ตอนที่แล้ว ตอนต่อไป‘เนี่ยหลี่’รู้สึกว่ามีออร่าที่น่ากลัวแผ่กระจายออกมาจากตัวของอีกฝ่าย คลื่นพลังที่รุนแรงไหลพรั่งพรูออกมาตัวเขา มันรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้ การบ่มเพาะพลังของอีกฝ่ายนั้นก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาได้เยียบย่างขึ้นบนชั้นที่ห้าของคอคอยเพลิงทมิฬ
ขณะที่’เนี่ยหลี่’นั่งลงและบ่มเพาะพลัง เด็กหนุ่มในเสื้อคลุมสีขาวได้ลุกขึ้นยืนในทันทีนั้นแล้วปล่อยโซ่สีดำทมิฬหลายเส้นมาที่ตัวของ’เนี่ยหลี่’จากทุกทิศทาง
ลงมือโดยปราศจากคำพูด?
เมื่อรู้สึกถึงได้ถึงโซ่ที่กำลังพุ่งมาที่ตัวเขา ‘เนี่ยหลี่’รีบกระโดดหลบ
*บูม!* *บูม!*
*บูม!*บริเวณชั้นห้าปกคลุมไปด้วยพลังมหาศาล
“ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเราจะมาพบกันที่นี่”
เด็กหนุ่มเสื้อคลุมสีขาวยิ้ม แต่เขาไม่ได้ลดการโจมตีลงเลย
“ข้าเองก็ค่อนข้างคาดไม่ถึงเช่นกัน จอมมาร”
‘เนี่ยหลี่’ตวาดก้องสายตาจับไปที่จอมมาร
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รู้แล้วว่าข้าคือใคร!”
จอมมารพูด มือของเขาเริ่มสร้างผนึกอย่างรวดเร็ว ร่างกายของเขาเปลี่ยนร่างไปเป็นสัตว์อสูรขนาดมหึมาความสูงขนาดห้าถึงหกเมตร และมีแขนแปดข้าง เขาเหวี่ยงกำปั้นยักษ์ที่ประจุพลังสัจธรรมแห่งนรกมายัง’เนี่ยหลี่’
“ถ้าข้าไม่รู้ข้าก็โง่เต็มทน!”
‘เนี่ยหลี่’แอบประหลาดใจเมื่อเห็นสัตว์อสูรที่ผสานร่างกับจอมมาร ‘เนี่ยหลี่’ไม่เคยคิดว่าจอมมารจะผสานร่างอยู่กับสัตว์อสูรที่หายากมากขนาดนี้ สัตว์อสูรนรกทมิฬแปดกร สิ่งมีชีวิตตัวนี้ปรากฏตัวขึ้นในอาณาจักรนรกเท่านั้น มันมีพละกำลังมหาศาลและมีความสามารในการต่อสู้ที่หลากหลาย สรุปแล้วมันมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ลึกลับและไม่มีใครรู้จัก
กระทั่ง’เนี่ยหลี่’เองก็รู้ถึงความสามารถของมันได้ไม่มาก
‘เนี่ยหลี่’รู้สึกได้ว่าจอมมารมีพลังสัจธรรมแห่งนรกอยู่ในขั้นที่น่ากลัวมาก ๆ เขาทำได้เพียงอยู่ให้ห่างจากพลังสัจธรรมแห่งจิตวิญญาณ!
*บูม!* *บูม*
*บูม!*
พลังสัจธรรมแห่งนรกระเบิดไปทั่วอาณาบริเวณ
ทันใดนั้น การโจมตีครั้งหนึ่งมาตกอยู่ใกล้กับ’เนี่ยหลี่’มากเกินไป แรงกระแทกมหาศาลปะทะเข้ากับหลังของเขาส่งให้ร่างของเขากระเด็นไป
รอยเลือดรอยหนึ่งปรากฏขึ้นที่มุมปากของ’เนี่ยหลี่’ เขารู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาแทบจะระเบิดออกมา เขากระโจนขึ้นไปบนกำแพงและปลดปล่อยเสียงคำรามขึ้นไปบนท้องฟ้า พลังสัจธรรมแห่งแสงและพลังสัจธรรมแห่งความมืดก่อตัวรวมกันอย่างรวดเร็วกลายเป็นลูกบอลสีดำและสีขาว
ระเบิดหยินหยางสิบเท่า!
ลูกบอลสีดำและลูกบอลสีขาวโคจรรอบกันและกันแล้วก็ลอยไปที่อสูรนรกทมิฬแปดกร
เมื่อลูกบอลทั้งสองปะทะกันก็เกิดระเบิดเสียงดังกึกก้องขึ้น กลายเป็นพลังมหาศาลล้อมรอบตัวจอมมาร ตัวของ’เนี่ยหลี่’เองก็ถูกกวาดออกไปด้วยแรงระเบิดที่น่ากลัวของระเบิดหยินหยาง
ระเบิดหยินหยางสิบเท่านั้นดูเหมือนว่าจะสามารถฆ่าคนในระดับเซียนได้!
“เขาตายรึเปล่านะ?”
‘เนี่ยหลี่’ใช้แขนป้องกันคลื่นกระแทกที่กระเพื่อมมาที่ตัวเขา เขาผงกหัวขึ้นมา ไม่รู้ว่าจอมมารตายไปรึยัง ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะคงไม่มีความกระจ่างในเรื่องความแข็งแกร่งที่แท้จริงของจอมมาร
ก่อนที่แรงระเบิดหยินหยางจะสงบลง อสูรนรกทมิฬแปดกรก็ปรากฏขึ้นที่ข้าง ๆ ตัวของ’เนี่ยหลี่’อย่างฉับพลัน อสูรนรกทมิฬแปดกรคว้าจับขาข้างขวาของเขาด้วยแขนทั้งสองข้างของมันแล้วฟาดเขาลงบนพื้นอย่างโหดเหี้ยมไร้ปราณี
*บูม!* *บูม!*
*บูม!*
ด้วยความแข็งแกร่งของอสูรนรกทมิฬแปดกร มันจับ’เนี่ยหลี่’ยกขึ้นและฟาดลงบนพื้นต่อเนื่องอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
มันเป็นเรื่องที่ไปไม่ได้ที่จะต่อกรกับพลังที่น่ากลัวเช่นนี้ ‘เนี่ยหลี่’รู้สึกว่าอวัยวะภายในของเขาจะแทบระเบิดร่างของเขาเปลี่ยนกลับไปเป็นร่างมนุษย์อย่างรวดเร็ว
ปีกสีดำและสีขาวงอกออกมาจากหลังของเขา ขณะที่ปลอกแขนกระดูกขาวขนาดใหญ่บนแขนของเขาก็ก่อตัวขึ้นและประจุไปด้วยพลังสัจธรรมแห่งความตายเพื่อเตรียมกรกับอสูรนรกทมิฬแปดกร
*บูม!* *บูม!*
*บูม!*
ทั้งสองทิ้งเงาร่างเอาไว้ในขณะที่พวกเขาเคลื่อนไหวสลับที่กันอย่างรวดเร็วบนชั้นที่ห้าของหอคอยเพลิงทมิฬ คลื่นกระแทกที่น่ากลัวสร้างความหายนะไปรอบ ๆ บริเวณ
ถ้าหอคอยเพลิงทมิฬไม่แข็งแกร่งจริงหรือถ้าหากว่าหอคอยแห่งนี้เป็นหอคอยธรรมดา มันคงแหลกเป็นผุยผงไปด้วยพลังที่เกรี้ยวกราดแบบนี้เป็นแน่
“ข้ายอมรับว่าพรสวรรค์ของเจ้านั้นน่ากลัวมากเมื่อเจ้าได้รับพลังสัจธรรมทั้งสาม อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับร่างกายที่แสนวิเศษของข้า เจ้าก็ยังคงอ่อนแอเกินไป ชะตาของเจ้าลิขิตเอาไว้แล้วว่าเจ้าไม่คู่ควรกับข้า!”
จอมมารคำรามอย่างดุร้ายในขณะที่ร่างกายของอสูรนรกทมิฬแปดกรเปลี่ยนไปเป็นสีแดงเข้มทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
‘เนี่ยหลี่’รู้สึกได้ถึงแรงกดดันที่น่ากลัวแผ่มาจากตัวของเขา จอมมารนั้นเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยประมือมาในชีวิตนี้ ลำพังความความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ยังคงไม่คู่ควรกับเขา คุกหมื่นวิญญาณ!
จอมมารคำรามอย่างบ้าคลั่ง เขายกกำปั้นขึ้นโจมตีใส่’เนี่ยหลี่’ กำปั้นของเขาดูคล้ายมีวิญญาณที่คร่ำครวญด้วยความเศร้าโศกจำนวนนับไม่ถ้วนสิงสถิตย์อยู่ แรงดันอันน่ากลัวนั้นกดต่ำลงมาที่ตัวของเขาชั้นต่อชั้นเหมือนกับจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างให้แหลกเป็นผุยผง
ในใจของเนี่ยหลี่รู้สึกตื่นตระหนก พลังนี้แข็งแกร่งมากเกินไป! เขารีบใช้พลังสัจธรรมแห่งความตายสร้างกำแพงกระดูกขึ้นมากั้นกลางระหว่างเขาทันที
*บูม!* *บูม!*
*บูม!*
กำแพงกระดูกถูกทำลายทีละชั้น ทีละชั้น
‘เนี่ยหลี่’พยายามมองหาจุดอ่อนของจอมมาร แต่อย่างไรก็ตามจอมมารนั้นแข็งแกร่งมากเกินไป การควบคุมพลังของเขานั้นไปถึงระดับที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบที่แม้กระทั่ง’เนี่ยหลี่’ก็มิอาจเทียบเคียงได้
เมื่อคาดว่าเนี่ยหลี่กำลังจะพ่ายแพ้ ‘ยู่หยาน’ที่ซ่อนตัวและเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางวาดมือของนางก่อให้เกิดกำแพงไฟขึ้นมาตรงหน้าของ’เนี่ยหลี่’ นอกจากนั้นโซ่เพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นและเปลี่ยนรูปร่างเป็นงูเลื้อยตรงไปที่จอมมาร
คุกหมื่นวิญญาณของจอมมารแหวกฝ่ากำแพงกระดูกของเนี่ยหลี่และชะงักลงเล็กน้อยเมื่อสัมผัสถูกกำแพงไฟของ’ยู่หยาน’ เมื่อรู้สึกได้ว่างูเพลิงกำลังเลื้อยไปหาเขา จอมมารก็แกว่งแขนทั้งแปดออกไปยึดจับพวกมัน
*บูม!* *บูม!*
*บูม!*
งูเพลิงระเบิด
“ในที่สุดผู้ช่วยของแกก็กำลังจะเปิดเผยตัวแล้วสินะ!”
จอมมารถอยหลังกลับไปหลายก้าว เขายิ้มที่มุมปาก
‘เนี่ยหลี่’เช็ดคราบเลือดออกจากมุมปาก ถึงแม้ว่าเขาจะยังคงมีอีกสองสามวิธีที่จะรักษาชีวิตของเขาจากจอมมารก็ตาม แต่ถ้าหากการต่อสู้ยังยืดเยื้อออกไปก็อาจจะไม่มีโอกาสชนะเขาได้อีก
จอมมารนั้นแข็งแกร่งเกินไป นอกจากนี้’เนี่ยหลี่’ยังรู้สึกได้ว่าจอมมารยังคงซุกซ่อนพลังอสูรไว้ในตัวของเขาอยู่อีก และถ้าเขาปลดปล่อยพลังนั้นออกมา ในท้ายที่สุดผลลัพธ์จะออกมาน่ากลัวเกินกว่าที่จะพูดได้
‘ยู่หยาน’ลอยอยู่บนฟ้า นางจ้องมองจอมมารที่อยู่ตรงหน้านางด้วยสายตาที่เย็นชา นางเตรียมพร้อมที่จะปรากฏตัวออกมาได้ทุกขณะ อย่างไรก็ตามในใจของยู่หยานก็เข้าใจดีว่านางไม่มั่นใจในการต่อสู้กับจอมมาร
ทันใดนั้น ร่างกายของเจ้าอสูรได้หดเล็กลงและกลับสู่รูปแบบร่างของมนุษย์ เขามองดู’เนี่ยหลี่’และพูด
“จากการต่อสู้ในครั้งนี้ อย่างน้อยข้าสามารถยืนยันได้ว่าเจ้าไม่ได้เป็นผู้ฝึกทักษะดารากรแห่งดวงจิต ข้าสงสัยว่าเจ้าใช้วิธีอะไรที่ทำให้เจ้าได้รับทักษะการฝึกฝนและความรู้เช่นนี้มา? เจ้ากระตุ้นความสนใจของข้า วันนี้ข้าจะไม่รีบร้อนฆ่าเจ้า ข้าจะรอดูว่าในอนาคตเจ้าจะก้าวไปได้ถึงระดับไหน!”
จอมมารไม่ได้มีเจตนาที่จะฆ่า’เนี่ยหลี่’มาตั้งแต่แรก เขาแค่หยั่งเชิงเท่านั้น
“เจ้ายังไม่สามารถฆ่าข้าได้ มันจึงยังคงเป็นปริศนาไม่ใช่เหรอ”
‘เนี่ยหลี่’กระตุกคิ้วในขณะที่เขาข่มจอมมาร เพื่อพยายามแสดงออกว่าเขาไม่ได้อ่อนแอกว่าอีกฝ่าย แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะอยู่แค่ในระดับตำนาน
เขาก็ยังมีวิธีลับอื่น ๆ อีกนับไม่ถ้วนที่จะทำให้ศักยภาพของเขาพุ่งสูงขึ้นถึงขีดจำกัด เขายังคงสามารถรับมือกับจอมมารได้ มันเป็นแค่การสังเกตดูว่าจอมมารนั้นได้ซ่อนไพ่เอาไว้ในแขนเสื้อของเขากี่ใบกันแน่ ดังนั้น’เนี่ยลี่’จึงไม่ต้องการที่จะเสี่ยงเดิมพันด้วยไพ่ทั้งหมดที่เขามีในตอนนี้
“โอ้? เจ้าช่างมั่นใจจริง ๆ นะ!”
เจ้าอสูรหรี่ตาให้’เนี่ยหลี่’มากกว่าหนึ่งครั้ง ถึงแม้ว่าพลังหยาบ ๆ ของ’เนี่ยหลี่’จะอ่อนแอกว่าเขา เขาก็รูสึกได้ว่า’เนี่ยหลี่’ยังมีไพ่อีกหลายใบซ่อนอยู่ในแขนเสื้ออยู่อีก
นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงเลิกล้มความคิดที่จะฆ่า’เนี่ยหลี่’ ทักษะการบ่มเพาะของเขาใกล้จะโอนเอนไปสู่จุดที่สำคัญแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นจะต้องเปลืองแรงไปกับคนที่ไม่มีความสำคัญ
จอมมารมองยู่หยานที่กำลังลอยอยู่บนฟ้า ถ้าเขาคาดเดาได้ถูกต้อง ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้จะต้องเป็นเทพแห่งจิตวิญญาณที่กำลังบูรณะร่างใหม่ ความแข็งแกร่งของนางไม่สามารถประเมินได้
จอมมารคิดในใจกับตัวเอง ข้าควรจะต้องมุ่งหน้าไปสู่อาณาจักมังกรหายนะก่อนที่จะไปกังวลถึงเรื่องอื่น
บนชั้นที่ห้าของหอคอยเพลิงทมิฬ สถานการณ์หยุดชะงักลง ทั้งเนี่ยหลี่และจอมมารต่างก็ฝึกฝนบ่มเพาะพลังต่อไป ถึงแม้ว่าจะยังคงมีร่อยรอยแห่งความเป็นปฏิปักษ์ระหว่างพวกเขา แต่ก็ไม่มีใครกระทำการอันใดเลย
ในสถานการณ์แบบนี้จะต้องทำให้เกิดสภาวะจิตอนัตตา สภาวะไร้ตัวตน ถึงแม้ว่ามันยากที่จะไปถึงขั้นนั้น !
ชั้นที่เก้าของดินแดนมรณะเก้าชั้นเจ้าแห่งนรกและพวกปรึกษาหารือกันเงียบ ๆ ในหมู่ของพวกเขา
“พรสวรรค์ของเด็กหนุ่มทั้งสองคนนี้ช่างล้ำเลิศยิ่งนัก! แม้กระทั่งดวงจิตอสูรที่พวกเขาผสานรวมร่างด้วยก็แข็งแกร่งมาก! มันดูเหมือนแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะแบ่งแยกพวกเขาในแง่ที่ว่าใครเหนือกว่า!”
‘เทียนหุน’หัวเราะ
“ข้าเกรงว่าไม่ใช่ เด็กหนุ่มในเสื้อคลุมสีขาวสมควรจะเหนือกว่าอยู่ขั้นหนึ่ง อย่างไรก็ตามอีกคนหนึ่งก็มิใช่ว่าจะอ่อนแอ!”
‘หลิงหยุน’ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเห็นว่าทั้ง’เนี่ยลี่’และจอมมารต่างก็สงวนความแข็งแกร่งของพวกเขาเอาไว้
‘เสี่ยวหยู’กำลังตั้งใจฟังจากอีกฟากหนึ่ง จากที่เหตุการณ์ได้เริ่มต้นขึ้นเขารู้สึกว่า’เนี่ยหลี่’ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ เขาเชื่อว่าถ้าหาก’เนี่ยหลี่’และจอมมารยังสู้กันต่อไป
มันจะเป็นการยากมากที่จะมีใครสามารถทำนายว่าใครจะชนะหรือแพ้ ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก’เสี่ยวหยู’ได้ติดตามพ่อของเขาไปยังนิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์เพื่อฝึกฝน ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่มีใครบางคนจากโลกใบเล็ก ๆ กำลังกระตุ้นความสนใจของเขาอยู่
“ข้าไม่เคยคิดว่ายู่หยานจะปรากฏตัวเหมือนกัน”
‘หลิงหยุน’ยิ้ม
‘เทียนหุน’จิบน้ำชาและพูดเบา ๆ
“ยู่หยานเป็นแค่เทพแห่งจิตวิญญาณระดับต่ำที่ยังคงไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับอาณาจักมังกรหายนะ”
ในหมู่พวกเขาทั้งเจ็ดคนนอกจากจ้าวแห่งนรก ไม่มีใครสนใจที่เปิดเผยตัวเอง แม้กระทั่งในมหาสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเทพแห่งจิตวิญญาณ ดังนั้นเทพแห่งจิตวิญญาณอย่างยู่หยานและพวกจึงไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเขา!
จ้าวแห่งนรกนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด
“แม้ว่ายู่หยานจะเป็นเพียงแค่เทพแห่งจิตวิญญาณระดับต่ำ แต่เมื่อครั้งที่นางถูกโจมตีจากเหล่าผู้ช่ำชองหลายคนในมหาสงครามระหว่างเทพแห่งจิตวิญญาณ แต่ก็ไม่มีใครที่สามารถดับดวงวิญญาณของนางลงได้ ในท้ายที่สุดนางพยายามซ่อนตัวในสระทมิฬ นางเป็นเพียงเทพแห่งจิตวิญญาณองค์เดียวที่ทำให้เผ่าพันธุ์สัตว์อสูรอยู่ไม่เป็นสุข ในความคิดของข้า ทำไมพวกเราไม่ให้นางติดตามพรรคพวกมาที่นิกายขนนกศักดิ์สิทธิ์แล้วดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นล่ะ?”
“ท่านสามารถตัดสินใจได้ในเรื่องนั้นได้นี่”
ผู้อาวุโสที่เหลือตอบมาพร้อมกับยิ้มเล็ก ๆ
ทันใดนั้น จ้าวแห่งนรกสัมผัสได้ถึงอะไรบางสิ่งราวกับลำแสงอะไรบางอย่างส่องสว่างพาดผ่านดวงตาของเขา
“เรามีแขกมาเยี่ยมอาณาจักนรกของเราแล้ว ข้าขอตัวไปพบเขาก่อน!”
จ้าวแห่งนรกพูดแล้วจำแลงกายเป็นหมอกสีดำจากนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“แขก?”
‘เสี่ยวหยู’มองไปยังทิศทางที่พ่อของเขาหายตัวจากไปด้วยความรู้สึกที่เป็นปริศนา
ใครคือแขกคนที่เพิ่อเพิ่งกล่าวถึง? เขาชำเลืองมองไปที่ใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสอีกหกคนที่เหลือ ทุกคนอยู่ในอาการสั่นสะท้าน หรือบางทีอาจจะเป็น?
จบตอน
แปลโดย
ที่มา: