจริงที่เปลวเพลิงพวกนั้นเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของ’ต้วนเจี้ยน’จึงเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้
ทั่วทั้งร่างของ’ต้วนเจี้ยน’ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงสีดำ ถึงอย่างไร เขาไม่เพียงไม่กรีดร้องโหยหวนเช่นผู้อื่น เขายังข้ามไปอยู่ในอารมณ์ที่สดชื่นแจ่มใส ดูมีความสุขเสียจนเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ที่กำลังนั่งบ่มเพาะพลังถึงกับสะพรึง พ่อหนุ่มผู้นี้เป็นใครกันแน่?
‘เนี่ยหลี่’และพรรคพวกซึ่งยืนอยู่บนชั้นแรกของป้อมปราการอันธสูรหารู้สึกถึงแรงกดดันอันใดไม่ พวกเขาหารือกันสั้นๆก่อนจะตัดสินใจตรงไปยังชั้นสองของป้อมปราการ
พวกเขาเดินขึ้นไปตามบันไดวน
‘เนี่ยหลี่’ซึ่งกำลังเดินอยู่เบื้องหน้ารู้สึกถึงเพลิงอนธการที่กล้าแกร่งขึ้นในทุกฝีเท้าที่ก้าวขึ้นไป ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งร้อนผ่าว กระทั่งพวกเขาหรือแม้แต่’เนี่ยหลี่’ยังต้องระวังและคุ้มกันอาณาเขตจิตวิญญาณของตน
ท่ามกลางคนในกลุ่ม มีเพียงต้วนเจี้ยนที่ดูผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด เอาเข้าจริงคือรู้สึกสบายเสียจนต้องเร่งฝีเท้า ยิ่งเพลิงอนธการบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นประโยชน์ในการบ่มเพาะพลังของเขามากเท่านั้น
พวกเขายังคงเดินไปตามทางบันไดวน
ในวินาทีที่’เนี่ยหลี่’และพรรคพวกเหยียบย่างสู่ชั้นสองของป้อมปราการอันธสูร เหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์หลายพันธุ์เผ่าผู้ซึ่งอยู่ก่อนหน้าล้วนพุ่งความสนใจมายังพวกเขาทันที
ผู้ที่ขึ้นมาถึงชั้นสองได้มีเพียงประมาณสองถึงสามร้อยคนเท่านั้น
เหล่าคนสองสามร้อยคนนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นถึงระดับหัวกะทิของนครนรกานต์ พวกเขานั้นจะมากหรือน้อยต่างก็รู้จักกัน แต่อย่างไร พวกเขาไม่อาจพูดได้ว่าคุ้นหน้าพวก’เนี่ยหลี่’เลย
ผ่านไปเพียงครู่ หลายผู้ล้วนถอนสายตากลับมา เพลิงอนธการบนชั้นสองโหมกระหน่ำสร้างแรงกดดันอันหนักหน่วง พวกเขาจึงไม่มีแก่ใจจะเสียเวลาไปกับการซักฟอกผู้มาใหม่
กระทั่ง’ชางหมิง’ ‘มู่เยี่ย’ และ’ฮวาฮัว’ ก็ไม่หาญกล้าขึ้นไปอีกชั้น พวกเขาต่างรีบหาพื้นที่บนชั้นสองนั่งบ่มเพาะพลังเงียบๆ
เช่นเดียวกับพวก’เนี่ยหลี่’ที่หาพื้นที่ที่พวกเขาสามารถนั่งด้วยกันได้และบ่มเพาะอาณาเขตจิตวิญญาณ
‘เนี่ยหลี่’สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างและพุ่งความสนใจยังจุดที่ห่างออกไป
ณ ที่นั้น เขาเห็นเด็กหนุ่มผู้อวลไปด้วยกลิ่นไอชั่วร้ายนั่งอยู่ เขาผู้นั้นมีดวงตาแดงก่ำและดวงหน้าที่ซีดขาวอย่างน่าประหวั่นทำให้เขาดูราวกับกำลังถูกรุมเร้าด้วยโรคาร้าย ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งกำจายออกมาจากร่างของเด็กหนุ่ม
ระดับพลังนั้นก้าวล้ำเกินคนในกลุ่ม’เนี่ยหลี่’นัก
เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงสายตาของ’เนี่ยหลี่’และหันไปยังทิศทางนั้น หลังจากที่พวกเขาทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากัน เด็กหนุ่มก็หลับตาลงอีกครั้งและหันมาบ่มเพาะพลังต่อ
การเปิดศึกในป้อมปราการอันธสูรไม่ใช่การกระทำที่ฉลาด เหตุเพราะเพลิงอนธการจะทำให้เราหมดพลังไปเรื่อยๆ หากเกิดการต่อสู้ บทสรุปคือจะมีผู้ที่ถูกเพลิงอนธการกลืนกินทันที
‘เนี่ยหลี่’หรี่ตา ไม่รู้เพราเหตุใด แต่เขารู้สึกได้ถึงความเป็นอริที่แผ่ออกมาจากเด็กหนุ่มผู้นั้น จึงเพิ่มความระมัดระวังขึ้น
“นายท่าน พวกท่านสามารถบ่มเพาะพลังได้อย่างสบายใจ”
‘ต้วนเจี้ยน’กล่าวแก่พรรคพวก ภายในป้อมปราการอันธสูร เขาไม่จำเป็นต้องนั่งเพื่อหนุนการบ่มเพาะพลังเฉกเช่นผู้อื่น ตัวเพลิงอนธการนั้นขัดเกลาร่างกายและอาณาเขตจิตวิญญาณของเขาได้อย่างยิ่งยวด
ด้วยการคุ้มกันของ’ต้วนเจี้ยน’ ทุกคนล้วนแต่ยิ่งกว่าวางใจ!
‘เนี่ยหลี่’พยักหน้า และหลับตาเพื่อเริ่มฝึกตน
ถัดไปจาก’เนี่ยหลี่’ ทุกผู้ต่างตั้งหน้าตั้งตาฝึกตนเช่นกัน
‘เนี่ยหลี่’สามารถสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากเพลิงอนธการโดยรอบ
ในชีวิตก่อนหน้านี้ เขารู้อยู่แล้วว่าภาวะจิตอนัตตาเป็นอย่างไร แต่ในชีวิตนี้เขายังไม่ได้เริ่มทำการบ่มเพาะมัน อย่างไรก็ตาม ด้วยแรงกระตุ้นจากเพลิงอนธการ ครานี้จริงง่ายที่จะบ่มเพาะพลังอย่างแท้จริง
เขาปล่อยให้ทั้งสรรพางค์กายท่วมท้นไปด้วยเพลิงอนธการซึ่งค่อยๆขัดเกลาร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง
กายหยาบของ’เนี่ยหลี่’แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการปลุกเร้าของเพลิงอนธการ พลังสัจธรรมทั้งสามในอาณาเขตจิตวิญญาณของเขาจึงพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน
แม้ในร่างของเนี่ยหลี่จะมีพลังสัจธรรมที่แตกต่างกันถึงสามประการ แต่ภายใต้การควบคุมของเนี่ยหลี่ ระหว่างการบ่มเพาะพลังพวกมันจึงไม่ปะทะกันขณะทำการควบรวม
‘เนี่ยหลี่’ค่อยๆก้าวเข้าสู่ภาวะจิตอนัตตา เป็นภาวะที่นิ่งและเงียบสงบยิ่ง กระทั่งความรู้สึกแสบร้อนจากเพลิงอนธการยังทุเลาลง
การบ่มเพาะของเขาซึ่งอยู่ในระดับแบล็คโกลด์ห้าดาวเริ่มมุ่งสู่ระดับตำนานอย่างช้าๆ การก้าวข้ามจากระดับแบล็คโกลด์ห้าดาวสู่ระดับตำนานเป็นหนึ่งในสิ่งที่ยากที่สุดของการบ่มเพาะพลังขั้นต้น
กระนั้น หลังฝึกเคล็ดบ่มเพาะพลังเทพวิถีฟ้า ผลจากถ้อยความแห่งความจริงของจักรพรรดิคงหมิง และการควบคุมพลังสัจธรรมทั้งสาม เนี่ยหลี่ก็ได้ฟันฝ่าอย่างมุ่งมั่น ไม่ช้า ก็ปรากฏรอยแตกร้าวบนกำแพงสู่ระดับตำนาน
อีกไม่นาน’เนี่ยหลี่’จะก้าวเข้าสู่ระดับตำนาน ถึงตอนนั้นระดับการบ่มเพาะของเขาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล
นอกจาก’ต้วนเจี้ยน’ ทุกคนซึ่งอยู่บนชั้นสองของป้อมปราการอันธสูรต่างนั่งบ่มเพาะอาณาเขตจิตวิญญาณของพวกเขาอย่างสงบ
บนฟากฟ้าเหนือป้อมปราการอันธสูร บริวารผู้สวมเกราะทองกำลังสังเกตการณ์อยู่เงียบๆ
“ในหมู่คนพวกนั้น บางผู้ก็ไม่สามัญดั่งที่แสดงออก!”
เขาสามารถเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในป้อมปราการ สายตาของเขากวาดผ่าน’ต้วนเจี้ยน’และคนอื่นๆ
ในที่สุดก็หยุดอยู่ที่เด็กหนุ่มผู้มีผิวซีดเซียวอย่างน่าใจหาย
“พรสวรรค์ของเขาสมควรโดดเด่นที่สุดในกลุ่ม กระนั้น ยังพอมีผู้ที่พอจะเทียบเคียงกับเขาได้อยู่บ้าง”
ดวงตาของบริวารกวาดผ่าน’เนี่ยหลี่’ จากมุมมองของเขา ความสามารถของ’เนี่ยหลี่’ดูแล้วไม่น่าสนใจเมื่อเปรียบกับ’เอียจื่ออวิน’และคนอื่นๆที่นั่งถัดไปจากเขา
ขณะที่’เนี่ยหลี่’นั่งบ่มเพาะพลัง เขาสัมผัสได้ถึงอาณาเขตจิตวิญญาณของเพื่อนๆกำลังเชื่อมต่อกันอย่างรวดเร็วจากค่ายกลจิตวิญญาณ พวกเขาดูดซับพลังจากเพลิงอันธการไปเรื่อยๆดั่งกระแสน้ำวน พลังของทุกคนล้วนพุ่งสูงขึ้นในระดับที่รวดเร็ว
ภายในป้อมปราการอันธสูร เหล่าเปลวเพลิงล้วนผลักดันสงเสริมจนทำให้การบ่มเพาะของพวกเขาก้าวเข้าสู่ระดับใหม่!
ในระดับนี้ย่อมเป็นอาณาเขตที่ชาวเมืองกลอรี่นับไม่ถ้วนต่างถวิลหาอย่างแท้จริง!
แปลโดย อุฮิอุฮิ พิฆาตเพลี้ยะกระโดดด้วยส้นตึก
ที่มา: